แต่ละคนได้ประสปพบเจอกับอะไรมาบ้าง ได้รับรางวัลกลับบ้านไปกันได้เยอะไหม มีความสุข ความมันส์สะใจกันมากไหมครับ ^^
สำหรับผมนั้นต้องเรียกได้ว่าเป็นงาน GT ที่ผมแอบผิดหวังอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ
ก่อนอื่นเลยคือ งาน GT ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้ร่วมเข้าแข่งขัน Main Event !!
จะว่าไปจริง ๆ แล้วผมเองได้เล่นการ์ด SMN มาตั้งแต่ชุด D4K (แบบกล่อง) เลยนะครับ แต่ว่าเพิ่งที่จะเริ่มได้เข้าแข่งขันจริง ๆ คือ หลังจากที่ผมได้เข้าร่วมงานแข่งใหญ่ ๆ ของ SMN ครั้งแรกในงาน GT9 ของเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง (เข้าไปดูและแข่ง Side นะครับ)
สืบเนื่องมาจากวันนั้นมันได้ทำให้ผมรู้ว่า โลกที่ผมได้เล่นการ์ดอยู่กับเพื่อน ๆ ที่ผมรู้จักกันเองนั้นมานานถึง 8-9 ปี นั้นมันช่างแคบเสียเหลือเกิน ผมได้พบเจอกับเดคแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ผมไม่เคยได้สำผัสเล่นด้วย แต่เดคเหล่านั้นกลับเป็นเดคที่ใคร ๆ ก็เล่นกันถมไป
มันสอนให้ผมได้รู้ว่า หากเราต้องการเก่งยิ่งขึ้นเพื่อก้าวไปให้ถึงอันดับต้น ๆ ของการแข่งขัน สิ่งที่สำคัญที่สุดและขาดไม่ได้เหนือสิ่งอื่นใดนั้นก็คือ "ประสปการณ์จริง จากการได้เล่นการ์ดกับเดคต่าง ๆ" ครับ
ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน เล่นเดคที่ดีเลิศแค่ไหน แต่หากคุณต้องสู้กับเดคที่คุณไม่รู้จัก เจอกับเดคที่คุณไม่เข้าใจถึงหลักการในการทำแต้ม หรือแม้กระทั่ง ไม่ทราบถึงวิธีโต้กลับหรือแก้ทางเดค นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังเสียเปรียบเขาเป็นอย่างมาก และมันจะเป็นการง่ายที่คุณจะพลาดท่าให้กับเขานั่นเอง ซึ่งเมื่อคุณอยู่ในงานแข่งขันแล้วคุณจะรู้ว่า ก้าวพลาดเพียงเล็กน้อยมันสามารถทำให้คุณเปลี่ยนสถานะจาก "ราชา" เป็น "ขอทาน" ได้เลย
หลังจากจบงาน GT 9 ในปีที่แล้ว ผมจึงพยายามที่จะเข้าแข่งขัน SMN ให้บ่อยขึ้น เพื่อลับฝีมือให้ผมเองเก่งขึ้น และเพื่อให้สามารถรับมือเดคต่าง ๆ ได้ด้วย
ในปีที่ผ่านมาผมได้เข้าแข่งมาทั้งหมด 9 Tournament ส่วนใหญ่จะแข่งขั้นในงาน On Tour (ภิรมย์พลาซ่า) เกือบทั้งหมด แต่ก็มีในงาน GO ครั้งล่าสุดด้วยครั้งหนึ่ง
ส่วนมากผมเน้นที่จะไม่เล่นเดคตามกระแส (อาจะเป็นเพราะผมเป็นประเภท แอนตี้ ของที่มันซ้ำ ๆ กัน)
แรก ๆ ผมเล่นและต้องแพ้ถูกคัดออกแทบจะตลอด แต่หลัง ๆ ที่ผ่านมานั้นผมมักจะผ่านจากการแพ้คัดออกมาได้บ่อยพอสมควร
แต่เมื่อผมมองถึงพวกโปร ที่เคยถูกจัดอันดับอยู่ต้น ๆ ของการแข่ง SMN ผมก็เห็นได้ว่าฝีมือมันช่างต่างชั้นกันนัก อาจเป็นเพราะผมยังฝึกฝนไม่พอ หรือ ผมเองหัวรั้นเกินไปที่จะไม่เปิดใจรับการใช้เดค Meta เพื่อการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ผมได้รับโควต้าจากงาน On Tour ครั้งหนึ่ง ซึ่งในงานนั้นผมต้องรับมือกับอดีตโปรหลายท่านอยู่เช่นกัน
จากวันนั้นผมจึงหลงคิดว่าฝีมือของผมได้พัฒนามามากพอที่จะเข้าสู่งานแข่งใหญ่ ๆ แล้ว
ผมคิดว่าฝีมือผมอาจทำให้ผมสามารถก้าวสู่อันดับต้น ๆ ของการแข่งขัน SMN ได้แล้ว
แต่ผมคิดผิด !!
ถึงแม้หลังจากการแข่ง On Tour คราวนั้น ผมจะไม่ได้เล่นการ์ด SMN ไปนานถึง เดือน สองเดือน เหตุจากที่อยู่ในช่วงของการสอบและปิดเทอม ผมจึงไม่มีคู่ฝึกซ้อมเลย อีกทั้งยังงาน On Tour ครั้งล่าสุดที่ภิรมย์พลาซ่า ถูกยกเลิกไป
ในวันที่ 16 ก่อนงาน GT 10 ผมเองก็ยังไม่กระตือรือร้นที่จะซ้อมหรือ Test Deck หรือแม้กระทั่งตัดสินใจที่จะเลือกเดคเข้าแข่ง GT เลยด้วยซ้ำ
ผมมัวแต่ให้ความสนใจไปกับเกม on line เล่นไปจนกระทั่งตี 4 กว่า ๆ ผมจึงปิดคอม แล้วค่อยเปิด เก๊ะที่เป็บการ์ดของผมออกมาเพื่อเลือก Deck ซึ่งในเวลานั้นแล้วตัวผมเองก็ไม่ไหวแล้ว ผมจึงเลือกที่จะนำเดคที่ทำให้ผมได้โควต่านี้ ใช้ในการแข่งขัน
จากนั้นผมจึงเข้านอน
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเวลา 8 โมงเช้า และรีบแต่งตัวออกจากบ้าน ไปถึงหน้างานผมรองานเปิด และเมื่อประตูได้เปิดรับแล้ว ผมก็ต้องต่อแถวเพื่อลงทะเบียนเข้างานอีก กว่าจะผ่านเข้าไปจนได้ลงทะเบียน Main Event เสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบ 11 โมงได้แล้ว
จากนั้นผมถึงจะมีเวลาได้มาดูเดคผมจริง ๆ อีกทีหนึ่ง ผมเล่นเดค Charm อุ้ม ห้ามยกเลิกอยู่ในสาย H ซึ่งใครที่อยู่ในสายนั้นก็อาจจะนึกอ๋อว่าผมนั้นคือใครกันแน่
สายที่ผมแข่งขันนั้นมีเดค Wise Man อยู่เกือบ 10 เดค ที่เหลือก็ยังคงเป็นเดค Meta ทั่วไปอย่าง Terian,Griffin,Wywern ซึ่งเท่าที่ผมเห็นยังไม่มีเดคอื่นใดนอกเหนือจากเหล่าเดคที่กล่าวถึง
นั่นทำให้ผมเห็นว่า นักแข่งที่นิยมเดค Meta มันมีมากมายเสียเหลือเกิน หรือเพราะว่า เดค Meta ปัจจุบันนี้มันแข่งแกร่งจนเห็นว่าเป็นการยากที่จะรับมือเดค Meta
4 รอบที่ผ่านมาผมต้องทนแข่งไปพร้อมกับความง่วง ซึ่งมันทำให้ผมปวดหัวมาก เล่นไปฝ่ายตรงข้ามถ้าสังเกตุอาจจะเห็นได้ว่า วันนั้นผมตาแดงมากอาจเนื่องจากนอนไม่พอ
สรุปผลการแข่งขัน ผมแพ้ 3 รอบชนะ 1 รอบ
จากงาน GT วันแรกที่ผ่านมา ผมลงทุนไปกับการแข่งคือการที่ต้องซื้อซองทึบมาใส่การ์ด (ปกติผมไม่ใช้ซองทึบ) ซึ่งนี่คือครั้งแรก ผมจึงไม่ทราบถึงวิธีการเลือกซองทึบที่มีคุณภาพ
ผมซื้อมาซองละ 3 บาท ทั้งหมด 80 ซอง( seal 30 Mystic 50 มีสำรองทั้ง 2 แบบ) รวมราคาทั้งหมดก็ 240 บาท
เสียเงินไปมากแล้ว ยังได้ซองที่ไร้คุณภาพอีก ซองสั้นไปบ้าง มีรอยบ้าง ขอบแตกบ้าง อีกทั้งยังทุกซอง มุมคมมาก สับการ์ดมีเจ็บมือมาก (ตอนนี้ถอดออกยัดเข้ากรุไปเลย 240 -*-)
แต่สิ่งที่ผมได้รับจากการแข่ง Main Event คือ TOA และ Magical เพียงเท่านั้น
บางคนอาจจะบอกว่า แค่นั้นก็คุ้มแล้วหนิ ?
แต่ในความคิดผมคือ หากผมนำเงิน 240 ค่าซองทึบที่ลงทุนไปนั้น ไปใช้กับการเข้าแข่ง Side Event แทนหละ อย่างน้อย ๆ ถ้าผมแข่งในวันที่ 2 ผมก็คงได้ Holy Votarest [Gold Stamp] ไปถึง 5 ใบเป็นอย่างน้อยแล้ว ยังไม่นับรวมถึงของรางวัลอื่น ๆ อีก
นอกเหนือจากนี้แล้ว จากการที่ผมแข่ง Main Event ที่ผ่านมา จึงทำให้ผมหมดโอกาสที่จะได้รับการ์ดโปรโม จากการเล่นเกม ต่าง ๆ อีก และทำให้วันแรกผมไม่ได้เล่น Draft ซองเดียวอีก(เนื่องจากเมื่อแข่งเสร็จแล้ว ผมก็หมดสภาพ จึงรับการ์ดและรีบกลับบ้านโดยทันที) ผมจึงตั้งใจที่จะ Draft ซองเดียวในวันที่ 2 แทน
แต่แล้วในงานวันที่ 2 ผมมาถึง กลับไม่มีคนลงแข่ง Draft ซองเดียวเลย ผมจึงต้องไปเล่น Side Event แทน
แข่งครั้งแรก Side Event ครั้งที่ 3 ผมเจอกับคน ๆ หนึ่งที่เล่นยังกับที่ผมเล่นกับหมู่เพื่อน
เขามีทั้งการ restep (ขอย้อนนะครับ) , ขอจั่วของ Turn ที่แล้ว และ Turn ๆ ที่แล้ว , แอบซ่อนความสามารถ โดยไม่ยอมอธิบายเวลาถามถึงความสามารถของตัวที่ใ้ช้ , ขอย้าย Line Seal ที่กำหนด Line ไปแล้ว , ขอดูการ์ดใน Deck เพราะอ้างว่าจำไม่ได้ว่ามีอะไรมาแก้ได้บ้าง
ผมทราบนะครับว่าสิที่ผมได้กล่าวมานี้ จริง ๆ แล้วผมสามารถทักท้วงและไม่อณุญาตได้ ผมได้ท้วงไปแล้ว แต่ก็ต้องเกรงใจถึงกำลังพลครับ เพราะขณะแข่งกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีเพื่อนของเขาเข้ามาดู อีกทั้งยังคอยพูดอยู่นั้นแหละ เล่นนั้นดีไหม เล่นนี่ดีไหม ดูมือผมแล้วยังบอกอีกด้วยนะว่าผมแก้ได้ไหม จมผมทนไม่ไหว (และจัสเดินเขามายืนดูคู่ผมเลย) ผมจึงเริ่มเบลคเพื่อน ๆ เขาว่าอย่าออกความเห็นในขณะที่แข่งขันกันอยู่
มันอาจสายไปเสียแล้วแหละนะ ผมจึงแพ้ถูกคัดออกไป แต่การแพ้ครั้งนี้ผมไม่รู้สึกว่าผมอ่อนด้อยด้วยฝีมือเลย แต่อ่อนด้อยเพราะความที่เราเป็นคนขี้เกรงใจเพียงเท่านั้นเอง ผมจึงไม่ได้รู้สึกแย่เลยซักนิด
จากนั้นผมจึงได้ไปดูการลงทะเบียน Draft ซองเดียวอีก ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีคนลงทะเบียนเล่นเลย
ผมจึงไปลง Side Event รอบที่ 7 ต่อ
ในรอบที่ 7 นี้ ผมผ่านรอบแรก แต่ต้องตกรอบ 2 ด้วยเดคที่ผมเอียนที่สุดในตอนนี้ นั่นคือ Wiseman นั่นเอง ซึ่งแพ้ให้กับนักแข่งขั้นโปร(อีกแล้วซินะ)
ในขณะที่แข่งกลับมีการประกาศออกมาว่า ปิดการลงทะเบียน Draft ซองเดียวแล้วเนื่องจากมีการลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก(ทำไมผมไม่เห็นเลยอะ -*-)
บอกตามตรง ผิดหวังมากครับ
Main หลักของงาน GT ครั้งนี้ นอกจากการแข่ง Main Event สำหรับผมคือการที่เข้าแข่ง Draft ซองเดียว ผมตั้งใจที่จะเล่นเพื่อเก็บ HBS ซึ่งเตรียมเงินมาพอสมควรกับการนี้โดยเฉพาะ
หลังจบ Side รอบที่ 7 ผมจึงหมดอารมณ์ที่จะเล่นต่อ ผมจึงไปหาแฟนผมและออกจากงานไปเพื่อไปเที่ยวที่อื่นแทนแล้ว -*-
งาน GT วันที่ 1 ผมรู้สึกแย่ที่ลงทุนไปมาก แต่ได้ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้รับ
งาน GT วันที่ 2 ผมรู้สึกแย่ที่มีการประกาศปิดไม่ให้ลงทะเบียน Draft 1 ซอง เนื่องจากปีนี้ผมเตรียมเงินมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
มันทำให้ผมคิดนะครับ ว่าของรางวัล Main Event (สำหรับโควต้าในกรุงเทพและปริมณฑล)มันน้อยไปไหม แข่งขัน 5-6 ชม. ได้รับการ์ด 2 ใบเสื้อ 1 ตัว แลกกับการที่เราอดโอกาสที่จะเล่น Side Event หรือเกมอื่น ๆ
แล้ววันที่ 2 หละ คนที่แข่ง Main วันแรกมาอย่างผม เพิ่งที่จะมาเก็บ แข่ง Draft 1 ซองในวันที่ 2 กลับไม่ได้เล่นเพราะบอกว่ามีคนสมัครมากเกินแล้ว -*- มันหมายความว่าอย่างไรครับ
คนที่เล่น Main Event ต้องอดโอกาสตั้งเท่าไรครับ มันคุ้มแล้วหรือ?
นอกจากนี้แล้วผมต้องขอกล่าวถึงของรางวัลอันดับที่ 9-16 ของงาน GT อีกครับว่ามันน้อยไปไหม แข่งขัน 2 วัน กลับได้แค่นี้หรือ? พวกเขาต้องอดโอกาสที่จะล่ารางวัล จากกิจกรรมอื่น ๆ อีกตั้งเท่าไร?
เดิมทีในงาน GT 9 ผมคิดว่าของรางวัลจากการแข่งขัน Main Event ช่างล่อหน้าล่อตาเสียเหลือเกิน
แต่ในตอนนี้มันกลับกัน ผมกลับคิดว่า ของรางวัลในการแข่ง Main Event นั้น ช่างไม่คุ้มค้ากับโอกาสที่เสียไปเลย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับโควต้าจากกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งได้รับของรางวัลอันช่างน้อยนิด
สุดท้ายนี้ต้องบอกว่า ผมได้แข่ง Main Event แต่เพื่อนผมที่ไม่ได้แข่ง Main Event กลับได้รับการ์ดโปรโมดี ๆ จากการเล่นเกมบนเวที และการแข่ง Side ไปมากกว่าเสียเหลือเกิน จนมันทำให้ผมเห็นว่า
ทำไมมันช่างต่างกันนักนะ ระหว่างผู้เล่น Main Event ที่ต้องแข่งด้วยความกดดันในงาน กับผู้เล่นที่เข้าร่วมงานด้วยความสุข อยากไปไหนก็ไป เข้าออกเมื่อไรก็ได้
ผมอยากจะถามว่าแล้วพวกท่านหละคิดอย่างไรกับงาน GT 10 นี้บ้าง คิดอย่างไรกับ Main Event นี้บ้าง เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเช่นไรก็ขอให้กล่าว ๆ กันหน่อยนะครับ ผมเองก็อยากทราบถึงความรู้สึกของแต่ละท่านเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ
*ปล. หากผมกล่าวล่วงเกินหรืออะไรแรงเกินไป ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ
