บนผืนแผ่นดินทวีปเมอริเซีย ในครั้งนั้นกองทัพใหญ่ของทั้งสามอาณาจักร ซาโลม ฟีเลเซีย และ ฟูดินันกำลังประจันหน้าในสมรภูมิรบกันอยู่ กองทัพแห่งซาโลมอันแข็งแกร่งกำลังเข้าโรมรันกับกองทัพถึงสองกอง นั้นคือกองทัพแห่งฟีเลเซีย และฟูดินัน ทางฝ่ายซาโลมที่มีกองทัพถึง 3 แสน ทั้งนี้ยังไม่รวมกองทัพผีดิบซอมบี้อีก 3 แสน เหล่าปีศาจ สัตว์ประหลาด มังกร และยังมีกำลังเสริมส่งมาสนับสนุนกองทัพอยู่ตลอดเวลา ณ เวลานี้ถึงแม้ฟิเลเซียและฟูดินันจะรวมกำลังกันแค่ไหนก็มิอาจปราบกองทัพอันแปลกประหลาด และไม่รู้จักหมดจักสิ้นแห่งซาโลมลงได้ ทำได้ก็เพียงแค่ชะลอเวลาแห่งความหายนะให้ยาวนานที่สุดเท่านั้น ทางด้านเนริมอร์นั้นเนื่องจากการสงครามทำให้นางไม่ได้พบหน้าลูกชายเป็นเวลาแรมเดือน เมื่อครั้นเห็นว่าซาโลมกำลังเป็นต่ออยู่มาก จึงเดินทางกลับซาโลมเพื่อไปดูแลซาร์ อิสฮาน ลูกชายสุดที่รัก และยังเป็นรัชทายาทเพียงองค์เดียวของซาโลมอีกด้วย ซึ่งในครั้งนั้นมีอายุเพียงย่าง12ชันษาเท่านั้น
ในที่สุดกองทัพแห่งซาโลมก็แต่งทัพใหญ่ออกมาเผด็จศึกฟีเลเซีย และ ฟูดินันให้พินาศย่อยยับ ซึ่งครั้งนี้ซาดิน อิบริดเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง ทำให้ฝ่ายฟีเลเซีย และ ฟูดินัน ต้องเกณฑ์ไพร่พลทั้งหมดออกมาตั้งรับ ทั้งเจ้าชายฮาริซัน แห่งฟูดินัน เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า แห่งฟีเลเซียก็ต้องออกมานำทัพเอง การรบในครั้งนั้นถูกขนานนามว่าเป็น “มหาสงคราม” ที่มนุษย์ต้องจดจำ การรบในครั้งนั้นเจ้าชายฮาริซัน เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า รวมแรงกันต่อกรกับซาดิน อิบริด อย่างแทบเอาชีวิตเข้าแลก เป็นเวลาถึง3วัน3คืน ที่สุด ซาดิน อิบริด ก็พลาดท่าถูกทั้งสามโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ จึงกลับเข้าไปในค่ายเพื่อรักษาตัว แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น เมื่อบลาส เซจ พ่อมดโฉดในคราบมหาอุปราชแห่งซาโลมเห็นว่าอย่างไรซาโลมต้องชนะแน่แล้ว จึงคิดแผนชั่วหวังตั้งตนเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ครอบครองดินแดนทั้งหมดเสียเอง ซาดิน อิบริด มหากษัตริย์แห่งซาโลมที่กำลังพักรักษาตัวในกระโจมที่พัก เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และความอ่อนล้าจากการสงคราม ซาดิน อิบริดมิอาจปกป้องตนเองได้ จึงถูกบลาส เซจ ทำให้กลายเป็นผีดิบทั้งเป็น
เมื่อซาดิน อิบริดเป็นผีดิบมีชีวิตที่ถูกบลาส เซจบงการ ก็ได้ประกาศแต่งตั้งบลาส เซจ เป็นผู้รักษาการณ์ และเป็นผู้นำทัพแทน ก่อนจะสิ้นใจตายอย่างทรมานในที่สุด หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว บลาส เซจ ก็แจ้งข่าวแก่ เนอริเมอร์ที่พำนักอยู่ซาโลมว่าซาดินพลาดท่าถูกเจ้าชายฮาริซัน เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสและตายในกระโจมที่พักเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เนริมอร์เมื่อทราบข่าวก็เสียใจแทบสิ้นสติ และไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นางนาซาอี นักพยากรณ์สาวแห่งซาโลมได้แจ้งความจริงแก่เนริมอร์ว่า ซาดินนั้นถูกทำร้ายบาดเจ็บก็จริงแต่ไม่ร้ายแรงถึงตาย หากแท้จริงแล้วถูกบลาส เซจ ลอบสังหารอย่างน่าอนาจเพื่อหวังยึดครองอำนาจซาโลมแต่เพียงผู้เดียว เนริมอร์ทั้งเสียใจ และแค้นบลาส เซจสุดที่จะพรรณนาได้ นางจึงสั่งให้กองทัพถอนกำลังทหารกลับซาโลมทั้งหมดเนื่องเพราะคิดว่าหากสิ้นซาดินแล้ว บลาส เซจก็อย่าหวังจะได้ครอบครองอาณาจักรทั้งหมดนี้เลย
ด้านบลาส เซจ นั้นเมื่ออะไรๆต่างก็ผิดแผนไปเสียหมด จึงได้เปลี่ยนแผนใหม่แสร้งยกทัพกลับบางส่วน อีกส่วนก็ให้ตรึงกำลังไว้ที่สมรภูมิเช่นเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อกลับไปกำจัด ซาร์ อิสฮาน องค์รัชทายาท เพราะหากสิ้นรัชทายาทแล้ว เนริมอร์ก็ย่อมหมดอำนาจไปด้วย เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็ไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้ ระหว่างยกทัพกลับ บลาส เซจ ก็ได้ปล่อยข่าวว่าแคว้นลาซาลที่อยู่ทางตะวันตกของซาโลมคิดก่อการปฏิวัติ แคว้นลาซาลนั้นเดิมทีเป็นแคว้นที่แม่ทัพคนนึงของซาโลมผู้ไม่เห็นด้วยกับการขยายอาณาจักรของซาดินหนีไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ดังนั้นแคว้นนี้จึงเปรียบเหมือนหนามยอกอกของซาโลมตลอดมา บลาส เซจปล่อยข่าวก็เพื่อล่อลวง นาริส สุไลมาน ผู้เป็นเสนาบดีแห่งซาโลม ให้นำทัพที่เหลือในซาโลมออกไปปราบแคว้นลาซาลโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของซาดินก่อนตาย นาริสหลงเชื่อจึงนำทหารออกไปจากซาโลม จนกองทัพในซาโลมเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียว เมื่อบลาส เซจ กลับไปถึงซาโลมแล้วจึงเข้าไปพบเนริมอร์ในท้องพระโรง เมื่อเห็นบลาส เซจเดินเข้ามาเนริมอร์ก็มิอาจเก็บความเสียใจและความคับแค้นไว้ได้ จึงเปิดฉากโจมตีใส่บลาส เซจทันที ด้วยพลังแค้นของเนริมอร์ และ อาคมที่แก่กล้าของ บลาส เซจ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนเสียงดังไปทั่วปราสาท ซาร์ อิสฮาน ด้วยความที่รักเนริมอร์ผู้เป็นแม่ยิ่งนัก เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ในท้องพระโรง ก็รีบวิ่งเข้าไปในท้องพระโรงทันที เพราะรู้ว่าเนริมอร์มักจะออกว่าราชการแทนในเวลานี้