Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ พ.ย. 01, 2024 7:31 am

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ เสาร์ พ.ย. 21, 2009 3:35 am

Sub-Turn 07 Celetia Millitary




วันพฤหัส ที่ 19 พฤกษภาคม พ.ศ. 2702

ท้องถนน ทั่วทั้งกรุงเทพ ถูกปกคลุมจนกลายเป็นสีขาวโพลนด้วยหิมะ ซึ่งตกมาตั้งช่วงบ่ายของเมื่อวาน
จนถมท่วมขึ้นมาถึง เอวทั้งที่เป็นเมืองที่อยู่ในภูมิประเทศเขตร้อนชื้น ทว่าหิมะ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เลย แม้เวลาจะล่วงเลยมาจน บ่ายของวันถัดมานี้แล้ว การจราจร ทั่วทั้งเมือง

แทบจะกลายเป็นอัมพาต แม้ทางรัฐบาล จะเริ่มแก้ปัญหา โดยให้สถานีดับเพลิงทุกสถานี ใช้น้ำร้อน ฉีดละลาย
ไปบนพื้นถนนก็ตาม เพื่อชะลอไม่ให้ หิมะถมจนผู้คนออกมาเดินกันไม่ได้

“ หิมะที่ตกลงมาตลอดอย่างต่อเนื่องเมื่อเย็นวานนี้ ก็ยังคงตกมาเรื่อยๆจนไม่มีทีท่าจะหยุดเลยค่ะ… ”
เสียงประกาศ ข่าวดังมาจากทุกที่ของเมือง ทุกข่าวทุกช่องออกเรื่องเดียวกันหมด นับว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว
สำหรับหิมะ ที่ตกใน เมืองของประเทศที่ไม่เคยมีหิมะ ดังนั้น การเตรียมการรับมือ กับ ภัยธรรมชาติเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องยาก
ผู้คนที่อาศัยอยู่ก็แทบจะไม่เคยมีประสบการณ์ การเอาตัวรอดหรือ วิธีแก้ไข อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นลามปามไปเรื่อยๆ

จำนวนผู้บาดเจ็บ นั้นยังคงมีไม่มาก เพราะ หิมะ ไม่ได้พัดมาเป็นพายุที่รุนแรง แค่โปรยลงมาถมจนพื้นถนน
เย็นและลื่นไปหมด ยางรถที่ใช้ในประเทศ ก็ไม่ใช่ยางที่วิ่งกับพื้นที่ ภูมิอากาศเช่นนี้ จึงเป็นปัญหาต่อการจราจร
อย่างมาก อีกทั้ง แม้จะใช้เส้นทางน้ำในการเดินทาง แม่น้ำทุกสายก็แข็งตัว จนเรือขยับไม่ได้

หนำซ้ำ ในขณะนี้แม้แต่ระบบเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร ที่ใช้เป็นการคมนาคมหลัก ยังเกิด รวนจนไม่สามารถใช้งานได้

“ จนถึงตอนนี้ ทางสมาคมการขนส่งแห่งประเทศไทย ก็ยังคงไม่สามารถให้คำตอบ ที่ระบบ วาร์ป ของกรุงเทพ ชำรุด ได้อย่างไร ณ ขณะนี้มีรายงานเพิ่มเข้ามาถึงจำนวนยอดผู้บาดเจ็บที่ มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ
เราจะตัดไปทางคุณผู้สื่อข่าว อภิวัณน์ นะคะ ”

รายงานข่าวของผู้รายงานข่าวสาว ในจอโฮโลแกรม ที่ฉายขึ้นมาจาก Note ของมาริน่า
ก็กำลังประโคมข่าวกันอย่างออกรส ออกชาติ ภาพบนจอตัดมาที่ ผู้บรรยายข่าว อีกคนที่กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารที่ไหนซักแห่ง ซึ่งมองไปด้านหลังของเธอนั้น จนถึงเส้นตัดขอบฟ้าทุกสิ่งด้านล่างแทบจะขาวโพลนไปหมด


“ ค่ะ..คุณผู้ชมทุกท่านคะ ดิฉัน อภิวัณน์ ศรีทองกุล รายงานจากดาดฟ้าตึกบัญชาการทหารสูงสุด
หรือ ใบหยกเซ็นเทรด นะคะจากมุมนี้ เราจะมองเห็นกรุงเทพกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ
แม่น้ำเจ้าพระยาที่ตัดไหลผ่านก็ยังพลอยกลายเป็นธารน้ำแข็งไปด้วย ตอนนี้ดิฉันอยู่กับ
รองผู้ช่วยศาสตรจารย์ ดร.กมลวัน อพิรุณน์ จากสำนักงานวิจัยสืบค้นมนตรา จะมาชี้แจง ถึงปรากฏการณ์นี้
นะคะ ”

นักข่าวสาวภาคสนาม พล่ามจบก็หันไปข้างซ้ายของเธอพร้อมกับที่กล้องก็หันตามไป นักวิจัยสาว
ผู้ที่นัดประธาน ปอร์ไป ที่พิพิธภัณฑ์ เธอได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว

“ ดร.คะ ทำไมเหตุกาณณ์เหลือเชื่ออย่างหิมะ นี่ถึงตกได้หรือคะ? ” นักข่าวสาวเริ่มเปิดประเด็น

“ จากการหารือ กับประธานบริษัทการค้นคว้าเวทยาการ ปอร์ พีโนมีน่อน(Por Phenomenon)แล้วนะคะ
ผลสรุปจากการวิเคราะห์ พบว่าเหนือน่านฟ้าของ กรุงเทพมหานคร แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยคลื่นพลังเวทย์
ที่เข้มข้นผิดปกติ จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมเราพบว่า สนามพลังเวทย์ที่ปกคลุมอยู่นี้เป็น ขั้วพลังธาตุวารีค่ะ
จึงส่งผลกระทบต่อ ชั้นบรรยากาศในเขตกรุงเทพให้เกิด หิมะ หรือ พายุฝนกระหน่ำ ได้ทุกเมื่อค่ะ ”

เธอ อธิบายผลการสำรวจที่ดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน

“ เอ๋? แล้วถ้ายังงั้น ประเทศของเราเป็นเขตภูมิอากาศร้อนชื้น คุณสมบัติพลังเวทย์น่า
จะเป็นการส่งให้เกิดพายุฝนนี่คะน่าจะเป็น ไปได้มากที่สุด แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นหิมะล่ะคะ ”

นักข่าวสาว ยิงคำถามต่อทันที

“ นั่นล่ะค่ะที่แปลก… ”
เธอ ตอบกลับเสียงเรียบ

“ หิมะตกเนี่ย…ยังจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่อีกงั้นเหรอ ”
มาริน่า เปรยอย่างเซ็งๆ ขณะที่มองดูรายงานข่าวบนจอโฮโลแกรม ในห้องพักฟื้นของ ธนัท
ที่ตอนนี้ เพื่อนๆในชมรมพากันมาเยี่ยมไข จนแน่นขนัดห้องไปหมด

“ เน่ๆ ธนัท อีกกี่วาน ถึง จากลับด้าย หรอ ”
แอน ที่นั่งอยู่ข้างๆเตียง เอ่ยถามเสียงเหน่อเช่นเคย ข้างตัวเธอ ไดสุเกะ กับ ชุติการ กำลัง
เล่นกับ คอรัส ที่กลายสภาพเป็นหุ่นยนต์นก เพราะตัวเครื่องพังไปแล้วและได้ โคทาโร่ ช่วยย้ายข้อมูลความจำ
มาลงไว้ที่หุ่นนกตัวนี้ไปก่อนชั่วคราว

“ โปรเฟสเซฮร์ ดราก้อน บอกว่าพรุ่งนี้ก็คงกลับได้แล้วล่ะ ”
ธนัท ตอบขณะที่ ริน ซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง กำลัง ปอก ผลฝรั่ง ใส่จาน เรียงอย่างเงียบๆ

“ ว่าไปแล้ว…รู้สึกพวกเราจะอยู่กันครบเลยนะ แต่เหมือนจะมีใครไม่อยู่คนหนึ่งแฮะ ”
ศรี เอ่ยขึ้น หลังจากที่ นับจำนวนคนจนแน่ใจแล้ว

“ ธนัท อยู่ โคทาโร่ อยู่ เคียว แอน ชุติการ ลูเซีย แล้วก็พวกเรา Master Ceremony อยู่ครบ ภูเขา(Pukao) ก็มาแล้วด้วยใช่ป่ะ ”
ริน ลุกขึ้นมายืนนับ จำนวนคนในห้อง ก่อนจะกวาดสายตาหา ตัวคนอีกคน

“ ก็มาพร้อมเธอ เมื่อคืนนั่นล่ะ ริน ~~~ จำไม่ได้เหรอ ”
เพื่อนนักเรียนชาย ผิวคล้ำผมทรงแหลมตั้งสีดำ ที่นั่งอยู่มุมห้อง พูดขึ้นพร้อมกับยกมือ แสดงตัวให้เธอเห็น
รูปภาพ

“ เอ….งั้นก็เหลือพวก องครักษ์ของ มาริน่า สินะ เอ ไดสุเกะ อยู่ ฟรานซิสก้า อยู่ …..อ้าว อิส ไม่อยู่นี่ ”
ริน นับไปเรื่อยๆ จนครบถึงได้รู้ว่า คนที่หายไปคือ อิส นั่นเอง

“ นี่…หรือว่า เจ้าอิส ยังติดใจเรื่องที่ปล่อยให้บุคลิคของตัวเองไปอัญเชิญอาแมนคริส
จนเจ้าธนัทต้องมาเจ็บตัวนี่อยู่อีกน่ะ ”
เคียว เปรยขึ้นทำเอา โคทาโร่ ที่อยู่ด้วยสะดุ้งซึมขึ้นมา เพราะตัวเค้าเองก็เป็นต้นเหตุเช่นกันที่ไปชวน
ธนัท ดวลด้วยทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว ว่าสภาพร่างกายของ ธนัท ไม่สมบรูณ์พร้อม

“ โอ๊ย! ”
เคียว ร้องสะดุ้งขึ้น แอน หยิกแขนขวาเค้าแรงๆเสียทีหนึ่ง พร้อมกับส่งสายตาตำหนิใส่ ไปฐานปากพล่อย

“ อย่างที่เราทราบกันดีว่า พลังเวทย์ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมนั้น จะแปลเปลี่ยนกันไปตามคุณสมบัติเขตของแต่ละพื้นที่เพราะแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากภายในแหล่งนั้น แต่ว่าคุณสมบัติของ สนามเวทย์ที่ปกคลุมอยู่ตอนนี้
มีความเข้มข้นที่แปลกไปจาก แหล่งพลังงานในรอบบริเวณ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า พลังเวทย์ที่ปกคลุมนี้น่า
จะเทียบเท่าได้กับอสูรเทพ ค่ะ ”

เสียงรายงานข่าวจาก จอโฮโลแกรม ยังคงดังอยู่เนืองๆ ผสมปนเปไปกับ เสียงสนทนา ของทุกคนในห้อง
จนเมื่อ คำว่า อสูรเทพ หลุดออกมาจากรายงานข่าว ทุกคนภายในห้องก็ถึงกับเงียบกริบไปพร้อมๆกันในทันที

“ อ….อ…อสูรเทพ….หรือคะ หมายถึงอสูรเทพอย่าง เรราเย่ ที่ถูกทำลายเมื่อ 2 ปีก่อนน่ะหรือคะ? ”
“ ค่ะ อสูรเทพแบนั้นล่ะค่ะ…..แต่ถึงยังไง ทางเราเองก็ยังยืนยันอย่างแน่ชัดไม่ได้เพราะคุณสมบัติของคลื่นพลังนั้น
มีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว เพียงแต่ผลจากการประเมินในขั้นต้นได้ออกมาว่าแบบนั้นค่ะ ”

เสียงรายงานข่าวยังคงดังออกมาท่ามกลางความเงียบกริบของ ทุกคนในห้อง

“ นั่น คือรายงานจากคุณ อภิวัณน์ นะคะ เอาล่ะค่ะ ต่อไปเป็นข่าวการเมืองนะคะ…. ”
เสียงรายงานข่าว ตัดไปขึ้นหัวข้อใหม่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ นึกว่าเหตุการณ์นี้จะเกี่ยวกับอสูรเทพซะอีกนะ ฟู่ว!! ถ้าใช่ล่ะก็แย่เลย ”
ธนัท เปรยขณะที่ทุกๆคนต่างก็เห็นด้วย เพราะที่แล้วมาความน่ากลัวของอสูรเทพ ก็ฝากฝังร่องรอยอันน่าเกรงขาม
เอาไว้ในประวัติศาสตร์โลกมาแล้ว รายงานข่าวเมื่อครู่ไม่ว่าเป็นใครถ้าได้ยินก็คงช๊อกไม่แพ้กัน

“ นั่นสิ ยิ่งตอนที่เค้าประกาศเรื่อง เรราเย่ ถูกทำลายเมื่อ 2 ปีก่อนเล่นเอาเสียวสันหลังวาบเลยล่ะ ”
ไดสุเกะ เอ่ยสำทับความคิดเห็นเดียวกับ ธนัท

“ ก็พวกเราอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเลยนี่นา แถมคนที่ทำลาย เรราเย่ ลงไปได้ก็คือ ธนัท …..ด้วย…. ”
ชุติการ ที่ได้ใจก็เผลอ หลุดปากพูดแม้กระทั่งเรื่องที่ตัวเอง ก็ไม่ค่อยจะอภิรมย์ซักเท่าไหร่ออกมา
แต่ดูเหมือนคนที่ดูจะมีผลต่อคำพูดนี้มากที่สุดก็คงจะเป็นตัว ธนัท เสียเอง เพราะเหตุการณืในครั้งนั้น
ทำให้ เค้าต้องกลายมาเป็น DNA-Changer และหนำซ้ำเพราะสภาพร่างกายเป็นแบบนี้ ก็เลยทำให้
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก

ขณะที่บรรยากาศภายในห้องเริ่มจะกลับมาเงียบงันอีกรอบ นั้นเอง เสียงเอะอะตึงตัง
จาก รายงานข่าวที่จอ โฮโลแกรมของ Note ที่มาริน่า ถืออยู่ก็ดังขึ้น

“ จนถึงตอนนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมผู้ต่อต้านการทำลายชาติ Resistance Ethnically Destruction หรือ R.E.D. นั้นยังคง
จับกลุ่มชุมนุมกันอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เหมือนเคย เพื่อเรียกร้องให้

การจัดประชุม Nu Asian ครั้งที่ 30 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ให้มีการพิจารณาเรื่องสิทธิของ DNA-Changer ใหม่ โดยต้อง
การให้จำกัดสิทธิบางส่วนลง แม้ในช่วงตั้งเมื่อวานเย็นนั้นจะมีหิมะตกลงมาตลอดจนถึงเช้า แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคง
ตั้งปักหลัก อยู่ และได้มีการทำพิธีเทพจตุคาม ช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ….. ”

รายงานข่าวและภาพ กลุ่มคนที่กว่าหลายพันที่ชุมนุมกันอยู่หน้าอาคารทำเนียบที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ถูกฉายขึ้นบนจอโฮโลแกรม

“ จริงๆเล้ย~~ ฝนจะตกฟ้าจะแตก ขนาดหิมะตก ขนาดนี้ก็ยังจะดึงดันกันอยู่อีก ไม่รู้ว่าทำไมถึง
ได้อยากแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันนักนะ ”
ชุติการ บ่นขึ้นอย่างเซงๆกับข่าวการบ้านการเมืองที่เป็นซ้ำๆกันอย่างน่าเบื่อเช่นนี้เรื่อยมา ตั้งแต่อดีตแล้ว
แม้โลกจะพัฒนามาจนถึงยุคนี้แล้วก็ตาม ประเด็นการเมืองร้อน แบบนี้ก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ทุกยุคทุกสมัย
ผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ

“ เอาล่ะค่ะมาต่อกันที่ ข่าวถัดไปนะคะ South Thai County สถานการณ์บ้านเมืองยังคงมีความวุ่นวาย อยู่เช่นเดิมค่ะ
ล่าสุด กลุ่มผู้ก่อการร้าย ได้ใช้ Titania หุ่นรบอสูร กวาดทำลายโรงเรียนและหมู่บ้านไปกว่า สิบเขตอย่างต่อเนื่อง
จนถึงตอนนี้ กำลังทหารก็ยังคงหยุดยั้งเอาไว้ไม่อยู่ จากการที่ใช้ Titania เป็นอาวุธเข้าจู่โจมนี้เอง ตัวกลุ่มผู้ก่อการร้ายจึงน่าจะเป็น DNA-Changer….. ”

ก่อนที่รายงานข่าวจะได้ทันร่ายจนจบ มาริน่า ก็ชิงปิด จอโฮโลแกรมทิ้งไปทันที

“ วันๆมีแต่ข่าวแบบนี้ DNA-Changer ยังงั้น DNA-Changer อย่างงู้น ไม่คิดเบื่อกันมั่งรึไงนะ
แบบนี้ที่ฉันอุตส่าห์บินไปเจรจายกเลิกสนธิสัญญาจำกัดสิทธิ์ ของ DNA-Changer เมื่อ 2 ปีก่อน
มันเพื่ออะไรล่ะเนี่ย ”

มาริน่า บ่นอย่างหัวเสีย ความขัดแย้งแตกแยกระหว่าง N.O.W.(Native Original World)หรือมนุษย์ธรรมดา
กับ DNA-Changer นั้นยังคงมีเรื่อยมาแม้จะเคยมีการกระชับความสัมพันธ์ครั้งใหญ่
กันมาแล้ว แต่ดูเหมือน 2 ปีที่ผ่านมาหลังการกระชับความสัมพันธ์ ในครั้งนั้นแทบไม่ได้ให้ผลอะไร

แตกต่างไปจากเดิมเลยN.O.W. ก็ยังคงเกลียดพวก DNA-Changer และDNA-Changer ก็ยังคงดูถูกพวก
N.O.W. ว่าล้าหลังและไร้ความสามารถยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆและไม่ก้าวไปสู่วิวัฒนาการ

“ เอาน่า ถึงจะประเทศนี้จะเป็นประเทศเป็นกลางก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะ
ยอมรับมันด้วยเหมือนกันหมดนี่ มาริน่า ก็ต้องมีกันบ้างล่ะน่าเรื่องพวกนี้น่ะ ”
ภูเขา พยายามจะพูดให้เธอ เย็นลงหลังจากที่ปรี้ดแตกกับ ข่าวไม่เป็นเรื่อง ที่รายงานออกมาชีช้ำอยู่เช่นทุกวัน

“ หึ…ภูเขา นายเอง ก็ DNA-Changer ไม่ใช่เรอะแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยกังวลเหมือนคนอื่นในห้องนี้เลยนะ ”
คิระ เอ่ยขึ้นเสียงเฉียบ ทำเอาเค้าสะดุ้งโหยงกันเลยทีเดียว
รูปภาพ

“ อ่ะ…ก็แหม แค่ไม่อยากให้เครียดกันเท่านั้นเองล่ะน่า ”
ภูเขา แก้ตัวน้ำขุ่นเรื่องที่ตัวเค้านั้นไม่ค่อยจะจริงจัง กับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่

“ เพราะมีคนที่มีพลังแล้วไม่ยอมทำอะไรเพราะคิดเป็นเรื่องไกลตัวแบบนายนี่ล่ะมั้ง โลกมันถึงได้มีแต่เรื่องที่เกิดจากคนกลุ่มน้อยกันอยู่ตลอด จะวางใจกันไปได้ก็อีกไม่นานนั่นล่ะ รู้ๆกันอยู่ อดีตที่แล้วมา ก็มีแต่คนคอยจะประคอง
เอาไว้ไม่ให้มันบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ดูตอนนี้แล้วเหมือนแต่ละคนจะพากันปัดความรับผิดชอบไปๆมาๆ อยูนั่นล่ะ

คอยดูเถอะ ซักวันสงครามโลกครั้งที่ 3 คงไม่แคล้วระอุขึ้นมาแน่ ข่าวสองวันก่อน สหราชอาณาจักรเขมร ก็พึ่ง
เข้าร่วมกับ สหพันธ์ Allian จนตอนนี้มีขุมกำลังอาวุธนิวเคลีย เวทมนต์ อย่างฟาลูจา (Faluja) เอาไว้ในครอบครองกันอีก
ตอนนี้มันยังเป็นสงครามเย็นที่เอาอาวุธมาขู่กันได้อยู่หรอก อีกหน่อยก็คงเอามายิงถล่มกันเองจนเละไปสอฝ่ายนั่นล่ะ ”

มาริน่า ได้ทีก็ออกปากบ่นอย่างออกรสชาติ กับประเด็นร้อนระอุ ที่น่าปวดหัวของ โลกในเวลานี้
ที่มีแต่ความขัดแย้งเต็มไปหมด การแข่งขันชิงดีชิงเด่น ชาตินิยม และอื่นๆอีกมากเกินจะพรรณา
เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เคยผลักดันให้เกิดสงครามโลกขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์กันแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา
แม้ว่าในช่วง ร้อยกว่าปีมานี้จะเป็น เพราะ อสูรเทพ ที่เหมือนกับจะคอยคุมไม่ให้เกิดสงคราม ขึ้นมาก็ตามที

แต่ผลของปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ได้มลายหายไปหากแต่สะสมเรื่อยมาเพื่อที่จะรอวันแตกหัก
ซึ่งก็จะกลายเป็นสงครามโลกอย่างเธอ บ่นไปได้ซักวันอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

“ เอ้าๆ จะบ่นไปถึงไหนกันล่ะนั่น เดี๋ยวก็ได้ถกกันไม่จบประเด็นวันนี้หรอกน่า ”
ศรี กล่าวขัดเพื่อตัดพ้อ เสียงบ่นของ มาริน่า ที่ดูเหมือนจะเลยเถิดกันไปใหญ่
ซึ่งก็ทำเอาทุกคนอดขำไปตามกันไม่ได้ สภาพห้องพักนั้นครึกครื้น ซะจนตัว ธนัท ตอนนี้แทบจะไม่รู้สึกเลยว่า
เค้ากำลังป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกขัดจังหวะการสนทนาที่กำลังเป็นไปอย่างสนุกสนาน
ทุกคนพากันเงียบขึ้นพร้อมกันทันที เพราะนึกว่า พวกตนส่งเสียงกันเอะอะเกินไปจน พยาบาลจะเข้ามาต่อว่า

ทว่า ผู้ที่เปิดประตูเข้ามากลับเป็นชายวัยฉกรรจ์ หน้าเข้มคนหนึ่งแทน เค้ามองมาที่ ชุติการ ที่นั่งอยู่
ข้างๆ ธนัท ซึ่งเธอก็ดูเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อชายคนนี้สบตามาที่เธอ

“ จ…จริงสิ ลืมไปซะสนิทเลย วันนี้แล้วนี่นา!! ท….ทุกคนฉันต้องไปทำธุระด่วนก่อนนะ ขอตัวล่ะ!! ”
เธอ ลนอยู่ซักพักก่อนจะตามชายคนนั้นออกจากห้องไป

“ ตะกี้….ใครกันน่ะ…? ”
ธนัท เปรยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทว่าไม่มีใครในห้องตอบคำถามของเค้าได้เลย
ไม่มีใครเคยรู้จักชายคนนั้น ที่จริงแค่เรื่องที่ว่าครอบครัวของ ชุติการ เป็นใครมาจากไหน
พวกเค้าก็แทบจะไม่เคยได้สนใจกันเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่ตัว ชุติการ เองก็ไม่เคยที่จะปริปากเรื่อง ครอบครัวของตัวเอง หรือเรื่อง อื่นๆของเธอเลย
ตัวเธอที่ทุกคนรู้จักก็แค่ตัวเธอที่เป็นเพื่อนนักเรียนนิสัย ร่าเริงเอาจริงเอาจัง คนหนึ่ง กับ Angel
ผู้มีอสูรเทพสถิตย์ร่างเท่านั้นเอง

ก๊อกๆ!!

ยังไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เมื่อบานประตูเปิดออก ผู้มาเยือนนั้นคือ หญิงสาวที่เป็น
นักเรียนเนื่องจากเธอสวมเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนอื่นอยู่ ผมสีแดงชมพูยาวของเธอรวบเป็นหางม้า
ไปไว้ด้านหลัง ดวงตาของสั่นระเรื่อ นิดๆเหมือนกับจะร้องไห้
ธนัท และ เพื่อนๆได้แต่นิ่งเงียบกับการมาของเธอ พวกเค้าไม่มีใครรู้จักเธอมาก่อนเลย

“ ฟ…..เฟรย์…. ”
เคียว เปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันนี้ ไม่ทันไร เธอ ก็โผเข้าไป กอดซบเค้าทันที โดยไม่ให้ตั้งตัว

“ เคียว บ้า…บ้าๆๆๆ บ้าที่สุดเลย..พักหลังมานี่ไม่ยอมมาหาฉันเลย….อุตส่าห์โทรหาก็แล้ว
แต่ก็ปิด Note ไว้อีก ฮือๆ…เคียวบ้า…บ้าที่สุดเลย…ไม่รักเค้าแล้วใช่ไหม๊!! ”
เธอ ปล่อยโฮ ออกมาชุดใหญ่พลางทุบอก เคียวไปด้วยซึ่งก็ทำเอา จุกเล็กน้อย

“ อ….เอ่อ…โทษนะ เคียว…นี่น่ะคือ…เอ่อ เธอคนนี้น่ะ…. ”
ธนัท เอ่ยถามตะกุกตะกัก กับสภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ทำเอาเค้าตั้งหลักไปไม่ทันเหมือนกัน
กับคนอื่นๆในห้อง

“ อ๋อ นี่ เฟรย์(Fray) เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อฉันน่ะ ”
เคียว อธิบายโดยพยายามปลอบเธอให้หยุดร้องไปพลาง

“ โทษนะ เฟรย์ ช่วงนี้ฉันยุ่งๆน่ะ เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนฉันเองก็เข้าโรงพยาบาลถึงได้
มาเยี่ยมเค้าที่นี่ไง..ว่าแต่ เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่น่ะ ”
เคียว พยายามจะอธิบายสาเหตุที่เค้าไม่ได้ไปพบเธอในช่วงนี้ ก่อนจะเอะใจเรื่องที่เธอรู้ว่าเค้ามาเยี่ยม ธนัท ที่นี่

“ ฉันก็ถามเอาจาก คุณพ่อของเคียวน่ะสิ ทิ้งฉันไปแบบนี้น่ะ เคียวเห็นเพื่อนดีกว่าฉันใช่ไหมล่ะ!! ”
เธอ ประชดก่อนจะวิ่งเตลิดออกจากห้องไป

“ ฮ…เฮ้ !! เดี๋ยวสิ เฟรย์ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!! ”
เคียว ตะโกนไล่หลังก่อนจะตามออกไปด้วยอีกคน ทิ้งไว้เพียงความงุนงงของ เพื่อนๆที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“ เธอคนเมื่อกี้…เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหนา ”
แอน เปรยพลางทำท่านึก

“ เฟรย์ ไอน์สไตล์(Fray Aistain) ลูกสาวของรัฐมนตรีการต่างประเทศ โรบิน ไอน์สไตล์(Robin Aistain) ”
คำตอบนี้ออกจากปากของ ฟรานซิสก้า ขึ้นมาทำเอา ธนัท แอน และ ชุติการ รวมไปถึง โคทาโร่ นั้นพา
ถลึงตาด้วยความตกใจ กับฐานะของ นักเรียนสาวที่เหยียบย่างเข้ามาในห้องเมื่อครู่

“ ไม่เห็นจะแปลก ก็เจ้านั่นน่ะ เป็นทายาทตระกูล สายตรงจิต ที่เป็นเชื้อหม่อมเจ้าหม่อมวงศ์
การที่ทางครอบครัวจะหมั้นหมายกับคู่ที่มีฐานะ เหมาะสมกันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกเลยนี่ ”
มาริน่า เปรยอย่างเซงๆ กับอาการตื่นของพวก ธนัท

“ แหม…แต่ก็หนา คบกันมาเป็นปีๆ จะว่าไปรอบตัวเราก็มีแต่คนใหญ่คนโตกันทั้งนั้นเลยหนาเนี่ย ”
แอน อดที่จะอุปทานออกมาไม่ไหว ขณะที่คนอื่นๆพากัน ถกถึงประเด็นอะไรไปเรื่อยๆนั้นมีเพียง ธนัท
ที่เบือนสายตากลับไปมองที่ประตูห้องซึ่งยังเปิดคาทิ้งไว้

{เธอคนนั้น….}
ธนัท คิดก่อนที่สีหน้าผิดหวังจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเค้าเล็กน้อย เพียงแวบแรกที่พบเห็น
เธอคนนั้น เค้าก็เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ ความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจนี้คืออะไรกันแน่?

…………………
……………………..
…………………………………

ธรรมเนียบรัฐบาล

พั่บๆๆๆๆ ครืนนนนนน

เสียงใบพัดหมุนควงด้วยความเร็วสูง บนเฮลิคอปเตอร์ ที่กางสนามพลังงานเอาเหนือใบพัดเพื่อป้องกันหิมะ
ที่ตกลงมาเกาะถูกตัวใบพัด แรงลมที่เกิดจากการหมุน พัดหอบเอาไอเย็น ฟุ้งไปทั่วสนามหญ้าหน้า อาคาร ธรรมเนียบสีขาว
ตรงหน้า ขณะที่มันกำลังลงจอดทันทีที่ขาตังของ ฮ. ถึงพื้นใบพัดก็ลดความเร็วลง พร้อมกับ
เจ้าหน้าที่อีกนับสิบนายที่รออยู่ก่อนแล้ว จะตรงรี่เข้ามาทำหน้าที่อารักษ์ขาผู้มาเยือน ยามที่ประตูเครื่องเปิดออก

ชุติการ และชายฉกรรจ์ที่มารับเธอที่ โรงพยาบาลก็ลงมาพร้อมกัน ในทันทีแม้ตัวเธอจะอยู่ในชุดนักเรียนที่ไม่ได้
เปลี่ยนมาตั้งแต่เมื่อวาน ก็ตามแต่ก็หาได้มีใครปริปากถามเธอไม่
เจ้าหน้าที่นายหนึ่ง เสนอตัวออกนำเธอ เข้าไปยังอาคารธรรมเนียบ นำทั้งสองไปยังห้อง
รับรองที่จัดเตรียมไว้ โดยที่มีผู้รอพบเธอกับเค้านั่งอยู่ก่อนแล้ว เธอหันไปให้สัญญาณกับ ชายที่มากับเธอด้วย
ก่อนที่เค้าจะออกไปรอหน้าห้องกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในที่สุดห้องก็เหลือเพียง เธอกับ ชายนักการเมืองวัยกลางคน
เพียงลำพัง

“ ต้องขออภัยด้วยนะครับ เจ้าหญิง เพราะเป็นการมาเข้าพบอย่างไม่เป็นทางการ
ทางเราเลยจัดเตรียมการต้อนรับเอาไว้ไม่ทัน ”
เค้า กล่าวกับเธอเสียงเรียบนิ่ง ดูเหมือนเค้าจะไม่หวั่นไหวซักเท่าไหร่กับการมาของเธอ

“ ดิฉันเองก็ต้องขออภัยท่าน รัฐมนตรีธนพัฒน์ เป็นอย่างยิ่ง ที่จู่ๆก็ขอมาเข้าพบปุบปับแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง ก็อยากจะให้
ช่วยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยนะคะ ”
ชุติการ กล่าวตอบพร้อมกับ ยกเอา Note ของเธอขึ้นมาเปิดภาพโฮโลแกรมขึ้น บนจอภาพโฮโลแกรม
ที่ฉายขึ้นมานั้น เป็นข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นรบอสูรเทียม Titania 5 เครื่องด้วยกัน

“ ช่วยตอบมาหน่อยสิคะ ว่า หุ่นอสูรเทียมพวกนี้มันอะไรกัน ”
เธอ คะยั้นคะยอเอาคำตอบจากเค้าอีกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะดุ้งสะเทือน
อะไรแม้แต่น้อย

“ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่ครับ พวกนั้นก็แค่ของที่อยู่ในขั้นทดลองพัฒนาขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง… ”
เค้าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับว่าสิ่งที่เธอเอามาแสดงให้เค้าดูนั้นเป็น อะไรที่ธรรมดาเอามากๆ

“ ไม่มีอะไรงั้นรึคะ!!..นี่น่ะเป็นของที่พัฒนาขึ้นมาโดยใช้วิทยาการของทางเราด้วยไม่ใช่หรือคะ
คุณก็รู้อยู่แก่ใจ ว่า ประเทศของทางเราน่ะ…. ”
ชุติการ กระแทกตัวลุกขึ้นตะคอกสวนกลับไปเสียงลั่นห้อง อย่างเดือดดาล ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงรักษาท่าทีเอาไว้ได้ราวกับ
ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอนั้น เป็นเรื่องโกหก

“ ทางเรากับประเทศของ เจ้าหญิง เป็นพันธมิตรกัน เรื่องพวกนี้เราก็รู้ๆกันอยู่ ทางประเทศของเจ้าหญิงเองไม่ใช่หรอกรึ
ที่ผลักดันโครงการนี้ขึ้นมาน่ะ อีกอย่างในภาวะที่สภาพความมั่นคงระหว่างประเทศกับสหพันธ์Allian หรือ พวก Magnus
ยังไม่แน่นอนแบบนี้เราก็ควรที่จะสรรหาพลังมาไว้เพื่อป้องกันตัวก่อน ก็ไม่เห็นมันจะผิดตรงไหนเลยนี่ครับ ”

เค้าตอบกลับเสียงเรียบ ดูเหมือนเค้าจะยังคงรักษาท่าทีสงบใจเอาไว้ได้อย่างไม่สะดุด ทำให้เป็นต่อเธอที่
ฟิวส์ขาดตั้งแต่เริ่มเจรจาไม่น้อย

“ แต่ว่า…พลังที่มากเกินไปน่ะ จะทำให้เกิดสงครามขึ้นมาอีกนะคะ! ”
เธอ แย้งถึงตรงนี้แล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงทำทีนิ่งนอนใจต่อคำพูดของเธอ

“ ผิดแล้ว เจ้าหญิง เพราะยังมีสงครามอยู่ต่างหากถึงจำเป็นต้องมีพลัง ประเทศของ
เจ้าหญิงเองก็เหมือนกันนี่ เพื่อที่จะรักษาอุดมการณ์ พลังก็มีไว้เพื่อการนั้น จริงไหมครับ ”
เค้าแย้งเธอกลับ ทำเอาเธอเถียงไม่ออกเสียทีเดียว

“ จริงสิ…ถ้าไม่รังเกียจไหนๆแล้ว จะลองไปชมให้เห็นกับตาเองเลยไหมล่ะครับ…..หุ่นพวกนั้นน่ะ ”
ท่ามกลางความเงียบสงัดเค้าได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ขึ้นมา

………………………..
……………………………………
……………………………………………..

อากาศเริ่มเย็นจัดลงไปอีก เมื่อตะวันเริ่มคล้อยดิน ขอบเขตการตกของหิมะ นั้นค่อยๆแผ่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงครึ่งวัน ขอบเขตของสนามพลังเวทย์ที่ทำให้สภาพอาอกาศเป็นเช่นนี้ได้ขยายตัวปกคลุม ไปทั้งประเทศไทยแล้ว
อีกทั้งยังขยายตัวไปเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนกินอาณาเขต ประเทศเพื่อนบ้าน ไปอีกทั้ง มาเลเซีย เขมร ลาว กัมพูชา
ในเวลานี้เอง ทั่วโลกเริ่มที่จะตระหนักกับสถานการณ์นี้เสียแล้ว เพราะจากเดิมที่สนามพลังนี้กินอาณาเขตแค่เมืองแห่งเดียว
กลับขยายตัว จนลามไปถึงประเทศอื่นๆ

……………

“ ว่าไงนะ ไปเจอ ปอบ มา…ในเมืองเนี่ยนะ! ”
ชายคนหนึ่งตะคอกถาม ใส่ชายอีกคนที่หน้าซีด ราวกับเห็นผีมา พวกเค้าทั้งสองยืนอยู่บนตรอก
ข้างถนนที่ลับตาผู้คน โดยมีเพียงแสงไฟสลัวๆจาก ไฟข้างทาง ส่องเข้ามา บนถนนแถวนั้นแทบจะไม่มีใครสัญจรผ่านไปมาแล้ว เพราะ เป็นเวลาโพล้เพล้ที่อากาศในตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นสะท้านกันเลยทีเดียว

“ ช....ใช่…ใช่…ที่ถนนข้างๆเนี่ย….ฉันเห็นพวกมันเป็นฝูงเลย….เฮ้อๆ.. ”
ชายผู้หน้าซีดเซียว ตอบเสียงสั่น เหตุการณ์ที่เค้าเผชิญมานั้น น่ากลัวเกินจะบรรยายออกมาได้นัก

“ เห่ย~~บ้าเปล่าวะ สมัยนี้แล้วมันจะมีปอบได้ไงกัน แกตาฝาดมากกว่าม้าง~ ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของชายคนนั้นแล้ว แต่ชายผู้ฟังก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่ และคิดว่าชายคนนี้
คงจะตาฝาดหรือไม่ก็เสียสติไปแล้วแน่ แต่พลันความคิดนั้นเป็นอักต้องมลายไป เมื่อหลังชายผู้หน้าซีดเซียวนั้น
มีกลุ่มคน อีกหลายสิบ ไม่สิไม่น่าจะเรียกได้มนุษย์ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ทั้ง N.O.W.(Native of World = มนุษย์ธรรมดาๆ)
และ DNA-Changer ลักษณะท่าทางการเดินของพวกมัน เดินกะโผลก กะเผลก แขนทั้งสองข้างตั้งตรงขึ้นมา มือทั้งสอง
ทำท่าหยิบจับ ไม่หยุดเหมือนคนเป็นสันนิบาท ดวงตาลอยเบิกโพล่ง จนดูน่ากลัว

ถ้าเปรียบกันแล้ว แทบจะเป็นซอมบี้ ดีๆนี่เอง เว้นแต่เพียงท่าหยิบจับ อันเป็นเอกลักษณ์
ไม่ต้องรีรออันใด สองชายรีบโกยหน้าตั้งออกจากตรอกนั้นทันที ตอนนี้สถานการณ์เริ่มจะ วิกฤตลงไปอีกขั้น
แล้ว

…………………….
………………………………….

ห้องพักผู้ป่วย ธนัททาธิเวศ จงกลาง

“ จนถึงตอนนี้ สนามพลังเวทย์ ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์หิมะตกนี้ ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแน่นอนอย่างแท้จริง
ค่ะ ทางองค์การนาซ่า ของอเมริกา ตอนนี้เปิดให้คำแถลงการณ์ ออกมาเมื่อเย็นนี้ว่า ดาวเทียม Apollo X-135 ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดนั้น ไม่สามารถตรวจสอบเกี่ยวกับสนามพลังนี้ได้ ”

เสียงรายงานข่าว ดังจากจอโฮโลแกรม ของ มาริน่า ที่เปิดดูอยู่ในห้องของ ธนัท ตอนนี้นอกจากเธอ กับ ธนัท
แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีกเลย เพราะทุกคนแยกกันไปทำธุระ ของตัวเองกันหมด

“ เคียว ยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย…จะเป็นอะไรรึเปล่านะ… ”
ธนัท เปรยอย่างเป็นห่วง ขณะที่มองตัวเลขบอกเวลาจากจอนาฬิกาโฮโลแกรม ที่ฉายอยู่บนผนังห้อง
พัก มันเป็นเวลา ทุ่มกว่าๆแล้ว

“ เรื่องมันชักจะยังไงแล้วสิ…ปรากฏการณพวกนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากลแน่ ”
แทบจะทำเอาเค้าสะดุ้งไปเลยทีเดียวเมื่อจู่ๆ มาริน่า ก็เปรยออกมาหลังจากนั่งดูทีวี อยู่นาน

“ อ…เอ่อ หมายถึงเรื่องของ เคียว เหรอ ”
ธนัท ถามอย่างเงงๆ

“ บ้าสิ ใครพูดถึงเรื่องนั้นกันยะ หมายถึงไอ้ หิมะ บ้าๆนี่ต่างหาก ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะสนามพลังเวทย์
ที่สะสมตามธรรมชาติเกิดรวน มันก็จะแปลกไปหน่อยล่ะ เพราะถ้าเป็นปกติทั่วไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่น่า
จะขยายไปได้ขนาดนี้ แบบนี้มันเหมือนกับว่ามีใครกำลังควบคุมมันอยู่มากกว่า ”

มาริน่า พูดพร้อมกับปิดจอโฮโลแกรมที่ฉายจาก Note รูปแบบตุ๊กตาผ้าของเธอ

“ แต่พลังที่จะควบคุมสนามพลังขนาดนั้นน่ะมัน…. ”
ธนัท เอ่ยด้วยความสงสัยพ่วงไปความลังเลที่ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เธอพูดกับสิ่งที่เค้าคิดตอนนี้ มันตรงกันหรือไม่
เพราะในเชิงความหมายแล้วสิ่งที่เธอพูดมานั้น สื่อถึงว่า มีใครบางคนควบคุมพลังของ อสูรเทพ

ที่มีอำนาจพอจะสร้างปรากฏการณ์แบบนี้อยู่ และที่เธอเลือกจะพูดขึ้นมาตอนนี้ ก็เพราะไม่อยากจะให้คน
อื่นรีบแตกตื่นกันมากไปนัก จึงเลือกที่จะรอจนกว่าจะเหลือแค่ตัวเค้าและเธอเท่านั้น

“ ใช่ อย่างที่นายคิดนั่นล่ะ เจ้าหนู ตอนนี้มีใครบางคน กำลังควบคุมพลังของ เลเวียทาน อสูรแห่งสมุทรา
อยู่หิมะนี่เป็นฝีมือของมันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ”
คำตอบของเธอแทบจะทำเอาหัวใจเค้าหยุดเต้นกันเลยทีเดียว สันนิษฐานของเค้าถูกเผง
แต่ก็ยังคงมีคำถามที่คลางแคลงใจเค้าอยู่

“ ประธานรู้แต่แรกแล้วใช่ไหม….ตั้งแต่ที่บ่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้น่ะ ”
เค้า ถามซึ่งเธอก็พยักหน้ารับว่าใช่

“ แล้วทำไมถึงต้องเป็นผมด้วยล่ะที่จริงเรื่องนี้ก็น่าจะบอกให้ทุกคนรู้ไม่ใช่เหรอหรือเพราะกลัวว่าทุกคนจะแตกตื่นกัน ถ้ายังงั้นก็น่าจะไปบอก พี่ศรีหรือไม่ก็พี่ริน ไม่สิ ปรึกษากับพวก Master Ceremony ทุกคนไปเลยแล้วทำไม… ”

“ แล้วนายคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นไปทำไมกันล่ะ….. ”

ธนัท แย้งถามไปยังไม่ทันจบ ก็ถูกเธอ สวนกลับขึ้นมาเสียงเรียบ เค้าจึงหยุดเพื่อที่จะรอฟังคำตอบจากเธอ

“ นายคิดเหรอ ว่าฉันจะเก็บเอาเรื่องแบบนี้มาบอกกับคนเจ็บอย่างนายน่ะ ทุกคนเค้ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนที่นายยัง
สลบไม่ได้สตินั่นแล้ว คนที่ไม่รู้ก็มีแต่นายนั่นแหล่ะ….ที่ฉันต้องบอกนายเอาไว้ก่อนเพราะหลังจากนี้ฉัน
จะออกไปสมทบกับ คนอื่นๆ ก็เลยอยากจะขอเตือนเอาไว้ก่อนว่า แกน่ะอย่าทำอะไรเกินตัวเป็นอันขาดล่ะ
นอนฟื้นตัวอยู่ที่นี่ไปเงียบๆซะ เข้าใจนะ ”

เธอ ตอบคำถามของเค้าจนหมดแล้ว จึงเดินออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เค้าถามอันใดอีก

“ นี่ฉัน…. ”
เค้าเปรยเสียงแผ่วออกมาเพียงแค่นั้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตอนนี้ตัวเค้าคิดไปเองว่า ตัวเองเป็นคนสำคัญ
ทั้งที่จริงๆแล้วตอนนี้ตัวเค้าไม่มีอำนาจอะไรเลยอีกต่อไป หลังจากสูญเสีย อาแมนคริส ไปแล้ว

………………..
……………………………
……………………………………….

ท่าเรือขนส่ง ศรีราชา จ. ชลบุรี

รัฐมนตรี ธนพัฒน์ เดินนำ ชุติการ เข้ามายังโรงพัฒนาส่วนกลางของ ท่าเรือ ภายในโรงเก็บนั้น มืดสลัว
ต้องอาศัยแสงไฟจาก หลอดไฟบนเพดาน ให้ความสว่าง ความกว้างใหญ่โอโถงนั้น ของโรงเก็บนี้ มากพอ
ที่จะเก็บเรือรบลำเบ้ง ซัก สิบลำไว้ได้เลยทีเดียว ที่ส่วนกลางของ โรงเก็บ

หุ่นอสูรเทียม หรือ Titania จำนวน 5 ซึ่งกำลังปรับปรุงโดยคนงาน นั้นยืนเรียงแถวยาวไปตลอดแนว
อยู่ต่อหน้าเธอ กับ บอร์ดี้การ์ดชายฉกรรจ์ที่มากับเธอ

“ เรียงจากขวามาซ้ายก็เป็น MAT Series X-101 Sagkelos , X-102 Anemokelos , X-103 Lexkelos
, X-104 Gaurdian of the Lost Ruin และสุดท้าย X-105 Thaliwilya ทั้ง 5 ตัวนี้ 3 ตัวแรก
ใช้แปลนในการพัฒนาแบบเดียวกัน ส่วน X-104กับ X-105

นั้นเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุดเชียวนะครับ ถ้าหากเสร็จตามกำหนดการแล้ว
พวกมันก็จะเข้าไปประจำกองกำลังอิสระที่ 7 ร่วมกับยานรบที่กำลังพัฒนาอย่าง LSN-S1A5 Cybertica Dragon ”
ธนพัฒน์ อธิบายสรรพคุณของเครื่องจักรสังหารอย่างสนุกปาก ขณะที่ ชุติการได้แต่จดจ้องกับ หุ่นทั้ง 5 ตัวตรงหน้า
เธอไม่คิดฝันเลยว่า ประเทศที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะไม่ก่อสงครามเช่นนี้จะพัฒนาของน่ากลัวพรรค์นี้ขึ้นมา

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ ว่ายังไงนะคะ นี่คุณคิดจะใช้พวกมันในสงครามจริงๆงั้นรึคะ หุ่นพวกนี้น่ะ ”
เธอแย้งถามด้วยความตกใจ หลังจากได้ยินว่า หุ่นพวกนี้จะถูกส่งไปประจำการ ซึ่งนั่นเท่ากับว่า นี่เป็นการเตรียมกำลังรบ
สำหรับเตรียมรับศึกที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ศึกที่เกิดจากการไปรุกรานคนอื่น

“ ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ครับ ยังไงซะวัตถุประสงค์ที่เราสร้างของพวกนี้ขึ้นมาก็เพื่อใช้พวกมันในสงครามอยู่แล้ว
ไม่สิเพื่อที่จะใช้พวกมันนี่แหละทำให้สงครามจบลง ”
เค้ากล่าว เสียงเรียบทำราวกับเธอเป็นแค่เด็กที่ถูกปลูกฝังให้พูดป่าวๆแล้วทำอะไรไม่ได้เพียงเท่านั้น

“ โอ…อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมคงเสียมารยาทมากไปหน่อย จริงสิครับงั้นเรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อย
ไหมครับเจ้าหญิง ได้ยินมาว่า เจ้าหญิง ชื่นชอบการเล่น Duel Summoner มากเลยนี่ครับ ถ้ายังไงเราลองมาเล่นกัน
ซักเกมส์ไหมล่ะครับ ”
ธนพัฒน์ เอ่ยชักชวนเธอ ขึ้นมา ท่าทีที่เปลี่ยนไป อย่างรวดเร็วแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกระแวงในตัวเค้าขึ้นมา

“ ไม่ทราบว่า ที่ชวนดิฉันแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไรงั้นรึคะ ”
เธอถาม อย่างไม่สบอารมณ์

“ อย่าพึ่งโกรธสิครับ เจ้าหญิง ผมแค่จะชวนท่านเปลี่ยนบรรยากาศก็เท่านั้นเอง อืมหรือว่า ถ้าเล่นกันเฉยๆมันจะไม่สนุก จริงสินะ งั้นเอางี้ไหมล่ะครับ ถ้าเจ้าหญิง ชนะผมในเกมส์นี้ได้ หุ่นทั้ง 5 ตัวนี้ผมจะยกเลิกการเข้าประจำการของพวกมัน
ดีไหมล่ะครับ ”
เค้ายื่นข้อเสนอขึ้นมา

“ เลิกเรียกฉันว่าเจ้าหญิงเถอะค่ะ แล้วก็ฉันจะไม่ถามหรอกนะคะ ว่าถ้าคุณชนะจะอยากได้อะไรบ้าง เพราะ
ผลมันคงไม่ต่างไปจากที่ฉันคิดนักหรอกค่ะ ”
เธอตอบ รับคำเชิญอย่างมั่นใจ ว่าเธอจะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน

“ โอ้งั้น เรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ ด้วยกฏ Ruler Expert Mode ” /Get Set/
เค้ากล่าวพร้อมกับ หยิบ Note ของตนขึ้นมา แสตนบายด์ ให้มันกลายเป็นปลอกแขนสำหรับดวล
ซึ่งมีสำรับติดตั้งเตรียมรอไว้ก่อนแล้ว

“ ดิฉัน พร้อมทุกเมื่ออยู่แล้วล่ะค่ะ ” /Get Set/
ชุติการ รับคำพร้อมกับ แสตนบายด์ Note ของเธอตามเช่นกัน

[ชุติการ Status; Hand:Seal 5 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 5 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Data:รมต. ธนพัฒน์ Age:22 year Cost LV:Caller Deck: Crisis Civilian ]

“ รอบของฉันก่อน Cost mp 3 ร่าย อมาร่า แองเจิลออฟคัพ (Amara, The Angel of Cups) ไปที่ At line ”
ชุติการ ประกาศพร้อมกับร่าย ซีลการ์ดบนมือลงไป ทันทีที่ ตัวการ์ดซึมซับละอองพลังเวทย์ที่สร้างออกมาจาก
Note แล้ว ผนึกการ์ด สลายตัวและปรากฏร่างของ ทูตสวรรค์กับถ้วยเงินและทองอย่างละใบขึ้นที่สนาม
รูปภาพ

“ จากนั้น Cost mp 2 อัญเชิญ อารักขเทวดาแห่งอลาน่า โฮลี่ (Holy, the Guardian Angel of Alana)
ลงไปที่ Df line 2 ใบ เป็นหมดรอบของฉัน ”
เธอ ประกาศพร้อมกับร่าย ซีล ลงไปเพิ่มอีก คราวนี้เป็น อารักขเทวดาตัวน้อย สององค์
รูปภาพ

“ รอบของผมล่ะนะ แต่ก่อนอื่นผมมีเรื่องอยากจะพูดซักหน่อยนะครับ ท่านผู้แทน ”
ธนพัฒน์ ประกาศเริ่มรอบของตน ก่อนจะเปิดประเด็นขึ้นโดยคราวนี้เค้าเรียกเธอด้วยฐานะ แทนที่จะเรียกว่า เจ้าหญิง
ตามที่เธอขอ

“ โลกนี้น่ะนะ ถ้าอะไรที่ดีกว่าก็ต้อง ดีไปหมดไม่ว่าใครก็อยากจะใช้อยากจะเห็นแต่ของที่สมบูรณ์พร้อมทั้งนั้น
แต่เพราะแบบนั้นแหล่ะ คนที่มีข้อบกพร่อง จึงหมดโอกาส ที่จะเปล่งประกาย ถ้าเปรียบไปแล้ว
ไม่ว่าใครก็ชอบแรร์การ์ดด้วยกันทั้งนั้น อย่างตอนนี้สนามของเท่านผู้แทนก็มีแต่ อสูรคลาสระดับที่เรียกได้ว่าหายากยิ่ง
สมเป็นสำรับคู่ฐานะ แต่ตัวผมน่ะนะเดิมทีก็เป็นแค่ สามัญชนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจนิดหน่อย เท่านั้นเองดังนั้น สำรับที่ผมจะใช้วันนี้ก็คือนี่ ”

เค้าพรรณาไปเรื่อยก่อนจะจบด้วยการ ร่ายซีล ลงมาในสนาม 3 ใบด้วยกันเลยทีเดียว

“ Cost mp 3 อัญเชิญ ซาโลมเทมเมอร์(Zalom’s Tamer) ที่ Df line ปีกแห่งวิกฤติ ไครซิสวิงค์ สกาเลต(Crisis Wing -Scarlet) และ ปีกแห่งวิกฤติ ไครซิสวิงค์ ไนเกอร์ (Crisis Wing-Niger) ทั้งสองตัวไปที่ At line ”
ธนพัฒน์ กำหนดไลน์ ให้กับ ซีลทุกใยที่ร่ายลงมา ซึ่งมี ผู้ฝึกสัตว์ ซาโลมเทมเมอร์ ปักษาแห่งวิกฤติ อีกสองตัว
สีแดงละดำเหลืองอย่างละตัว

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ จากนั้น Cost mp 1 ให้ ซาโลมเทมเมอร์ ใช้ Skill เผ่า Beast, Dragon หรือ Monster 1 ใบในสนาม
ได้รับ Last Dance Curse At+2 เป็นเวลา 1 Subturn เลือกให้ ไครซิสวิงค์ สการ์เลต เป็นเป้าหมาย Skill นี้ ”
สิ้นคำ วิหกแห่งวิกฤติสีชาด ก็ลุกโหมร่างของมันด้วยเปลวเพลิงจาก คฑาของ ซาโลมเทมเมอร์

“ Cost Mp 1 ให้ ไครซิสวิงค์สการ์เลต โจมตีไปที่ อมาร่า ”
ธนพัฒน์ ประกาศโจมตี วิหกแห่งวิกฤติสีชาด ก็โจนทะยาน เข้าใส่ อมาร่า ด้วยร่างที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

“ Cost Mp 2 ร่าย ดิสเคอเรทเมนท์(Discouragement) ไปที่ ไครซิสวิงค์ สการ์เลต ด้วยผลของมันจะทำให้ ซีลที่ติด At -2 ”
ชุติการ ร่ายมิสติกบนมือโต้กลับไปทันที ไฟที่ โหมร่างของมัน ได้อ่อนลง ทว่า กระนั้นก็ตาม อมาร่า กลับถูก
มันพุ่งเข้าชนจนสลายเป็นละอองไปในทันที ก่อนจะกลับเป็นผนึกการ์ดตามเดิม ภาพที่เกิดขึ้นทำเอาเธอตะลึงไปไม่น้อย
รูปภาพ

“ ด้วยผล Ability ของ ไครซิสวิงค์สกาเลต เมื่อมัน ติด Curse จะได้รับ At + 2 หน่วย ทำให้ผลรวมของ At เป็น 9 หน่วย
ดังนั้นต่อให้ติด ดิสเคอเรทเมนท์ ก็ตามที แต่ ผลรวมค่าพลังฝ่ายผมก็ยังชนะ อมาร่า ได้อย่างฉิวเฉียด เลยนะครับ ”
เค้า อธิบาย เพื่อแก้ข้อสงสัยของเธอ

“ เอาล่ะงั้นผมขอบุกต่อล่ะนะครับ ท่านผู้แทน Cost mp 1 ร่ายไครซิสวิงค์ บลูคริมสัน(Crisis Wing-Blue Crimson)
ลงไปที่ At line จากนั้น Cost mp อีก 1 ให้มันโจมตีไปที่ อารักขเทวดาโฮลี่ ”
สิ้นคำ ซีล วิหกแห่งวิกฤติตัวใหม่ก็ถูกร่ายออกมา พร้อมกับบุกเข้าไปโจมตี ใส่จน โฮลี่ ถูกทำลายตามไปอีกใบ

รูปภาพ

“ ไม่มี Mp เหลือแล้วดังนั้จึงขอหมดรอบการเดินเพียงเท่านี้ และเมื่อรอบของผมหมดลง เวลาก็ได้ผ่านไป 1 subturn แล้ว
ดังนั้น ไครซิสวิงค์ สการ์เลต ก็จะต้องถูกส่งไปยัง Shrine ตามเวลาที่ระบุของ Last Dance Curse ”
สิ้นคำ ทันทีที่เค้าประกาศหมดรอบ ร่างของ วิหกแห่งวิกฤติสีชาด ก็สลายเป็นละอองไป

“ ดูเหมือนจะเป็นการบุกแบบเอาตัวเข้าแลกเลยนะคะแบบนี้น่ะ ”
ชุติการ กล่าวประชดประชันเล็กน้อย ตอนนี้เธอถูกบุกอย่างสายฟ้าแลบจนตั้งตัวแทบไม่ติด

“ ก็คงจะเป็นเช่นนั้นล่ะครับท่านผู้แทน เพราะว่าทางเดียวที่คนธรรมสามัญจะเอาชนะ คนที่สมบูรณ์กว่า แข็งแกร่งกว่า
มันก็ต้องสู้แบบถวายหัวอย่างนี้ล่ะครับ แต่ว่านะ….. ”
เค้ากล่าวรับคำเสียงเรียบก่อนจะหยุดไปซะดื้อๆ เพราะละอองแสงของ วิหกที่สลายไปเมื่อครู่นั้น
กลับรวมตัวคืนสภาพกลับมาเป็น วิหกแห่งวิกฤติตามเดิม สร้างความแปลกใจให้แก่เธอเข้าไปอีกครั้ง

“ แต่ว่านะครับ เพราะคนที่สามัญรู้จักกับความขมขื่นที่เป็นดั่งคำสาปติดตัว ดังนั้นพวกเค้าจึงแข็งแกร่งขึ้นและจะลุกขึ้น
ทุกครั้งที่ล้มลงไป จริงไหมครับ ก็เหมือนกัน เมื่อ ไครซิสวิงค์ สกาเลต ถูกส่งไปยัง Shrine ด้วยผลของ Curse
มันก็จะถูกส่งกลับเข้ามาในสนามใหม่อีกครั้ง ”
คำอธิบายของ เค้า ทำให้เธอกระจ่างในความหมายของสำรับที่เค้าเปรยไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มดวลแล้ว

{คนๆนี้….ดูเหมือนจะไม่ใชเก่งแต่ปากซะแล้วสิ…}
ชุติการคิด หลังจากได้เห็นการผสาน เมื่อครู่ไป

“ ดูเหมือนท่าน รมต. จะยึดติดกับ ความเป็นสามัญเหลือเกินนะคะ ”
เธอเหน็บกลับไป หลังจากที่เริ่มคิดแล้วว่า คำพูดเทียบครั้งแล้วครั้งเล่านั่น น่ารำคาญยิ่งนัก

“ มันเป็นเรื่องปกติครับ ในชีวิตจริง ผู้คนก็ต้องแข่งขันกันเองอยู่แล้ว ยิ่งพวก DNA-Changer เกิดขึ้นมาแบบนี้
พวกสัตว์ประหลาด ที่สมบูรณ์ไปซะทุกอย่างแบบนั้น ความสามารถที่ความ มุมานะของมนุษย์ก้าวข้ามไม่ได้
เพราะแบบนี้ยังไงล่ะครับ เราถึงต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอๆ หุ่นพวกนั้นก็เหมือนกัน เพื่อที่จะ….โอ๊ะโอ๋
ดูเหมือนจะพูดมากไปแล้วสินะครับ งั้นเรากลับมาเล่นกันต่อเถอะนะครับตาคุณแล้ว ท่านผู้แทน ”

เค้ากล่าว ไปเรื่อยๆก่อนจะตัดพ้อเรื่องที่พูดอยู่ไป

{ไม่มีผิดแน่…คนๆนี้เป็นพวกลัทธิ Neo-Nazism แน่นอนคิดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย กับ DNA-Changer ได้ขนาดนี้
ทำไมคนแบบนี้ถึงได้ขึ้นมากุมอำนาจของประเทศนี้ได้นะ}
ชุติการ คิดขณะที่กำลังจะเริ่มรอบของเธอ ด้วยการ จั่วการ์ด ซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

……………………………….
…………………………………………….

ท่าเรือราชวงศ์ ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา เวลา 19.30 น.

“ ให้ตายสิ อยู่ไหนกันนะ ตัวการของเรื่องพวกนี้เนี่ย ”
ริน บ่นพลางปาดเอาหิมะที่ค้างอยู่บน ฮู้ดเสื้อคลุมออก เธอกับ ภูเขา ออกเดินตรวจไปรอบท่าเรือ ที่เต็มไปด้วยหิมะนี่
มากว่า 2 ชั่วโมงแล้ว

“ จุดที่คลื่นพลังเข้มข้นก็เป็นแถวๆนี้ พวกมันก็น่าจะอยู่ใกล้ๆนี่ล่ะน่า ใจเย็นค่อยๆหาไปก็ได้ ”
ภูเขา เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ขณะที่ เดินวนหาไปรอบๆอย่างเอื่อยเฉื่อย

“ แหม แต่นี่มันก็หามาตั้งเป็นชั่วโมงๆ แล้วนะ ไม่เห็นมันจะมีใครเลยซักคน แถมยิ่งมืดก็ยิ่งหนาวหนักเข้าไปอีก ”
ริน บ่นเสียงดังลั่นขึ้นมา เธอเริ่มจะหงุดหงิดกับงานแบบนี้เต็มทีแล้ว ทว่าเธอก็ต้องหุบปากไปเสีย
เมื่อ อยู่ๆลมก็พัดโหมเข้ามา ทำให้เธอหนาวหนักเข้าไปอีกแม้จะสวมเสื้อคลุมทับเสื้อกันหนาวแล้วก็ตาม

สิ่งที่ตามมาจากนั้นคือ หลอดไฟบริเวณท่าเรือทั้งหมด ดับลงพร้อมๆกันจนมืดสนิท
มันมืดซะจน แทบจะมองออกห่างจากตัวเองไปได้ไม่เกิน 10 เมตร เลย

“ เจี้ยกๆ ปุจฉาฉันเป็นใครเอ่ย~~~ ”
เสียงสะท้อนดังก้องมาจาก ทั่วทั้งบริเวณ เธอกับ ภูเขา ทั้งสองหยุดเงียบเพื่อที่จะเตรียมรับมือกับ ศัตรู
ท่ามกลางความมืดมิด นี้บรรยากาศรอบข้างเงียบเชียบและเย็นยะเยือก ไม่นาน

สายลมก็พัดหอบเอาหิมะกองใหญ่มากองอยู่ต่อหน้าพวกเธอ
ก่อนที่ร่างใต้กองหิมะนั้น พุ่งออกมา ร่างนั้นเป็นวานรขนกายขาวพิสุทธิ์ ดวงตาเจ้าเล่ห์แสนซนของมันกลอกไปมา
ที่คอของมันห้อย จี้ห้อยคอที่เป็น Note เช่นเดียวกับพวกเค้า


“ เจี้ยกๆ ฉัน 1 ใน 4จตุรเทพแห่ง Celetia Military ผู้หาวเป็นดาวเป็นเดือน ลูกพระพายผู้เป็นอมตะ
ยามสายลมพัดผ่านก็จะฟื้นคืนชีพได้ เจี้ยกค่อก ข้าเป็นใครเอ่ย ” /Get Set/
เจ้าวานรขาว ถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ Note ของมัน แสตนบายด์ เป็นที่เรียบร้อย

รูปภาพ

………………
………………………….
………………………………………
ณ บ้านร้างซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในสุดของซอย แห่งหนึ่ง

“ หลังนี้สินะบ้านของนายน่ะ…..ยังไงซะก็คงต้องขอคำตอบจากนายล่ะนะ ความรู้สึกนี้ของฉันน่ะ ”
ลูเซีย เปรยขึ้นกับตัวเธอเอง ก่อนจะเปิดประตูรั้วและก้าวเท้าเข้าไปในบ้านหลังนั้น
ที่เสาประตูรั้วมี ป้ายชื่อผู้เคยอาศัยอยู่ใยบ้านหลังนี้ ซึ่งมีฝุ่นจับเขรอะ ไปทั่วทั้งแผ่น
คำที่สลักเอาไว้บนนั้นคือ [อิสร…… ]



To be Continue…………..
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 6:14 pm, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 50%

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ พ.ย. 21, 2009 6:01 am

::011::
ตอนนี้มาแนวรันทดอดีตอีกรอบแฮะ~
ธนัทคุง T^T อย่าเพิ่งท้อแท้สิ....
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 50%

โพสต์โดย {[T]yki-[M]igg} เมื่อ เสาร์ พ.ย. 21, 2009 4:12 pm

หนุกๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
{[T]yki-[M]igg}
0
 
โพสต์: 545
Cash on hand: 100.00
ที่อยู่: ร้านToonZoneเเถวๆวัดสุทธิ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 50%

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 29, 2009 8:13 pm

มาลงต่อจาก 50% คราวก่อนแล้วครับคราวนี้ครบทั้งบทที่ 07 เลย ผมใช้ edit ใส่เอาอ่ะนะครับ ย้อนกลับขึ้นไปอ่านได้เลย

รอบนี้ไม่มีบอกตัวอย่างตอนต่อไปนะครับ เนื่องจากคนเขียนเหนื่อยแทบปางตาย
หลังจากงานกิจกรรม เลยยังไม่ได้คิดบทพูดของตอนต่อไปเฮ้อเหนื่อยขอตัวก่อนนะคร้าบ
ไว้จะมาเมนท์ อธิบายเพิ่มวันหลัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย Leraje เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 29, 2009 8:35 pm

Crisis-Wing จะสู้กับ Alana หรอเนี่ย ชนะก็แปลกล่ะ ::001::

แต่ก็เชียร์ Crisis-Wing นะ เอาให้ Alana หมอบกระแตไปเลย ::027::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Leraje
0
 
โพสต์: 915
Cash on hand: 1,150.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ จันทร์ พ.ย. 30, 2009 9:28 pm

Leraje เขียน:Crisis-Wing จะสู้กับ Alana หรอเนี่ย ชนะก็แปลกล่ะ ::001::

แต่ก็เชียร์ Crisis-Wing นะ เอาให้ Alana หมอบกระแตไปเลย ::027::


ใจตรงกันแฮะ Crisis Wing เนี่ยแรงใช้ได้เลย (ถ้ากระจาย Curse ได้นะ)

ปล. Crisis Wing หรือว่า...
ปล. 2 มันมืดมนยังไงไม่รุ T_T จะรอดูต่อไปครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร ธ.ค. 01, 2009 1:30 am

บทนี้มีแต่คนบอกว่าบรรรยากาศมันมืดมน เจ๊ งงอ่ะ มันมืดมนตรงไหนอ่า ที่จริงมันออกแนวเครียดเพราะกำลังจะบู๊ครั้งใหญ่มากกว่า
ถ้าจะบอกว่ามืดล่ะก็ น่าจะเป็นเพราะบทนี้ ธนัทคุง แสดงออกนอกหน้าเลยว่า กำลังเกิดอาการนอกใจชุติการและกำลังจะมีกิ๊กใหม่
เนี่ยสิ น่าหนักใจกว่าอีก โอ้หรือนี่จะเกิดการเปลี่ยนนางเอกกลางอากาศ ขึ้นกันล่ะเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร ธ.ค. 01, 2009 1:04 pm

JX~Mystalgikus เขียน:
Leraje เขียน:Crisis-Wing จะสู้กับ Alana หรอเนี่ย ชนะก็แปลกล่ะ ::001::

แต่ก็เชียร์ Crisis-Wing นะ เอาให้ Alana หมอบกระแตไปเลย ::027::


ใจตรงกันแฮะ Crisis Wing เนี่ยแรงใช้ได้เลย (ถ้ากระจาย Curse ได้นะ)

ปล. Crisis Wing หรือว่า...
ปล. 2 มันมืดมนยังไงไม่รุ T_T จะรอดูต่อไปครับ



crisis wing เนี่ยจะบอกว่ามัน คือสัตว์อัญมณี ทั้ง 7 ใช่มิ ถ้าคิดงั้นก็คง
ใกล้เคียงล่ะมั้งครับ ที่จริงตอนเลือกสำรับให้ คุณ Devil ชื่อรัฐมนตรี เป็นชื่อจริงเค้าอ่ะนะ มันนึกไม่ค่อยออก
เพราะจะใช้เด็คซินไอ้เราก็ขี้เกียจคิดคอมโบ เลยเอา มาม่า ไวไว(สำเร็จรูปนั่นเอง) มาใช้ไปเลยง่ายดี
ตอนจะแพ้จะได้หาเรื่องแพ้ง่ายๆด้วย

เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ อังคาร ธ.ค. 01, 2009 7:22 pm

greamon เขียน:
JX~Mystalgikus เขียน:
Leraje เขียน:Crisis-Wing จะสู้กับ Alana หรอเนี่ย ชนะก็แปลกล่ะ ::001::

แต่ก็เชียร์ Crisis-Wing นะ เอาให้ Alana หมอบกระแตไปเลย ::027::


ใจตรงกันแฮะ Crisis Wing เนี่ยแรงใช้ได้เลย (ถ้ากระจาย Curse ได้นะ)

ปล. Crisis Wing หรือว่า...
ปล. 2 มันมืดมนยังไงไม่รุ T_T จะรอดูต่อไปครับ



crisis wing เนี่ยจะบอกว่ามัน คือสัตว์อัญมณี ทั้ง 7 ใช่มิ ถ้าคิดงั้นก็คง
ใกล้เคียงล่ะมั้งครับ ที่จริงตอนเลือกสำรับให้ คุณ Devil ชื่อรัฐมนตรี เป็นชื่อจริงเค้าอ่ะนะ มันนึกไม่ค่อยออก
เพราะจะใช้เด็คซินไอ้เราก็ขี้เกียจคิดคอมโบ เลยเอา มาม่า ไวไว(สำเร็จรูปนั่นเอง) มาใช้ไปเลยง่ายดี
ตอนจะแพ้จะได้หาเรื่องแพ้ง่ายๆด้วย

เหอๆ



ประมาณนั้นแหละครับ

ตัวกระผมยังตกใจเลยนะเมื่อรู้ว่ามีคนใช้ Crisis Wing ด้วย หุหุ (1 ในเด็คโครงการ Project Commoner)

ต่อไปจะเป็นอะไรอีกละเน้อ~
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 07 Celetia Millitary 100%

โพสต์โดย {[T]yki-[M]igg} เมื่อ พุธ ธ.ค. 02, 2009 8:46 pm

เย้!!~

ได้เป็นรัฐมนตรี

ต้องเลวให้ได้อย่างสุดขั้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
{[T]yki-[M]igg}
0
 
โพสต์: 545
Cash on hand: 100.00
ที่อยู่: ร้านToonZoneเเถวๆวัดสุทธิ

Sub-Turn 08 Common & Ideology (ความสามัญ และ อุดมการณ์)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 8:11 pm

Sub-Turn 08 Common & Ideology (ความสามัญ และ อุดมการณ์)

ความเดิมตอนที่แล้ว: หิมะตกสภาพอากาศนี้ได้แผ่ขยายตัวกินอาณาเขต ไปถึงอีกหลายประเทศในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
ไม่นาน สัญญาณแห่งการปะทะ ก็ถูกจุดขึ้น เหล่า Master Ceremony ได้ออกต่อกรกับ Celetia Miritaly
ขณะเดียวกัน ชุติการ ฐานะอันแท้จริงของเธอ ได้นำมาซึ่งการปะทะคารมณ์กับ ชายผู้ใฝ่ความขัดแย้งและการแบ่งแยก
หากความวุ่นวายในโลกนี้ เกิดจากตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว ที่จะต้องรับผิดชอบ คือทุกคนหรือ
เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรที่จะได้รับอิสรภาพและความเที่ยงธรรมใดๆ เลย…………….




[ชุติการ Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 ร่าย โฮลี่ อัลต้า (Holy, the Altar Boy) ลงไปที่ At Line ”
สิ้นคำของชุติการ โฮลี่ อีกใบก็ถูกอัญเชิญขึ้นมาทว่า ต่างจาก 2 ใบแรก โฮลี่ นี้ไม่มีปีก

รูปภาพ

“ จากนั้น Cost Mp 3 ร่าย รักและสันติภาพ(Love and Peace) ด้วยผลของมันจะทำให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสั่งโจมตีไม่ได้
จนกว่าจะหมดผลของการ์ดใบนี้ ขอหมดรอบแค่นี้ ”
ชุติการ ประกาศจบรอบของเธอพร้อม กับร่ายมิสติกบนมือลงมา ภาพของมิสติกได้ปรากฏขึ้นในสนาม
บนการ์ดนั้นเป็น รูปของความรักและสื่อถึงสันติ รัศมีจาก การ์ดใบนี้ทำให้ อสูรอัญเชิญ ทุกใบในสนาม
พากันหยุดตั้งท่าเตรียมสู้ เปลี่ยนเป็นยื่นนิ่งๆแทน ราวกับถูกอานุภาพบางอย่างดึงให้ความฮึกเหิมในการต่อสู้หายไป

รูปภาพ

“ รอบของผม ”
รัฐมนตรี ธนพัฒน์ ประกาศรอบของตน ก่อนจะดึงเอาการ์ด ซีลอีก 2 ใบออกมาจากสำรับ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 5 ร่าย ไครซิสเทล ออเบิร์น (Crisis Tail-Auburn), ไครซิสวิงค์ กริฟฟิน(Crisis Wing - Griffin) , และ ไครซิสวิงค์ อเซอร์เร้ด(Crisis Wing – Azure Red) ทั้งหมดลงไปที่ At Line ”
สิ้นเสียง อสูรอัญเชิญ สี่ขาสีน้ำตาล กริฟฟินสีอัญชัญคล้ำ และ วิหกแห่งวิกฤติ สีฟ้าเจือปลายแดง ทั้งสามตัวได้ปรากฏขึ้น
ต่อหน้า เธอ เพียงแค่นั้น ความกังวลที่เธอคาดคะเนได้ก็แวบเข้าสู่สมองทันที

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ ไครซิส พวกนี้ก็…. ”
“ ครับ แน่นอนพวกมันก็เช่นกันเมื่อได้รับ Curse ก็จะมีความสามารถเพิ่มขึ้น ”
เธอเปรย ได้ไม่ทันไร เค้าก็ชิงตอบเสียทันที

“ ไครซิส เทล ออเบิร์น นั้นสามารถโจมตี โดยเทียบค่าพลังของตัวเองกับ ค่า Df ของคู่ต่อสู้
ส่วน ไครซิสวิงค์กริฟฟิน ก็สามารถที่จะไม่รับผลจาก Ability ของการ์ดอีกฝ่ายได้ ไม่ว่า ซีล หรือ มิสติก
และสุดท้าย ไครซิสวิงค์อเซอร์เร้ด เมื่อต่อสู้ ซีลที่ปะทะด้วย จะติด Freeze Curse ความสามารถเหล่านี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อ
พวกมันนั้นได้รับ Curse ”

เค้า บรรยายความสามารถของ ทุกตัวที่อัญเชิญ มาให้เสร็จสรรพ

“ คงเข้าใจนะครับ หากว่าเมื่อไหร่ที่ สันติภาพและความรักนั้นหมดไป เหล่าสามัญชนคนชั้นล่างพวกนี้ ก็
จะบุกไปทำลายจนสิ้นหมด ที่ยังไม่เป็นแบบนั้นในตอนนี้ ก็เพราะ ยังมีอำนาจที่เข้มแข็งพอจะ
หยุดสิ่งนั้นเอาไว้ได้ ดังเช่น แรร์การ์ด รักและสันติภาพ นี้ยังไงล่ะครับ โลกในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก
ครับ ท่านผู้แทน ”
เค้า กล่าวโดยแฝงนัย ชักจูงให้เธอ จนไปกับความเห็นของเค้า

“ ที่คุณอยากจะพูดน่ะ….หมายความว่าไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องรบกันให้ถึงขั้นแตกหักไปเลยรึไง ”
เธอ ถามขึ้น เพราะต้องการจะทราบให้แน่ชัดไปเลย กับแนวความคิดของ ชายคนนี้
ที่ตลอดมามีแต่ทั้งเสียดสีสังคม ว่าร้ายมนุษย์และชีวิตอื่นๆไปทั่ว

“ แหม…มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ท่านผู้แทน กระผมก็แค่อยากจะบอกว่า ต่อให้มีอำนาจมากมายแค่ไหน
ก็ไม่มีอำนาจใดจะหยุดปวงชน ให้แบ่งแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วปะทะกันได้หรอก เมื่อมีการแบ่งแล้ว
ก็มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้ไป และฝ่ายที่ชนะก็จะขึ้นครองทุกสิ่งจากนั้นก็ แบ่งฝักฝ่ายกันใหม่ คัดจนเหลือ
สิ่งที่ดีที่สุด สัจธรรมของโลกมันเป็นแบบนี้ล่ะครับ ท่านผู้แทนยัง เยาว์วัยเกินกว่าจะเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องนี้นัก ”

เค้ากล่าวแก้ตัว อ้อมๆก่อนจะ ร่ายมิสติกการ์ดในมืออกมาด้วย

“ Cost Mp 2 ร่าย Twin Stars ด้วยผลของการ์ดใบนี้ทำให้สามารถจั่วการ์ดขึ้นมาได้อีกสองใบ ”
สิ้นคำ การ์ดที่ร่ายออกมาก็แสดงผล กลายเป็นประกายแสงสองดวง วิ่งมา ประทับที่ช่อง เสียบการ์ดซีลของเค้า
ก่อนที่จะจั่วขึ้นมา 2 ใบ

รูปภาพ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/7 Shrine 0/6 ]

“ รอบของผมหมดแค่นี้ ”
เค้าประกาศผ่านของตนและเปลี่ยนตาการเล่นกลับมาที่ ชุติการ

“ รอบของฉัน ”
เธอประกาศรอบของตนพร้อมกับ จั่วมิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

“ Cost mp 4 นักบุญมายา อลาน่า (Alana, the Mythical Saint) สู่ At Line ”
ชุติการ ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ นักบุญสาวออกมาโดยที่ตัวนักบุญนั้นมีออร่าสีขาว แพ่ออกมาเป็นรัศมี
ชวนให้ดูน่าอบอุ่นยิ่งนักเมื่อประกอบกับใบหน้าแสนอ่อนโยนของเธอ

รูปภาพ

“ และด้วยผลของ นักบุญมายา อลาน่า จะสามารถอัญเชิญ ซีลที่มี คำว่า St. หรือ Holy อยู่ในชื่อและมี Mp ค่าร่าย ไม่เกิน 2
เข้ามาในสนามจากองการ์ด ได้ 1 ใบ ฉันขอร่าย โฮลี่ อัลต้า อีกใบออกมาที่ Df Line ”
สิ้นคำ โฮลี่ ก็ปรากฏขึ้นในสนาม ด้านหลัง คู่กันเป็น 3 คน

“ ด้วยผลAbility ของ โฮลี่ อัตต้า ที่การ์ดทุกใบจะสูญเสีย Ability ที่มีคำว่า เมื่อเข้ามาในสนาม
ก็ไม่น่าจะอัญเชิญ ด้วยความสามารถของ อลาน่า ได้นี่ครับ ”
เค้า แย้งขึ้น

[ชุติการ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:3/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/7 Shrine 0/6 ]


“ ด้วยผลของ นักบุญมายา อลาน่า ทำให้ Ability ของเผ่า Mage ใบอื่น ไม่มีผลต่อ การ์ดใบนี้ค่ะ
จากนั้นให้ อลาน่า กับ อารักขเทวดา โฮลี่ รวมร่าง และขอหมดรอบเพียงเท่านี้ ”
เธอ ตอบพร้อมกับประกาศรวมร่าง แผงโฮโลแกรมเป็นจอฉายภาพการ์ดของ อสูรทุกใบในสนามของเธอได้ปรากฏขึ้น
เธอ เอามือลาก รูปการ์ดของ อลาน่า ไปทับโฮลี่ ที่ แนวป้องกันก่อน จะเลื่อนขึ้นกลับไปที่ เดิมของ การ์ดอลาน่า
จากนั้น อารักขเทวดา โฮลี่ จึงสยายปีกบินด้วยเข้ามายืนขวางระหว่าง เหล่าอสูรตรงหน้ากับ อลาน่า

[การรวมร่างคือ การสั่งให้ ซีล ตั้ง 2 ใบขึ้นไปรวมเป็นใบเดียว เพื่อเปลี่ยนแปลงค่าพลัง ของซีลตามท่ารวมร่าง
ที่กำหนดเอาไว้ของซีลนั้นๆ]

“ รอบของ ผมจั่วไพ่ ”
เค้าประกาศพร้อมกับ ดึงเอามิสติกกับ ซีลขึ้นมาอย่างละใบ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp:7/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ ยินดีด้วยนะครับ ท่านผู้แทนคงจะชนะแล้วจริงๆนั่นล่ะ ในรอบนี้ผมไม่สามารถโจมตีได้
และรอบต่อไปเมื่อ อลาน่า รวมร่าง ซ้อนกันแบบ Triple Combination ได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น
การโจมตี แบบ All ก็จะนำผมไปสู่ความพ่ายแพ้ ”
เค้า กล่าวเหมือนคนสิ้นหวัง แต่กระนั้นสีหน้าและการกระทำกลับไม่เป็นเช่นนั้นด้วย
เค้ายังคงรักษาทีท่า นิ่งเรียบไว้อยู่ จนทำให้คำพูดเมื่อครู่เหมือนเป็นการประชดกัน

“ ในรอบนี้ ผมขอ อัญเชิญ ภูตแสงตะวันคล้อยดิน(Twilight Balled Fairy) สู่ Df Line หมดรอบแค่นี้ ”
การกระทำของ เค้าเหมือนเป็นการจงใจ ที่จะแพ้พ่ายต่ออำนาจของเธอ เป็นดังเหยื่อ ที่ถูกใส่พานมาประเคน
ทำให้ เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ และหงุดหงิดกับ การกระทำที่ราวกับจะเสแสร้งอุบาย
ตามมา ว่าสุดท้ายแล้ว เธอก็หนีไม่พ้นไปจากสิ่งที่เค้าพูด อำนาจที่มากกว่าจะขยี้สามัญชนที่ไร้ซึ่งพลัง
นั่นราวกับว่า จะเหมารวมเธอเข้าไปอยู่ในวัฏจักรนั้น

รูปภาพ

“ ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายแล้วเมื่อไร้ซึ่งพลังอำนาจ ก็จะถูกอำนาจของคนอื่น บดขยี้งั้นเหรอคะ
ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นแบบนั้นงั้นเหรอคะ….หากคุณคิดอย่างนั้นล่ะก็แนจะแสดงให้ดูเองค่ะ ”
ชุติการ กล่าวพร้อมกับ เริ่มรอบของเธอด้วยการจั่ว มิสติกขึ้นมา 2 ใบ และเช่นเดียวกันเมื่อเริ่มรอบนี้แล้ว
ผลของ การ์ด รักและสันติภาพ ก็ได้สลายไป ในทันทีด้วย

[ชุติการ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:7/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]


“ Cost mp 3 ร่าย บาลลิสต้า (Balista) ลงไปที่ At Line จากนั้น Cost Mp 3 ให้สกิลของ บาลลิสต้า ทำงาน ทำลาย ซีลเลเวล
1 หนึ่งใบในสนามที่ไม่ได้รวมร่าง เลือกเป้าหมายคือ ซาโลมเทมเมอร์ ”
สิ้นคำของเธอ ซีลการ์ดบนมือก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏฐานเครื่องยิงหลาวยักษ์ขึ้นในสนาม ก่อนที่
มันจะดีดหลาวแหลมพุ่งทะลวงใส่ ร่างของ ซาโลมเทมเมอร์ จนแหลกสลาย

รูปภาพ

“ จากนั้น ให้ อลาน่า แยกการรวมร่างและ ทั้งหมดลงไปอยู่ที่ Df Line หมดรอบแค่นี้ค่ะ ”
สิ้นคำของเธอ ในสนามแนวหน้า นอกจาก บาลลิสต้า แล้ว ทั้งอลาน่า และ โฮลี่ อีก 3
ต่างก็ถูกแยกย้ายไปจัดอยู่แนวหลังของ บาลลิสต้า ทั้งหมด

การทำแบบนี้ หาก บาลลิสต้า ที่อยู่แนวหน้าถูกทำลายลงเมื่อใด เพียงแค่ อสูรตัวใดตัวหนึ่งถูกทำลายลงไปอีกตัว
เธอก็จะแพ้ทันที แน่นอนทำเอา รมต.ธนพัฒน์ ถึงนิ่งเงียบไปชั่วครู่กันเลยทีเดียวกับการตัดสินใจ
แบบไม่ลังเลของเธอ เช่นเดียวกันกับ องครักษ์หนุ่มวัยกลางคน ของเธอด้วยที่ต้องจ้องตาไม่กระพริบ


“ ……ใจดีจังเลยนะครับ ท่านผู้แทน….แต่ว่า มันคือความใจอ่อน ในโลกที่มีแต่ความขัดแย้งและการแข่งขันนี้
การปล่อยคู่แข่งเอาไว้ ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเอง ความปราณีน่ะไม่มีประโยชนืในสนามรบหรอกนะครับ ท่านผู้แทน
ยังเยาว์วัยเกินไปจริงๆนั่นล่ะ รอบของผมนี้ ผลมันคงออกมาแล้ว ดังนั้นถึงไม่ต้อง จั่วการ์ดผลก็คงไม่เปลี่ยนแปลง ”
รมต. กล่าวพร้อมกับเริ่มรอบของตน แต่ถึงแม้จะพูดว่าจะไม่จั่วการ์ดเพิ่ม แต่มือกลับยังดึงเอา มิสติกการ์ด
จากสำรับมาเติมอีกสองใบอยู่ดี

[ชุติการ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:7/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]

“ ถ้าหากว่ามันจะเป็นเช่นที่ ท่าน รมต. พูดแล้ว ล่ะก็มัวลังเลอะไรอยู่ล่ะคะ รีบจบเรื่องนี้มันไปซะไม่ดีกว่างั้นหรือคะ
พูดว่า อย่าได้มีความปราณีให้กับเหยื่อ หรือ ศัตรู ใดๆ แล้วจะมัวอ้อยอิ่งอยู่ทำไมกัน ”
คำพูดของเธอ เริ่มที่จะกระทบกับเค้าบ้างเสียแล้ว วินาทีนี้ เค้าไม่คิดอันใดอีกแล้วนอกจาก
เอาชนะเธอ และทำให้ยอมรับในเรื่องที่เค้าพูดไป

“ แล้ว ท่านผู้แทนจะเข้าใจ ถึงสิ่งที่ผมกล่าวไปอย่างแน่นอนครับ ”
ที่สุดแล้วเค้าก็ยังจะรักษาท่าทีเอาไว้ แต่กระนั้น สติก็ไปอยู่กับการ เอาชนะที่แสนง่ายดายนี้เพียงอย่างเดียวแล้ว จนมองข้ามทุกความเป็นไปได้ในเสี้ยววินาทีนี้จนหมดสิ้น

“ ให้ ภูตแสงตะวันคล้อยดิน ทำการ Dancing ไปยัง At Line ด้วยผลของการนี้ ทำให้ ซีล ทุกใบในสนาม
ฝ่ายเรา ได้รับ Last Dance Curse At+3/1 Turn ”
สิ้นคำ ภูตน้อยปีกสีแสด ก็เริงระบำ จาก สนามแนวป้องกันขึ้นไปยังแนวโจมตี ทันทีที่ การร่ายรำ จบลง
ท่าทีของ อสูรทุกตัวในสนามก็ เปลี่ยนเป็นก้าวร้าวฮึกเหิม พร้อมที่จะขยี้ ศัตรูตรงหน้าให้มอดม้วย

“ Cost Mp 1 ให้ไครซิสวิงค์สกาเลต โจมตี ”
ทันทีที่คำประกาศโจมตีดังกร้าวขึ้น วิหก แห่งวิกฤติ ก็บุกเข้าไปยัง คันรถยิงหลาว
หมายจะอาละวาดให้ ยับเยิน

“ Cost mp 2 ร่าย บอลดาวี กันเล็ท(Baldavee Guntlet) ให้ติดตั้งที่ บาลลิสต้า เลือกการป้องกันการโจมตีจากเผ่า Beast ”
ชุติการ ประกาศพร้อมกับร่าย มิสติกการ์ดในมือ ออกไป ปรากฏถุงมือติดโล่ สวมเข้ากับหัวแหลมของ หลาว
บนเครื่องดีดบาลลิสต้า ก่อนที่จะดีดมันสวนกลับไป ทันทีที่ ถุงมือซึ่งสวมอยู่กับหลาวพุ่งไปนั้น
มันก็ได้สร้าง กำแพงพลังงานสีรุ้งขึ้น ป้องกันบุกของ ไครซิสวิงค์ เอาไว้

รูปภาพ

“ ป้องกันตัวด้วยวิธีแบบนี้งั้นเหรอครับ แต่ว่า ภูตแสงตะวันคล้อยดิน ไม่ใช่ เผ่า Beast ดังนั้นผลของ บอลดาวี
ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะครับ! Cost Mp 1 ให้ ภูตแสงตะวันคล้อยดินโจมตี ”
เค้าประกาศให้ ภูตน้อยโจมตีแทน แน่นอน หากสำเร็จ ผลของ บอลดาวี
ที่คุ้มครอง บาลลิสต้า แค่เพียงใบเดียวก็ไม่อาจจะปกป้อง ซีลในแนวหลังได้อีกเลย

“ Cost mp 2 ร่าย No Attack เป้าหมาย ภูตแสงตะวันคล้อยดิน ”
สิ้นคำ ของ ชุติการ การ์ด รูปดาบไขว้สองเล่มก็ถูกร่ายลงมา พร้อมกับ ปรากฏดาบไขว้พุ่งไปขวาง
ไม่ให้ภูตแสงตะวันคล้อยดิน บุกโจมตีต่อไปได้

รูปภาพ

{ ชิ…ไม่มีมิสติกที่จะแก้การหยุดได้ซะด้วย}
เค้าคิด พลางขบกรามแน่นด้วยความหงุดหงิด

“ ถึงรอบนี้จะผ่านไปได้ ก็ตามทีแต่ว่า รอบต่อไป อลาน่า ไม่มีทางที่จะโจมตีได้อย่างแน่นอน เพราะ Mp ของ
ฝ่ายท่านผู้แทนก็เหลือเพียงแค่ 3 หน่วยเท่านั้น เอาล่ะรอบของผมขอจบด้วยการ ใช้ โฮลี่การ์เดี้ยน(Holy Guardian) 2 ใบ

เลือกผล ซีลที่ติดยกเลิก Curse ติดตั้งให้กับ ภูตแสงตะวันคล้อยดิน และ ไครซิสเทล ออเบิร์น และให้ ไครซิสเทล ออเบิร์น
กับตัวที่เหลือที่ยังไม่ได้สั่งการในรอบนี้ ย้ายลงไปที่ Df Line หมดรอบ ”

เค้าประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกการ์ดสองใบลงไปติดที่ ภูตแสงตะวัน และ ไครซิสเทล ออเบิร์น
ผลของ การ์ดทำให้ ทั้งสองใบ หายจากสภาพ บ้าคลั่งเพราะผลของ Last Dance Curse

รูปภาพ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:3/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]


{ยังไงซะ ไครซิส ที่เหลือถึงจะถูกทำลายเพราะ Last Dance Curse ก็จะกลับมาได้ใหม่อยู่แล้ว รอบต่อไปแค่เรา
ร่าย ซาโลมเทมเมอร์ บนมือลงไปก็จัดการ ใช้สกิลซะ แล้วก็เก็บกวาดให้หมดก็จบแล้ว}
รมต.ธนพัฒน์ คิดในใจพร้อมกระหยิ่มผยองในชัยชนะที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

“ ในรอบของฉันนี้ ท่าน รมต. คะ ตั้งแต่เมื่อรอบที่แล้วที่ฉันประกาศไป ว่าจะแสดงให้ท่านรมต.เห็นน่ะ
ดิฉันไม่ได้ ใช้ แรร์การ์ดเลยแม้แต่น้อย ใช้เพียงแค่ Common กับ Uncommon เท่านั้นนะคะ และในรอบนี้ที่จะ
เป็นรอบสุดท้ายของฉัน… ”
เธอ กล่าวพร้อมกับเริ่มรอบของตนด้วยการจั่ว มิสติกการ์ด ขึ้นมา 2 ใบ

[ชุติการ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:3/7 Shrine 3/6 ]
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]

“ รอบสุดท้ายงั้นหรือครับ แน่นอน เพราะว่าในรอบต่อไปหากผมบุกเข้าไป กระผมก็จะเป็นผู้ชนะ
นั่นก็เพราะ ความใจอ่อนของ ท่านผู้แทน ยังไงล่ะครับ เหมือนอย่างที่ผมพูดเอา…. ”

“ ผิดแล้วล่ะค่ะ ที่บอกว่ารอบสุดท้ายน่ะ คือหมายถึงจะไ ม่มีรอบต่อไปอีกรอบแล้วไม่ว่าจะของฉันหรือของคุณก็ตามที
Cost Mp 1 ร่าย Binding Ghost ด้วยผลของ มันการ์ดทุกใบใน Shrine จะไม่สามารถนำออกมาได้ ดังนั้น
เมื่อฉันประกาศหมดรอบ นี้แล้ว ด้วยผลของ Last Dance Curse ก็จะทำให้ ไครซิส ทั้งหมด

ถูกส่งไปยัง ไชน์ และถึงแม้ Abilityของพวกมันจะทำให้กลับขึ้นมาได้แต่เพราะผลของ
Binding Ghost ก็จะทำให้ พวกมันกลับมาขึ้นมาไม่ได้”
สิ้นคำ มิสติกการ์ด ใบสุดท้าย ที่เธอร่ายมานี้ ก็แทบจะทำเอา เค้า เสียสติกันเลยทีเดียว

รูปภาพ

“ หมดรอบแค่นี้ และจบการดวลนี้ด้วย ดิฉันเป็นฝ่ายชนะแล้วค่ะ ”
สิ้นคำประกาศหมดรอบของเธอ เหล่าไครซิส ที่ยังติดผลของ Curse อยู่ ก็ระเบิดด้วยไฟนรกก่อน จะถูก
ภูตผีปีศาจจากผลของ Binding Ghost ดึงลงหลุมไม่กลับขึ้นมาอีกเลย

[ชุติการ Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 3/6 ] Win
[รมต. ธนพัฒน์ Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 6/6 ] Lose

ทันทีที่ การดวลจบลงภาพฉายของ อสูรทั้งหมดก็สลายเป็นละออง รวมตัวกลับเป็น การ์ดตามเดิม

“ เมื่อซักครู่ ท่านรมต. พูดไว้ใช่ไหมคะ ว่าโลกนี้น่ะไม่ว่าใครก็อยากจะแบ่งแยกกันไปเรื่อย เป็นสัจธรรมสินะคะ
แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่านั่นน่ะ มันออกจะเป็นการมองในแง่ลบเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะ ”
ชุติการ กล่าวขึ้นพลางเก็บ สำรับของตน ขณะที่ รมต.ธนพัฒ ได้แต่แน่นิ่งไปกับความพ่ายแพ้ที่ถูกหยิบยื่นให้
อย่างไม่ทันตั้งตัว

“ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่หรือมากมายเพียงใด ขอแค่มีหนทางที่ถูกต้อง และ ร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน ในทางแห่งสันติ นี่ล่ะค่ะคือความหมายของอุดมการณ์ ที่เราจะไม่รุกรานใครและไม่ยอมให้ใครมารุกราน
และไม่ทำสงครามร่วมกับประเทศใดๆ…. ”
เธอ กล่าวพร้อมกับ เดินเข้าไปจ้องเค้าด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเสียขวัญเพราะความพ่ายแพ้แบบไม่ทันตั้งตัว

“ นี่ล่ะค่ะ คืออุดมการณ์ของสหาราชอาณาจักร GAT-PAT ของดิฉัน….น่าเสียดายนะคะทั้งที่ประเทศนี้ ก็มีอุดมการณ์
เดียวกันแท้ๆแต่จะต้องทิ้งมันไปแบบนี้ ลองไปคิดดูให้ดีแล้วกันนะคะ วันนี้ ดิฉันต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ ”
เธอพูด ทิ้งท้าย ไว้ก่อนจะตบเท้าเดินจากไป โดยมี องครักษ์ที่มาด้วยกันเดินตามกลับออกไป ทิ้งให้


………………………
……………………………….

To be Continue……




รอบนี้ไม่มีตัวอย่างตอนต่อไปเช่นเดิม ขอรับ เหนื่อยเพิ่งจะเทคแบคกลับมาจาก หยุดวันพ่อ ไปกลับกรุงเทพ เหนื่อย
น่าดู กว่าจะกลับมาก็ไม่มีแรงแว้ว เพราะงั้น วันนี้จะคอมเมนท์ให้ตามสัญญา แต่คงนิดเดียวล่ะครับ ไม่ไหวจะเคลียร์
จริงๆ วันก่อนเพิ่งอัพ สารบัญให้กับ หน้าแรกเสร็จไปเอง เฮ้อ เหนื่อย บทนี้ขอบ่นถึงเลยครับ

ไอ้ที่ดวลจริงๆน่ะ ถ้าเล่นไม่พูดไม่จากันเลย ป่านนี้จบไปตั้งกะ 10 บรรทัดแรกแว้ว นี่เล่นคุยถึงอุดมการณ์
สัจธงสัจะรรม ด้านลบ แง่ร้าย วุ่นวายไปหมด ตอนหน้า จะให้ เจ้า ธนัท มันดวลปิดๆ ภาคการบุกของ Celetia Military ซักที
จะได้เข้าเรื่อง หลักต่อด้วย ว่าแต่ เรื่องของ อิส ยังไม่โผล่แม้แต่หางเลยนี่เนอะ ตายล่ะหว่า ลืมไปซะสนิทเยย

เอาเป็นว่าตอนหน้า สโคป ไปที่ อิส กับ ลูเีซีย ทั้งตอนเลยแล้วกันครับ พวก ศรี เอามาแซมๆนิดๆหน่อยๆ
(อ้าวงี้ ก็หมายความว่าการดวลกับไอ้ พวก หนุมงหนุมาน นาค ครุฑ นี่ก็แค่ตัดไปตัดมา ตัดมาอีกทีจบแล้วใช่มะ
สรุปตัวประกอบดีๆนี่เอง เหอๆ ::006:: )

ว่าไป บทนี้คุณชุติซามะ เธอก็โหดซะจริง เล่นไม่ปิดเกมด้วยแรร์ อย่าง งดงามแต่เอา คอมม่อนกับอันคอม ตอกปาก
ปิดหมุดให้มันพูดไม่ได้ไปเลยเหอๆ(คุณ เดวิล งานเข้าสินะ เอิ้๊กๆ เอาเถอะช่วงนี้เดี๋ยวบทจะหายไปซักพักโผล่
กันอีกทีนู้นประมาณตอนเรื่องเข้าจุดแตกหัก)
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 6:22 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: Sub-Turn 08 Common & Ideology (ความสามัญ และ อุดมการณ์)

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 8:52 pm

greamon เขียน:
“ Cost mp 3 ร่าย บาลลิสต้า (Balista) ลงไปที่ At Line จากนั้น Cost Mp 3 ให้สกิลของ บาลลิสต้า ทำงาน ทำลาย ซีลเลเวล
1 หนึ่งใบในสนามที่ไม่ได้รวมร่าง เลือกเป้าหมายคือ ซาโลมเทมเมอร์ ”
สิ้นคำของเธอ ซีลการ์ดบนมือก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏฐานเครื่องยิงหลาวยักษ์ขึ้นในสนาม ก่อนที่
มันจะดีดหลาวแหลมพุ่งทะลวงใส่ ร่างของ ซาโลมเทมเมอร์ จนแหลกสลาย

รูปภาพ

“ จากนั้น ให้ อลาน่า แยกการรวมร่างและ ทั้งหมดลงไปอยู่ที่ Df Line หมดรอบแค่นี้ค่ะ ”
สิ้นคำของเธอ ในสนามแนวหน้า นอกจาก บาลลิสต้า แล้ว ทั้งอลาน่า และ โฮลี่ อีก 3
ต่างก็ถูกแยกย้ายไปจัดอยู่แนวหลังของ บาลลิสต้า ทั้งหมด

การทำแบบนี้ หาก บาลลิสต้า ที่อยู่แนวหน้าถูกทำลายลงเมื่อใด เพียงแค่ อสูรตัวใดตัวหนึ่งถูกทำลายลงไปอีกตัว
เธอก็จะแพ้ทันที แน่นอนทำเอา รมต.ธนพัฒน์ ถึงนิ่งเงียบไปชั่วครู่กันเลยทีเดียวกับการตัดสินใจ
แบบไม่ลังเลของเธอ เช่นเดียวกันกับ องครักษ์หนุ่มวัยกลางคน ของเธอด้วยที่ต้องจ้องตาไม่กระพริบ


บาลลิสต้าเลยเหรอ หุหุ คุณชุติโหดเกิ๊นนนนน (ถึงแม้ว่าจะไม่คนใช้ก็เหอะนะครับ หุหุ)

นึกว่าจะเป็น Sulphur Leonum ซะอีกครับ

greamon เขียน:รอบนี้ไม่มีตัวอย่างตอนต่อไปเช่นเดิม ขอรับ เหนื่อยเพิ่งจะเทคแบคกลับมาจาก หยุดวันพ่อ ไปกลับกรุงเทพ เหนื่อย
น่าดู กว่าจะกลับมาก็ไม่มีแรงแว้ว เพราะงั้น วันนี้จะคอมเมนท์ให้ตามสัญญา แต่คงนิดเดียวล่ะครับ ไม่ไหวจะเคลียร์
จริงๆ วันก่อนเพิ่งอัพ สารบัญให้กับ หน้าแรกเสร็จไปเอง เฮ้อ เหนื่อย บทนี้ขอบ่นถึงเลยครับ

ไอ้ที่ดวลจริงๆน่ะ ถ้าเล่นไม่พูดไม่จากันเลย ป่านนี้จบไปตั้งกะ 10 บรรทัดแรกแว้ว นี่เล่นคุยถึงอุดมการณ์
สัจธงสัจะรรม ด้านลบ แง่ร้าย วุ่นวายไปหมด ตอนหน้า จะให้ เจ้า ธนัท มันดวลปิดๆ ภาคการบุกของ Celetia Military ซักที
จะได้เข้าเรื่อง หลักต่อด้วย ว่าแต่ เรื่องของ อิส ยังไม่โผล่แม้แต่หางเลยนี่เนอะ ตายล่ะหว่า ลืมไปซะสนิทเยย

เอาเป็นว่าตอนหน้า สโคป ไปที่ อิส กับ ลูเีซีย ทั้งตอนเลยแล้วกันครับ พวก ศรี เอามาแซมๆนิดๆหน่อยๆ
(อ้าวงี้ ก็หมายความว่าการดวลกับไอ้ พวก หนุมงหนุมาน นาค ครุฑ นี่ก็แค่ตัดไปตัดมา ตัดมาอีกทีจบแล้วใช่มะ
สรุปตัวประกอบดีๆนี่เอง เหอๆ ::006:: )

ว่าไป บทนี้คุณชุติซามะ เธอก็โหดซะจริง เล่นไม่ปิดเกมด้วยแรร์ อย่าง งดงามแต่เอา คอมม่อนกับอันคอม ตอกปาก
ปิดหมุดให้มันพูดไม่ได้ไปเลยเหอๆ(คุณ เดวิล งานเข้าสินะ เอิ้๊กๆ เอาเถอะช่วงนี้เดี๋ยวบทจะหายไปซักพักโผล่
กันอีกทีนู้นประมาณตอนเรื่องเข้าจุดแตกหัก)


Sub 9 เป็นเรื่องของคุณอิสกับลูเซียจังสินะ ทีนี้จะได้รู้กันถึงความลับที่ลึกที่สุดของคุณอิสสักที แล้วจะมาอ่านใหม่ครับ หุหุ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 08 Common & Ideology

โพสต์โดย Leraje เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 9:31 pm

อ๊าก!!!!

อลาน่าชนะได้ยังไง!!!!

ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ::014::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Leraje
0
 
โพสต์: 915
Cash on hand: 1,150.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 08 Common & Ideology

โพสต์โดย Palmon เมื่อ อังคาร ธ.ค. 08, 2009 2:53 pm

อ๊าก!!!!

อลาน่าชนะได้ยังไง!!!!

ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ::014::


ว่ากันตามจริง มันคงชนะไม่ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ พัลม่อนว่านะ ไครซิสวิง เด็ครียูสเนี่ยนะจะอัดเมต้า แบบใสๆได้ คงยากล่ะ
นี่พอดีว่าฝีมือ ชุติซามะ อยู่ในเกณฑ์ไม่เท่าไหร่(ตายล่ะหว่าขืน ท่านชุติซามะ ได้ยินเข้า หนูจะรอดมะเนี่ยไม่อยาก
มีชะตากรรมเดียวกับซาโลมเทมเมอร์ โดนหลาวเสียบตาย เหอๆ ซาดิสโคร้ต~~)

แต่สรุปโดยรวมแล้ว น่าจะแพ้โดยที่ไม่ได้แพ้อลาน่านะ เพราะคุณเธอปิดเกมด้วยการเล่นคืนกลเม็ดของเจ้าตัว แถมใช่แต่การ์ด
ขยะด้วย สรุป อลาน่าไม่เกี่ยวแต่แรกสินะ ฮ่าๆๆๆๆ กรี๊ดว้าย แล้วจะเขียนให้ลุ้นทำไมเนี่ยตอนที่แล้วเนี่ย หืมส์~~~

บทหน้าของ อิสคุง แว้วจะเปนยังไงหนอฮุๆ อยากรู้ซะจริง

ปล.ตกลงเอาจิงอ่ะ จะให้พวก ศรีดวลแบบตัวประกอบแน่เรอะ อย่างน้อยๆอีเว้นท์ดวลใหญ่ครั้งสุดท้ายแล้ว ก่อนมันจะไม่ดวลกันอีกน่าจะเขียนให้มัน ครบทุกคนเลยนะ เพราะหลังจากนี้จะได้ดูแต่ลูเซียดวลเดี่ยวตลอดรายกาลแล้วนะคะเกรม่อนคุง
(ที่เหลือไปขับ หุ่นกันหมดเหอๆ)
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 08 Common & Ideology

โพสต์โดย boy เมื่อ อังคาร ธ.ค. 08, 2009 7:04 pm

คิดถึงอิสคุง ::030::
เย้ๆๆๆๆ จะออกโรงแล้ว
“ นี่ล่ะค่ะ คืออุดมการณ์ของสหาราชอาณาจักร GAT-PAT ของดิฉัน….น่าเสียดายนะคะทั้งที่ประเทศนี้ ก็มีอุดมการณ์
เดียวกันแท้ๆแต่จะต้องทิ้งมันไปแบบนี้ ลองไปคิดดูให้ดีแล้วกันนะคะ วันนี้ ดิฉันต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ ”
เธอพูด ทิ้งท้าย ไว้ก่อนจะตบเท้าเดินจากไป โดยมี องครักษ์ที่มาด้วยกันเดินตามกลับออกไป ทิ้งให้


อาณาจักร GAT-PAT =[]=
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 08 Common & Ideology

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร ธ.ค. 08, 2009 8:06 pm

boy เขียน:คิดถึงอิสคุง ::030::
เย้ๆๆๆๆ จะออกโรงแล้ว
“ นี่ล่ะค่ะ คืออุดมการณ์ของสหาราชอาณาจักร GAT-PAT ของดิฉัน….น่าเสียดายนะคะทั้งที่ประเทศนี้ ก็มีอุดมการณ์
เดียวกันแท้ๆแต่จะต้องทิ้งมันไปแบบนี้ ลองไปคิดดูให้ดีแล้วกันนะคะ วันนี้ ดิฉันต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ ”
เธอพูด ทิ้งท้าย ไว้ก่อนจะตบเท้าเดินจากไป โดยมี องครักษ์ที่มาด้วยกันเดินตามกลับออกไป ทิ้งให้


อาณาจักร GAT-PAT =[]=


GAT-PAT เป็นตัวย่อน่ะฮ่ะ ย่อมาจาก General Associate Terminal - Privatization Assemble Transition
(ยาวดีจริงๆให้ตายเถอะเกรม่อนคุง~~) แปลแบบคร่าวๆก็ประมาณ กลุ่มสมาพันธ์ของรัฐที่รวมตัวกันเปลี่ยนแปลงเป็นประเทศผู้นำ
ประมาณนี้นะ (ไม่รู้ทำไมต้องตั้งความหมายซะลึกเพียงนี้ ::036:: )

ส่วนที่ทำไมมันเป็น GAT-PAT เพราะตอนคิดสหราชอาณาจักรที่จะเอามาใส่ใน VR TAG เจ๊ กับ เกรม่อนคุง
กำลังเรียนวิชา แนะแนวกันอยู่ พวกเจ๊เป็น o-net a-net รุ่นสุดท้ายเลยเพราะปีถัดไปหรือปีนี้มันเปลี่ยนเป็น GAT-PAT
ก็เลยตื้อๆ อ่ะนะ จับมันมาล้อซะเลย เกรม่อนคุงก็เก่งเนอะ ช่างสรรหาคำ จนเอามาเรียงเป็นคำย่อของมันได้พอดีด้วย

ว่าแต่นึกว่าจะเนียนจนไม่มีใครสังเกตุซะแล้วสิ เพราะ พูดแค่ทิ้งทวน ประโยคเดียว ยาวอีกตังหาก 555+ ::030::

ว่าแต่อุดมการณ์ราชอาณาจักร ท่านชุติซามะ คุ้นๆนะ เหมือนโลกอส เลยเหอๆ "ไม่รุกรานใครและไม่ให้ใครมารุกรานเรา"
แหมแค่ เพิ่ม เราจะไม่ทำสงครามร่วมกับประเทศใดๆ เท่านั้นเอง ว่าแต่ไมมันมีอุดมการณ์แบบนี้อีกแล้วงิ
หรือว่า.......

พัลม่อนจัง ไอ้ที่เราสังหรณ์กันมันดูท่าจะจริงแฮะ อีกหน่อยท้ายๆเรื่องคงขับหุ่นกันหมดสินะ ::036::

โอ้งั้นขอแสดงความยินดีด้วย ท่าน รมต.ธนพัฒน์ ขอบอกว่าตอนจบศพไม่สวยชัวร์แถมตายแบบ ตัวถ่วงสุดๆอีก
เฮ้อ รอเจ๊เบิร์ดโผล่ อุๆ เมื่อไหร่จะมาหนอ

ตอนหน้าเรื่องของ อิสคุงแว้วววววววว
ว่าแต่ที่มันเงียบหายไปนิเพราะแกลืมจริงๆใช่มะเกรม่องคุง ::014::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 08 Common & Ideology

โพสต์โดย {[T]yki-[M]igg} เมื่อ พุธ ธ.ค. 09, 2009 11:07 pm

อาณาจักรGat-Pat

ผมเเค่ม.2ต้องอาณาจักรอะไรดีนิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
{[T]yki-[M]igg}
0
 
โพสต์: 545
Cash on hand: 100.00
ที่อยู่: ร้านToonZoneเเถวๆวัดสุทธิ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 4:19 pm

Sub-Turn 09 Memory



เมื่อนานมาแล้ว โลกเข้าสู่หายนะของ วิกฤติแห่งพลังงาน โลกใบนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
การแก่งแย่ง ทรัพยากรต่างๆ ถูกใช้เผาผลาญจนแทบไม่มีเหลือ ท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน แสงแดดจากดวงอาทิตย์
สาดส่องลงมาอย่างแรงกล้า โดยไร้การป้องกันจากชั้นโอโซน ซึ่งเป็นรูโหว่แหว่งไปหมดแล้ว จากการทำอุตสาหกรรม

กันอย่างไม่รู้จักพอ ป่าไม้หดหายไปจากแผ่นดิน เหลือเพียงพื้นแตกระแหงนที่ค่อยๆกลายเป็นฝุ่นทราย
ไม่นานทะเลทรายนี้ก็ค่อยๆกลืนกินชีวิต บนแผ่นดินไปทีละนิดทีละน้อย ทะเลที่เอ่อล้น ด้วยน้ำปนเปื้อน
เดือดพล่านราวกับ น้ำแกงในหม้อต้มซุปใบใหญ่ ที่กำลังจะฟูฟ่อง ล้นจากปากหม้อ เมืองหลายแห่งทั่วทุกภาคของโลก
แปลสภาพกลายเป็น นาข้าวที่มีต้นข้าวเป็นตึกอาคารสูงพ้นน้ำไปโดยปริยาย

สภาพของโลกก่อนการค้นพบ MAGIC(Mystique Aeon Generatic Impracticable Controller)
หรือพลังงานเวทมนต์ นั้นโลกมนุษย์ของเราเคยต้องเผชิญกับวันสิ้นโลก(Doom Day)มาแล้ว ในตอนนั้นเอง
เสียงแห่งความหวังที่ติดต่อเข้ามา ได้โอบอุ้มเราไว้ ได้ มอบ วันคืนแห่งฟ้าสีครามกลับสู่เรา………….
……………………………………….
…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………



ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และ ศาสนา คือ 1 ในสาเหตุหลักของการนำมาซึ่งความขัดแย้ง เรื่องพวกนี้
ก็เคยเกิดขึ้นแม้ในประเทศ ที่ยึดในคำมั่นแห่งสันติภาพและอิสรเสรีแก่สิทธิของทุกผู้ ในเรื่องของสิ่งที่ผู้คนศรัทธา
หากโดนดูถูกแล้ว ก็คงไม่ยอมกัน เพียงแค่คำพูดก็ทำให้ผู้คนลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเองได้แล้ว

ข้อพิพาทเหล่านี้แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงในยุคที่ควรจะมีแต่สันติ กระนั้นประเด็นของข้อพิพาทกลับ
กลายเป็นประเด็นของ เผ่าพันธุ์ ระหว่าง NOW กับ DNA-Changer ไปเสีย………..

ปีพ.ศ. 2699 เขตพื้นที่ อัลวิส (Alvis) จังหวัดยะลา

ภายในสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า อัลวิส นั้นคือชุมชนอิสระที่แยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่ฝักใฝ่ซึ่งฝ่ายใด ท่ามกลาง
ความขัดแย้งของมนุษยชาติที่การปะทะนั้น ดุเดือดและรุนแรงในทุกวัน ในเขตพื้นที่พิเศษ ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล

ในเรื่องความสงบก็จริง แต่ถึงกระนั้น ความปลอดภัยก็ใช่ว่าจะมีอยู่อย่างเต็มร้อย เหตุวางระเบิด หรือการสู้รบด้วยกำลังอาวุธ
ก็มีหลุดเข้ามาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งไป นั่นเพราะระบบการตรวจตราและความเอาใจใส่ ต่อสวัสดิภาพของ
คนกลุ่มนี้ที่ต้องการเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนั้น ไม่ได้รับการเอาใจใส่อย่างจริงๆจัง ๆ …………
…………………

“ ไม่รู้จริงๆเล้ย…. ทำไมนะพวกระดับสูงนั่นก็แค่เห็นว่ามันเป็นงานที่จะเรียกคะแนนเสียงได้ดีในการเลือกตั้ง
ก็เลยเอาความทุกข์ของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือแบบนี้เนี่ย แล้วดูสิคนที่ต้องมาทำงานเสี่ยงภัยเอาจริงๆก็เลยต้องกลายเป็น
คนระดับล่างแทน นี่ถ้าไม่ขอที่จะเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครล่ะก็ คงไม่มีใครให้มาหรอก แถม…. ”

เสียงบ่นกร่างอย่างไม่พอใจดังลั่นจากปากของ นักเรียนสาววัย 13 ผมสีบลอนทรงผูกแกละคู่
ของเธอไม่ได้มาจากการย้อมแต่มาจากกรรมพันธุ์ของลูกครึ่งชาวต่างชาติ ใบหน้าอ่อนมลของเธอ ชวนให้ดู
คล้ายกับ ลูเซีย ที่เป็นตัวเอกของเรื่องเลยก็ไม่ปาน

เธอผู้นี้บ่นไปเรื่อยตามถนนลูกรังในหมู่บ้าน ที่ความเจริญนั้นห่างไกลอยู่ แต่ถึงกระนั้นพลังงานของที่นี่ก็ยังเป็น
พลังงาน เวทมนต์ ไม่ได้เก่าคร่ำครึขนาดที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าหรือน้ำมันแต่อย่างใด ความไม่พอใจของเธอ
เป็นเหตุให้ เพื่อนหนุ่มนักเรียนที่เดินตามหลังเธอมา ต้อยๆ ถึงกับคอตกด้วยความหน่ายใจไม่ได้

และอดไม่ไหวที่จะต้องถอนหายใจกับ ความปากมากของเธอเป็นพิเศษ ที่บ่นหารุ่งหามค่ำ เพราะถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว
เค้าและเธอเดินวนอยู่ในหมู่บ้าน มา 3 -4 รอบตั้งกะเช้ามืดแล้วโดย ที่ด้านหลังของทั้งสอง มีนายทหารอยู่ สองสามนาย
คอยตามให้ความคุ้มครองแก่พวกเขาที่เป็นอาสาสมัครเข้ามาบรรเทาทุกข์ในเขตพื้นที่ Alvis แห่งนี้
ตลอดทางเดินในหมู่บ้าน ก็จะพบเห็น กองซากปรักของบ้างที่บ้างก็ถูกไฟไหม้ บ้างก็โดนระเบิดจน
เละเป็นซาก สลับกันไป บางทีตลอดแนวยาวของหมู่บ้านก็อาจจะเป็นซากปรักไปเสีย ครึ่งนึง

เด็กๆ ที่อยู่ในเขตพื้นที่ พวกเขาไม่เดินไม่เล่นและแทบจะไม่ขยับไปไหน วันๆก็เอาแต่แหงนเงยหน้ามองท้องฟ้า
อันเวิ้งว้าง ไน้จุดหมายไร้ที่ไป พวกเค้ามีเพียงความเงียบเหงาเป็นเพื่อน คอยปลอบโยนความทุกข์จากสงคราม
ถึงมันจะทรมานที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ก้ยังดีกว่า จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่จะเป็นหรือตายได้ทุกเมื่อ จากการ
ปะทะกันข้างนอกเขต นั่น

เราเดินวนไปรอบหมู่บ้านที่ เพื่อที่จะหาตัวคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อนำไปรักษาพยาบาลที่ เต็นท์ของหน่วยงาน
การแพทย์อาสา โดยมีข้อกำหนดเงื่อนไข ของคนที่จะพามา คือต้องมีอาการหนักมากๆเท่านั้น เพราะงบของหน่วยงาน
ได้มาไม่เพียงพอ แต่ก็อย่างที่รูกัน กว่าที่งบจะมาถึงมือของหน่วยงาน มันผ่านมือใครมาแล้วบ้าง มีหรือที่จะไม่ร่อยหลอ

ไปบ้าง อย่างไรก็ตามแต่ เหตุผลที่ เธอผู้ที่อยู่ตรงหน้าผมต้องออกปากบ่น อย่างไม่มีหยุด ก็เพราะเงื่อนไขการพาตัว
คนไข้นี่หล่ะ เล่นบอกว่าเฉพาะคนที่อาการหนักจริงๆเท่านั้น อย่างพวก แผลไฟไหม้หรือบาดแผลถลอก อะไรนี่ไม่รับ
พวกโรคระบาดร้ายแรงก็ไม่รับ เพราะไม่มีกำลัง งบพอที่จะบำบัดทุกข์ขนาดนั้นได้

ที่จริงมันก็ไม่น่าจะมีได้นั่นล่ะ เพราะขนาดคนจะมาทำงานนี้ยังต้องประกาศขออาสาสมัครตามโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ
อย่างที่รู้ๆกัน ใครจะยอมเสี่ยงตาย มากับหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจอะไรแบบนี้แถมยังไม่มีผลตอบแทนอีก
แต่ว่า เธอก็มาแล้วก็ลากผมตามมาด้วย นี่ก็ผ่านมากว่าสามวัน แล้ว จากช่วงเวลา สี่วัน ที่เราจะได้มาช่วยงานของหน่วยงาน
นี้ ก่อนที่จะกลับในรุ่งเช้าของวันพรุ่ง

สามวันมานี้เรายังหาตัวใคร มาให้หน่วยงานเราบำบัดทุกข์ไม่ได้ซักคน ด้วยซ้ำเพราะ ไม่ว่าใครที่ยังเหลือรอดอยู่
ก็มีแต่คนที่อาการ ไม่หนักเข้าข่าย กับพวกที่กำลังเจียนจะไปอยู่แล้ว สรุปก็คือ พวกเราแค่มาเดินๆให้ดูว่ามาลงพื้นที่
จริงมันก็แค่นั้น


“ อิส…นี่อิส…อิส!! ”
“ หวา~~ ม…มีอะไรเหรอ…ฟ้า… ”
เสียงตะคอกของเธอทำเอาผมที่เหม่อคิดไปไหนถึงไหน สะดุ้งซะเกือบหงายท้อง สายตาดุๆของเธอ
จ้องเขม็งมา อย่างกับแม่ที่กำลังดุลูกยังไงยังงั้น

“ นี่นายกำลัง คิดว่าฉันขี้บนอยู่ใช่ม้าย~~~ ”
“ ม…แหมอะไรกัน ไม่มีนี่…ไม่ได้คิดเลยซักนี้ด~~~เดียว ”
“ ไม่จริงย่ะ นายต้องคิดแน่ๆ ก็เมื่อกี้เห็นนายถอนหายใจ เอาเฮือกสองเฮือก เลยนี่ ”

จริงสิ พล่ามขึ้นมาซะตั้งนาน เธอคนที่ ลากผมมาเป็นอาสาสมัครด้วย คนนี้ชื่อ ฟ้า เรารู้จักกัน ตั้งแต่สมัยเรียน
ประถมแล้ว พอเข้าเรียนระดับมัธยมต้นที่ โรงเรียนมนต์วิทยา ได้เธอก็ลากผมเข้าชมรมการกุศลโดยไม่ฟัง
ความคิดเห็นของผมเลยซักนิดเดียว แต่ผมเองก็ไม่ได้ รู้สึกอึดอัด อะไรนักหรอก เพราะขอแค่เธออยากทำอะไร
จะลากผมไปไหนยังไง ก็ไม่บ่นอยู่แล้ว

“ พี่คะ…พี่คะ…แฮ่ก…แฮ่ก..ช่วย…ช่วย.. ”
เด็กสาววัยกระเตาะ เนื้อตัวหม่อมแหม่ม คนหนึ่งวิ่งเข้ามา เรียก ฟ้า อย่างเหนื่อยหอบ ผมกับ เธอ
มองหน้ากัน ไม่ต้องปริปากก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ นายทหาร สามคนที่ตามมาคุ้มครอง
เองก็รีบ ทำตามหน้าที่ ยกปืนขึ้นขู่ และเข้ามาล้อม เด็กสาวไว้เพราะคิดว่า เธอ จะเข้ามาปองร้ายพวกเรา

“ นี่!! หยุดนะ อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเองนะ!! ”
เธอ ตะคอกใส่ เหล่านายทหาร ที่ดันทำหน้าที่ไม่ถูกกาลเทศะเอาซะเลย แต่ก็ได้ผลการตะคอกของเธอ ทำให้
นายทหารทั้งสามลดปืนลง และกลับไปคุ้มหลังให้ตามเดิม เมื่อเห็นว่า หนูน้อย หายประหม่าแล้ว
เธอ จึงเริ่มถามที่มาที่ไปของ เด็กน้อย

“ หนูจ้ะ บอกพี่มาสิ เรียกพี่ทำไมเหรอ หรือว่าหิว? ”
เธอ ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เพื่อไม่ให้หนูน้อย ประหม่ากลัว

“ ค…คุณ …คุณครู เค้าอยู่ๆก็ล้มลงไปน่ะค่ะ ”
“ ที่ไหนจ้ะ พาพี่ไปได้ไหม๊ ”
คำพูดของสาวน้อย ทำเอาเรา อึ้งกันไปพักหนึ่งเหมือนกัน เพราะเดินตระเวนมาสามวันแล้ว
ยังแทบจะไม่เห็นมีใครที่มาขอร้องพวกเค้าตรงๆแบบนี้ นี่ถ้าอาการของ คุณครูที่ เด็กคนนี้
พูดถึง ไม่เข้าเกณฑ์ ที่ทางเราจะรับรักษาล่ะก็ เด็กคนนี้จะรู้สึกยังไงกันนะ แต่ถึงกระนั้น

คนที่ดูจะไม่สะทกสะท้านแลย แต่กลับยังเย็นใจไว้ได้ ก็คือ ฟ้า เธอยังคงรักษาระดับเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้
เด็กน้อยตรงหน้า จับได้ว่าพวกเค้ากำลังกังวลอยู่ เด็กน้อยพยักหน้าพร้อมกับ จะตอบรับที่นำทางพวกเค้าไป

สาวน้อยตัวจ้อย เดินนำพวกเค้า มาจนถึง โรงเรียน ที่สภาพดูไม่จืดเอาเสียเลยจริงๆมันไม่น่าจะเรียกว่า โรงเรียนด้วยซ้ำ
เพราะหลังแนวรั้วไม้ที่ ผุซะจนจะไม่เป็นรั้วอยู่แล้ว ก็มีเพียงแค่ กระต๊อบเพิง หลังเล็กๆ ที่สภาพรอมร่อ อยู่เต็มทน

“ อิส นายกลับไปที่เต๊นท์ทีนะ แล้วแจ้งพวกเจ้าหน้าที่ให้มาที่นี่ที ฉันจะเข้าไปดูอาการคนเจ็บก่อน ”
ฟ้า หันกลับมาสั่งก่อนจะเดิน เข้าไปในเพิงกระต๊อบ กับนายทหารที่เดินตามไปคุมเชิง ทางเข้าด้านหน้า โดยที่
นายทหารอีกคนนั้น จะเป็นผู้ตามมาคุ้มครองผมกลับไปที่เต๊นท์ แทน

“ ที่นี้ล่ะไอ้ DNA-Changer ที่ทำอวดดีมาเป็นครูสอน พวกเด็กๆ นั่นมันจะได้รู้ซึ้งซะบ้าง ”
“ ใช่ NOW อย่างพวกเราไม่ก้มหัวให้พวก DNA-Changer หรอกเฟ้ย ”

ระหว่างทางที่วิ่งกลับไปที่เต๊นท์ ชายสองคนที่เดินสวนกับผม มานั้นคำพูดของพวกเค้า ที่ดังมาเข้าหูผม
ทำให้นึกสงสัยอยู่บ้าง ว่าสองคนนั่นจะเกี่ยวกับเรื่องที่พวกผมกำลังเผชิญอยู่หรือไม่ แต่ผมเองก็ไม่มีเวลา

ที่จะมาสนใจเรื่องพวกนี้นัก ตอนนี้ต้องรีบไปแจ้งหน่วยพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ผมไม่รู้เลยว่า เรื่องที่ผม ละเลยไปนั้นมันได้พราก เอาเธอไปจากชีวิตของผม ในที่สุด

……………….

“ เฮ้!!หน่วยดับเพลิงยังไม่มาอีกเหรอ จะไหม้กันหมดอยู่แล้วนะ ”
“ อพยพ ทุกคนก่อน อาจจะมีระเบิดฝังอยู่แถวนี้อีกก็ได้!! ”
“ ระเบิดไฟสีเขียวแบบนี้มัน ฟาลูจา(Faluja) ชัดๆเลย!! ”
“ หา!! ไอ้ระเบิดนิวเคลียร์พลังเวทย์นั่นน่ะเหรอ ทำไมไอ้พวกก่อการร้ายมันถึงมีของแบบนี้ได้ล่ะ!! ”

เสียงอึกทึกครึกโครม ดังเซงแซ่ไปรอบตัวผม ที่ตรงหน้า เพิงกระต๊อบเก่าๆที่ถูกเรียกว่าโรงเรียน บัดนี้
มันไม่ได้มีตัวตนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงเปลวเพลิงสีเขียว ที่ลุกโหม อันเกิดจากระเบิด
ที่ใช้การอัดอนุภาคมนตรา จนเกิดเป็นพลังงานที่จะเผาไหม้และดูดกลืน สิ่งที่อยู่รอบๆตัวมัน

กองซากที่ถูกไฟสีเขียวนี้ครอก ค่อยๆมลายหายไป ทีละน้อยทีละน้อย จนเมื่อ ซากปรักที่ถูกครอก
ไม่มีเหลือแล้ว มันก็ยังคงจะเผาไหม้พื้นดินและดูดกลืนจนหายไปราวกับหลุมดำ ที่จะคืนทุกสิ่งกลับสู่ความว่างเปล่า

ไฟลามอยู่กว่า ครึ่งชั่วโมงก่อนจะมอดลงไปเอง โดยที่กลืนกินจนพื้นที่ตรงหน้าเหลือเพียงหลุม
ตื้นๆ ที่ราบเรียบคล้ายแองกระทะ ไม่มีซากหรือใคร ที่จะรอดออกมาจากเพลิงกาลที่กลืนกินทุกสิ่งนั้น
……………..
……………………..
………………………………….

“ สมัยก่อนมีนักเรียนคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายเธอนี่หล่ะ …ที่จริงหน้าจะบอกว่านิสัยเองก็
ยังแทบจะเหมือนกับเธอด้วยซ้ำไปล่ะมั้ง แต่ว่าเธอคนนั้นน่ะตายไปแล้วล่ะ ”

“ ตายไปแล้ว…เพราะอะไร… ”

“ 3 ปีก่อน โรงเรียนของเรายังมีชมรมการกุศล อยู่ด้วยแต่มันถูกยุบเพราะสามชิกในชมรมตายไปคนหนึ่ง
ในการไปบรรเทาทุกข์ โรงเรียนก็เลยสั่งยุบน่ะ แล้วสมาชิกคนที่ว่าก็คือเธอคนนั้นนั่นล่ะ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น
ก็คือเจ้า อิส ที่ไปด้วยกันเท่านั้นเอง ที่จริงแล้วไม่มีใครคิดจะโทษเค้าหรอกนะ…. ”

“ เอ๋ โทษเค้า….หมายถึงอิส น่ะ เหรอเรื่องอะไรน่ะ ”

“ สมาชิกที่ตายไป ถูกระเบิดของพวกผู้ก่อการร้ายน่ะสิ แล้วก็ดูเหมือนว่า เค้าจะไปได้ยินพวกที่น่าจะเป็นคนวางระเบิด
ก่อนที่จะเกิดการระเบิดด้วย จากคำให้การในครั้งนั้น เพราะ อิส จำลักษณะและรูปร่างของ คนร้ายได้
ทางการก็เลยจับตัวได้ทันก่อนที่มันจะหนีไป แถมหลักกับของกลางก็อยู่กับตัวพวกมันครบซะด้วย ก็เลยปิดคดีได้ในทันทีเลยน่ะสิ ”

“ ถ้ายังงั้นแทนที่จะโทษเค้า ก็น่าจะต้องเป็นขอบคุณเค้ามากกว่าไม่ใช่เหรอที่จำรูปลักษณ์ของคนร้ายได้น่ะ ”

“ ก็เพราะยังงั้นน่ะแหล่ะ มันก็หมายความว่าตัวเค้าเคยพบเจอคนร้ายและรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าพวกมันจะทำการ
แต่ก็ไม่ได้รีบแจ้งเรื่องนีให้ใครทราบ น่ะซี้ …แต่ที่จริงคนที่ยังโทษเรื่องนี้อยู่ก็มีแต่เจ้าตัวเองนั่นล่ะ ”

บทสนทนา ที่เคียวแอ่ยปากเล่าเรื่องของ อิส ให้ ลูเซียฟังได้ก้องขึ้นในหัวของ ลูเซีย เองเมื่อเธอ
เดินเข้ามาในบ้านร้างหลังหนึ่งทางเดินภายในบ้าน นั้นมืดสนิท จนแทบจะมองไม่เห็นทาง หากไม่ได้
แสงจากเสาไฟข้างถนนในซอย สะท้อนทะลุตามผนัง เข้ามา

“ จากที่รุ่นพี่ มาริน่า บอกมามันก้น่าจะเป็นที่นี่ นี่นา ว่าแต่ไหงเป็นบ้านร้างล่ะเนี่ย สสัยเราจะหลงทางซะแล้วแหะ เฮ้อ~~ ”
ลูเซีย เปรยอย่างหน่ายๆ ขณะที่เดิน เลาะไปโดยเกาะตามผนังข้างฝาบ้านตลอดทาง เพื่อไม่ให้ หลงไปเดินชนอะไรเข้า

{จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังแปลกใจตัวเองอยู่ดีแหะ แค่มนุษย์คนเดียวทำให้ โฮมุนครุส อย่างฉันต้อง
ถ่อหาตัวไปซะทั่วเลยเชียวรู้งี้ รับหน้าที่ไปกับเจ้าหมา นั่นยังดีซะกว่า แต่ก็เอาเถอะ…เพราะเราเองก็ยังอยากรู้ด้วย
เหตุผลที่หมอนั่นเข้ามาปกป้องฉันในตอนนั้น}
ลูเซีย คิด พรางนึกย้อนไปถึงตอนที่ เธอเกือบจะถูกรั้วตาข่าย ทับแบนบนดาดฟ้าอาคารเรียน หากไม่ได้ อิส
ช่วยไว้ป่านนี้เธอคงแบนเป็นกล้วยทับตารางไปแล้ว ขณะที่เดินไปนึกไปพลางนี้ เธอก็เดิน หลุดเข้ามาใน
ห้องโถงใหญ่ของ คฤหาสน์ร้างนี้ โดยไม่รู้ตัว

“ เธอน่ะ…..อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า… ”
เสียงที่ดังแว่วก้องขึ้นมา ทั่วห้องนี้ได้เงียบลง พร้อมกับเสียงฝีเท้า ที่ดังก้องควบคู่มาด้วย

“ อิส…. ”
ลูเซีย เปรยผู้ที่มาปรากฏตัวตรงหน้าเธอ นั้นคือ นักเรียนชายที่ ช่วยเธอเอาไว้ หากแต่ท่าทีของเค้านั้น
ไม่ได้เหมือนทุกที สีหน้าดูเรียบด้านสายตาเย็นชา และดวงตาเป็นสีฟ้าอ่อน ข้างกายของเค้า มาร์วิน อสูรนักเวทย์หนุ่ม
คู่ใจก็มาในชุดผ้าอาภรณ์แบบนักเวทย์เพียงแต่เป็นสีฟ้าตัดขาว และกระชับไม้เท้า ที่มี
หัวไม้เท้าลักษณะเหมือนกับเกลียวคลื่น

“ เธอน่ะ….อยู่ที่นั้นใช่รึเปล่า….. ”
เค้าถามขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่เย็นเรียบ แหบแห้งราวกับไม่ใช่เสียงของเค้า

“ ก…ก็อยู่…ก็อยู่นี่แล้วไง ”
ลูเซีย ตอบ เสียงตะกุกตะกัก และเริ่มไม่แน่ใจกับสภาพของคู่กรณีของเธอเสียแล้ว

“ อยู่ที่นั่นสินะ…อยู่ที่นั่น….สินะ… ”
เค้า เปรยรับกับคำตอบของเธอ ก่อนที่มาร์วิน จะยกไม้เท้าร่ายคาถา สาดผลึกน้ำแข็งอันคมกริบ
เข้าใส่ เดชะบุญ ที่เธอหลบได้ทันแบบหวุดหวิด

“ เธอน่ะ….อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า….. ”
เค้าย้อนถามขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ เดิน เข้ามาใกล้เธอเข้าไปทุกฝีก้าว

………………..
…………………………
………………………………………

"กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิตสักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ …….สมแล้วกับที่เป็นเมืองแห่งเทพ
มีนามเรียกขานอันยิ่งใหญ่ และก็…ยังมีพลังที่จะทำให้ อสูรเทพของเรา ฟื้นคืนชีพอย่างสมบรูณ์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย"

เสียงกล่าวเปรียบเปรย นี้แว่วออกจาก ปากของ เด็กนุ่มผู้ถูกเรียกว่า อดัม ผนึกการ์ดสามใบมือของเค้านั้น
ส่องแสงสว่างสกาว เจิดจ้า ขึ้นเรื่อยๆยิ่งนานไป มือของเค้านั่นแทบจะไม่ต่างไปจากพระอาทิตย์เลย
สายลมหนาวที่พัดโหม ผ่านร่างของเค้า บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล ตากสิน นั้นไม่ได้ทำให้
ตัวเค้าหนาวสะท้านแม้แต่น้อย ยังคงสีหน้าระรื่นดีอกดีใจราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นก็มิปาน
………………………..
…………………………………………..

โรงพยาบาลตากสิน

“ ให้ตายสิ วุ่นวายไปหมดเลย….ชิ..เวลาก็แทบจะไม่มีเหลือแล้ว เจ้านั่นมันอยู่ที่ไหนกันนะ ”
มาริน่า บ่นพลางไปเรื่อยขณะที่ลนลาน เดินจนแทบจะทั่วโรงพยาบาลอยู่แล้ว ก่อนจะวกกลับมาที่ห้องของ ธนัท
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภายในห้อง ธนัท ยังคงนั่งเล่นกับ คอรัส ที่กลายเป็นหุ่นยนต์ นกอยู่เงียบๆคนเดียวเหมือนตอน
ก่อนที่เธอจะออกไป

“ อ้าว…กลับมาแล้วเหรอครับท่านประธาน ”
ธนัท หันมาทักทายเสียงเรียบ ขณะที่ปล่อยมือจาก คอรัส ให้มันบินไปทั่วห้อง

“ ดูสบายใจซะเหลือเกินนะ ”
มาริน่า เปรย โดยมีความแปลกใจ ที่ ธนัท ดูไม่ร้อนรนอะไรตามเธอไปเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทุกทีแล้ว
ถึงยังจะไม่รู้เรื่องอะไร ธนัท ก็มักที่จะเป็นคนรีบร้อนรนก่อนชาวบ้านเสมอ ไปๆมาๆ นี่กลับกลายเป็นว่าเธอ
ที่ควรจะเป็นคนที่เย็นใจที่สุดกลับกลายเป็นร้อนรนที่สุดไปซะได้

“ ก็ ประธานเป็นคนบอกเองนี่ครับว่าให้ผมทำตัวให้สบายๆ ก็ทำอยู่นี่ไง ”
ธนัท ตอบเรียบๆไม่มีน้ำเสียงของการประชดประชันอะไรแฝงมาแต่อย่างใด

“ เหรอ…. ”
มาริน่า เปรยรับคำแบบหน่ายๆ ความร้อนรนของเธอก่อนหน้านี้ พอเข้ามาคุยกับ ธนัท ทีก็แทบจะมลาย
หายไปสิ้น เลยทีเดียว

“ เรื่องที่ประธานกับทุกคนกำลังทำอยู่ตอนนี้….ผมทราบดีว่าถึงผมจะโวยวายไปก็คงจะไปช่วยทุกคนไม่ได้
ดังนั้นแล้วผมก็ไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงหรอกแต่…แต่ว่า ประธานจะช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ผมเข้า
ใจบ้างได้ไหมครับ ตอนนี้ทุกคนกำลังต่อสู้กับใครและเรากำลังจะทำอะไรกันครับ ”

คำพูดของ ธนัท นั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ ที่วันนี้ คนอย่างเค้า สามารถพูดอะไรมีหลักการ
กับชาวบ้านเค้าได้

“ นั่นสินะ….ยังไงซะก็คงต้องเป็น นายนั่นล่ะเจ้าหนู…ฉันจะบอกให้ทั้งหมดเลยรวมถึงสิ่งที่ยังไม่ได้บอก
ให้พวกนั้นรู้ด้วย ”
มาริน่า กล่าวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา พร้อมกับเต๊ะท่านั่งไขว่ห้าง วางอำนาจเหมือนทุกที


“ ก่อนอื่นเลย เรื่องแรก ฉันพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ตอนนี้มีใครบางคนกำลัง ใช้พลังของ อสูรเทพ
ทำการควบคุมสภาวะอากาศใช่ไหม เรื่องมันมีอยู่ว่าสัปดาห์กที่ผ่านมาฉันได้รับ ข้อมูลมาจาก ประธานปอร์ อีกที
เนื้อความในนั้นระบุเกี่ยวกับการหายไปของ คลื่นพลังที่ปลกคลุมสามเหลี่ยม เบอร์มิวด้า แล้วก็….
การคืนชีพของ เทพอสูรดึกดำบรรพ์…..”

เธอ เริ่มเล่าย้อนกลับไปถึงเรื่องรายต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนวันเปิดภาคการศึกษา แต่ชื่อของผู้ที่ส่งข้อมูลมาให้เธอนั้น ทำให้ ธนัท
ถึงกับหันมาด้วยความสนใจ

“ คิงปอร์ น่ะเหรอ!! ”
เค้า ทวนนามเรียกขานนั้น เพื่อที่จะยืนยันว่าหูของเค้าไม่ได้ยินเพี้ยนไป

“ ใช่..หลังจากนั้นพวกเรา Master Ceremony ก็ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยู่ๆก็มีนักเรียนเข้าใหม่มา
เห็นว่าเธอใช้การ์ดแปลกๆฉันก็เลยคิดจะตรวจสอบน่ะนะ ”
เธอ พยักหน้ารับคำ ก่อนจะอธิบายต่อ

“ ก็เลย ส่ง อิส ไปท้าดวลกับเธอสินะครับ ”
ธนัท ถามขึ้น และอีกครั้งที่เธอพยักหน้ารับคำเช่นเดิม

“ ตอนนี้ ฉันส่งพวกเราไป จัดการกับต้นกำเนิดพลังงาน ของสนามพลังแห่งเทพนี่แล้ว
คิดว่าอีกไม่นานคงเสร็จแล้วล่ะมั้ง ”
มาริน่า พูดไปพร้อมกับ ยกเอาตัวตุ๊กตาผ้าที่ เป็น Note ของเธอขึ้นมา

/Calling/
เสียงดังคุ้งกังวานออกมาจาก ตุ๊กตาผ้าของเธอขณธที่มันได้ทำการต่อสายไปยัง Note ปลายทาง

……………………
……………………………………

“ ทางนี้จัดการเจ้าลิงกัง ได้เรียบร้อยแล้วนะ ทางพวก ศรี ล่ะเป็นยังไงบ้าง ”
ภูเขา พูดใส่ Note ของเค้า ที่ต่อสัญญาณตรงไปยัง Note ของ ศรี ซึ่งขณะเดียวกัน
รินที่อยู่ๆข้างเค้า ก็จัดการโยน การ์ดผนึดที่หน้าการ์ดเป็นสีขาว ลงไปบนร่างของ หนุมาน
ที่นอนนิ่ง สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ทันทีที่การ์ดผนึก สัมผัสถูกร่างของมัน ก็เกิดเส้นแสงสีเขียว

ตีกรอบเป็นอาณาเขตล้อมรอบร่างของเจ้าลิงเป็นรูปกรอบสี่เหลี่ยม ก่อนที่เส้นสงนั้นจะยกตัวขึ้นเป็น
ฝากรอบผนึก และปิดฝาด้านบนที่เหลือ ทำให้ ขุนกระบี่ หนุมาน ต้องถูกจับยัดลงกล่องพลังงานใส
ก่อนจะถูกบีบอัด จนผนึกเข้าไปอยู่ในการ์ได้สำเร็จ

“ เอ้อ…ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ คิระ กับ เจ้า โคทาโร่ กำลัง ช่วยผนึก นาคา(Naga)กับครุฑ(Garuda)อยู่ ”
เสียงตอบรับกลับมาจากทางศรี ดังขึ้นที่ Note ของ ภูเขา ได้ไม่นาน ก็มีอีกสายแทรกเข้ามา

รูปภาพ
รูปภาพ

/Get Call Raptor/(ได้รับสายแทรก)
“ ต่อสายเข้ามาเลย จิงเกิลเบว(Jinglebell) ”
ภูเขา ตอบรับคำถามของ Note ของเค้าที่ถามว่าจะทำการต่อสายแทรกนี้ไหม หลังจากที่ต่อเสร็จยังไม่ทันไร
ก็มีเสียงตะคอกดังขึ้นมาจาก ทางฝ่ายที่ติดต่อเข้ามาทันที

“ พวกนาย เมื่อไหร่ จะเสร็จกันซักทีออกไปตั้ง 4 ชั่วโมงแล้ว ไม่ใช่เรอะ กะอีแค่ ขี้หมูขี้หมา
Master Ceremony อย่างนายทำไมถึงช้ากันนักย้า~~~ ”
เสียงของ มาริน่า ดังลั่นเข้าไปทั้งสองสาย ของพวกเค้าที่กำลังติดต่อกันอยู่พร้อมกันเลยทีเดียว

“ ก็แหม~~กว่าจะหาตัวพวกมันเจอนี่นา ทำไงได้ล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ พวกเราจัดการเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วล่ะ
อีกเดี๋ยวไอ้พายุหิมะนี่ก็คงจะสงบแล้วสินะ ”
ศรี ที่อยู่อีกฟาก บนฝั่งแม่น้ำตรงข้ามกับ ภูเขา เอ่ยแก้ ขณะที่ โคทาโร่ กับคิระ กำลังเก็บการ์ดที่ได้ จากการผนึก
อสูรทั้งสองที่พึ่งจัดการไปขึ้นมา นั้นเอง

…………………………

“ ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยย่ะ รู้ไหม๊ว่าใครที่ต้องนั่งเขียน โปรแกรมตามจับคลื่นพลังงานหามเช้าหามค่ำขณธที่พวกนายเอาแต่
ใช้ชีวิตเล่นๆไปวันๆกันยะ!! ”
มาริน่า ตะคอกใส่ตุ๊กตาผ้าของเธอ โดยที่เสียงของเธอนั้นก็ วิ่งไปตามเครือข่าย ไปโพล่งออกทางลำโพงของ ทุกเครื่อง
ที่ต่อสายกับเธอ อยู่ เสียงของเธอดังลั่นห้อง ซะจนธนัท ยังอดสะดุ้งไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะยัวะเอามากๆ

“ อ…เออคือ ประธานครับแล้วเรื่องที่ ยังไม่ได้บอกอีกเรื่องล่ะครับ ”
ธนัท เอ่ยถามถึงเรื่องที่ยังค้างกันไว้อยู่

“ อ๋อเรื่องนั้นน่ะ…. ”
ปึง!!!
มาริน่า เอ่ยไปได้ยังไม่ทันไรนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกกระแทก เปิดออกทันที

“ ค…เคียว ”
ธนัท เปรยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของ เพื่อนผู้หายตัวไปร่วมครึ่งวัน เพื่อตามแฟนสาวที่มาง้องอน
แต่ทว่าคราวนี้เค้ากลับแบกเธอที่มีสภาพโทรม กลับมาแทน ใบหน้าของเธอดูซีดเซียดและขาวเผือดราว
กับเลือดโดนสูบออกจากตัวจนเกือบหมด ดวงตาของเธอนั่น เหม่อลอย และปากอ้าค้าง เหมือนคนไร้สติ

“ ช…ช่วย…ช่วยเฟรย์ ที… ”
เคียว ปริปากที่ยังคงสั่นเพรื่อเพราะความเหนื่อยหอบ และความหนาวเหน็บของหิมะ ที่ละลาย
ซึมลงใส่เสื้อผ้าของทั้งสองจนเปียกโชกไปทั้งตัว

…………………

ก๊าซซซซซซ !!!!~

เสียงคำรามกึกก้องของ ปีศาจร้าย กลับดังกังวานขึ้น ทั่วท้องฟ้าก่อนที่ ปีกขนาดกว้างใหญ่
พอที่จะโอบอุ้มท้องฟ้าทั่วทั้ง เขตของเมืองๆหนึ่งได้จะปรกลงมา พร้อมกับลากเอาร่าง
ของอสุรกายเหยี่ยวแห่งตำนาน ลงมาจุติเหนือน่านฟ้าของ กรุงเทพ แห่งนี้

พร้อมกันนั้น สายธาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เกิดหมุนเกลียวยกตัวขึ้นสูง ก่อนที่กระแสน้ำจะกระจายตัวออก
ปรากฏร่างของ อสุรกายแห่งนที อันมีร่างยาวจากฟ้าจรดท้อง แม่น้ำ

ใกล้ๆกันนั้นเอง ในเขตตัวเมือง ติดกับท่าเรือใกล้แม่น้ำ ผืนแผ่นดินคอนกรีต ค่อยแยกตัวออกพร้อมกับ
ร่างมหึมาของอสุรกายแห่งปฐพี ได้ย่างก้าวของมันโผล่พ้นขึ้นมาเหนือพื้นโลก สัตว์ยักษ์จากบรรพกาล
มีงวงและหางอันทรงพลัง

“ ซิสท์(ZIZ) บีฮีมอท(BEHEMOTH) เลวีอาทาน(LEVIATHAN)!!! ”
ศรี เปรยพร้อมกับสายตาที่จดจ้องไปยังร่างทั้งสามแห่งหายนะของพวกมัน ราวกับต้องมนต์สะกด
เมื่อวันสิ้นโลกได้มาเยือน ตรงหน้า

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

………………..

…………………………….
To be continue….

เช่นเคยไม่มีตัวอย่างตอนต่อไปคร้าบ เพราะว่าต้องเตรียมตัวสอบแว้ว ไว้ว่างๆจะมาเมนท์เพิ่มอีกที ::006::
ช่วงนี้วุ่นมาก อ่อเกือบลืม สัปดาห์หน้าไปจนถึง ปีใหม่ งดนะขอรับ เพราะติดสอบ กับตอนปีใหม่
มีซีรี่ย์พิเศษ Crisis Valkyrier SE ตอนแรก ครับผม ::011::
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 6:40 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 8:41 pm

T^T
อิสคุง...เศร้าจริงๆ
โฮกกกกกกกกกก
ช้ำใจพ่อยก...
++++++++++++++++++
::011::
โอ้วววววว ภาคพิเศษรับปีใหม่สินะฮะ ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร ธ.ค. 15, 2009 12:39 pm

ที่แท้แฟนเก่า อิสคุง หน้าตาเหมือนลูเซียนี่เอง มิน่าก็ว่าอยู่ใน op2 ทำไมเห็นฉากที่ดอกซากุระร่วงถึงเป็น
อิสกับลูเซีย ที่แท้คือ ฟ้า (ที่ไปอยู่บนฟ้าตามชื่อล่ะ ฮา) ที่ซ้อนเดจาวูกับลูเซียนี่เอง
ว่าแต่ทำไมต้องเป็นดอกซากุระร่วงล่ะ รือว่าคนที่มีแววจะไปคนแรกคือ......

ขอล่ะอย่าเป็นเหมือนไอจัง กับเฟนท์คุงเล้ย เอแต่คู่นั้นไม่ตายหนิหว่า
อืมใกล้ตอนจบของ Celetia Miritaly แล้วสินะ จากนั้นก็ขึ้นครึ่งหลังของซีรี่ย์ TAG
เหอๆ
ปล.สปอยจ้ะจบศึกนี้มีคน1ที่จะต้อง....... ไปจิ้นเอาเอง ::006:: หุๆๆ

กรี้ดดดดด Crisis Valkyrier Se ที่รอมานานจะได้ดูแย้ว ::023::
เรกกะซาม่า บันซายยยยยยยยย
(มันมาต้อนรับ Code Geass ภาค3สินะ เรกกะ จะเป็นลู่อีกครั้ง เหอๆไม่ใช่ล่ะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน