"ท่านพ่อเรียกหาข้าหรือ" ชายร่างใหญ่ผมสีแดงก้าวมาหยุดที่หน้าชายชราผมและหนวดสีขาวทำให้เขาดูภูมิฐานยิ่งในห้องหรูหราของทำเนียบนายพล
"ตอนนี้พวกขุนนางเคลื่อนไหวยังไงกันบ้าง เกี่ยวกับพระประชวรของฝ่าบาท" เสียงที่ทุ้มต่ำถามขึ้นก่อนยกแก้วไวน์จรดหนวดสีขาว
"บางส่วนก็วุ่นวายและแบ่งเป็นฝักฝ่าย และเริ่มซุบซิบกันถึงสาเหตุพระประชวรที่คราวนี้ค่อนข้างยาวนาน แต่ส่วนใหญ่ยังคงนิ่งอยู่ไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด ว่าแต่ท่านพ่อกังวลสิ่งใดเป็นพิเศษหรือเปล่า"
"เวลาที่ข้าบอกเจ้า อาจใกล้เข้ามาแล้วนะ มาร์ช" ชายชราวางแก้วไวน์ลงพร้อมลุกขึ้นนั่ง
"ทะ ท่านพ่อ หมายถึง..... แต่ ฝ่าบาท ไม่ได้ประชวรขนาดนั้น" ชายชราตบบ่าลูกชายเบาๆ "เจ้าจงจับตาดูพวกขุนนางให้ดีเถอะ คนอย่างข้า มาร์กเซ็น ผู้นี้ ทรยศหักหลังคนอื่นได้แต่ใครอย่าคิดบังอาจทรยศหักหลังข้า เจ้าจงจับตาดูแม่ทัพอัศวินเรดกริฟให้ดีเถอะ ข้าได้ยินว่า หน่วยสกาเล็ทวิงค์ กำลังเคลื่อนไหวทำอะไรบางอย่าง"
"แต่ข้าเข้าใจว่าเขาคือสหายของท่านพ่อนี่ ท่านเคยบอกข้าว่าพวกท่านเคยร่วมรบมาด้วยกัน แล้วเขาจะหนุนหลังท่านในการใหญ่ที่ท่านพ่อวางแผนไว"
"อะไรก็ไม่แน่นอนหรอก ถ้าเจ้าอยู่ในแวดวงการเมืองมานานเท่ากับข้า เจ้าจะรู้ดีว่าการย้ายฝ่ายเปลี่ยนขั้วเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สัจจะนั้นเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ แม้แต่การเหยียบเรือสองแคม นกสองหัว หรือซ่อนดาบในรอยยิ้ม ข้าล้วนเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น เจ้าจงจำไว้ นอกจากตัวเจ้าเองจงอย่าไว้ใจใคร" มาร์กเซ็นพูดพลางเดินไปรินไวน์เพิ่ม
"แล้ว.. ท่านพ่อไว้ใจข้าหรือไม่" มาร์ซถามหยั่งเชิง
"เจ้าคือลูกชายคนเดียวของข้า" มาร์กเซ็นจ้องหน้าบุตรของตน "วันหนึ่งเจ้าจะได้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ในฐานะที่เป็นลูกชายข้า จำไว้เถอะ"
มาร์ซยิ้มอย่างภาคภูมิ "ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง"
"จงหาทางสืบมาว่าพวกสกาเลทวิงค์ มันไปทำอะไรกันที่ไหน แล้วรีบมารายงานข้า"
"ขอรับท่านพ่อ" มาร์ชก้มคำนับ รีบเดินออกจากห้องไป ทันทีที่สิ้นเสียงปิดประตู มาร์กเซ็น ก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมองรำพึงขึ้นว่า "ข้าก็เพิ่งบอกเจ้าไปไม่ใช่หรือไงว่า จงอย่าไว้ใจใครนอกจากตัวเอง"
..ซู้ดดดดดดดดดดดดด...
เสียงดื่มชาดังมาจากหญิงสาวใต้กรอบแว่น เธอเล่าเรื่องราวอย่างตื่นเต้นยาวนานถึง2ชั่วโมงจนเสียงแหบแห้ง ทั้งสาเหตุที่มาที่นี่ และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการกลับมาของปีศาจกา
หญิงทั้งสาม นั่งฟังเธอเล่าอย่างตั้งใจ แต่ดูเหมือนพวกเธอจะเพลิดเพลินกับการทำหน้าทำตาใส่อารมณ์ในการเล่าเรื่อง ของแขกหน้าใหม่ใส่แว่นมากกว่าจะตื่นเต้นกับเนื้อหาเหล่านั้นจริงๆ
"พวกท่านหายไปไหนกันคะ พวกท่านทิ้งเราให้โดนปีศาจการาวี ทั้งที่ตามตำนานพวกท่านคอยกำหราบมันตลอดหลายยุคสมัย" เคที่ถามเสียงแหบแห้งแม้จะดื่มชาก็ดูจะช่วยบรรเทาเจ็บคอไปเพียงเล็กน้อย
"เราไม่เคยหายนะจ๊ะ เราก็อยู่ของเราตามปกติ" เสียงเล็กๆดังมาจากเด็กสาว
"แต่พวกท่านไม่เคยปรากฎตัวเลย ตลอดช่วงเวลาวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมานะคะ"เคที่กลืนน้ำลายแล้วถามอย่างรวดเร็ว
"แล้วทำไมต้องปรากฎตัวด้วยล่ะ"สาวผมสีแดงถามปนขำขัน
"ก็ตามตำนานบอกว่าพวกท่านปรากฎตัวทุกครั้งที่ปีศาจกาอาละวาด" เคที่ถามอย่างงุนงง
"ตำนานว่าไว้ ก็ถูกแล้วนี่ เธอรู้ตำนานมาอย่างถูกต้องแล้ว" เสียงเรียบเฉยมาจากสาวสวยผมดำ
"แล้ว....." เคที่อ้าปากเริ่มจะถามทันใดนั้น บางสิ่งบางอย่างก็แล่นแวบเข้ามาในหัวของเธอ ตาของเธอเหลือกโต มองหญิงทั้งสาม ที่เริ่มจิบชา และเหลือบมองเธอ
"ไม่นะ... หรือว่า....." หลังจากอึ้งไปหลายวินาทีเคที่ก็ทำลายความเงียบนั้น อิชาที่เงียบมานานก็กล่าวเสียงเบา ใบหน้าซีดเผือด
"ไม่มีปีศาจกาตั้งแต่แรก ทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของมันเลย....."
หญิงทั้งสามยิ้มให้แขกทั้งสอง แล้วพากันจิบชา แล้วเริ่มชวนกันกินขนม คุ๊กกี้ และเค้กบนโต๊ะ ราวกับไม่ใส่ใจกับความตกตะลึงงุนงงของแขกทั้งสอง เออร์ซูล่า มองหน้าทั้งสองคนแล้วขำคิกคักขึ้น
"ถ้าอยู่บนโลกนี้นานๆแล้วจะชิน เรื่องโกหกตอแหลของข้าราชการและนักการเมือง มันวนเกิดซ้ำซากไม่รู้กี่ยุคสมัย ละครปาหี่แบบเดิมๆ คิคิ"
"มีคนต้องตาย ต้องถูกขังคุก ถูกทรมานมากมายแค่ไหน เพราะเรื่องนี้" อิชาขบกราม เค้นเสียงอย่างโกรธเคือง
ปัง เคร้ง!!
เสียงตบโต๊ะจนถ้วยชามกระเบื้องกระแทกกัน ทำให้ทุกคนหันไปมองสาวแว่นที่ตอนนี้หน้าเธอแดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปนด้วยความเครืยด "ไอ้แก่ ไอ้เฒ่าสารเลว มัน...มันนั้่นแหละ ไอ้มาร์ซัส มันแน่ๆที่กุเรื่องทั้งหมดเพื้อกำจัดศัตรูทางการเมืองของมัน สร้างความหวาดกลัวไปทั่ว ประชาชนเดือดร้อนถูกหลอกกันหมด ทั้งหมดไม่ใช่ปีศาจกา แต่เป็นฝีมือของมัน"
มือเล็กๆยื่นจานขนมมัฟฟินไปที่หน้าแดงก่ำนั้น "อันนี้อร่อยนะ ใจเย็นๆ กินขนมก่อน"
เคที่คว้ามัฟฟินยัดเข้าปากทั้งชิ้น แล้วหยิบขนมอื่นเข้าปากอย่างต่อเนื่อง
"เป็นประเภทเครียดแล้วกินสินะ" สาวผมดำเลื่อนจานเค้กให้พร้อมยิ้มอ่อนโยน
"แต่จะพูดว่าใช่ปีศาจกา หรือไม่ใช่ปีศาจกา มันก็ถูกทั้งคู่อยู่นะ" สาวผมแดงเท้าคางมองดูเคที่กินอย่างเพลิดเพลิน
"หมายความว่ายังไงขอรับ ตกลงปีศาจกาเกี่ยวข้องด้วยเหรอขอรับ" อิชาสงสัยในปริศนา
"ว่ายังไงดีล่ะ เจ้าตัวคนทำเรื่องนี้ ก็อยากใช้ปีศาจกาตัวจริงอยู่นะ ดังนั้นของเลียนแบบ ที่ทำในนามปีศาจกา จะนับได้ไหมล่ะ หรือว่ายังไงดี หรือเราจะพูดให้ถูกว่า ปีศาจกาเกี่ยวข้องแน่ แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้" คาเร็นพูดพลางหันไปมองซิลีน
"อ๋ายอวามว่าไออ๊ะ" เคที่คว้าคุกกี้เคี้ยวกร๊วมๆเต็มปาก
"กินให้สบายใจก่อน อิ่มแล้ว เดี๋ยวอธิบายให้ฟังทีเดียวดีไหม ฮิฮิ" มารายห์ยิ้มซุกซน
"งั้นข้าขอกินด้วยแล้วกัน" อิชาคว้าบราวนี่วางใส่จานตัวเอง
"เอาเลยกินกันให้เต็มที่ อิ่มแล้วปิดท้ายด้วยคุ๊กกี้ทำนายนะจ๊ะ คิคิ" เออร์ซูล่าร่ายขนมกรอบทรงสามเหลี่ยมหลายชิ้นลอยลงจานตรงกลาง ก่อนเสียงสรวลเสและรับประทานจะดังแข่งกับเสียงหรีดหริ่งของแมลงยามค่ำคืน