ขอวิเคราะห์และให้เหตุผลเป็นเรื่องๆไป ก่อนจะตัดสินใจเลือกเรื่องที่ชอบมากที่สุดนะครับ
Always (เฟบรอน - โรสแมรี่)เนื้อเรื่องโดยรวมลักษณะเหมือนชีวิตจริงที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องของ
"รักที่ต้องแข่งขัน" ฝ่ายหนึ่งเป็นคนยากจน ฐานะต่ำต้อย แต่มีพรสวรรค์และเป็นคนดี ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นลูกผู้รากมากดี สูงศักดิ์ ร่ำรวย พรั่งพร้อมไปด้วยข้าทาสบริวาร แต่กลับไม่เข้าใจรักแท้ คิดเพียงแต่จะเอาชนะ ลักษณะเหมือนหลงรูปกายมากกว่าชอบด้วยมโนสำนึก เนื้อเรื่องจงใจแสดงให้เห็นว่า ความรักไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสมบัติภายนอก ไม่จำเป็นต้องมองถึงอนาคตว่าหากรักแล้ว เขาจะสามารถทำให้เรามีชีวิตที่สุขสบายได้หรือไม่ ความรักไม่ได้สอนให้หลงในภาพมายาอันฉาบฉวย หรือติดรูป รส กลิ่น เสียง ความมั่งคั่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งลวงทั้งนั้น โชคดีที่นางเอกของเรื่องมีความมั่นคงในจิตใจมากพอ และให้โอกาสทุกคนได้พิสูจน์ความรักของพวกเขาที่มีต่อตน ทำให้เธอได้รับรู้ว่า ความรักของแต่ละคนนั้นเป็นเช่นไร จนกระทั่งเธอสามารถเลือกผู้ชายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอได้ ผมชื่นชมเฟบรอนที่มีความคิดเป็นของตนเอง มั่นคงในตน แม้จะเคยคาดหวังอยากร่ำรวยเพื่อให้นางเอกเลือกเขา แต่เขาก็เป็นคนดีพอที่จะไม่พยายามหาหนทางร่ำรวยด้วยวิธผิดๆ เช่น ใช้พรสวรรค์หาเงินรีดไถจากผู้อื่น หรือใช้ความสนิทสนมจากการช่วยเหลือคณะประกาศกในการแอบอ้างความเป็นเพื่อน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง แม้จะปรารถนาในความรักมาก แต่เขาก็มั่นคงพอที่จะไม่ยอมให้มันมาสั่นคลอนในความดีงามของเขาได้ ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการกระทำของเขา
ถ้าจะเปรียบเทียบตัวละครเรื่องนี้กับสำนวนไทย
เฟบรอน - ข้างนอกขรุขระ ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง / ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเขาเป็นคนขี้เหร่ แต่เพราะความยากจนและชาติกำเนิดที่ดูดีสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ทำให้เขาถูกประเมินค่าต่ำไปมากในสายตาของคนอื่น ทั้งที่เนื้อแท้ของเขานั้นมีอะไรหลายอย่างที่เหนือกว่าอีกฝ่ายมาก
ทริสตัน - ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง ภายนอกดูดีทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ชาติตระกูล ความมั่งคั่ง แต่ภายในกลับอย่างไร้วุฒิภาวะอย่างน่าใจหาย เขาไม่ใช่คนเลวร้าย เพราะถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี วางอำนาจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า "รัก"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Waltz of Harmony (ชาร์ล - เวโรนิกา) เรื่องนี้ออกแนวคู่รักทรหด ชายกล้าหญิงแกร่ง เน้นหนักไปทางสงครามกับความรักชาติ ผมชอบที่แม้ทั้งคู่จะดูแข็งแกร่งในภายนอก แต่ภายในก็มีอารมณ์อ่อนไหวให้เห็นเช่นกัน เนื้อเรื่องนี้ไม่ได้เน้นไปที่ความรักของคนทั้งคู่เพียงอย่างเดียว แต่ดึงสภาพแวดล้อมโดยรวมเข้ามาเป็นอารมณ์ร่วมด้วย ทั้งการสูญเสียจากสงคราม การเสียสละ การทำเพื่อชาติบ้านเมือง แม้ตอนแรกจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายก็จบลงอย่างสวยงาม ผมชื่นชมในความหนักแน่นของตัวละครที่แยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได้ เรื่องนี้สำหรับผมเป็นแนว
"รักต้องห้าม" ที่ต้องเห็นความสำคัญของส่วนรวมมากกว่าตนเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Eternal Sunset (อิสฮาน - วานาอัน - ซูไลก้า)เรื่องราวของ
"รักสามเส้า" ที่ผสมผสานระหว่างภาระหน้าที่ ความเสียสละเพื่อส่วนรวม ความมั่นคงและไม่ทรยศต่อใจตนเอง และความอยากได้ครอบครอง เป็นความรักเรื่องเดียวใน 3 เรื่องที่ความรักของตัวละครเอกสามารถพลิกผันบทสรุปของเรื่องได้ในทุกๆเวลา เพราะความรักของพวกเขาเป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติ และความอยู่รอดของผู้คนจำนวนมากที่ฝากชีวิตไว้กับพวกเขา ทำให้มีอิทธิพลต่อชะตากรรมของคนทั้งเรื่อง ความรักของเรื่องนี้ขมขื่นกว่าทุกเรื่อง ถ่ายทอดความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง และความน่าเห็นใจ บางครั้งภาระหน้าที่ย่อมมาก่อนเรื่องส่วนตัว อิสฮานจำต้องเสียสละเพื่อบ้านเมือง วานาอันเสียสละเพื่อคนที่ตนเองรัก ขณะที่ซูไลก้าเหมือนคนเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตนเอง แต่ก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าเธอเป็นเหตุแห่งปัญหาทั้งหมด จริงๆแล้วผมว่าซูไลก้าก็เสียสละเหมือนกัน มุมมองอาจดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ถ้าหากเธอทำให้อิสฮานตัดใจจากวานาอันมารักเธอแทนได้ คนที่จะได้ประโยชน์ที่สุดก็คือ อิสฮาน ชายหนุ่มที่เธอรัก ลองคิดดูว่า หากอิสฮานยังมั่นคงต่อวานาอัน หญิงที่ตนรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว อุปสรรคของทั้งสองไม่ได้มีแต่เพียงซูไลก้าเท่านั้น วานาอันเป็นหญิงสาวจากต่างแดน แถมเป็นแดนศัตรู ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนชาวซาโลม และอิสฮานยังอยู่ในวังวนของอำนาจ การเมือง สงคราม สิ่งยั่วยุ และอันตรายเกินกว่าที่จะคาดเดาอนาคตได้ หากเขายังดึงดันจะครองรักกับเธอให้ได้ เท่ากับดึงเอาหญิงสาวเข้ามาสู่อันตรายใหญ่หลวงที่มากเกินกว่าที่เขาจะคะเนได้ วานาอันจะกลายเป็นเป้าหมายหลักของศัตรูทุกคนของอิสฮาน เธอจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เขาเพลี่ยงพล้ำโดยง่าย จากแรงกดดันรอบด้าน เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข แม้ความรักที่มีจะมั่นคงแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์ พวกเขาจะเหมือนกับตายทั้งเป็น เพราะไม่อาจได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง หรือกว่าจะได้รับพวกเขาก็ต้องผ่านความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัส ขณะที่หากเขาเลือกซูไลก้า แม้จะต้องเหมือนตายทั้งเป็นที่อยู่กับคนที่ไม่ใช่เจ้าของหัวใจของตน แต่ซูไลก้าเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็ง ฉลาด มีความกล้าหาญ และสามารถสนับสนุนเขาได้ในสิ่งที่วานาอันอ่อนโยนเกินกว่าจะตัดสินใจทำได้ เธอจะทำให้เขากลายเป็นพระราชาที่แข็งแกร่ง และประชาชนทั้งสองประเทศสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าอิสฮานจะเลือกอะไร ระหว่างภาระหน้าที่ต่อบ้านเมือง หรือละทิ้งทุกอย่างและวิ่งตามหัวใจของตนเอง แต่ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์ต้องมีใครคนหนึ่งที่ต้องเสียใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือบางที อาจเป็นทั้งสามคนเลยก็ได้ ที่ต้องจมกับความรู้สึกผิด และความทุกข์ที่เกิดจากการกระทำและการตัดสินใจของพวกเขาเอง...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยอมรับตามตรงเลยว่าผมชอบทั้งสามเรื่องมากครับ อ่านแล้วมีความรู้สึกคล้อยตามจริงๆ เป็นนิยายที่มีครบทุกอารมณ์ ชวนให้ต้องติดตาม และมีอารมณ์ร่วมไปกับทุกฉากทุกตอนด้วย จริงๆแล้วความรักของทั้งสามเรื่องมีความแตกต่างกันออกไปในแบบฉบับของตน จะตัดสินว่าอะไรเหนือกว่าก็ใช่ที่ แต่ในเมื่อพี่จิงบอกให้เลือกที่ชอบที่สุดเพียงเรื่องเดียว ผมก็ขอเลือก...
Eternal Sunset (อิสฮาน - วานาอัน - ซูไลก้า) ครับ
เหตุผล : ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระชากอารมณ์จากสูงสุดไปต่ำสุดได้อย่างดีที่สุด ทุกๆฉากมีการพลิกผันของสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ยากแก่การคาดเดาบทสรุป ทำให้ชวนติดตามและค้นหาอย่างมาก เป็นเรื่องเดียวที่ผมอ่านถึง 3 รอบ และลุ้นไปกับตัวละครด้วย แม้จะมีอารมณ์หดหู่ น่าเศร้าสลด ชวนอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเนื้อเรื่องที่กินใจผมที่สุดแล้วครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมชอบซึ้งกับความรักแนวนี้ด้วย และมักจะเห็นใจกับผู้ไม่สมหวังเสมอ เรื่องนี้ผมไม่มองว่าใครผิดเลย แต่ละคนมีวิธีแสดงออกที่ไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็จบลงในจุดหมายเดียวกัน คือ การแสดงความรักต่อคนที่ตนรัก แม้บางครั้งจะผิดศีลธรรมและความถูกต้องไปบ้าง แต่ความรักนำมาซึ่งความโลภ ความโกรธ ความหลง ย่อมทำให้คนตกอยู่ในวังวนแห่งกิเลสได้ง่าย จึงไม่อาจกล่าวโทษใครได้เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม และมีคุณค่าในตัวมันเองเสมอ...
ปล. ขออภัยด้วยนะครับถ้าเขียนยาวไป อินจัดไปหน่อย
