เที่ยงวันหนึ่งชาร์ลกับบรรดาแม่ทัพผู้ชำนาญศึกต่างประชุมปรึกษาหารือกันด้วยความเคร่งเครียด เพราะทัพใหญ่ของซาโลมกำลังเตรียมเข้าประชิดเมือง
“ท่านแม่ทัพเวโรนิก้า ศึกครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะคราวนี้ซาโลมแต่งทัพมาเต็มอัตราศึก ฝ่ายเราก็เตรียมเสริมทัพเต็มที่เช่นกัน แต่ทัพยูนิคอร์นที่ต้องปะทะกับทหารผีทัพหน้าของซาโลมอาจต้องเจอศึกหนักพอตัว แต่ทันทีที่ตีทหารผีที่เป็นกองหน้าแตกได้ ทัพมังกรและทัพอัศวินจะรีบเสริมทัพขึ้นไปทันที” ชาร์ลพูดกับเวโรนิก้าอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็อธิบายแผนการรบต่าง ๆ พร้อมแบ่งหน้าที่และซักซ้อมแผนการรบกันอีกหลายครั้ง เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
วันรุ่งขึ้นการรบก็มาถึง กองทัพเพลิงทั้งทัพมนุษย์และปีศาจตั้งกระบวนรบเป็นกำแพงสีเลือดยาวไปสุดตา ฝ่ายฟีเลเซียแม้แต่ผู้ชายหลายคนยังยืนสั่นไม่รู้ตัว เวโรนิก้านำเหล่านักรบสาวพรหมจรรย์สวดภาวนา และหวังว่าเย็นนี้จะได้สวดพร้อมหน้ากันอีกครั้ง
หลังเสียงสัญญาณและธงแปรขบวนรบโบกสะบัด นักรบหญิงพร้อมอาวุธคู่ใจก็บุกเป็นรูปลูกศรตรงไปยังฝ่ายศัตรู ครั้นทหารเลวเห็นเป็นเพียงสตรีก็โห่ร้องพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ทัพยูนิคอร์นถูกล้อมและแยกออกเป็น 5 กองดั่งไร้ทางหนี แต่ครั้นแล้วทั้ง 5 กองกลับแปรเป็นรูปลูกศรวิ่งฝ่าวงล้อมกลับมา พวกทหารปิศาจไล่ตามทันทีและเพียงครู่เดียวต้องกลายเป็นฝ่ายจนมุมเอง เมื่อถูกทัพยูนิคอร์นล้อมกรอบเป็นวงกลมกักขังไว้
ทั้งดาบและน้ำศักดิ์สิทธิ์พิฆาตปิศาจกระหน่ำใส่ทหารผีนรก ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงโอดครวญ มีแต่ความเงียบ
ชาร์ลซึ่งมองการรบพุ่งเบื้องหน้าด้วยความเคร่งเครียดคอยจับสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นตาไม่กระพริบ เพื่อเตรียมเสริมทัพให้กับทัพยูนิคอร์น ทันทีที่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นเขาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นทันที
“เสร็จกัน ไอ้พวกเจ้าเล่ห์นั้นใช้ทหารมนุษย์ปลอมเป็นทหารผี! ให้สัญญาณเสริมทัพทันที!!” จอมทัพกระโจนขึ้นหลังม้าควบทะยานออกไปราวกับลูกธนู
ทันทีที่เวโรนิก้าตระหนักได้ว่าตนตกหลุมพรางของฝ่ายศัตรู ก็หันไปหาชาร์ลทันที เมื่อเห็นว่าชาร์ลเองก็รู้แล้วว่าโดนอุบายหลอกของศัตรูและกำลังมุ่งหน้ามาช่วย จึงรีบให้สัญญาณถอนกำลังทันที พลันสายตาก็กวาดมองสมาชิกในทัพของตน แต่แล้วบรรดาทหารกักขฬะของซาโลมก็พุ่งเข้าใส่นักรบหญิงราวกับเปลวไฟเจอเชื้อเพลิง เวโรนิก้าเห็นติดตาว่านักรบพรหมจรรย์นางหนึ่งถูกกระชากจากหลังม้าลงพื้น และหายเข้าไปในกลุ่มทหารชายที่เข้ากรุ้มรุม ในภาวะสงคราม ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ผู้หญิงมักตกเป็นเหยื่อที่ถูกทารุณข่มเหง ซึ่งจะกลายเป็นตราบาปที่หลอกหลอนไปจนชั่วชีวิต เหมือนตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน...
ไวยิ่งกว่าความคิด เวโรนิก้าควบฟิลิปีเร็วสุดฝีเท้าพุ่งเข้าไปท่ามกลางทหารทะเลทรายที่กำลังถอยร่น แวบหนึ่งเธอเห็นแอนเดรียยูนิคอร์นของหญิงสาวที่ถูกพาตัวไปนอนตาย ใจของหญิงสาวสะท้านวาบนั่นคือยูนิคอร์นของเอโลดี้ ผู้เป็นหนึ่งในบรรดาเพื่อนสนิทของเธอ หญิงสาวได้แต่หวังว่าเจ้านายของมันจะยังปลอดภัยอยู่
เมื่อชาร์ลเห็นความบ้าบิ่นชั่วขณะของเวโรนิก้าก็ยิ่งฮ้อตะบึงม้าศึกจนสุดฝีเท้า ใจของเขาแทบจะหลุดออกมานอกร่าง แต่ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว
dra.jpg
ทันใดนั้น มังกรดำก็ถลาลงมาจากทิศทางใดไม่ปรากฏ มันกางกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่เวโรนิก้า หมายจะขย่ำแม่ทัพยูนิคอร์นให้แหลกคามือ ฟิลิปีรีบกระโจนตัวขึ้นสะบัดเขาเต็มแรงพร้อม ๆ กับที่เวโรนิก้าก็ตวัดดาบไอเรเน่ใส่กรงเล็บที่พุ่งเข้ามาหาตนสุดกำลัง แรงปะทะทำให้หญิงสาวเสียหลักเกือบตกจากหลังยูนิคอร์น แขนของเธอพันเกี่ยวกับสายบังเหียนจนรู้สึกเจ็บ เสียงมังกรร้องดังด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกลับขึ้นฟ้า มันบินโค้งลงมาเพื่อจะโจมตีอีกครั้ง เวโรนิก้าพยายามดึงสายบังเหียนเพื่อดึงตัวขึ้นบนอาน สายตาก็จับทิศทางการเคลื่อนไหวของมังกรดำ บนหลังของมันมีแสงสว่างวาบขึ้นก่อนจะม้วนตัวกลายเป็นดวงเวทย์ขนาดใหญ่ หญิงสาวที่ยังไม่ทันจะทรงตัวได้จากการปะทะเมื่อครู่ถึงกับหน้าซีดเผือด เวโรนิก้าพยายามกระฉับสายบังเหียนพลางยกโล่ขึ้นป้องกันตนและฟิลิปีแม้จะรู้ว่าไม่ทันการ ยูนิคอร์นสาวรู้ด้วยสัญชาตญาณจึงกระโจนตัวขึ้นชูสองขาหน้าใช้ตัวเองเป็นโล่ห์ชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านายของตน
“ไม่นะ! ฟิลิปี” ทันทีที่หญิงสาวรู้ว่ายูนิคอร์นคู่ใจกำลังทำอะไร ก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ หญิงสาวพยายามโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อถ่วงน้ำหนักฟิลิปีให้กลับมายืนสี่ขาดังเดิม ม้าสาวจึงสะบัดตัวเต็มแรงจนเวโรนิก้ากระเด็นตกลงไปกับพื้น ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะสว่างวาบ
ตูมมมมม
เสียงปะทะของลูกเพลิงเวทย์ดังสนั่น แรงกระแทกพุ่งใส่หญิงสาวจนกลิ้งไปจากจุดเดิมหลายตลบ ทันทีที่คลื่นจากแรงปะทะสิ้นสุดลง เวโรนิก้าก็รวบรวมสติและกำลังของตนยันตัวขึ้น สายตารีบกวาดมองไปทั่ว ฉับพลันดวงใจก็หายวาบเมื่อเห็นร่างสีน้ำตาลที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดนอนนิ่งไม่ไหวติงห่างไปไกลหลายเมตร ชุดเกราะแตกยับและบิดงอจนผิดรูปผิดร่างเป็นของฟิลิปีไม่ผิดแน่ หญิงสาวกรีดร้องราวกับจะขาดใจ
“ไม่~~~! ฟิลิปี! ฟิลิปี!” เวโรนิก้าวิ่งอย่างล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหายูนิคอร์นที่รักด้วยน้ำตานองหน้า “ได้โปรด อย่าเป็นอะไรนะฟิลิปี” หญิงสาวใช้มือกดปากแผลขนาดใหญ่ที่อกของฟิลิปี เลือดไหลออกมาจากจมูกและปากของมันอย่างน่ากลัว บ่งบอกให้รู้ว่าอวัยวะภายในแหลกเหลวเพียงใด ม้าสาวนอนหายใจรวยริน ดวงตาสั่นน้อย ๆ เหมือนพยายามจับภาพเบื้องหน้า
ทันใดนั้น เงาขนาดใหญ่ก็พุ่งผ่านเหนือทั้งสองไปพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกึกก้อง เวโรนิก้าหันไปทางต้นเสียงก็เห็นกรงเล็บขนาดมหึมาอยู่ตรงหน้า เสี้ยววินาทีนั้นเอง ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย ฟิลิปีก็ดีดตัวขึ้นสะบัดเขาแทงไปที่ตาของมังกรทมิฬจนทะลุไปที่ตาอีกด้าน มังกรร้ายแผดเสียงด้วยความเจ็บปวดเสียหลักถลาลงไปกระแทกกับพื้นจนฝุ่นตลบ มันดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดเหวี่ยงสะบัดฟิลิปีราวกับตุ๊กตาไม่มีชีวิตจนหลุดลอยกระแทกพื้นโครมใหญ่ ในขณะที่นักเวทย์บนหลังมังกรดำก็ถูกเจ้ามังกรที่ดิ้นทุรนทุรายนั้นทับบตายอยู่ใต้ร่างของมันเช่นกัน
“ฟิลิปี!” เวโรนิก้าสะอื้นไห้วิ่งเข้าไปหายูนิคอร์นด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ดวงตาของฟิลิปีเบิกโพรง
เพียงแวบเดียวก่อนสติจะเลือนหาย สำนึกแห่งชีวิตไหลหลั่งจากร่างตามเลือดที่โทรมกาย ในดวงตาก็เห็นภาพในอดีต
...ตั้งแต่วันแรกที่เวโรนิก้าปฏิญาณตนเป็นพี่น้องด้วย รวมถึงทุกวันทุกเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข แต่ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินประสาทสัมผัส ในเสี้ยวแห่งวินาทีสุดท้ายกลับมีภาพอีกชุดลอยเด่นขึ้นมา
หลายคราวที่เวโรนิก้ามองดาบปักเฉียงพื้น แล้วมองเลยไปเหมือนมองหาดาบอีกเล่มหนึ่งที่อาจเคยอยู่ตรงนั้น
หลายคราวที่หญิงสาวมองดวงดาว แล้วคิดถึงใครบางคนในห้วงความคิดของตัวเอง
หลายคราวที่มีรอยยิ้มที่ไม่เคยมอบให้ใคร เวลาคุยกับมนุษย์ผู้ชายที่ชื่อชาร์ล
หลายคราวที่หญิงสาวมองมันด้วยความรัก แต่ในนั้นมีความรู้สึกบางอย่างถูกขังในกรงเหล็กที่ไร้ทางออกแฝงอยู่...
ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะขาดไปนั้นเอง ฟิลิปีก็คลายความตระหนกแห่งการจากพรากไปสิ้น ในดวงตาเห็นภาพของเวโรนิก้าที่จะใช้ชีวิตต่อไปและได้พบกับความสุขที่หัวใจต้องการตราบชั่วชีวิต