สมมุติว่าถ้าเป็นตัวเองจะทำยังไง
เห็นด้วยที่ผู้ที่สร้างปัญหา คือ ร้านค้า ไม่ว่าจะจงใจโกหก หรือสับสนหยิบผิด ก็คือต้นเหตุแห่งปัญหา
แต่เรื่องหยิบผิดไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะโดยปกติ ถ้าร้านค้าย่อยมีของเก่าอยู่ก็น่าจะรอปล่อยให้หมดก่อนจึงสั่งของใหม่เข้ามา
การสั่งสินค้าชุดใหม่ที่เหมือนของที่มีค้างอยู่ในร้านแต่ของแถมดีกว่ามาให้ลูกค้ามีทางเลือก แล้วของเก่ายิ่งขายไม่ออก มันไม่น่าใช่
ทางร้านน่าจะลดราคา เชียร์ลูกค้าหรืออะไรซักอย่างให้ของรุ่นเก่ารีบหมดจากร้านแล้วค่อยสั่งล็อตใหม่มาจะสมเหตุผลธรรมชาติของการค้าขายมากกว่า
กรณีอ้างว่า ไม่ได้มีสต็อกของที่ร้าน แล้วไปเอาของจากร้านตัวแทน แล้วตัวแทนหยิบของให้ผิด อันนี้ก็มีโอกาสที่เป็นไปได้อยู่บ้าง
เพราะผมไปซื้อของที่ร้านตัวแทนจำหน่าย 1 วันก่อนบ็อกรุ่นใหม่จะออก ก็เห็นว่าที่ร้านยังมีบ็อกแดงรุ่นเก่าอยู่ เท่าที่เห็นด้วยสายตา
น่าจะประมาณ 30-50 บ็อก แต่ไม่ได้ดูละเอียดว่าชุดไหนบ้าง ถ้าคนที่หยิบของตอนนั้นแค่เฝ้าร้านชั่วคราว ไม่ใช่คนขายประจำก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีของเก่าหลงอยู่และหยิบให้ผิด
ยังไงเสียบริษัทก็มีจุดผิดพลาดที่ออกสินค้ามากระชั้นชิดและไม่ได้ทำตำหนิภายนอกให้สังเกตความแตกต่าง
เส้นทางสินค้า บริษัท----ตัวแทน----ร้านสะพานเหล็ก-----ร้านใหญ่ๆในกรุงเทพ-----ร้านย่อยและร้านต่างจังหวัด---ลูกค้า
บริษัทอาจพลาดที่เก็บข้อมูลจากร้านตัวแทนเท่านั้นว่าสินค้าล็อตของเก่าหมดแล้วหรือเกือบหมด แต่จริงๆยังไม่หมดจากตลาดรวม ตลาดล่าง ลงรายละเอียดในการแลกกันมั่วนิ่มแล้ว แต่เส้นผมบังภูเขา ลืมลงรายละเอียดในการเลือกซื้อ
เข้ามาในวงการค้า จะค้าขายของเด็กอ่อน ของเด็กเล็ก อุปโภคบริโภคหรือซื้อขายอะไรก็ไม่พ้นต้องเจอเสือ สิงห์ กระทิงดุอยู่ดี
คาดหวังให้คู่ค้าและพนักงานทั้งหมดมีจิตสำนึกและมีวินัยเป็นเรื่องยาก มีแต่กฏระเบียบ ขั้นตอนปฏิบัติ การป้องกันและตรวจสอบ รวมถึงความละเอียดรอบคอบเท่านั้นที่จะช่วยได้
วิเคราะห์การแก้ปัญหา
1. ปล่อยเลยตามเลย แก้ปัญหาที่ปลายทาง
+เป็นวิธีแก้ที่ทำได้ง่าย ไม่กระทบกับผู้ขายและโปรโมชั่น
-คนรับผิดชอบในการแลกต้องมีคุณภาพ วิเคราะห์และแก้ปัญหาได้ดี deal กับลูกค้าเป็น
ไม่งั้นถ้ามีข่าวลบออกมาอีกจะกระทบบริษัทและยอดขายบ็อกแดง
จะเลือกวิธีนี้ต้องแน่ใจว่ามีของเก่าเหลืออยู่น้อยมาก แค่ 10 -20 บ็อก ให้เป็นภาระของผู้รับแลกในการเช็คและแก้ปัญหาเป็นเคสๆ
2. Recall เรียกคืนสินค้ามาแก้ไขใหม่ สร้างความแตกต่าง
+สร้าง image ที่ดีกับบริษัทในการรับผิดชอบต่อลูกค้า และลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการซื้อ
-ยุ่งยาก เสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส
ผมจะเลือกวิธีนี้ในกรณีที่ข้อผิดพลาดเป็นเรื่องของคุณภาพสินค้า เช่น แรร์ฟอยในชุดทั้งหมดมีรอย บรรจุการ์ดไม่ครบ
ในกรณีนี้ ผมจะเลือกก็ต่อเมื่อสามารถแยกแยะด้วยสายตาภายนอกได้ว่า บ็อกไหนเก่า บ็อกไหนใหม่ สกรีนตอนรับของคืนได้เลย
มีล็อตใหม่ที่แก้ไขแล้วในมือบางส่วน คือ เอาของมาเปลี่ยนได้เลย แล้วของที่เอามาเปลี่ยนก็เอาไปแก้หมุนเวียนจนเปลี่ยนหมด
หรือ ให้ร้านตัวแทนทำบัญชีรับของคืน ว่าร้านไหนคืนเท่าไหร่ ถึงเวลาก็เอาของมาคืนให้ตามจำนวนนั้น ไม่มีการคืนเงิน
เพื่อไม่ให้กระทบการเงินหรือยอดขายของบริษัทและตัวแทน และแน่ใจว่าแก้ไขมาแล้วยังขายได้เหมือนเดิม
และกำหนดเวลาในการรับคืนเปลี่ยนสินค้าแน่ชัด เกิน 1 เดือนจากนั้น ร้านค้าต้องรับผิดชอบเอง
ผมจะไม่ใช้วิธีนี้เด็ดขาด ในกรณีไม่สามารถแยกแยะเบื้องต้นโดยดูจากตำหนิภายนอกของบริษัทได้
เพราะจะมีร้านค้าที่มั่วนิ่มเอาล็อตเก่ามาคืนด้วย เสียค่าใช้จ่ายในการแพ็คใหม่ เสียเวลาต้องมาแกะไล่ดูจุดปั้มตราในบ็อก
เพราะถ้าไม่ละเอียด พวกมั่วนิ่มคืนล็อตเก่ามาหลุดกลับคืนไป มีแค่ปั้ม 2 จุด ก็เกิดปัญหาใหม่อีก และเสียเวลาแพ็ค
รวมถึงอื่นๆ กระทบกับสายงานของบริษัท เวลาที่จะออกไวเซอร์หรือชุดใหม่ๆก็ต้องเลื่อนออกไป
3.แก้ไขโปรโมชั่น
( ยกประโยชน์ให้ลูกค้า แต่บริษัทก็ได้ประโยชน์ด้วย )
+ทำได้ง่าย ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่าย
-เสียของสำหรับโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น คนที่ซื้อไปก่อนหน้าบ่นนิดหน่อย
จะยกเลิกโปรโมชั่นคงทำไม่ได้ แต่เพิ่มโปรโมชั่นได้
วิธีนี้น่าจะเหมาะที่สุด โดยอ้างให้เป็นโปรโมชั่นปีใหม่หรือคริสมาสต์
บ็อกแดงไม่ว่าเก่าใหม่ชุด The Saint Extended
แลก Sword of Wisdom ได้ 2 ใบ และ Aevumel 1 ใบ และ Armored Battler 1 ใบ
บ็อกแดงไม่ว่าเก่าใหม่ชุด Realm of Fairy
แลก Sword of Wisdom ได้ 3 ใบ และ Aevumel 1 ใบ
บ็อกแดงชุด Devas Avatar
แลก Sword of Wisdom ได้ 2 ใบ และ Hell Hound Cerberus 1 ใบ
ไม่ต้องปวดหัวเสียเวลาในการแยกเก่าใหม่ และของเก่าก็น่าจะเหลือไม่เยอะมาก
บ็อกแดงชุดอื่นๆ wisdom 2 ใบ + อะไร 1 ใบ ( 1 ใบนี้ต้องไม่ชนโปรโมชั่นอื่น ไม่ใช่ของที่มีแลกอยู่แล้ว เช่น ประตูแสง หรือ การ์ดแลกการ์ด )
เพิ่มเพื่อส่งเสริมการขายให้ของเก่าหมดไปและดูเป็นโปรโมชั่นปีใหม่เพื่อลูกค้าจริงๆ
( บ็อกเก่าบริษัทอาจขายออกไปหมดแล้ว ลอยตัวแล้ว แต่เป็นการ support ตัวแทนและร้านค้าให้สามารถขายของเก่าที่ตกค้างได้ )
วิธีแรกเสี่ยงไปนิด ต้องฝากความหวังไว้กับคนรับแลกในการแก้ปัญหา
วิธีที่สอง ยุ่งยาก ไม่ใช่ข้อบกพร่องใหญ่แต่เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาเยอะ ไม่คุ้ม
โดยส่วนตัวผมจะเลือกวิธีที่ 3 คือ win win ทั้งผู้ขาย ตัวแทนและลูกค้า
