Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ ก.ค. 07, 2025 3:34 am

หน้าเว็บบอร์ด Summoner Master Summoner Talk อยากทราบประวัติของ Azarias

คุยเรื่องทั่ว ๆ ไปของ Summoner Master ได้ที่นี่

อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย •BetterWeather• เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 12:12 pm

รูปภาพ

คือผมอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกับ Kobold อย่างไร แต่ถ้าดีขอให้เล่าที่มาของการ์ดใบนี้หน่อยได้มะคับ อยากรู้เกี่ยวกับภาพในรูปอะคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
•BetterWeather•
0
 
โพสต์: 1682
Cash on hand: 400.00
ที่อยู่: RNP KMITL

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย Zionlover เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 1:29 pm

Azarias คือ ร่างจำแลงของอัครฑูตสวรรค์ราฟาเอล เมื่อเดินทางร่วมกับโทบิอาครับ (ลองหาอ่านใน Wiser เล่มเก่าๆเรื่องของอัครฑูตสวรรค์ราฟาเอลดู หรือรอให้พี่ลิงตอบให้นะครับ เพราะผมไม่ค่อยสันทัดพวกพระคัมภีร์อธิกธรรมบท (Apocrypha) สักเท่าไรครับ ::022:: ::022:: )
Zionlover
0
 
โพสต์: 1585
Cash on hand: 3,000.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย SteinKun เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 1:39 pm

อยากรู้ตรงที่มันเกี่ยวกับโควโบ๊วตรงไหนอ่ะ ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
SteinKun
0
 
โพสต์: 699
Cash on hand: 0.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย [K]HeM เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 3:00 pm

นั่นนะสิ
[K]HeM
0
 
โพสต์: 847
Cash on hand: 600.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย Nihil เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 3:10 pm

อัครเทวดาราฟาแอล




รูปภาพ


ราฟาแอล มีความหมายว่า “โอรสของพระเจ้า” หรือ “พระเจ้าได้ทรงรักษาให้หาย” ท่านมักแต่งตัวเหมือนนักเดินทาง และมีไม้เท้า ท่านเป็นผู้ดูแลสุขภาพ และ ขจัดอุปสรรค ต่างๆ ของบรรดาผู้ที่เดินทาง ท่านยังได้รับสมญานามว่าเป็น เทวดาแห่งความรักและความชื่นชมยินดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ท่านเป็นผู้ ไปแจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู แก่คนเลี้ยงแกะ อีกด้วย

เรื่องราวของท่านปรากฏอย่างเด่นชัดในหนังสือของโทบิต ดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้



ครอบครัวโทบิต (700 ปีก่อนคริสตกาล)

ที่เมืองซามาเรีย ในภาคกลางของประเทสอิสราเอล มีครอบครัวหนึ่งซึ่งสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า และพระธรรมบัญญัติของพระองค์โดยเคร่งครัด คือ ครอบครัวของโทบิต ผู้บิดา, อันนาผู้มารดา และ โทบิยาบุตรชาย

วันหนึ่ง กองทัพของประเทศอัสสิเรีย ได้ยกมาตีเมืองซามาเรีย และสามารถตีแตกได้ ครอบ ครัวโทบิต และชาวอิสราเอลมากมาย ถูกกวาดต้อนไปอยู่ที่เมืองนีนิเวในประเทศอัสสิเรีย (ประเทศอิรักปัจจุบัน) ปีแรกๆพวกเขาทำมาหากินอย่างเป็นสุข แต่ต่อมาเมื่อพระจ้าเซนาเคริบขึ้นครองประเทศ นั้น พวกเขาเริ่มถูกเบียดเบียนนานาประการ เป็นต้นทางศาสนา จนชาวอิสราเอลส่วนมากต้องยินยอมทำพิธีทางศาสนาอื่น แต่ครอบครัวโทบิตคงเคร่งครัดในการถือตามขนมธรรมเนียมของบรรพบุรุษต่อไป ท่านกลัวบาปยิ่งกว่าภยันตรายใด ๆ ทั้งมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทำบุญให้แก่เพื่อนร่วมชาติที่ยากจน ตามมีตามเกิดเสมอ

มีกฎหมายห้ามฝังศพชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าตาย แต่ให้ทิ้งไว้เป็นเหยื่อแร้งกา ถ้าใครบังอาจ ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะต้องรับโทษอย่างหนัก วันหนึ่ง โทบิตใช้โทบิยาบุตรชายไปเชิญคนร่วมชาติที่ยากจนคนหนึ่ง ให้มาร่วมรับประทานอาหารเที่ยง เมื่อโทบิยากลับมา ได้แจ้งให้บิดาทราบว่า พี่น้องร่วมชาติคน หนึ่งเพิ่งถูกฆ่า ศพยังทิ้งอยู่กลางตลาด พอโทบิตได้ยินดังนั้น ก็พักการรับประทานอาหารไว้ทันที และรีบไปแบกศพจากตลาดมาซ่อนไว้ที่บ้านของตน พอตะวันตกดิน ก็จัดแจงขุดหลุมฝังศพนั้น โดยไม่กลัวว่า ตำรวจจะมาจับตัวไปลงโทษ

ค่ำวันนั้นอากาศอบอ้าว เมื่อโทบิตกลับบ้าน หลังจากอาบน้ำแล้ว แทนที่จะไปนอนในบ้านท่าน กลับไปนอนชิดกำแพงลานบ้าน ที่โพรงกำแพงมีนกกระจอกอยู่หลายตัว บังเอิญมูลนกตกลงมาเข้านัยน์ตาโทบิต ทำให้ตามีเยื่อขาวขึ้น ท่านไปหาหมอรักษาแต่ไม่ได้ผล ที่สุดนัยน์ตาสองข้างก็บอดมอง ไม่เห็นอะไรเลย ข่าวที่โทบิตทำผิดกฎหมายโดยฝังศพผู้ตายนั้น ทราบไปถึงพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ จึงมีรับสั่งให้ตำรวจไปริบทรัพย์สมบัติของโทบิต

บัดนี้ ครอบครัวโทบิตยากจนมาก นางอันนาจึงต้องรับจ้างปั่นฝ้ายทอผ้า เพื่อหารายได้มาเลี้ยง ครอบครัว วันหนึ่ง นางเอาผ้าที่เศรษฐีคนหนึ่งสั่ให้ทอไปส่ง นอกจากได้ค่าผ้าแล้ว นางยังได้ลูกแพะตัวหนึ่งเป็นบำเหน็จ เมื่อโทบิตได้ยินเสียงลูกแพะร้อง ก็สงสัยคิดว่า เป็นของขโมย จึงบอกภรรยาให้เอา ไปคืนเจ้าของเสีย นางก็ตอบด้วยความไม่พอใจว่า “เป็นบำเหน็จที่เขาให้ต่างหาก”

แต่โทบิตยังไม่ยอมเชื่อ นางจึงตอบประชดว่า “ท่านที่ท่านได้ทำน่ะอยู่ที่ไหน? บุญกุศลของ ท่านหายไปไหนหมดล่ะ? ใครๆ ก็รู้กันว่า การทำดีของท่านให้ผลตอบแทนอย่างไร จนก็จน ตาก็บอด”
โทบิตได้ฟังแล้วรู้สึกระทมทุกข์ ถอนใจใหญ่ ร้องไห้ อยากจะตายเสียให้สิ้นเรื่อง แต่ยังไว้ใจ พระเจ้า พลางภาวนาว่า

“ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงยุติธรรม พระองค์ทรงพิพากษาโลก บัดนี้ ขอทรงระลึกถึงข้าพ เจ้า โปรดทอดพระเนตรมายังข้าบริการของพระองค์ โปรดอย่าลงโทษเพราะบาปของข้าพเจ้าเวลานี้ ขอพระองค์ทรงกระทำต่อข้าพเจ้า ตามแต่ทรงพอพระทัย โปรดเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเสีย เพราะสำหรับ ข้าพเจ้า ตายดีกว่าอยู่เผชิญกับความทุกข์เหลือที่จะทนทานต่อไป ข้าพเจ้าได้รับฟังแต่คำสบประมาทด่าว่าจนเหลือระอาแล้ว…”



นางซาราห์ แห่งเมืองเอกบาตานา
เอกบาตานา เป็นเมืองใหญ่ในแคว้นเมเดีย(ประเทศอิหร่านปัจจุบันนี้) ห่างจากนีนิเวประมาณ 400 กม. ที่เมืองนี้มีครอบครัวที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอยู่ครอบครัวหนึ่ง คือ ครอบครัวของรากูเอล น้องชายของโทบิต รากูเอลมีบุตรสาวคนหนึ่ง ชื่อซาราห์ เคยแต่งงานถึง 7 ครั้งแล้ว แต่เคราะห์ร้าย สามีทั้ง 7 คนนั้น ได้ตายไปในวันแรกแห่การแต่งงานนั่นเอง ใครๆ ก็คิดว่า ปีศาจอัสโมเดเป็นผู้ฆ่าสามีเธอ พวกคนใช้พากันเยาะเย้ยนางซาราห์บ่อยๆ เพราะเคราะห์กรรมดังกล่าว

วันหนึ่ง ซาราห์เศร้าเสียใจ ร้องไห้ขึ้นไปในห้องบิดา ภาวนาว่า
“ข้าแต่พระเจ้าผู้เมตตา ลูกขอถวายพระพร บัดนี้ลูกยกตาเล็งแลมายังพระองค์ พระเจ้าข้า พระ องค์ทรงทราบว่า ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ ในกรณีที่ได้อุบัติขึ้นนี้ หรือว่าลูกไม่สมกับสามี หรือสามีไม่สมกับลูก หรือบางทีพระองค์ทรงสงวนตัวลูกไว้สำหรับสามีอื่นก็อาจเป็นได้ ลูกสูญเสียสามี 7 คนแล้ว ลูกจะ มีชีวิตต่อไปอีทำไมเล่า หากพระองค์ทรงพอพระทัย ขอโปรดทอดพระเนตรอันพระทัยปรานีลูกด้วย เถิด ลูกไม่อยากได้ยินคำเหยียดหยามอีกต่อไปแล้ว”
คำภาวนาของโทบิตและซาราห์ เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า พระองค์จึงได้ทรงใช้อัครเทวดา ราฟาเอล มาช่วยบรรเทาทุกข์เขาทั้งสอง

โอวาทของโทบิต
เมื่อโทบิตถูกเนรเทศไปอยู่ที่นีนิเวใหม่ ๆ ท่านมีฐานะดี เพราะเป็นคนขยันและฉลาดในการค้า ขาย ถึงกับสามารถเป็นคนรับเหมาส่งอาหาร และสิ่งของที่ทางสำนักพระราชวังของพระเจ้าซัลมานาซาร์ต้องการท่านอุตส่าห์ไปค้าขายถึงแคว้นเมเดีย เพราะที่นั่น สินค้าถูกกว่า และมีคุณภาพดี. ที่แคว้น เมเดีย ท่านมักไปพักที่บ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ กาบาเอลที่เมืองราแยส. วันหนึ่ง โทบิตฝากเงินสิบตาเล็นต์ไว้กับกาบาเอล พร้อมกับทำหนังสือฝากเงินตามกฎหมาย แต่หลังจากโทบิตกลับไปที่เมือง นีนิเวไม่กี่วัน พระเจ้าซัลมานาซาร์เสด็จสวรรคต พระมหากษัตริย์องค์ใหม่รับสั่งให้ปิดพรมแดนกับ แคว้นเมเดีย และให้ทำการเบียดเบียนชาวอิสราเอลทั่วประเทศ. กษัตริย์พระองค์นี้เองเป็นผู้สั่งริบ ทรัพย์ของครอบครัวโทบิต โทบิตจึงต้องเลิกค้าขาย และยิ่งวันยิ่งจนลง ที่สุดนัยน์ตาก็บอดไปด้วย แต่ท่านไม่ยอมเสียความเพียร และความไว้วางใจในพระเจ้าเลย

บัดนี้ โทบิตอายุเข้าปูนชราแล้ว ท่านรู้สึกว่า อีกไม่นานจะต้องตาย ท่านอยากจะให้คำตักเตือน สุดท้ายแก่บุตรชาย คือโทบิยา และแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่ได้ฝากเงินไว้กับกาบาเอล พร้อมกับขอร้อง ให้ลูกไปขอเงินคืน เพราะครอบครัวต้องการใช้เงิน ท่านเรียกโทบิยามาหา แล้วกล่าวว่า

“ลูกรัก เมื่อพ่อตายแล้ว จงฝังศพพ่อโดยสมควร จงนับถือแม่ อย่าทิ้งแม่เลยเป็นอันขาด จงทำสิ่งที่แม่ชอบ อย่าทำอะไรที่จะเป็นเหตุให้แม่เสียใจ ลูกเอ๋ย พึงระวังว่า แม่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายสักเพียงไรเพื่อลูก เมื่อแม่ตาย จงฝังศพไว้ข้างๆ ศพพ่อเถิด

“ลูกเอ๋ย จงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเสมอทุกวัน อย่าจงใจทำบาปฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพระองค์ จงทำคุณงามความดีเสมอตลอดชีวิต อย่าเดินไปในทางที่ผิด เพราะว่า ถ้าลูกเป็นคนซื่อตรง กิจการทุกอย่างของลูกจะสำเร็จ ดังที่ทุกคนประสบความสำเร็จเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง

“จงแบ่งทรัพย์ส่วนหนึ่งไว้แจกเป็นทาน อย่าเมินหน้าหนีคนยากจนเลย แล้วพระเจ้าจะไม่หัน พระพักตร์หนีลูก จงทำทานตามกำลังทรัพย์ มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย อย่าใจแคบในการให้ทาน เลย การให้ทานเป็นการสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับวันขัดสนข้างหน้า เพราะการให้ทานช่วยให้พ้น จากความตาย และมิให้ถลำลงในความมืด

“ลูกเอ๋ย ระวังอย่างประพฤติเลวทรามต่ำช้า จงเลือกภรรยาที่เป็นเชื้อสายเดียวกันกับบรรพ บุรุษ อย่ามีภรรยาเป็นคนนอกเผ่าของพ่อ เพราะเราเป็นลูกหลานของประกาศก

“อย่าผัดผ่อนการจ่ายเงินค่าจ้างแก่ลูกจ้างจนถึงวันรุ่งขึ้นจงจ่ายค่าจ้างทันทีถ้าลูกรับใช้พระเจ้า พระองค์จะประทานรางวัลแก่ลูก อย่าทำแก่ผู้อื่นในสิ่งที่ลูกไม่อยากให้เขาทำแก่ลู อย่าดื่มสุราเมามาย อย่าดำเนินชีวิตที่มิรู้จักประมาณตน จงให้ข้าวแก่คนที่หิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่คนขัดสน เมื่อลูกทำทาน อย่าตีหน้าแสดงว่าเสียดาย “จงฟังคำแนะนำของผู้ที่มีความรู้ อย่าดูหมิ่นโอวาทใดที่เป็นประโยชน์ในทุกกรณี จงถวายพรแด่พระเจ้า ของพระองค์ทรงนำทางลูก ช่วยลูกให้ลุถึงจุดหมาย และในการงาน ของลูก พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานสิ่งทีดีทั้งปวง พระองค์จะทรงยกขึ้น หรือกดให้ต่ำลง ตามน้ำพระทัยพระองค์

“ลูกเอ๋ย บัดนี้ ให้จดจำคำเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เลือนหายไปจากจิตใจของลูก

“ลูกเอ๋ย เรากลับเป็นคนจนเสียแล้ว แต่ลูกจะเป็นคนร่ำรวย ถ้ามีความยำเกรงพระเจ้า ลูกจง หลีกเลี่ยงการบาปหยาบช้า จงกระทำแต่ความดีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอ”

โทบิตยังขอร้องให้บุตรชายไปทวงเงินจากกาบาเอลที่เมืองราแยส แต่โทบิยาแย้งว่า

“ลูกยินดีทำตามคำสั่งของคุณพ่อทุกอย่าง แต่ลูกจะสามารถได้เงินคืนมาได้อย่างไร ลูกไม่รู้ จักกาบาเอล ทั้งกาบาเอลก็ไม่รู้จักลูก ยิ่งไปกว่านั้น ลูกไม่รู้จักทางไปแคว้นเมเดียเลย”

โทบิตชี้แจงว่า “พ่อ กับ กาบาเอล ได้เซ็นชื่อในใบฝากเงิน แล้วพ่อได้ฉีกใบฝาก เงินเป็นสอง ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ที่กาบาเอล และอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่พ่อ ลูกเอาใบฝากเงินนี้ไปกาบาเอลดูเป็นหลักฐาน คงจะได้เงินคืนแน่ๆ เดี่ยวนี้ ลูกจงหาคนที่ไว้ใจได้และรู้จักทาง ให้เป็นผู้นำทางไป เมื่อกลับมาแล้ว พ่อจะให้ค่าจ้างเขาตามสมควร”




อัครเทวดาราฟาเอล เป็น ผู้นำทาง

เมื่อโทบิยาออกไปที่ถนน ก็พบชายหนุ่มชาวอิสราเอลคนหนึ่ง ชื่ออาซาเรีย กำลังไปหางาน ทำ โทบิยาถามเขาว่า
“คุณรู้จักทางไปแคว้นเมเดียไหม?”
อาซาเรียตอบทันทีว่า “ผมรู้จักทางนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยไปมาหลายครั้งแล้ว”
โทบิยาจึงพาชายผู้นั้นไปหาบิดา ทั้งโทบิตและโทบิยายังไม่รู้ว่า

“ อาซาเรียคืออัครเทวดาราฟาเอล”

อาซาเรีย กล่าวคำอวยพรว่า “ท่านจงมีความสุขเถิด”
โทบิตตอบด้วยอาการเศร้าโศกว่า “ข้าพเจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร นัยน์ตาก็บอด เหมือนคน ที่ถูกฝังทั้งเป็น ได้ยินเสียงคนแต่ไม่เห็นคนพูด”
อาซาเรียปลอบโยนว่า “อย่าเศร้าโศกไปเลย หากพระเจ้าทรงพอพระทัย ก็จะโปรดให้ท่าน หายได้”

โทบิตถามอาซาเรียว่า “บุตรชายข้าพเจ้าต้องไปเมืองราแยส ท่านรู้จักทางไหม?”

“ผมรู้จักทางดี เพราะเคยไปมาแล้ว ต้องไปเอกบาตานาเสียก่อน แล้วเดินทางต่อไปอีก 2 วัน ก็จะถึงเมืองราแยส”

โทบิตยินยอมให้อาซาเรียเป็นผู้นำทางบุตรชาย ทั้งรับรองว่า ถ้าเขาทั้งสองเดินทางกลับโดย สวัสดิภาพ ท่านจะให้ค่าจ้างสูงกว่าที่ได้ตกลงกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น โทบิยาอำลาบิดามารดา แล้วออกเดินทางไปกับอาซาเรีย มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งขึ้น หน้าไปด้วยกันตลอดทาง

เวลาเย็น ทั้งสองมาถึงฝั่งแม่น้ำไทกริส โทบิยาแหย่เท้าลงไปในน้ำเพื่อจะล้าง บัดดลนั้นเอง ปลาใหญ่ตัวหนึ่งผุดขึ้นมา ทำท่าจะกัดขาโทบิยา โทบิยาสะดุ้งตกใจ อาซาเรียสั่งให้จับปลาตัวนั้นไว้ :

“จับมันไว้ อย่ากลัว มันไม่กัดดอก อย่าปล่อยให้หนีไปได้”

เมื่อโทบิยาลากปลาขึ้นมาบนตลิ่ง อาซาเรียสั่งต่อไปว่า

“ผ่าท้อง ตัดเอาดี หัวใจ และตับเก็บไว้ เพราะดี หัวใจ และตับปลา เป็นยามีสรรพคุณ” โทบิยาทำตามทุกอย่าง

ขณะที่กำลังเดินทางต่อไปนั้น โทบิยาถามอาซาเรียว่า “พี่อาซาเรีย ดี หัวใจ และตับปลาเป็น ยามีสรรพคุณอย่างไร?”

อาซาเรียตอบว่า “เมื่อเผาหัวใจ และตับปลา ควันจะมีสรรพคุณ สามารถรักษาโรคบางอย่าง ได้ เป็นต้นโรคที่ถูกปีศาจรบกวน อาการของโรคจะหายไปหมด ส่วนดีปลานั้น ใช้ทาตาที่มีเยื่อขาวปิดอยู่”

อาซาเรียอ้างความเชื่อถือของคนสมัยโบราณ ซึ่งเป็นแต่ความเชื่อถือเท่านั้น แต่สำหรับกรณี นี้ คือสำหรับโทบิตและซาราห์ พระเจ้าจะบันดาลให้เป็นความจริง. น้ำนั้นเราใช้ล้างหน้าก็จริง แต่เมื่อใช้ เวลาโปรดศีลล้างบาปพระเจ้าก็ทรงล้างบาปของผู้ที่รับศีลนั้น คือ มนุษย์ทำพิธีและพระเจ้าทรงบันดาล ให้พิธีนั้นบังเกิดผล




อาซาเรียจัดการให้โทบิยาแต่งงาน

เมื่ออาซาเรีย และโทบิยา เดินทางไปใกล้เมืองเอกบาตานา แทนที่จะเดินต่อไปถึงเมืองราแยส อาซาเรียเสนอว่า

“คืนนี้ เราควรไปค้างคืนที่บ้านรากูเอล เขาคงจะยินดีต้อนรับ เพราะเป็นญาติของเธอ” แล้ว เสนอต่อไปอีกว่า

“เธอควรขอซาราห์มาเป็นภรรยา จำได้ไหม พ่อเคยเตือนเธอว่า อย่ามีภรรยาที่เป็นคนนอกเผ่า พ่อ เธอเป็นญาติของเขาที่ชิดสนิทกว่าหมด จึงมีสิทธิ์รับมรดกของรากูเอล เพราะเขามีบุตรคนเดียวคือซาราห์นี้เอง”

โทบิยาฟังดังนั้น รู้สึกหวาดกลัวกล่าวว่า “มีข่าวลือกันทั่วไปว่าซาราห์คนนี้เคยแต่งงานกับชาย ถึง 7 คนแล้ว และปีศาจได้ฆ่าสามีทั้ง 7 คนนั้น ผมจะแต่งงานกับเขา จะไม่จบชีวิตอีกคนหนึ่งหรือ?”

อาซาเรียรับรองว่า “จงรับซาราห์เป็นภรรยาเถอะ แต่เธอจะต้องทำดังนี้เมื่อรากูเอลจะมอบบุตร สาวให้เป็นภรรยาเธอจงเอาหัวใจปลาและส่วนหนึ่งของตับทิ้งเข้าไปในเตาไฟที่เขาจะดเผาเครื่องหอม ปีศาจพอได้กลิ่น จะหนีไปและไม่กลับมาอีก อย่ากลัว เพราะพระเจ้าทรงมีพระดำริให้ ซาราห์ เป็น ภรรยา ของเธอ”

เมื่อทั้งสองไปถึงบ้านรากูอล รากูเอลเองได้ออกมาต้อนรับเชิญเข้าบ้าน รากูเอลหันหน้ามา พูดกับ เอดนา ภรรยา พร้อมกับชี้โทบิยาว่า

“หน้าตาเหมือนพี่ชายจริงๆ”
เมื่อทราบว่าสองคนนี้มาจากนีนิเว จึงถามขึ้นว่า “รู้จักโทบิต พี่ชายของผมไหม?”
โทบิยาตอบทันทีว่า “ครับ ท่านเป็นพ่อผม”
รากูเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ น้ำตาไหลรินพร้อมกับกล่าวว่า
“พ่อเธอเป็นคนดีจริงๆ เคราะห์ร้ายที่คนซื่อตรงและใจกว้างขวางดังนี้ ต้องกลับกลายเป็นคน ตาบอดเสีย” นางเอนาและซาราห์ บุตรสาวก็ร้องไห้ด้วย


เมื่อไปนั่งโต๊ะรับประทานอาหารค่ำ โทบิยาบอกอาซาเรียให้ขอร้องรากูเอลเรื่องยกนางซาราห์ มาเป็นภรรยา. รากูเอลได้ยินดี มองหน้าโทบิยาด้วยความรัก พลางกล่าวว่า
“รับประทานอาหารให้สบายเถอะ เราจะไม่ยกบุตรสาวให้แก่คนอื่น เธอเป็นญาติชิดสนิทกว่า หมด เธอจะได้ซาราห์แน่ๆ”

แต่โทบิยาทำท่าอิดเอื้อนกล่าวว่า “ผมจะไม่รับประทานอาหารก่อนที่ท่านจะยินยอมมอบ ซาราห์ให้ผม”

รากูเอลจึงไปเรียกซาราห์เข้ามา และทำพิธีมอบแก่โทบิยาพร้อมกับกล่าวว่า

“ซาราห์บุตรสาวเป็นของเธอ ตามธรรมบัญญัติของโมเซสแล้ว ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองทั้งสอง คนตลอดชีวิต จงพาซาราห์ไปอยู่บ้านพ่อของเธอ” หลังจากนั้น รากูเอลได้เขียนหนังสือสัญญาการแต่งงานตามระเบียบ แล้วทุกคนนั่งโต๊ะรับประทานอาหาร

พอตกค่ำ รากูเอลเรียกคนใช้อย่างลับ ๆ ให้มาช่วยขุดหลุมเพื่อฝังโทบิยา เพราะคิดว่า ถ้า โทบิยาตาย จะได้รีบเอาไปฝังก่อที่ชาวบ้านจะรู้ ส่วนโทบิยาพร้อมกับซาราห์ไปที่เตาไฟทิ้งหัวใจและส่วนหนึ่งของตับปลาลงไปในไฟ ทันใดนั้น ปีศาจก็หนีออกจากบ้านรากูเอล และคืนนั้นไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น โทบิยาและซาราห์คุกเข่าลง สวดภาวนาขอบคุณพระเจ้า

รุ่งเช้า เมื่อทุกคนเห็นว่า โทบิยายังมีชีวิตอยู่ ก็พากันดีใจและสรรเสริญพระเจ้า รากูเอลรีบสั่ง คนใช้อย่างลับๆ ให้ไปกลบหลุมนั้นเสียก่อนที่คนอื่นจะเห็น

รากูเอลขอให้โทบิยาค้างแรมต่อไปสัก 14 วัน เพื่อความสบายใจของบุตรสาว หลังจากที่ต้อง ทุกข์ใจมาหลายปีแล้ว บ่ายวันนั้นโทบิยาขอร้องอาซาเรียให้ไปทวงเงินจากกาบาเอลที่เมืองราแยส และเชิญท่านให้มาร่วมงานวิวาหมงคล พร้อมกับมอบใบฝากเงินให้เอาไปแสดงเป็นหลักฐาน



อาซาเรีย, โทบิยา และซาราห์กลับไปนีนิเว
เมื่อครบ 14 วันแล้ว โทบิยาพูดกับรากูเอลว่า
“ป่านนี้ บิดามารดาคงกำลังเป็นห่วงถึงผมแน่ บิดาก็แก่แล้วตาบอดด้วย ผมจะต้องรีบกลับไป ยิ่งเร็วยิ่งดี”
รากูเอลอยากให้โทบิยาอยู่ต่อไปอีกสักสัปดาห์ แต่ในที่สุด ก็จำต้องยอม รากูเอลได้แบ่ง ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งให้แก่โทบิยา และซาราห์คือ. มอบเงินทอง เครื่องใช้สอย วัว แพะ แกะ อูฐ หลายตัว พร้อมกับคนใช้สี่คน. ก่อนจากกัน รากูเอลให้พรแก่โทบิยาว่า

“หลานที่รัก ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ” แล้วหันมาพูดกับบุตรสาวว่า “ลูกรัก ขอให้พ่อ และแม่ไดข่าวดีจากลูกเสมอ พ่อหวังว่า สักวันหนึ่ง จะได้พบกันอีก” หลังจากที่ได้อำลากันด้วยความ อาลัยแล้ว อาซาเรีย, โทบิยา, ซาราห์ ฯลฯ ก็ออกเดินทางมุ่งไปยังเมืองนีนิเว. เมื่อถึงกาเซริน ซึ่งเป็น เมืองใกล้นีนิเว อาซาเรียบอกโทบิยาว่า

“เราสองคนควรเดินไปก่อน ไปเตรียมจิตใจบิดามารดาต้อนรับซาราห์ภรรยาของเธอ ส่วนซาราห์ ให้ตามไปทีหลัง” แล้วสั่งโทบิยาให้เอาดีปลาไปด้วย เจ้าสุนัขเดินนำหน้าเช่นเดิม

ส่วนบิดารมารดาของโทบิยา กำลังคอยบุตรชายด้วยความเป็นห่วง เช้าวันหนึ่ง อันนานั่งอยู่ที่หน้าบ้านเฝ้าดูทางที่บุตรชายจะกลับ นางเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังเดินใกล้เข้ามา มีสุนัขนำทาง นางแน่ใจว่าเป็นบุตรชายกับเพื่อน จึงร้องขึ้นว่า

“ลูกกับเพื่อนมาแล้ว” แล้ววิ่งไปต้อนรับพร้อมกับกล่าวว่า “บัดนี้ แม่ตายได้แล้ว เพราะได้เห็น หน้าลูกอีกแล้ว”

โทบิต ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินโซเซจะไปหา โทบิยาเดินตรงมาหาบิดา กอดคอท่านด้วยความรัก แล้วเป่าที่ดวงตา พร้อมกับกล่าวว่า

“พ่อครับ ไว้ใจเถอะ” แล้วเอายาใส่ที่ตา ทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วเอามีทั้งสองลอกเยื่อขาวออก ทันใดนั้น โทบิตร้องขึ้นว่า

“ลูกเอ๋ย พ่อเห็นลูกด้วยนัยน์ตาของพ่อแล้ว ขอพระเจ้าจงได้รับพระพร พระองค์ทรงเมตตา แล้ว ข้าพเจ้าจึงเห็นโทบิยาลูกชายอีก” แล้วพึมพำต่อไปด้วยน้ำตาไหลริน

ฝ่ายโทบิยาเล่าให้บิดามารดาฟังถึงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทาง เป็นต้น ที่ได้เงินสิบตา เลนต์คืนมา และได้แต่งงานกับซาราห์ บุตรสาวของรากูเอล และบัดนี้ ซาราห์กำลังเดินทางมาใกล้แล้ว

โทบิตและอันนาดีใจเหลือล้น รีบพากันไปต้อนรับซาราห์ที่ประตูเมือง ชาวนีนิเวเมื่อเห็นโทบิตเดิน ไปได้โดยไม่ต้องมีใครจูง รู้สึกแปลกใจมาก โทบิตประกาศต่อหน้าทุกคน ที่เขากลับมองเห็นได้ ก็เพราะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าโปรดให้หาย

เมื่อโทบิตพบซาราห์ หลานสาว ก็ให้พรว่า
“ลูกรัก เชิญเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา เราทุกคนยินดีต้อนรับเธอ ต่อไปนี้บ้านของเรา เป็นบ้าน ของเธอด้วย”

ญาติสนิท มิตรสหายทุกคน ต่างปิติยินดีที่โทบิยาได้กลับมา, ที่โทบิตได้หายตาบอด และที่ ซาราห์ได้มาเป็นภรรยาของโทบิยา บัดนี้ ครอบครัวของโทบิยาได้กลับกลายเป็นคนมีฐานะดีเสียใหม่ เพราะทรัพย์สินที่โทบิยาและซาราห์ได้นำมาจากเอกบาตานา

“เราควรแบ่งทรัพย์สินที่ลูกได้มาจากเอกบาตานาให้อาซาเรียครึ่งหนึ่ง ท่านได้นำทางผมทั้ง ไปและกลับอย่างปลอดภัย ท่านได้ทวงเงินจากกาบาเอลที่เมืองราแยส และช่วยเก็บรักษาไว้ให้ตลอด เวลา ท่านได้ขับไล่ปีศาจร้ายออกจากซาราห์ ได้จัดการให้เขามาเป็นภรรยาของลูก และยังได้รักษานัยน์ตาของพ่อ ทำให้ทุกคนในครอบครัวเรามีความสุข”

อาซาเรียแสดงตน

อาซาเรียเชิญโทบิต และบุตรชายมาต่างหาก แล้วแจ้งว่า

“จงถวายสดุดีแด่พระเจ้าโดยไม่หยุดหย่อนเถิด พึงทราบว่าเมื่อทานและนางซารภาวนาเรา เอง เป็นผู้นำคำอ้อนวอนของท่านขึ้นถวายเฉพาะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เมื่อท่านฝังศพ และเมื่อท่าน ไม่ลังเลลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เพื่อแบกศพมาฝัง เราก็ถวายบุญกุศลนั้นแด่พระเจ้าเช่นเดียวกัน พระเจ้าจึงทรงส่งเรามาทดลองคามเชื่อของท่าน ด้วยความขัดสนจนทรัพย์ และด้วยโรคตา ที่สุด พระ เจ้าทรงส่งเรามาช่วยบำบัดความทุกข์ร้อนของท่านและนางซาราห์บุตรสระใภ้

“ข้าพเจ้าคือราฟาเอล อัครเทวดาองค์หนึ่งในจำนวน 7 องค์ ซึ่งพร้อมอยู่เสมอที่จะเฝ้ารับ ใช้ต่อหน้าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์”

เมื่อสองพ่อลูกได้ฟังดังนั้น รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก กราบลงกับพื้นดิน แต่อัครเทวดา ราฟาเอลปลอบโยนว่า

“อย่ากลัวเลย สันติสุขจงอยู่กับท่าน จงถวายพระพรแด่พระเจ้าเป็นนิตย์ ข้าพเจ้ามาช่วยท่าน ครั้งนี้ตามน้ำพระทัยพระเจ้า ท่านจึงต้องถวายสดุดีพระองค์เสมอไป บัดนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงส่งข้าพเจ้ามา” แล้วอัครเทวดาก็อันตรธานไป โทบิตและโทบิยาจึงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงกระทำกิจการอันน่าพิศวงเช่นนั้น แก่ครอบครัวของตน

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของอัครเทวดาราฟาแอลที่ได้กระทำต่อครอบครัวของโทบิตนั่นเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
0
 
โพสต์: 3138
Cash on hand: 777.77
ที่อยู่: De Axiom
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย dossa555 เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 3:12 pm

มาทีนึงยาวเลย ::036:: แต่ก็รู้ละว่ามานเกี่ยวกับหมา(หรือป่าว) ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
dossa555
0
 
โพสต์: 3438
Cash on hand: 600.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย 1000 เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 3:38 pm

ผู้ร่วมทางสินะ
1000
0
 
โพสต์: 4938
Cash on hand: 600.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย •BetterWeather• เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 3:51 pm

มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งขึ้น หน้าไปด้วยกันตลอดทาง

แค่เนี้ย ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
•BetterWeather•
0
 
โพสต์: 1682
Cash on hand: 400.00
ที่อยู่: RNP KMITL

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย I ♥ KOl3OLD เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 5:19 pm

ดีกว่าไม่มีมาเสริม ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
I ♥ KOl3OLD
0
 
โพสต์: 401
Cash on hand: 2,250.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย fookzzzz เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 5:43 pm

Azariasตาบอดเลยมีหมานำทาง ::004::
ปล.ตอนแรกเห็นนึกว่าพี่แกจูงเด็กเข้าป่าไป.... ::036::
fookzzzz
0
 
โพสต์: 1706
Cash on hand: 0.00
ที่อยู่: บนโลก

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย 1000 เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 6:12 pm

ใส่ดีไหมเนี้ย Azarias
1000
0
 
โพสต์: 4938
Cash on hand: 600.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย -:-V@mpire-:- เมื่อ จันทร์ พ.ย. 22, 2010 6:55 pm

ยาวจังครับ ::022::
-:-V@mpire-:-
0
 
โพสต์: 47
Cash on hand: 50.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย Asakura Saikou เมื่อ อังคาร พ.ย. 23, 2010 1:50 pm

ชีวิตมีแต่หมานำ?

/me เผ่นออกไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Asakura Saikou
0
 
โพสต์: 802
Cash on hand: 50.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย โอ้โฮฮ เมื่อ อังคาร พ.ย. 23, 2010 8:58 pm

สุนัขนั้นพันธุ์อะไรนะ ::022::
โอ้โฮฮ
0
 
โพสต์: 113
Cash on hand: 0.00
ที่อยู่: ซอยพิบูลอุปถัมภ์ ลาดพร้าว 48 สามเสนนอก ห้วยขวาง กรุงเทพ

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย SteinKun เมื่อ อังคาร พ.ย. 23, 2010 11:28 pm

นี่ถ้ามีเพนกวิ้นนำหน้า ก้บวกให้เพนกวิ้นใช่มะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
SteinKun
0
 
โพสต์: 699
Cash on hand: 0.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร พ.ย. 23, 2010 11:45 pm

กรณีของคนตาบอดที่สุนัขนำทาง ต้องมีสายจูง เพราะสุนัขต้องเป็นตาแทนคนที่ตาบอดนั้น และนำไปยังที่ๆต้องการ

กรณีของอัครเทวดาราฟาแอล สุนัขนั้นวิ่งขึ้นหน้า ไม่ใช่เพื่อนำทางแต่เพื่อระแวดระวังภัยข้างหน้าก่อน สุนัขนั้นวิ่งอย่างอิสระ ราวกับรู้ว่าผู้ที่เดินตามหลังต้องการเดินทางไปทางไหน สุนัขตัวนี้จึงอยู่ในฐานะของการอารักขา เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราที่เวลาไปไหน มีรถตำรวจนำขบวน ::034::

เรื่องของอัครเทวดาราฟาแอลและโทบิตนี้ มีในพระคัมภีร์ของชาวยิวมานานกว่า 2000 ปี อย่างน้อยถ้าสุนัขในเรื่องเล่านี้ คือสุนัขธรรมดา ก็สะท้อนว่า เป็นเวลายาวนานกว่า 2000 ปี ที่สุนัขได้ทำประโยชน์ และเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ ::006::

ก็ยังคิดแปลกใจ ที่คนไทยมีสำนวนด่าคนที่ปากเสีย หรือชอบพูดจาไม่ดีว่า ปากหมา ทั้งที่จริง ปากของหมา ใช้เห่าระวังภัย และใช้กัดเพื่อต่อสู้กับโจรหรือคนที่จะทำร้ายนายมัน

จึงอาจกล่าวได้ว่า ปากหมา ยังมีค่าและมีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าปากคนบางคนซะด้วยซ้ำ ::033::

ในต่างประเทศ เช่น ประเทศแถบตะวันตก หมาจะไม่ใช่คำด่า แต่เป็นคำชม หมายถึงความซื่อสัตย์ หรือในญี่ปุ่น การเปรียบใครเหมือนหมา จะถูกเปรียบในแง่ว่าคนนั้นน่ารัก ไม่ใช่แง่ลบอย่างเดียวแบบเมืองไทย ::026::
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย Nihil เมื่อ พุธ พ.ย. 24, 2010 12:11 pm

รูปภาพ
น้องหมาเค้าน่ารัก ::022::


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
0
 
โพสต์: 3138
Cash on hand: 777.77
ที่อยู่: De Axiom
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย I ♥ KOl3OLD เมื่อ พุธ พ.ย. 24, 2010 2:06 pm

น่ารักจัง.. ::005::
ภาพประจำตัวสมาชิก
I ♥ KOl3OLD
0
 
โพสต์: 401
Cash on hand: 2,250.00

Re: อยากทราบประวัติของ Azarias

โพสต์โดย KroNos เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 05, 2010 6:36 pm

เซนต์ แมกนัส เขียน:กรณีของคนตาบอดที่สุนัขนำทาง ต้องมีสายจูง เพราะสุนัขต้องเป็นตาแทนคนที่ตาบอดนั้น และนำไปยังที่ๆต้องการ

กรณีของอัครเทวดาราฟาแอล สุนัขนั้นวิ่งขึ้นหน้า ไม่ใช่เพื่อนำทางแต่เพื่อระแวดระวังภัยข้างหน้าก่อน สุนัขนั้นวิ่งอย่างอิสระ ราวกับรู้ว่าผู้ที่เดินตามหลังต้องการเดินทางไปทางไหน สุนัขตัวนี้จึงอยู่ในฐานะของการอารักขา เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราที่เวลาไปไหน มีรถตำรวจนำขบวน ::034::

เรื่องของอัครเทวดาราฟาแอลและโทบิตนี้ มีในพระคัมภีร์ของชาวยิวมานานกว่า 2000 ปี อย่างน้อยถ้าสุนัขในเรื่องเล่านี้ คือสุนัขธรรมดา ก็สะท้อนว่า เป็นเวลายาวนานกว่า 2000 ปี ที่สุนัขได้ทำประโยชน์ และเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ ::006::

ก็ยังคิดแปลกใจ ที่คนไทยมีสำนวนด่าคนที่ปากเสีย หรือชอบพูดจาไม่ดีว่า ปากหมา ทั้งที่จริง ปากของหมา ใช้เห่าระวังภัย และใช้กัดเพื่อต่อสู้กับโจรหรือคนที่จะทำร้ายนายมัน

จึงอาจกล่าวได้ว่า ปากหมา ยังมีค่าและมีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าปากคนบางคนซะด้วยซ้ำ ::033::

ในต่างประเทศ เช่น ประเทศแถบตะวันตก หมาจะไม่ใช่คำด่า แต่เป็นคำชม หมายถึงความซื่อสัตย์ หรือในญี่ปุ่น การเปรียบใครเหมือนหมา จะถูกเปรียบในแง่ว่าคนนั้นน่ารัก ไม่ใช่แง่ลบอย่างเดียวแบบเมืองไทย ::026::


ขอบคุณครับ กระจ่างเลยอะ ::034::
ภาพประจำตัวสมาชิก
KroNos
0
 
โพสต์: 23
Cash on hand: 50.00


ย้อนกลับไปยัง Summoner Talk

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน