(Summoner Master Visual Reality
*เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมิได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง แต่อย่างใดผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ป.ล.หากสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นกระผมต้องขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ *
**อนึ่ง เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ SMN VR!! ดังนั้น ผู้ที่พึ่งเริ่มอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรก สามารถย้อนกลับไปอ่านภาคแรกได้ที่ลิงค์นี้ http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=45657.0 **
***การอ่าน Fiction เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ที่มาของ ภาคแรกก็สามารถทราบถึงเนื้อหาได้เพราะในภาคนี้เป็น
การเริ่มเดินเนื้อหาใหม่ทั้งหมด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคก่อนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นผู้อ่านทุกท่านสามารถ อ่านได้โดยไม่สับสนกับเนื้อหาแน่นอนครับ***
****ภาพการ์ดที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่องนำมาจาก Summoner Database นะครับ****
Title Music
เพลงเปิดเรื่อง (op)
เพลงปิด (ED)
สารบัญ
Profile Data Fic (หน้าแนะนำประวัติโดยคร่าวของตัวละคร)
ข้อมูลของ Grea Team
Sub-Turn 01 Duel Class Late (การดวลในวันที่มาสาย)
Sub-Turn 02 Obsidian Attack(การบุกของ ออบซิเดียน)
Sub-Turn 03 Foresight Disaster(ลางแห่งหายนะ)
Sub-Turn 04 Vs. Marvin (การปะทะกับชายผู้มากบุคลิค)
Sub-turn 05 Tag Team Duel!! ศึกเดือดเกินพิกัด
Sub-Turn 06 Silent Chorus (วงประสานที่เงียบงัน)
Sub-Turn 07 Celetia Millitary
Sub-Turn 08 Common & Ideology (ความสามัญ และ อุดมการณ์)
Sub-Turn 09 Memory
Sub-Turn 10Mind(จิตใจ?)
Sub-Turn 11 Last Duel I
Sub-Turn 12 Last Duel II
Sub-Turn 13 Last Duel III
Sub-Turn 14 Last Duel IV: God Justice (การพิพากษาของพระเจ้า)
Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation (บทวิวรณ์)
Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris
Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel
Sub-Turn 18 Last Duel VIII:Michael
Sub-Turn 19 Decisive Battle (ศึกตัดสิน)
Sub-Turn 20 Contact Growth(สายสัมพันธ์แห่งการเติบโต)
Sub-Turn 21 Fang of King (เขี้ยวของราชันย์)
Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck(ดวลกับจูได ผู้ใช้สำรับฮีโร่)
Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon (นักเรียนใหม่ มิสตาลจิกัส กับสำรับอสูรอัญมณี เอ้ย!! อัศวินมังกรจิ๋ว)
Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn
Sub-Turn 25 Cooking Duel
Sub-Turn 26 Final Cooking
Sub-Turn 27 Chess Tactic กลยุทธหมากรุกของชายผู้เกลียดชัง DNA-Changer
Sub-Turn 28 ThaliwilyaVs.Valkyrie
Sub-Turn 29 Eternal Immortal
Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.(Sword of Wisdom) นานจิตตัง ดาบเจ้าปัญหากำหนดฟ้าชะตา
Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora เจ้าสาวแห่งฝันร้ายปรากฏกาย
Sub-Turn 32 Dark Deva
Sub-turn 33 Clue (ร่องรอย) การดวลแบบ 10 ต่อ 1 กับ เคลเบรอส
Sub-Turn 34 D-Mental Up!! การเปลี่ยนร่างของสุดยอดอสูร
Sub-Turn 35 The Clonning
Sub-Turn 36 Iris Evolution
Sub-Turn 37 Thanat X Grea
Sub-turn 38 The Crusade War 1st
Sub-turn 39 The Crusade War 2nd
Sub-Turn 40 The Crusade War 3th
Sub-Turn 41 The Crusade War Final
Sub-Turn 42 VR!!
Sub-Turn 43 THE DAY BEFORE TRAVEL DAY
Sub-Turn 44 To Alvis
Sub-Turn 45 Game Starts
----THE FINAL ACT-----
Sub-Turn 96.5 Final Act Tile
Tip For SMN VR(อธิบายรายละเอียดของเรื่องเพิ่มเติม)
ครั้งที่ 1
บทนำ ซัมมอนเนอร์มาสเตอร์ เวอร์ชวลเรียลลิตี้ ภาคสามเทพอสูรดึกดำบรรพ์ SMN VR TAG!!
“ Cost Mp 1 ออบซิเดียน บีทเทิล โจมตี++ ”
สิ้นเสียงประกาศขึ้น มนุษย์ตัวด้วง กายสีดนิลของมันนั้นสะท้อนแสงเป็นมันวาว
และมีความแข็งแกร่งสูง ขนาดที่ คมดาบถึงสองเล่มในมือของ อัศวินพาลาดิน สาวบนหลังม้านางหนึ่งหัก
ได้เมื่อฟาดลงไปบน ร่างของมัน โดยที่ไม่ทันควบม้ากลับ นางก็ถูก เดือยกรงเล็บแหลมของ
มันที่แขนทั้งสองข้าง แทงทะลุร่าง ไปพร้อมกับ ม้าของนาง ทว่า ร่างของ นางนั้นกลับหาได้มีโลหิตไหลออก
จากบาดแผลไม่หากร่างของนางกลับสลายกลายเป็นละอองแสงสีเขียวสดลอยหายไปในอากาศธาตุ
โดยเหลือทิ้งไว้เพียง การ์ดสี่เหลี่ยม 1 ใบการ์ดใบนั้น ร่อนกลับไปสู่มือของผู้เป็นายของมัน
หญิงสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียน เสื้อเชิ้ต กระโปงสั้น นางรับเอาการ์ดที่ร่อนกลับมา หย่อนเก็บลงไปที่ช่อง
สอด บนปลอกแขนจักรกลที่แขนซ้ายของนาง นอกจากช่องที่นางหย่อนการ์ดนั้นลงไปแล้ว
ยังมีช่องใหญอีกสองช่อง ที่ปลายข้อมือ กับหัวข้อศอก ของเธอ ยังมีการ์ดเหน็บเสียบเอาไว้ในช่องอีกเป็นสำรับ
แต่ละสำรับจะมีหลังการ์ดสีต่างกันแยกเป็นแดง 1 สำรับ น้ำเงิน 1 สำรับ โดยสีน้ำเงินเสียบที่ชองหัวข้อศอก
ส่วนสีแดงเสียบที่ช่องปลายข้อมือ
ฉันชื่อ ลูเซีย ค่ะถ้าถามว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นล่ะก็คงจะอธิบายได้ยากหน่อย ทั้งเรื่องสัตว์ประหลาดตัวด้วง
ที่อยู่ตรงหน้าฉัน แล้วก็ อัศวินสาวที่กลายเป็นการ์ดตะกี้ด้วย แต่ถ้าจะให้สรุปแล้วเรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากที่ฉันมา
สายในวันเปิดเทอมวันแรกของ โรงเรียนน่ะค่ะ คงจะเชื่อยากสินะคะ งั้นเดี๋ยวฉันจะย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้เองค่ะ
[Data:ลูเซีย อาคแอง(Lucia Arcange) Nick Name:ลูว(Lua) Age:16 year Cost LV:Caller Deck: Deliver Band]
Sub-Turn 01 Duel Class Late (การดวลในวันที่มาสาย)
พ.ศ.2702 โลกในยุคนี้ได้ก้าวหน้าขึ้นมาพร้อมกับพลังงานมหัศจรรย์ที่มีชื่ว่า เวทมนต์(Magic)
หลังปัญหาแหล่งพลังงานหมดไปจากโลกทั้ง พลังงานน้ำมัน ไฟฟ้า และ แก๊ส การค้นพบพลังงานเวทมนต์ พลังงานที่ไร้ซึ่ง
ขีดจำกัดและมีความบริสุทธิ์สูง มันเป็นพลังงานวิเศษที่ ทำให้ประวัติศาสตรฺโลกถึงกับพลิกโฉมหน้าใหม่ไปในทันที
ทั้งการสื่อสาร การคมนาคม การดำรงชีพ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับพลัง เวทมนต์ และในขณะนี้ โลก
ของเราได้พัฒนาการมายังยุคที่เรียกได้ว่า วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์นั้น รวมตัวเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง
จนกลายเป็น เวทยาการ และ ก่อกำเนิดเกมส์กีฬาที่ชื่อว่า Summoner Master ……
…………………………
…………………………………..
กรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ.2702 (ค.ศ.2159) วันที่ จันทร์ ที่ 16 พฤษภาคม เวลา 6.00 น.
แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ของดวงตะวันที่ค่อยๆลอยขึ้นประทับเหนือรุ่งฟ้าสาง โดย เสียงร้องของนก
ที่เริ่มออกหากิน ดังแว่วไปกับสายลมหนาวแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่พัดเอื่อย แม้นี่จะเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ตาม
บรืนนนนน!!
เสียงเครื่องรถแท๊กซี่ ดังครืนอยู่ตลอดทางที่วิ่งตามถนนเส้นตัดเข้าไปในเขตซอย ของหมู่บ้านซึ่งเรียงรายล้อมไปด้วยบ้าน
ทาว์นเฮาส์ เรียงไปเป็นบล็อคๆ ระหว่างที่วิ่งมานี้ รถแท๊กซี่ต้องขับหักเลี้ยวอยู่หลายหัวมุม
จนดูเหมือนกับมันไม่สามารถกำหนดที่หมายปลายทางได้ และยังวิ่งวนจนครบรอบบล็อค หนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ
“ อ…เอ่อ เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมโน้น…มั้งคะ ”
“ ซ้ายแน่นะหนู ตรงนี้ลูงว่าเราพึ่งวนผ่านไปเองนะ ”
“ อ…เอหรือว่าต้องลี้ยวที่หัวมุมตะกี้หว่า… ”
“ เอ้า ตรงไหนกันแน่เนี่ยหนูจำทางไม่ได้เหรอ ”
บทสนทนา ที่ได้ยินนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เราเข้าใจได้แล้วว่า ผู้โดยสารกำลังสับสนหนทางอยู่
และดูเหมือนว่าพวกเค้าจะขับวนอยู่ในหมู่บ้านมาหลายรอบเสียแล้วด้วย
ขณะที่ ขับวนไปวนมาอยู่นั้นเอง ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ได้มีนักเรียนหญิงสาวนางหนึ่ง ยืนรอ อะไรบางอย่างอยู่
ก่อนที่รถ จะทันขับเลยผ่านหน้าหล่อนไป นั้น
“ ด…เดี๋ยวค่ะ คุณอาคะ จอดตรงนี้เลยค่ะ!! ตรงนี้เลย!! ”
“ หา ตรงนี้แน่นะหนู ”
“ ค่ะ ตรงนี้เลยค่ะ หน้าบ้านหลังนี้เลย ”
เอี้ยดดดด
รถจอดลงที่ตรงหน้า หล่อนพอดี พร้อมกับรอยยิ้มที่ ปรากฏชัดบนใบหน้าของเธอ ดูเหมือน สิ่งที่เธอรอ จะพบก็คือ
ผู้ที่โดยสารมากับ แท๊กซี่คันนี้ เสียงสนทนา ดังลอดผ่านประตูรถ ออกมานิดหน่อยแต่เธอก็พอจะเดาได้ว่า
ผู้มาเยือนในเช้านี้กำลังตกลงราคา ค่าดดยสารกันอยู่กับ คนขับไม่นานนัก ประตูรถก็เปิดออก พร้อมกับ
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ จะถูกขนลงมาจาก รถและเมื่อประตูปิดลง รถทีกซี่คันนั้น จึงขับจากออกไป
ทิ้งไว้เพียง สาวน้อยผมสองแกละห้อยปลายยาวสลวยในชุดเครื่องแบบนักเรียน
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกระโปรงสีอัญชัญ แบบเดียวกับ นักเรียนหญิง ที่มารอรับเธออยู่ หน้าบ้านหลังนี้
เพียงแต่ ตัวเธอผู้มาใหม่นั้นมีวัยที่ด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่ 2 ปี
“ แหมไม่เจอกันตั้ง 4 ปีแล้วนะเนี่ยน่ารักขึ้นจมเลยนะ ลูเซีย(Lucia) ”
รุ่นพี่นักเรียนหญิง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทึ่ง ก่อนจะเข้ามากอดเธอเสียแนบแน่นเพื่อให้หายคิดถึง
ซึ่งก็ทำเอาเธอ รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
“ พี่ ริน(Lin)เองพอไม่ได้ใส่แว่นแล้วหนูเองยังเกือบจำพี่ไม่ได้แหน่ะ ค่ะ ”
“ เหรอ พี่เองก็ลืมติดต่อไปให้เห็นหน้า ซะด้วยสิว่าแต่ พี่ตกใจมากเลยนะ ที่ลูเซีย จะมาเรียนที่นี่น่ะ ”
“ ก็แหมที่อเมริกา หนูเรียนอยู่นั่นมาตั้งแต่ ประถมยันจบ ม.ต้นแล้วนี่ อยู่ที่นั่นภาษาไทยก็ใช้
พูดได้กับ พ่อกะแม่เท่านั้นเอง นานๆทีก็เลยอยากจะลองกลับมาเรียนที่ ไทยดูบ้างน่ะค่ะ นี่ก็กว่าจะปรับสำเนียงได้ ”
“ เหรอจ้ะ…อืมมม~ งั้นรอพี่ไปตาม พี่ศรี(Sri)มาช่วยขนกระเป๋าก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปเรียนพร้อมพวกพี่ก็ได้ ”
“ อ๋อ คือว่า หนูอยากจะลองไปเส้นทางเองก่อนน่ะค่ะ ถ้ายังไง หนูขอตัวก่อน นะคะ ”
“ อ้าวเดี๋ยวสิแล้วจำทางได้แน่เหรอ ”
“ แน่นอนค่า เมื่อวานก่อนลงจากเครื่องหนู นั่งอ่านแผนที่มาตลอดทางเลยค่า แล้วแผนที่ก็อยู่กับตัวด้วยรับรองไม่หลงแน่ ”
เธอ กล่าวเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไป โดยมีสายตาห่วงใยของ รุ่นพี่ ที่มองลับหลังเธอไป
{จะไม่เป็นไรแน่เร้อ~~ ลูเซีย เธอน่ะชอบหลงทางเป็นประจำเลยนะ }
หล่อนคิดในใจ ก่อนจะหันกลับเข้าบ้านไป เพื่อไปตามคนมาช่วยขนกระเป๋าของ ลูเซีย
……………………
6.30 น.
“ แง~ หลงทางซะแล้วสิ ดันลืมแผนที่เอาไว้ในกระเป๋าเดินทางซะได้ ทั้งที่นึกว่าเก็บใส่เป้เอาไว้แล้วซะอีก ”
เสียงบ่นของ ลูเซีย ดังระงม ขณะที่เดินสะเปะสะปะ ไปทั่วซอย ตลอดเส้นทางก็ ไม่ค่อยมีผู้คนเดินทางสันจร
ไปมามากมายนัก และเธอเองก็ไม่คุ้นกับคนแถวนี้เสียด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกเกร็งไปหมด
ขณะที่ หันมองซ้ายมองขวา อยู่ตลอดที่เดินบนทางเท้า ทำให้เธอไม่ทันสังเกตุ เด็กหนุ่มที่วิ่งสวนมา
โครม!!!
ทั้งสองชนเข้ากันจังเบ้อเร่อ จนล้มกลิ้งไปทั้งคู่
“ อูย~~~ ขอโทษค่า ฉันไม่ดูทางเอง ”
“ โอย~~ มัวเหม่ออะไรของเธอ อยู่น่ะฉันยิ่งรีบอยู่ด้วย ”
/Master hurry over/(เจ้านายรีบเกินไปเองนี่)
ขณะที่ทั้งสอง กำลังโอดครวญใส่กัน ก็มีเสียงทุ้มแหลมแบบเสียงเครื่องคอมพิวเตอร์
ดังขึ้นมา จากจี้ห้อยคอรูปทรงเรียวแหลม อันเล็กที่ห้อยคอของเด็กหนุ่มอยู่
“ มาราคัส(Maracus) นายเนี่ยถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ก็เข้าข้างเค้าหมดใช่ไหมเนี่ย ”
/not really/(ไม่จริงซักหน่อย)
เด็กหนุ่ม เริ่มโต้เถียงกับ จี้ห้อยคอของเค้า ขณะที่มันก็โต้ตอบกลับมาราวกับมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง
“ อ๊ะ เครื่องแบบนี่…นี่ นาย เป็นนักเรียนของ มนต์วิทยา ด้วยเหรอ!! ”
ลูเซีย อุทานหลังจากที่พึ่งสังเกตุ เห็นชุดของ เด็กหนุ่มมันเป็นเครื่องแบบนักเรียนชายของ
โรงเรียนี่เธอกำลังจะไปเรียนเป็นวันแรกนี้ เค้าจ้องหน้าเธอตอบอยู่ซักพักอย่าง งงๆ
เธอเองก็จ้องหน้าเค้าอยู่นานเพื่อจะรอคำตอบ ทว่าขณะที่จ้องอยู่นั้น ตาเธอก็ไปสะดุด เข้ากับ
หูของเด็กหนุ่มที่มิได้เหมือนหูคนทั่วไป มันเป็นหูของ สุนัขป่าและยังกระดิกได้เหมือนของจริง
เธอหรี่ตาลงด้วยความสงสัย ก่อนจะยื่นมือเข้าไปจับหูทั้งสองข้างของ เค้าและออกแรงดึง
เพื่อจะทดสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่
“ โอย!! เจ็บๆ ทำอะไรของเธอน่ะ ”
เด็กหนุ่ม ร้องลั่นก่อนจะผละตัวออกห่างจากเธอ พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“ ข..ของจริงเหรอ…เธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ”
ลูเซีย ถามด้วยสีหน้าทึ่งตึง กับลักษณะของเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอ นกจากใบหูที่ไม่ธรรมดาแล้ว
ผมทรงสีดำชี้ปลาย และใบหน้าแบบคน เอเชียกับสำเนียงที่ฟังดูจะสะดุดทุกท้ายเสียง
ซึ่งนับเป็นเอกลักษณของ ชาวแดนปลาดิบอาทิตย์อุทัย หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น
ตรงหน้าเธอเป็นเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่มีหูประหลาดไม่เหมือนใคร
/DNA-Changer(ดีเอ็นเอเชนเจอร์)/
เสียงทุ้มแหลมกังวานขึ้นจาก จี้ห้อยคอรูปหัวใจของเธอบ้าง
“ เอ๋!! จริงเหรอ ไมค์(Microphone) นี่น่ะเหรอพวกมนุษย์แปลงพันธุกรรม Coordinator ”
“ เฮ้ย ยัยบ๊องส์ DNA-Changer ตะหากเล่า ไม่ใช่ Gunปิ๊บ(เซ็นเซอร์) Seed นะ ”
“ อ้าว…เหรอ เค้าเรียกยังงั้นเหรอ ”
“ ก็เออสิ…แล้วก็เมื่อกี้ที่ถามว่า ฉันเป็นนักเรียนของ มนต์วิทยาน่ะ ถ้าใช่แล้วจะทำไม ”
“ เธอเรียนอยู่ มนต์วิทยา จริงๆด้วยสินะ ”
“ เออสิ ฉันชื่อ โคทาโร่ เซนาคาว่า(Kotaro Zenakawai) อยู่ม.ปลายปี 1 แล้วก็เจ้านี่
Note ของฉัน มาราคัส(Maracus) ”
/My name Maracus nice too meet you/(กระผม มาราคัส ยินดีที่ได้รู้จัก)
เด็กหนุ่ม กับ จี้ห้อยคอของเค้าซึ่งเรียกว่า Note แนะนำตัวขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง
แต่ เธอ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้าจะแนะนำตัวทำไม ทั้งที่เธอไม่ได้ถามชื่อเค้าซักหน่อย
เมื่อยังเห็นเธอจ้องด้วยสายตางงๆ เด็กหนุ่มจึงรู้สึกว่าเธอทำกับเค้าราวกับเป็นตัวประหลาดในสายตา
“ แล้ว เธอ ล่ะฉัน แนะนำตัวแล้ว ตาเธอมั่งสิ ”
“ เอ๋! ฉัน ”
“ ใช่สิ …ถ้าอีกฝ่ายแนะนำตัวแล้ว ก็ต้องแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จักด้วยมันเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่ง
นี่เธอไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหมเนี่ย ”
“ อ๊ะ ถูกเผงเลย ฉัน พึ่งจะย้ายมา น่ะ ”
“ แล้วก็กำลังหลงทางอยู่ด้วยล่ะสิ ”
“ อ..อืมก็ประมาณนั้น ทำไมถึงรู้ล่ะ ”
“ แหงสิก็เธอดันถามฉันว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียน มนต์วิทยา หรือเปล่าแล้วยังทำท่าวอกแวก
จนมาชนกับฉันอีก แค่นี้ก็เดาได้แล้ว ว่าเธอน่ะมันเด็กหลงทางชัดๆเลย ”
ปึด!
เสียงเส้นสติขาดที่ดังผึงขึ้นมา หลังจากคำว่า “ เด็กหลงทาง ” หลุดออกมาจากปากของ เด็กหนุ่ม
ไม่ต้องรีรอ ลูเซีย ส่งสองมือของเธอเข้าไปหยิกแก้ม ทั้งสองข้างของ เด็กหนุ่มทันที
“ แว้ก~~~มันเจ็บนะ ทำอะไรของเธอเนี่ยยัยบ้า ”
“ ใครใช้ให้นายมาว่าฉันเป็นเด็กหลงทางล่ะยะ ตาบ๊องส์ ”
“ หา!!เธอว่าใครบ็องส์ นะ ถ้าฉันบ๊องส์ งั้นเธอก็เป็นยัยงุ่มง่ามแล้ว! ”
“ ว้าย อีตาบ้านายนี่มันปากเสยที่สุดเลย.. คนปากหมา!! ”
“ โฮ่ ขอบใจที่ชมนะ เพราะฉันมันเป็นหมาอยู่แล้วนี่ ”
“ น..นายนี่มัน ”{น..หนอย อีตานี่ ด่าแล้วยังทำเป็นเหลิงอีก}
ลูเซีย ขบกรามแน่นขนัด เมื่อไม่รู้จะสันหาคำใดมาด่าใส่ให้เจ็บได้กว่านี้อีกแล้ว
เธอจึงเก็บเอาความโกรธไว้ แล้วกระแทกเท้าเดินผ่าน เค้าไป
“ นี่ ยัย เฟอะ ผิดทางแล้วโรงเรียนอยู่ทางโน้น ต่างหาก ”
เด็กหนุ่ม เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอีกทาง ทำเอา ลูเซีย หัวเสียที่เธอดูเหมือนตัวตลกไปแล้วใน
สายตาของเค้า เธอ รีบจ้ำกลับมาโดยมีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะจ้ำ ผ่านเค้าไปโดยไม่ยอมสบตา
…….
“ อีตาหมาปากเสียนั่นนะ คอยดูเถอะ ถ้าเจอกันอีกหนล่ะก็ แม่จะซัดให้เดี้ยงคาตีน เลย!! ”
หลังจาก จ้ำหนีมาอย่างเสียหน้า เธอก็มาระบายออกเอาเสียตลอดทาง
ที่เดินจน คนรอบๆหันมามองเธอด้วยความสงสัย
/Master Get call/(เจ้านายมีสายเข้าค่ะ)
ขณะที่กำลังระบายอยู่นั้น จี้ของเธอ ก็ส่งเสียเรียกขึ้นมา เธอจึงระงับอารมณเอาไว้ก่อน จะปรับน้ำเสียงใหม่
“ รับสายเลยจ้ะ ไมค์ ”
/Yes sir/(รับทราบ)
สิ้นคำ จี้ของเธอก็ ฉายจอภาพโฮโลแกรมขนาดเล็กสำหรับติดต่อสื่อสารขึ้นมา
“ โยว่ว่าไง ยัยเฟอะ นี่ 6.50น. แล้วนา ”
“ น…นี่นายอีกแล้วเหรอ!! ”
ลูเซีย แทบจะถลนตาใส่จอ โฮโลแกรม เมื่อผู้ที่ต่อสายเข้ามาคือ เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่
“ โอ้ นี่ยังจำฉันได้อีกเหรอเนี่ย นึกว่ายัวะซะจนสมองไหลเยิ้มออกมากับน้ำมูกแล้วซะอีก ”
“ นายนี่มัน…มีธุระอะไรก็ว่ามาเด้ ”
ลูเซีย ถึงกับตะคอกใส่บันดาลโทสะ ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจแบบหมดไส้หมดพุงกันเลยทีเดียว
เรียกได้เลยว่าเกิดมาเธอแทบไม่เคยโกรธใครได้เท่า เค้าคนนี้มาก่อนเลยก็ว่าได้กระมัง
อากับกริยาสติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอโกรธจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน ที่จริงเธอโกรธจนไม่รู้จะ
พูดอะไรออกมาอีกแล้ว
“ เธอเนี่ยยิ่งเวลาโกรธยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลยนะ เอ้าๆ หัวน่ะแดงเป็นลูกมะเขือเทศแล้วนะ ”
คำพูดของ เด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไป เนื้อหาของคำพูดนั้นทำเอาเธอสะอึกไปเลยทีเดียว
ความโกรธเมื่อครู่ ดับสลายกลายเป็นความประหลาดใจกับทีท่าของเค้า
ที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนมาหยอดคำหวานใส่แทน ทำเอาเธออึ้งกิมกี่ไปชั่วขณะ
“ อ้อแล้วก็นะ ถ้ารีบไปมันจะสายเอานา ทางที่ฉันชี้ให้เธอไปน่ะ มันผิดทางซะด้วยสิ ถ้าไม่รีบมาเดี๋ยว
อาจารย์ จะไม่ให้เข้าเอานา ”
สิ้นคำ เด็กหนุ่มก็ตัดสายไปหลังจากที่เธอ รับฟังคำพูดทั้งหมดมาแล้ว ในหัวเธอก็พยายามจะตีความสิ่งที่เค้าพูดออกมาแต่ก็ทำได้เชื่องช้าเสียเหลือเกินเพราะตอนนี้ ความสับสนกับคำพูดแปลกๆที่เค้า โยนมาให้เธอ
แต่หลังจากที่หายประหม่าไม่นานพอเธอตีความทั้งหมดออก อารมณ์ครุกรุ่นขอเธอก็กลับมาเดือดได้ที่อีกรอบ
เธอถูกหลอกให้มาผิดทางเสียแล้ว และตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ทางเสียด้วย
/Get Mail my master/(ได้รับข้อความค่ะเจ้านาย)
“ น…หนอยเจ้าหมอนั่นคิดจะแก้อะไรฉันอีกรึไงเนี่ย เอาสิ เปิดเลย ไมค์ คอยดูนะ
ฉันจะสะสมความแค้นที่มีต่อนายแล้วไปเอาคือทีเดียวเลย อีตาบ้านั่น!!~ ”
ลูเซีย ลั่นวาจาสั่นระริกด้วยความโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทา ทว่าพอเนื้อความในข้อความที่เธอได้รับนั้น
เปิดขึ้นมาแสดงบนจอโฮโลแกรม เธอก็ต้องนิ่งค้างไปอีกรอบ ภาพที่แนบมาในข้อความ
คือแผนที่ ที่มีรายละเอียดเส้นทางพร้อมทั้งจุดกระพริบแสดงที่อยู่ของเธอ กับเส้นสีแดงขีดลาก
เป็นเส้นทางสำหรับเดินทางไปยังอีกจุดที่เขียนไว้ว่า โรงเรียน พร้อมกับ เนื้อความที่พิมพ์ส่งมาในตอนท้าย
“ แผนที่เนี่ย เก็บไว้ให้ดีล่ะ สำหรับยัยเฟอะอย่างเธอนี่ถือว่าป็นของขวัญชิ้นแรกในฐานะ
เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็แล้วกัน จาก โคทาโร่ ”
อีกครั้งที่เธอถูกปั่นหัวเสียจนแทบจะไม่รู้แล้วว่ามาตรงัดความโกรธของเธอ นั้นพังไปแล้วหรือไม่
เพราะตอนนี้เธอบอกไม่ได้เลยว่า โกรธอยู่หรือ ดีใจ อยู่กันแน่ แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดนักเพราะที่ขอบของจอภาพโฮโลแกรม
มีตัวเลขชี้เวลาเอาไว้ซึ่งตอนนี้ก็ปาข้าไป 7.30น. แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปทันที แต่เพราะรีบเกินไป ทำให้เธอสะดุดเท้าตัวเอง
จนเสียหลักจะล้ม ทว่า มีคนเข้ามาดึงคอเสื้อเธอไว้ก่อนที่จะล้มหัวคมำ
“ ไม่เป็นไรนะ ”
/Are you ok/(ไม่สบายรึเปล่า)
เด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอไว้ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเสียงทุ้มแหลมจาก จี้ห้อยคอ ของเค้า
ลูเซ๊ย หันกลับมาเพื่อที่จะขอบคุณ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เด็กหนุ่มผู้นี้สวมเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอ
และมีดูเหมือนจะอยู่ชั้นปีเดียวกับเธอด้วย ผมทรงสีดำแซ่กหน้าปลายชี้ตั้งหยักศก และ หมวกแคปสีแดง
รูปลักษณธของเด็กหนุ่มคนนี้ ชวนให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกแวบหนึ่งในหัวของเธอ
ก็มีกับมีภาพของ เด็กชายที่มีรูปลักษณ์เดียวกันนี้กับเค้า ผุดขึ้นมาด้วย เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอกับเค้ามาก่อน
แต่ก็นึกไม่ออก ขณะเดียวกันฝ่ายชายเอง พอได้เห็นใบหน้าของเธอ แล้วเค้าเองก็รู้สึกคุ้นเคย
อย่างบอกไม่ถูกกับเธอเช่นเดียวกัน
“ อ…เอ่อ ขอบคุณที่ช่วยไว้นะคะ เอ..ว่าแต่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า? ”
ลูเซีย นึกขึ้นมาได้จึงกล่าวขอบคุณก่อนจะต่อด้วยคำถามที่เธอสงสัยทันที
“ งั้นเหรอ! เธอเองก็รู้สึกคุ้นตาผมอยู่เหมือนกันเหรอ นั่นสินะ ผมเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะเคยเจอกันมาก่อนแฮะ ”
เด็กหนุ่มตอบความคิดของเค้ากับเธอช่างละม้ายคล้ายกัน ทำให้ทั้งสองแน่ใจแล้วว่าเคยเจอกันมาก่อนอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร ทั้งเธอและ เค้า ก็นึกไม่ออกสักที
/Master, we late over/(นายท่านเราสายมากแล้วนะคะ)
เสียงจี้ห้อยคอของเธอดังขึ้นมา ขัดจังหวะทั้งคู่ แต่เมื่อ ลูเซีย มองตัวเลข เวลา บนจอ โฮโลแกรมที่
ยังคงฉายคาเอาไว้อยู่ เธอก็ไม่ชักช้า รีบแจ้นตาหลีตาเหลือกไปทันที
“ อ…อ้าว ไปซะแล้วแฮะ ยังไม่ทันถามชื่อเลย ”
/Idiot never remember /(เจ้างั่งอย่างนายเคยจำอะไรกับเค้าได้ด้วยเรอะ)
“ โธ่ คอรัส(Chorus) ไหว้ล่ะนายจะช่วยเรียกฉันดีๆซักวันหน่อยจะได้ไหม ”
/so dream/(ฝันไปเถอะ)
“ นายนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ”
เด็กหนุ่ม ชักสีหน้าไม่พอใจกับ จี้ห้อยคอของเค้าที่เถียงคำเขาเสียทุกคำพูด
{แต่ว่าเรารู้สึกว่าคุ้นเคยกับ เธอคนนั้นมากเลยนะ เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนงั้นแหล่ะ}
เด็กหนุ่ม คิดขณะที่ทอดสายตามองไปยังทางที่ หล่อนวิ่งหายไป
……………………
…………………………..
โรงเรียนมนต์วิทยา เวลา 8.30 น.
ณ ประตูรั้วโรงเรียนแบบเลื่อนเปิดปิดที่ตอนนี้ถูกเปิดไว้กว้างเพียงแค่ให้ คน1คน เดินผ่านเข้าไปได้ แต่ช่องทางนี้
กลับมีหญิงวัยชรายืนคุมเข้มทางเข้านี้เอาไว้ รอยย่นและตีนกา บนใบหน้าที่มาประทับตามกาลเวลา
บวกกับสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาของ นางเป็นเครื่องมือขู่ขวัญ เหล่านักเรียน ที่มาสายละยืน ออกันอยู่หน้า
ประตูโรงเรียน
“ ซวยแล้ว ลืมไปเลยว่าวันเปิดเทอมนี้ อาจารย์ รัตนชา เป็นเวรง่ะ ”
“ เวรแล้วไง อาจารย์แก จะให้ผ่านก็ต้องให้ใครไปดวลกับแกให้ชนะก่อนซะด้วย ”
“ แล้วใครจะไปชนะได้ล่ะ นี่ถ้ามีพวกเก่งๆมาสายเหมือนเราบ้างก็ดีน่ะสิ ”
เสียงบ่นจอแจ ดังระงมเมื่อ อาจารย์คุมเวรจับนักเรียนมาสายสุดเนี้ยบ ออกมายืนคุมเชิง
เสียตั้งแต่วันแรกของ เปิดเทอมและ ทางเดียวที่ อาจารย์ผู้นี้จะเปิดทางให้ก็มีเพียงการดวลไพ่เท่านั้น
“ โธ่ เอ้ยเพราะดันดูแผนที่กลับหัวกับทางที่เดินไปเลยต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับมาตั้งนานแหน่ะ ”
/I warn as master but not hear my/(ดิฉันเตือนท่านแล้วแต่ท่านไม่ยอมฟังเองนี่)
ลูเซีย ที่จนแล้วจนรอด เธอก็เดินหลงไปอีกรอบจนได้แม้จะได้แผนที่มาแล้วก็ตาม
เธอเสียเวลานานมากกว่าจะมาถึง ประตูโรงเรียน
“ เอ..ว่าแต่เค้ามายืนมุงอะไรกันอยู่ที่หน้าประตูน่ะ นี่มันสายแล้วนี่นา? ”
ลูเซีย เปรยด้วยความสงสัย ก่อนจะชะเง้อมองข้ามกลุ่มเพื่อนเข้าไป
“ รอบของฉัน Cost Mp 1 ให้ ออบซิเดี้ยนบีทเทิล (Obsidian Beetle) โจมตี!! ”
เสียงยานคางของ อาจารย์รัตนชา ดังห้วนขึ้นท่ามกลางวงล้อมของ นักเรียนมาสายที่ลุ้นให้เพื่อนของตนที่เข้าไปท้าแข่งเพื่อแลกกับการขอผ่านประตูเข้าไป ซึ่งตอนนี้ มนุษย์ตัวด้วงร่างหุ้มเกราะสีดำมันวาวประดุจหิน ออบซิเดียน
พุ่งทะยานลงมาตวัดเดือยกรงเล็บที่แขนทั้งสองข้าง ผาร่างของ มนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าเซนทอร์
จนขาดท่อน ก่อนจะสลายกลายเป็นละอองอนุภาคสีเขียวสดและรวมตัวบีบอัดกลับเป็นแผ่นการ์ด
ที่มีรูปของมันวาดอยู่บนนั้นพร้อมกับข้อมูลความสามารถและค่าพลังต่างๆ
ดีดตัวกลับมาที่นักเรียนเจ้าขอองการ์ดใบนั้น
“ เง้อ~~ เซนทอร์เรนเจอร์(Centaur Ranger) ของช้านนนลงมาไม่ถึง 1 turn ด้วยซ้ำง่า ”
นักเรียนชายที่พึ่งดวลแพ้ไป ครวญขณะที่ นั่งคอตกเก็บการ์ดที่ปลิวกลับมา
“ นักเรียนที่ดีไม่ควรมาสาย นะจำเอาไว้ ”
อาจารย์หญิงกล่าว สั่งสอนตบท้ายให้ไปอีก
“ นี่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ”
ลูเซีย เดินเข้ามาถามนักเรียน หญิงในกลุ่มที่มาสาย
“ ก็อาจารย์ รัตนชา น่ะสิอาจารย์เค้าจะไม่ยอมให้ใครผ่านประตูเข้าโรงเรียนจนกว่าจะมีคนดวลชนะน่ะ ”
นักเรียนหญิง อธิบายเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง
“ เอ๋! ดวลนี่หมายถึง Summoner Master Card น่ะเหรอ ”
ลูเซีย ถึงกับต้องอุทานขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อกำหนดแปลกๆของอาจารย์ผู้นี้
“ ก็ใช่น่ะสิ แถมตั้งแต่อาจารย์เค้าเข้าเวรเช้ามา 7 ปีเต็มๆยังไม่เคยมีใครเข้าเรียนสายได้เลย
เพราะฉนั้นทุกวันที่แกมาคุมนักเรียนที่มาสายก็จะต้องขาดเรียนกันหมดนั่นล่ะ ”
นักเรียนหญิง พูดสำทับถึงความร้ายกาจของ อาจารย์ ท่านนี้เพิ่มเข้าไปอีก
“ งั้นหมายความว่าแค่ชนะให้ได้ก็พอสินะ ”
“ เอ๋ ”
ลูเซีย พูดขึ้นอย่างฮึกเหิมทำเอา เพื่อนนักเรียนหญิงแปลกใจไปตามกัน เธอไม่รอช้ารีบ แหวกกลุ่มเพื่อนนักเรียน
เข้าไปหา อาจารย์ รัตนชา ทันที
“ หืม? เธอไม่คุ้นหน้าเลยนี่ เป็นนักเรียนเข้าใหม่ของปีนี้สินะ ”
อาจารย์รัตนชา เปรยขณะที่มอง เธอ อย่างพินิจพิเคราะห์
“ ค่ะ อาจารย์ขอความกรุณาด้วยนะค้า~~ ”
ลูเซีย เอ่ยขึ้นเสียงใสขัดกับบรรยากาศรอบๆแบบสุดๆ ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีแบบสุดขั้ว
ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องมาดวลการ์ด แล้วเสียอีก
“ ใช้ไม่ได้! เป็นนักเรียนใหม่แท้ๆดันมาสายตั้งแต่เปิดเทอมแรกแบบนี้แล้วยังมาเสนอหน้าอีก
ถ้าเธอแพ้ล่ะก็ฉันจะลงชื่อว่ามาสายตลอดทั้งเทอมเลย ”
อาจารย์รัตนชา กล่าวเสียงขุ่นมัวอย่างไม่พอใจกับ นักเรียนใหม่คนนี้
“ หา!!!!...ต..แต่ ” ลูเซีย พยายามจะแย้ง เพราะเธอไม่นึกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“ ไม่มีแต่…เริ่มดวลได้! กฏ Ruler Level Expert Mode ”
ทว่า อาจารย์รัตนชา ก็หาได้สนไม่เริ่มประกาศกฏการดวลทันที
“ เอ๋ รูเลอร์เลเวล? โหมดอะไรล่ะเนี่ย ”
ลูเซีย ทวนคำด้วยความสงสัยกับชื่อ กฏแปลกๆที่ อาจารย์ผู้นี้ยื่นขึ้นมา
“ Ruler Level Expert Mode นะหนา เป็นกฏพิเศษที่สำหรับการ Duel แบบประหยัดเวลาหนาโดยจะให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเล่นตามกฏระดับ Caller(Mp 7) แต่ลดจำนวน ไชน์แมกซ์(Shrine Max) ลงเหลือ 6 หน่วย ล่า ”
สำเนียงพูดไทยเหน่อๆ เดี๋ยวเสียงสูงเดี๋ยวเสียงต่ำ ดังขึ้นจาก นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ผมสีส้มปนน้ำตาล
ผูกแกละไว้ข้าง
“ อ๋อ หมายความว่าเปลี่ยนลด ไชน์ ลงเหลือครึ่งเดียวเท่านั้นสินะ ”
ลูเซีย หันไปพูดกับ นักเรียนหญิงชาวต่างชาติคนนั้น
“ เยส(Yes) ถูกต้องเลยจ๋า ”
เธอตอบ ลูเซีย กลับหลังจากเข้าใจเรื่องรายละเอียดของกฏแล้ว ลูเซีย จึงหยิบเอา จี้ของเธอขึ้นมา
“ ไมค์ แสตนบายโหมด จ้ะ ”
/Yes, My master, Get Set/(ค่ะนายท่าน, Get Set)
ลูเซีย ออกคำสั่งกับจี้ของเธอ หลังจากมันตอบรับคำสั่งของเธอแล้ว ตัวจี้ก็เปล่งละอองแสงสีเขียวสดออกมาคละคลุ้ง
ก่อนจะแยกชิ้นส่วนของตัวเองออก และย้ายลงมาประติดกับ ท่อนแขนซ้ายของ เธอพร้อมกับขยายขนาดและ
เปลี่ยนรูปเป็น ปลอกแขนจักรกล ที่มีเฟืองอันหนึ่งโผล่พ้นขึ้นด้านบนปลอกแขน ที่หัวกับปลายของปลอกมี
ช่องสำหรับเสียบกองสำรับไพ่ ลงไปทั้งสองด้าน และที่ ด้านล่างปลอกแขนก็มีช่องสำหรับเก็บ
ไพ่อีกช่องแต่หันเข้าตัวผู้เล่น เมื่อยกแขนขึ้นตั้งฉากกับลำตัว โดยที่ช่องมีประทับตัวอักษรไว้ว่า Shrine
ลูเซีย ล้วงมือลงไปที่กระเป๋าตรงชายเสื้อของเธอ ก่อนจะหยิบติดเอา สำรับไพ่ สองสำรับที่แต่ละสำรับ
จะมีหลังไพ่สีแดงและน้ำเงินอย่างละกอง บนหลังไพ่นั้นประทับตราสัญลักษณคล้ายรูปตัว S เอาไว้
เธอ แยกกองสำรับ ไปเสียบแยกไว้ในช่องที่หัวกับปลายของ ปลอกแขน
“ Let’s Duel ”
สิ้นคำ การดวลไพ่ที่มีชะตาของการได้เข้าไปเรียนในวันนี้จึงเริ่มขึ้น(ทำไมมันแปลกๆหว่า)
ทั้งสองดึงไพ่ใบบนสุดของกองการ์ดสีน้ำเงิน(Seal Card)ของตนเอง
ออกมาคนละ 5ใบก่อน จากนั้นจึงตามด้วยกองสีแดง(Mystic Card)อีก 2 ใบ
[Lucia Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Teacher Rattanasha Status; Hand: Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
“ อาจารย์จะเป็นฝ่ายบุกเอง รอบของฉัน Cost Mp 2 ร่าย เอเมรัลด์ บีทเทิล(Emerald Beetle) ออกมาที่ Df Line ”
[Cost Mp คือการจ่ายค่าร่ายของการ์ดที่ต้องการจะอัญเชิญออกมา]
[ Df line แนวสนามแถวหลังสุดเป็นส่วนที่คิดค่าDf ของ Seal Card ]
สิ้นคำของ อาจารย์รัตนชา ไพ่สีน้ำเงินบนมือ ก็ถูกโยนออกมา ฟันเฟืองบนปลอกแขนของ อาจารย์เริ่มหมุน
เร็วขึ้นเรื่อยๆและสร้างละอองแสงสีเขียวสด กระจายฟุ้งออกมา ปกคลุมบริเวณโดยรอบ
ไพ่ที่ถูกโยนออกมาได้ดูดซับเอาละอองเหล่านั้นไว้ก่อนจะเปล่งแสง และปรากฏรูปร่างของ ตัวด้วงสีเขียวมรกตขนาด
เท่าคนขึ้นมาข้างหน้าเธอ
“ ด้วยผลของ เอเมรัลด์ บีทเทิล ฉันจะต้องแสดงกองการ์ด Seal ใบบนสุด 2 ใบจากนั้น
หากใน 2 ใบนั้นมี เผ่า แมลง(Insect)ที่มี LV เท่ากับ 2 สามารถเลือกเอาการ์ดใบนั้นขึ้นมาไว้
บนมือได้หนึ่งใบ ส่วนอีกใบให้วางกลับไปบนกอง และนี่คือการ์ด 2 ใบที่ว่า
แซฟไฟร์ บีทเทิล(Sapphire Beetle) กับ โทปาส บีทเทิล(Topaz Beetle) ”
อาจารย์ รัตนชา ประกาศความสามารถของ เอมรัลด์ บีทเทิล ก่อนจะดึงซีลการ์ด บนสุดของกองมา 2 ใบและแสดงให้
เห็นใบหนึ่งคือ แซฟไฟร์ บีทเทิล ตัวด้วงที่มีสีน้ำเงินวาววับดังไพลิน และ อีกใบ คือตัวด้วงบุษราคัม
“ ฉันเลือกเอา แซฟไฟร์ บีทเทิล ขึ้นมาไว้บนมือแล้วคืน โทปาส บีทเทิล กลับไปไว้ใบบนสุดของกอง ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวก่อนจะ เลือกเอา แซฟไฟร์ บีทเทิล เก็บไว้บนมือ ส่วน โทปาส บีทเทิล นั้นเสียบกลับลงไปบนกอง
“ จากนั้น Cost Mp 2 ร่าย แซฟไฟร์ บีทเทิล ลงมาที่ Df line ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวจบก็ ส่งไพ่ที่พึ่งเลือก ออกมาจากผลของ เอเมรัลด์ บีทเทิล ลงมาทันที
แซฟไฟร์ บีทเทิล ได้ปรากฏตัวขึ้นบนสนาม ในแนวเดียวกับ เอเมรัล บีทเทิล
“ และด้วย Ability ของแซฟไฟร์ บีทเทิล ฉันสามารถแสดงการ์ดใบบนสุดของกองการ์ดซีล 1 ใบ
และถ้ามันเป็น เผ่าแมลง Lv 2 ล่ะก็จะสามาส่งมันลงมาในสนามได้ทันที ”
อาจารย์รัตนชา อธิบายถึงความสามารถของ แซฟไฟร์ บีทเทิล จบ ลูเซีย ก็อุทานขึ้นมาทันที
“ เห! ตะกี้ก็พึ่งวาง โทปาส บีทเทิล ลงไปแบบนี้มันก็รู้แกวกันอยู่ก่อนแล้วน่ะสิ ”
“ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว การจะทำสิ่งใดให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดจะต้องมีการคำนึงล่วงหน้า
ก็เหมือนกับการที่พวกเธอมาสายกัเพราะไม่คำนึงว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และไม่ยอมเตรียมพร้อมในการมาก่อนเวลาเอาไว้ยังไงล่ะ ”
อาจารย์ รัตนชา ได้ทีจึงเริ่มสั่งสอนทันที
“ แต่ที่หนูมาสายเพราะหลงทางอยู่ต่างหากล่ะค้า อาจารย์ ” ลูเซีย แย้ง
“ ก็นั่นล่ะเค้าเรียกว่าไม่รู้จักเตรียมพร้อมถึงได้หลงทางแล้ว
ก็มาสายไงล่ะ เอ้า รอบของฉันยังไม่จบ
แสดง โทปาส บีทเทิล จากใบบนสุดของกองแล้วนำเข้ามาที่ At line เลย ”
[At Line คือสนามแนวหน้าที่จะคิดค่า At ของ Seal Card]
อาจารย์ รัตนชา ย้อนคำโต้แย้งกลับทันควันก่อน จะดึงซีลการ์ดบนกอง
แล้วโยนออกโดยไม่ต้องมองเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วมันคือไพ่อะไร โทปาส บีทเทิล
ถูกส่งลงมายังสนามแถวหน้าบีทเทิล ทั้งสองตัวที่ถูกส่งลงมาก่อนหน้า
“ รอบนี้ไม่มี Mp เพียงพอจะเล่นต่อแล้ว ขอสั่งผ่าน(End of Sub-Turn) ”
อาจารย์ รัตนชา สั่งหมดรอบการเล่นของตัวเองก่อนจะเปลี่ยนเทิร์นการเล่นมาเป็นของ ลูเซียแทน
“ รอบของฉัน Cost mp 2 อัญเชิญ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน (Aella, Deliver Band Paladin)
ออกมาที่ At line ”
สิ้นคำ ลูเซีย ฏ้ส่งการ์ดซีลบนมือลงมา เฟืองที่ปลอกแขนของเธอเริ่มปั่นเพื่อสร้าง
ละอองพลังงานสีเขียวสดขึ้น การ์ดที่เธอส่งออกไปได้ดุดซับเอาละอองเหล่านั้น และปรากฏรูปขึ้นมา
กลายป็นอัศวินพาลาดินสาวพร้อมกับสายลมกรรโชก ผมหางม้าสีบลอนปลิวไสวไปกับสายลมที่ค่อยๆอ่อนแรงลง
และสงบไปในที่สุด
“ เมื่อ เอลล่า เดลิเวอร์แบน พาลาดิน เข้ามาในสนามจาก การร่ายสามารถเลือกผู้เล่น 1 คนให้จั่วการ์ดได้ 1 ใบ ”
ลูเซีย ประกาศความสามารถของ เอลล่า ก่อนจะดึง การ์ดสีแดงขึ้นมาจาก ช่องเสียบสำรับตรงบริเวณข้อมือ
ขึ้นมา 1 ใบ เธอดูไพ่ที่พึ่งจั่วขึ้นมา ซึ่งรูปบนไพ่เป็นรูปของ อัศวินในชุดเกราะขี่ม้าขาว บนการ์ดประทับชื่อของมันว่า
กาลาฮัด(Galahad)
“ Cost Mp 2 ร่าย กาลาฮัด ไปติดตั้งที่ เอลล่า เดลิเวอร์แบน พาลาดิน เลือกเงื่อนไข ธาตุสังกัดแห่งลม At ของ
เอลล่า เพิ่มขึ้น 2 หน่วยและ Sp เพิ่มขึ้น 1 หน่วย ”
ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ ไพ่ที่จั่วขึ้นมาถูกส่งออกไปทันที ไพ่ดุดซับละอองแสงเข้ามาก่อนจะปรากฏม้าขาววิ่งเข้ามา
ในสนามโดยที่ เอลล่า กระโดดขึ้นไปขี่บนหลังมันพร้อมกับ กระชับดาบในมือขึ้นชูไปข้างหน้า
{ดีล่ะ ค่าพลังของ เอลล่า เดริเวอร์แบนด์ พาลาดิน ของเรามีค่ารวมกับ กาลาฮัดเท่ากับ 9 หน่วย
และ ยังมี ability เพิ่ม At อีก 2 หน่วยต่อจำนวนใบมิสติกที่ติดอยู่บนตัวของ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน
ด้วยรวมแล้ว At ก็จะเป็น 11 โทปาส ของ อาจารย์ มีค่า At แค่ 6 หน่วยเท่านั้นงานนี้กินนิ่มเลยแฮะ เรา}
ลูเซีย คำนวนถึงค่าพลังที่แตกต่างกันระหว่างซีลของเธอกับโทปาส บีทเทิล ของ อาจารย์
ด้วยค่าพลังที่ต่างกันมาก เธอจึงมั่นใจว่างานนี้เธอสามารถจัดการได้ง่ายๆเลย
การดวลที่เริ่มต้นขึ้นจากการมาสายนี้ จะเป็นเช่นไรต้องติดตามในตอนต่อไป
……………………..
………………………………..
To be Continue
ตัวอย่างตอนต่อไป Next Sub-Turn
“ อสูร ที่เธอคนนี้ใช้ เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆด้วย ”
ปริศนาของเธอผู้นี้
“ เอ้อจริงด้วยงั้นเอาใหม่ Cost mp 3 ร่าย ออบซิเดียน บีทเทิล(Obsidian Beetle)ลงมาที่ At line ”
ไพ่ตายกำลังจะถูกเปิดออก
“ ฉันคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่งผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า
Sacred Sword Bounding(การกระทำของดาบศักดิ์สิทธิ์) ”
ผู้ที่เข้ามาแทรกแซง
“ ทำไมพวกนายถึงได้มาอยู่ที่นี่!!!!! ”
“ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ!!!!!! ”
และเรื่องที่ไม่คาดคิด
ทั้งหมดติดตามได้ใน Sub-Turn 02 Obsidian Attack(การบุกของ ออบซิเดียน)
เปิดมาก็เจิม forum นี้คนแรกเลยแฮะเรา
ไม่ได้คิดเลยว่าอยู่ๆจะได้มาเขียนภาคต่อแบบนี้ ภาคแรกอยู่ที่บอร์ดเดิมนะครับ ลงลิงค์ไว้ที่หัวเรื่องแล้ว
ก็ขอฝากตัวกันใหม่อีกครั้งกับบอร์ดใหม่นะครับ