………………………………………………………………………….
แดกแรกของเช้าวันใหม่ทอดตัวลงสู่ผืนป่า มวลหมู่ปักษาขับร้องทำนองเสนาะก้องพงไพร
ลึกเข้าไปผ่านบรรดาแมกไม้หลากตาบนเขาใหญ่ คฤหาสน์หลังงามตั้งเด่นเป็นสง่า เจ้าชองคฤหาสน์
คือขุนนางแห่งสเปน….อันที่จริงแล้ว เป็นอดีต….ใช่แล้วอดีตขุนนางแห่งตระกูล อัลโตมาเร่
อันเลื่องลือ มาริน่า-อัลโตมาเร่-อลิซาเบท-มาริโอเน็ตต้า และยังเป็นหนึ่งใน มาสเตตอร์ซีรีโมเน่
ทุกช่วงเช้าของวัน มาริน่า มารอเหล่าองครักษ์ กลับจากการฝึกภาคเช้าในป่า แต่วันนี้ต่างออกไป
ทั้งเธอและเหล่าองครักษ์ ต่างก็อยู่กันพร้อมหน้า โดยมีรถตำรวจ สามคันมาจอดหน้าบ้าน
และเจ้าหน้าที่ชายสามคนเดินลงจากรถมา
เธอมีสีหน้าเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามที่ต้องมองหนึ่งในองครักษ์ของเธอ อิส
โค้งคำนับให้เธอด้วยความเคารพ ก่อนจะยกเอากระเป๋าเป้ใส่สัมภาระ ขึ้นไหล่
“ ระวังตัวด้วยล่ะ… ”
มาริน่า พูดที่จริงเธออยากจะบอกอะไรมากกว่านี้ แต่ก็พูดไม่ออกเป็นเพราะสายตาขององครักษ์มองมาที่เธอ
ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ยากจะสื่อ ออกมาได้ เธอไม่รู้ว่าควรจะห้ามเขาดีไหม
กระนั้นก็ตามเธอรับปากไว้แล้วว่าจะไม่ขัด นี่เป็นเงื่อนไขที่เธอยอมรับไปตั้งเป็นเดือนแล้ว
สององครักษ์ ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า มองเธอด้วยสายตาคาดหวัง ว่าเธอจะหยุดการเดินทางครั้งนี้ไว้
“ ครับ…..ผมไปก่อนนะครับมาสเตอร์ ”
อิส โค้งให้อีกครั้งก่อนจะหันตัวเดินไปขึ้นรถพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ทันทีที่ประตูรถปิดเสียงไซเรนรถ
ก็ดังขึ้นลั่น มวลหมู่นกตกใจกับเสียงไซเรนหวีด พากันโผบินจนอลหม่านไปทั้งป่า
ทั้งสามมองดูรถตำรวจวิ่งออกไปจนลับสายตา
……………………………………………..
………………….
หลังบานประตูทางเข้าของ X-Sport Club คือห้องล๊อบบี้ซึ่งจะมีโต๊ะลงทะเบียนตั้ง อยู่ริมห้องเยื้องไปทางขวาจากประตู
ภายในห้องมัเฟอร์นิเจอร์จัดวางเพียงน้อยชิ้น เป็นเพียงเก้าอี้พลาสติกมีผนักพิง กับโต๊ะไม้ สองสามชุด
และโทรทัศน์เครื่อง ตั้งบนหิ้ง จากห้องนี้จะมีทางเชื่อมไปห้องเปลี่ยนเสื้อกับห้องน้ำ และบันไดไปยิมที่อยู่ชั้นสอง
พลพรรคของ เกร พึ่งจะกลับมาในตอนสายของวัน หลังจาก การุรุ ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
แล้ว นอกจาก เกร เทนโตะ วาการุรุ ปิโย และตัว การุรุเอง แล้วหนนี้มีสมาชิกเด็กสาววัยเดียวกับ เกร ติดสอยกลับมาด้วย
เด็กสาวทำผมทวินเทลสีฟ้าสดใสราวกับน้ำทะเล นัยตาสีน้ำตาลกลมโตเป็นประกาย เธอแต่งตัวด้วยเสื้อสายเอี้ยม
แลดูน่ารักแบบเด็กๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคนนี้ไม่เพียงแต่ตามติดแจ เกร แค่เดินเข้ามาในคลับ เธอทั้งควงแขนเกาะแข้งเกาะขา
แม้จะดูเหมือนคู่รักแต่ที่จริงแล้วเหมือนกับว่า เกรเป็นพี่ชายของเธอ ซะมากกว่า
![รูปภาพ](http://www.mediafire.com/imgbnc.php/f358959f7e1be7c927a89f681146f2674266ecd05f5720d82b9465041a2adcfc6g.jpg)
“ เน่ๆ เกร เปิดทีวีซิ นะนะ พาลุกอดแขนเขาไว้แล้วพยายามอ้อนสุดใจ ”
เธอ มองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา และอ้อนด้วยท่าทางแบบเด็กอนุบาล เกร มองเธออย่างเฉยเมย
เขาใช้นิ้วดีดมะกอก กลางหน้าผากจนเธอหน้าหงาย
“ แง้~ เกรทำ พาลุ ทามมายอ่า~~~ พาลุกุมผน้าผากด้วยความเจ็บ ”
“ พอเลยไอ้วิธีพูดแบบนั้นน่ะ ไปติดมาจากเทนโตะล่ะสิ เธอเห็นฉัน แอคเรราเตอร์ รึไง ”
เกร ไม่เล่นด้วยพร้อมกับตีหน้าตายใส่ พาลุ อมปากแก้มป่องจ้องตอบด้วยสายตาง้องอน
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ เกร สนใจเธอขึ้นมากว่าเดิม
“ แหมๆ นายล่ะก็ทำเป็นซีเรียสไปได้ ลูกง้อแบบ ลาสออร์เดอร์ ใช้ไม่ได้ผลเหรอเนี่ย? ทั้งที่เป็นซึนเดเระ เหมือนกับแอคเซเรราเตอร์ แท้ๆ สงสัยจะประเมินนายต่ำไปแฮะ ”
เทนโตะ แทรกโดยที่มือถือหนังสือไลท์โนเวล to aru majutsu no index
“ เทนโตะ อ่ะ เกร งอนเค้าแล้วอ่า~~ไหนทำว่าแบบนี้แล้ว เกร จะหวั่นไหวไง ”
“ งั้นคราวหน้าเอาเป็นแบบซาคานะจัง ใน Star Driver ก็ไม่เลวนะ ที่ห้องฉันมีโมเดลกรงขนาด 1 ต่อ 1 ที่พึ่งซื้อมาด้วย
ถ้าให้ พาลุเข้าไปอยูในนั้นแล้วร้องเพลงล่ะก็… ”
Sound effect***โป้ก***
โดยไม่รอที่จะให้ เทนโตะ พล่ามจนจบ วาการุรุ จัดขนม มะเหงกแจกให้ทั้ง เขาและเธอเอากุมขมับเล่นทันที
“ เล่นบ้าเล่นบอกันอยู่ได้ ”
วาการุรุ เปรยด้วยท่าทีเหนื่อยใจกับความคิดพวกพ้อง แต่มันยังไม่จบลงแค่นั้นเพราะ การุรุ รีบสาวความให้ต่อยาวออกไปอีก
“ วากะจังเป็น โทวมะสิน้า~~ ว่าแล้วก็เป็นคู่ที่น่าจิ้นใช่ย่อ…ย แอ้ก! ”
รู้สึกตัวอีกหน การุรุ ก็พบว่าตัวเขาลอยอยู่ในอากาศสัมผัสที่เอวรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง
ที่ส่งมาจากท่อนแขนซึ่งอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อที่ผ่านการต่อสู้ในสังเวียนแชมป์โลกมาแล้ว
กำลังยกร่างทั้งร่างให้ลอยเคว้ง อีก 0.1 วินาทีต่อมา พื้นห้องกับเพดานก็สลับกลับหัวกันไปหมด
ไม่ใช่ห้องที่กำลังกลับหัวแต่เป็นเขาที่กำลังจะหัวทิ่ม ด้วยท่าจับทุ่มมวยปล้ำ เยอมันซูเพลกซ์
นั่นเอง
Sound Effect***โครมมมมม!!***
“ โทษทีว่ะมือมันไปเอง โหสินะ ”
วาการุรุ สลัดข้อมือหลังจากระบายความอัดอั้นลงไปกับท่าเมื่อครู่ อย่างสบายอกสบายใจ
“ การุรุ เนี่ยไม่ข็ดหลาบซักทีน้า~~ ของรู้ๆกันอยู่ว่า เกร น่ะสนใจแต่พี่สาวคนนี้เท่านั้นล่ะจ้ะ ”
ปิโย พูดเธอกอดอกเท้าคางและเริ่มจะ คิดเลยเถิดไปเรื่อย
“ ไม่หรอก…พี่สาวฉันน่ะไม่ได้น่ารักขนาดนั้นซักหน่อย… ”
เกร รีบหันควับกลับมาปฏิเสธทันที
“ เอาแล้วไง! น้องสาวฉันไม่น่ารักซักนิด!!! (ore no imouto ga konnani kawaii wake ga nai) ”
เทนโตะ ชี้หน้าเขาและแสดงสีหน้าออกมาสุดๆ
“ เกรคุง เป็นพวกซึนตัวจริงเสียงจริงสินะ ”
การุรุ รีบย้ำต่อทันทีแม้ว่า จะยังหัวทิ่มพื้นอยู่ก็ตาม
“ เฮ้ย~~~~พอได้แล้วโว้ยยยยย นี่มันเรื่อง SMN VR TAG Turn นะเฮ้ย!!!! ”
วาการุรุ……ตบมุขล่ะมั้ง~~~*
…………………………
“ อะแฮ่ม ถ้างั้นเข้าเรื่องเลยละกัน ”
เกร กระแอ่มไอเพื่อปรับบรรยากาศและน้ำเสียง โดยมีสายตาของ วาการุรุ ที่จ้องมาเหมือนกับ
จะบอกเป็นนัยๆ -แล้วใครกันล่ะที่ลากหัวข้อออกแปซิฟิกไปแล้วน่ะ
“ ถ้างั้น พาลุ การ์ดน่ะเอามาด้วยใช่ไหม ”
เกร ถาม พาลุ พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะดึงเอากระเป๋าคาดเอวรูปกระต่าย ของเธอขึ้นมา และหยิบเอา การ์ดผนึก
อย่างละใบแจกให้ วาการุรุ และ เทนโตะ การ์ดผนึกนั้นมีกรอบสีขาว ยังไม่มีภาพร่างอสูรใดๆปรากฏ
ขึ้นบนการ์ดมีเพียงแต่อักขระโบราณสีทองเท่านั้น
“ เท่านี้ทั้งสองคนก็ทำพันธะสัญญาเสร็จสิ้น สามารถก้าวไปสู่ขั้นที่สองแล้วนะ ”
พาลุ ยิ้มให้อย่างร่าเริงและรอดูปฏิกิริยา ของทั้งคู่ วาการุรุ ยังคงยืนพินิจพิเคราะห์การ์ดที่ได้รับอยู่นิ่งขณะที่
เทนโตะ เริ่มจะหยอกเล่นอีกครั้ง
“ นี่ๆตะกี้น่าจะพูดอย่างงี้นะ…มาทำสัญญากับฉันแล้วกลายเป็นผู้อยู่เหนือพระเจ้ากันเถอะ ” ( ◕ ‿‿ ◕ )
พาลุ อดกลั้นขำไม่ได้ กับการแกล้งตีหน้าตายและดัดเสียงสูงๆของ เทนโตะ
“ ยังจะไม่เลิกยิงมุขกันอีกเรอะ ”
วาการุรุ มองพร้อมทำท่าขยาดกับการเล่นไม่เลิกของพวกเขา และ พาลุ ,เทนโตะ กับการุรุ
ทั้งสามก็เริ่มที่จะหยอกกันเล่นอีกครั้ง หนนี้เขาเหนื่อยจะตามห้ามปรามแล้ว จึงตัดใจปล่อยให้เล่นสนุก
กันไปเสียเลย เพราะไหนๆก็ประชุมงานเสร็จสิ้นแล้ว
วาการุรุ แยกออกจากกลุ่มมาและมองดูการ์ดผนึกของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดที่พึ่งได้รับ จากนี้ไปที่เขาถืออยู่ในมือจะเป็นที่สถิตย์ของพลังอันยิ่งใหญ่ และอย่างน้อยที่สุดเพื่อให้รู้เกี่ยวกับมันมากขึ้น เขาคิดที่จะถาม เกร
วาการุรุ เดินเข้าไปทัก เกร อีกครั้ง
“ ช่วยสอนเกี่ยวกับพระเจ้าทีสิ… ”
เกร ส่ายหน้าก่อนจะปฏิเสธ
“ ไว้คราวหลังละกัน ตอนนี้ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน ตั้งแต่เมื่อคืนก็ไปเฝ้าเจ้าการุรุเลย เหนียวตัวไปหมดแล้ว ”
วาการุรุเกือบจะปล่อยให้เขาไปแล้วแต่ก็ทักขึ้นมาอีก
“ วันนี้เป็นอะไรไปน่ะ ดูนายหงุดหงิดอยู่นะทุกทีกับ พาลุ นายก็ไม่เคยเฉยชากับเธอขนาดนั้นเลยนี่ ”
“ รู้สึกไม่ค่อยดีเลย…..วันนี้น่ะ ”
คำตอบของเกร ทำให้เขาเลิกคิ้วอย่างฉงน
“ ลางสังหรณ์มันบอกแบบนั้น ”
………………………………………………………………..
……………………
เป็นยามบ่ายที่อบอวลด้วยไออุ่นจากแดด และความชื้นจากไอฝนที่พึ่งจะหยุดไป เสียงเอะอะเจี้ยวจ้าว
ดังอึกทึกไปทั้งโรงเรียนมนต์วิทยา เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่ แห่ลงจากอาคารเรียน ทั้งที่ตรงกลับบ้านเลยทันที
หรือแวะข้างทาง บ้างก็ลงไปที่สนามเพื่อเล่นบอลหรือ อื่นๆที่จะสรรหามาเล่นกันได้
ธนัท ลูเซีย และโคทาโร่ ทั้งสามเดินลงมาพร้อมกันและสถานทีที่พวกเขาทั้งสามมุ่งไปคือ ห้องชมรม SMN
ทันทีที่ประตูเลื่อนของชมรมแง้มบาน สายลมเย็นๆจากไอแอร์ในห้องก็โชยมา สภาพภายในห้องแทบจะว่างเปล่า
ไม่มีใครอื่นเลยนอกจา มาริน่า และองครักษ์ ที่วันนี้มากันไม่ครบทีม
ธนัท สังเกตุได้ถึงความผิดปกตินี้และถามขึ้นทันควัน
“ วันนี้อิสไม่มาด้วยเหรอ? ”
อันที่จริงนี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะมาถามแน่แรกแล้ว เพราะแม้แต่ในห้องเรียนอิส ก็ไม่ได้ไปเข้าเรียนด้วย
สององครักษ์ ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า มองหน้ากันอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปขอความเห็นจาก มาริน่า
เธอส่ายหัวเป็นนัยว่าไม่ต้องบอก
ธนัท เกาหัวอย่าง งงๆและฉงนกับท่าทีของทั้งสาม ปกติแล้วฟรานซิสก้า ถ้าเป็นคำสั่งของมาริน่า เป็นตายอย่างไร
เธอจะรับฟังอย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้ที่ใบหน้าของเธอฉายแววแห่งความกลัดกลุ้ม อย่างเห็นได้ชัด
แม้แต่ ไดสุเกะ ก็เป็นไปด้วย
พวกเขาไม่ตอบอะไรเลย ในที่สุด ธนัท จึงยอมตัดใจ ทุกคนกลับมาทำกิจวัตรตามปกติเว้นเสียแต่ โคทาโร่ ที่
สังเกตุเห็นมือของ ไดสุเกะ ทำท่าเหมือนจะส่งสัญญาณบางอย่างให้เขา
…………………………………………..
…………………
แสงดาราทอประกายค้างฟ้า จันทราประทับเหนือเมฆ เป็นเวลาเกือบ 3ทุ่ม ในห้องของ ธนัท
ลูเซีย เข้านอนไปก่อนแล้วที่ห้องในตู้เสื้อผ้าของเขา
ธนัท ใช้เวลาช่วงนี้ทุ่มเทให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำอะไรซํกอย่างกับสถานะของชมรมอาสาสมัคร
ที่เคยร่วมกันก่อตั้งและปิดตัวไปเกือบ 4 ปีแล้ว ข้อมูลเว็บไซด์ของชมรม เป็นสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่นอกจาก
แฟ้มรูปกิจกรรมที่พวกเขาไปตะลุยมา นับตั้งแต่ที่ชมรมถูกสั่งปิดเว็บของชมรมก็ปิดตัวตามไปด้วย
และไม่ได้อัพเดทอีกเลยทุกอย่างค้างเติ่งและหยุดนิ่งอยู่ในคอมพ์เครื่องนี้
นับตั้งแต่ เคียว หยุดเรียนไปผมกับ อิส เรากลับมาสนิทกันมากขึ้นเหมือนก่อนที่ชมรมจะปิดตัว
ในตอนนั้น ผม อิส และ ฟ้า เราสามคนสนิทกันที่สุดแล้ว ชุติการ แอน และ เคียว ตามมาหลัง
จากนั้น เมื่อ ฟ้า จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และชมรมปิดตัวลง ผม กับ อิส
เราสองคนเหมือนจะห่างไกลกันออกไปด้วย นั่นทำให้คนที่สนิทกับผมในเวลาต่อมา คือพวกเคียว
แต่พอเกิด ศึกสามเทพบรรพกาลแล้ว เรื่องของชมรมก็กลับมาวนเวียนอยู่ในหัวอีก บางทีอาจเป็นเพราะ
ผม กลับไปพูดคุยกับ อิส เหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาดูเปลี่ยนไปจากเดิม คิดว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะลูเซีย
ประธานมาริน่า ใช้ให้เธอไปทำอะไรบางอย่างในวันที่มีศึกกับสามเทพบรรพกาล
ที่จริงผมเองก็รู้สึกตะหงิดๆอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงจำหน้าญาติของตัวเองที่หน้าตาเหมือนกับหนึ่งในเพื่อน
สนิทไม่ได้ ทั้งที่มันควรจะเป็นสิ่งน่าแปลกใจเป็นอันดับต้นๆด้วยซ้ำ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นในช่วงนั้นล่ะมั้ง แต่พอมาลองคิดดูตอนนี้แล้ว
มีหลายเรื่องที่ไม่มีคำอธิบายเลย เรื่อง ลูเซีย ก็เรื่องหนึ่งแล้ว นี่ยังมีเพื่อนเก่าของพี่ศรีอย่าง เกร
อีก หมอนั่นควบคุมอสูรเทพได้...แถมยัง 3 ตนพร้อมกันเวลาเดียวอีก ถ้าคิดกันตามหลักความจริงแล้ว
เกร ควรจะเป็นนักร่ายอสูรที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในโลกแน่ เพราะระดับ Summoner Master ก็ใช่ว่าจะควบคุมอสูรเทพได้
เท่าที่รู้มาจากเรื่องของ ชุติ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีเพียง Angel ที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่จะควบคุมอสูรเทพได้
แต่ก็อีกนั่นแหละแล้วตัวผมล่ะ ไม่ได้เป็น Angel หรืออะไรพวกนั้นเลยไม่เคยรู้มาก่อนด้วย
ว่าตัวเองจะควบคุมเทพได้ แต่ผมก็ใช้ไปทั้ง อาแมนคริส แล้วก็ แกรนเดครอส ของ ชุติ
เพราะเรื่องของ ลูเซีย เลยทำให้ต้องค้นเอาข้อมูลสมาชิกของพวกเราจากเว็บที่เก็บไว้มาเปิดดู
แต่นี่ก็ทำมาได้ สามวันแล้ว ยังไม่เจออะไรที่พอจะเป็นเบาะแสได้เลย ที่จริงมันควรจะมีอยู่
ในนี้แหละแต่เบาะแสที่ผมค้นได้ก็มีแต่ แฟ้มข้อมูลของตัวเอง กับ ของ อิส เท่านั้น
ส่วนของฟ้ามันถูกเข้ารหัสไว้ ซึ่งในส่วนนี้นอกจากข้อมูลประวัติของเธอแล้วยัง
มีเอกสารดำเนินการของชมรมแล้วก็จิปาถะอื่นๆที่สำคัญมากมายรวมเก็บไว้อีก
น่าเสียดายที่ผมเปิดมันไม่ได้ซักที ระบบฐานข้อมูลเป็นอย่างเดียว ฟ้า พัฒนาขึ้นในช่วงนั้น
ส่วนตัวผมจะเป็นคนจัดการระบบเน็ตเวิร์คและเครือข่ายภายนอก โดยคนที่ติดต่อกับภายนอกจะเป็น พี่ริน อีกทีหนึ่ง
ระหว่างที่กำลังคิดไปเพลินๆอยู่นี้เอง ประตูห้องข้างหลังก็ออก โคทาโร่ สวมเพียงบ็อกเซอร์สีฟ้า แล้วใช้ผ้าขนหนูผ้าบ่าไว้
หมอนี่พึ่งกลับขึ้นมาจากอาบน้ำ
“ นั่งทำเว็บอะไรนั่นอีกแล้วเหรอ? ”
โคทาโร่ ถามพร้อมกับชะเง้อมองจอมอนิเตอร์ข้าม หัว ธนัท
“ ก็มันเหลือแค่อย่างเดียวที่ยังถอดรหัสไม่ออกซะทีน่ะสิ ให้ตายเถอะฟ้าใช้อะไรเป็นรหัสวะเนี่ย ”
ธนัท สบถหลังจากพยายามมาเป็นร้อยๆครั้งแล้ว ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ยังไม่ถูกแกะออก
และเขาเริ่มหมดอารมณ์ที่จะทำมันต่อ
/Idiot!, Are you son of a bitch!/ (เจ้างั่ง ,แกเป็นไอ้หมาขี้แพ้รึไงกัน)
คอรัส บินจากขื่อเพดานห้องลงมาเกาะ บนหัวธนัท ก่อนจะก้มหัวลงต่ำและจิกด้วยจะงอยปาก
แข็งๆ สองสามที
“ มันเจ็บนะคอรัส!! ”
ธนัท ตะคอกและเตรียมจะคว้ามันด้วยมือ แต่นกเหล็กเจ้าเล่ห์ตัวนี้ ไม่ยอมเสียท่าง่ายขนาดนั้น
ทันทีก่อนที่มือของเขา จะแตะสัมผัส ปีกโลหะก็ขยับขึ้นลง ส่งเสียงก๊องแก๊งเหมือนมีเหล็กกระทบกันอยู่ข้างใน
และหาใช่เพราะการกระพือปีกโลหะแผ่นบางๆที่ช่วยยกตัวมันขึ้นแต่เป็น ผงละอองแสงสีเขียว
ที่โปรยกระจายออกจากการกระพือปีก ช่วย ยกร่างของมันลอยขึ้นในอากาศ คอรัส บินหลบ
ทันอย่างหวุดหวิด ทิ้งให้ ธนัท จ้องมันด้วยสายตาเคืองๆ
มีเสียงดังมาจากประตูตู้เสื้อผ้า พวกเขาหยุดและหันไปยังทิศทางของเสียง
“ พวกนายเงียบๆกันหน่อยได้ไหม ฉันนอนไม่หลับนะ ฮ้าว~~ ”
ลูเซีย เปิดปากหาวหวอด ด้วยความงัวเงีย
“ ขอโทษ…พอดีเจ้าคอรัสมันกวนประสาทน่ะ ”
ธนัท พูดแล้วชี้ไปที่ เจ้านกเหล็ก ด้วยความโมโหที่ถูกโยนความผิดมา คอรัส จัดให้ตามต้องการอีกหน
มันโฉบลงจิกหัวของ ธนัท อย่างไร้ปราณี จน ธนัท ต้องยกมือขึ้นป้องหัวไว้
ลูเซีย มองทั้งคู่เหมือนเด็กๆ เธอคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจ และจะถอนตัวกลับไปนอนต่อ
แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับจอมอนิเตอร์ เธอหยุดตัวไว้และหันกลับไปมอง เพ่งสายตา
ไปที่มอนิเตอร์ อย่างสนอกสนใจ เธอขมวดคิ้วนิ่วหน้า เสียจน ธนัท และ โคทาโร่ มองเธอด้วยสายตาประหลาดๆ
“ เครื่องหมายบนจอนั่นมัน…ของอะไรอ่ะ? ”
ลูเซีย ถามพร้อมกับชี้ไปที่จอมอนิเตอร์ ซึ่งตอนนี้บนจอฉายภาพตราสัญลักษณ์ พระแม่กับกางเขนซึ่งเป็นสัญลักณ์
ของครอสมาเรีย หรือชื่อของชมรมอาสาสมัครนั่นเอง
“ สัญลักณ์… ” ธนัท นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ อ๋อไอ้นี่น่ะเหรอ ตราประจำชมรม ครอสมาเรีย น่ะ ”
“ ไอ้นี่มันเหมือนกับที่ติดอยู่บนแผ่นข้อมูลที่ อิส เคยให้ฉันมาด้วยนี่ ”
ลูเซีย เปรยพลางนึกไปถึงตอนที่ได้รับแผ่นข้อมูลจากอิส ในวันงานอาหารนานชาติ หลังเสร็จจากการแข่งทำอาหาร
อิส ได้มอบ แผ่นข้อมูลที่มีตรานี้อยู่และบนแผ่นมีชื่อเขียนไวชื่อนั้นคือ ฟ้า
ลูเซีย พินิจอยู่นานก่อนจะแวบกลับเข้าห้องของเธอและกลับออกมาอีกครั้งพร้อมแผ่นข้อมูลที่ว่า
ส่งให้กับ ธนัท นัยน์ตาเบิกกว้างเขามอง หน้าเธอด้วยความประหลาดใจ
“ นี่มันชิพข้อมูลของ ฟ้านี่นา เธอไปเอามาจากไหนกัน ”
ธนัท ถามอย่างมั่นใจนี่คือแผ่นข้อมูลของ ฟ้า ไม่ผิดแน่นอนและบางทีมันอาจจะมี รหัสสำหรับเข้า
ข้อมูลของเธออยู่
“ อิส ให้ฉันตอนที่เราแข่งทำอาหารกันน่ะนะ แล้วเค้าก็บอกว่าจะกลับไปที่ อัลวิส(Alvis) หรืออะไรด้วยนี่แหละ ”
“ อัลวิส เหรอ….แล้วจะไปที่นั่นทำไมกัน? ”
ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ ธนัท ก็หาเหตุผลที่ อิส จะไปที่ อัลวิส อีก ไม่ได้เลย สำหรับ อิส แล้ว
ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ชวนให้นึกถึงความหลังที่โหดร้าย จากการสูญสเย ฟ้า ไปแล้วอะไรทำให้เขาต้องกลับไปอีกกันล่ะ
“ ที่ยัยม้าดีดกะโหลกนั่นพูดคงจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ แทรกทั้งสองหันไป โดยเฉพาะ ลูเซีย หันมาส่งสายตาขุ่นเคืองที่ถูกเรียกว่า ม้าดีดกะโหลก
แต่ โคทาโร่ ไม่ได้ใส่ใจใยดีด้วย เขากำลังอ่านข้อความจากจอโฮโลแกรมที่ฉายด้วย มาราคัส Note รูปจี้ห้อยคอ
ที่ถืออยู่ในมือ
“ ตอนบ่ายที่เราไปชมรมกันน่ะ เจ้าไดสุเกะ มันส่งสัญญาณบอกว่าจะ เมลล์มาในนี้มันเขียนบอกว่า อิส โดนคุมตัวไปเป็นพยานทำแผนสืบสวน ที่อัลวิส เพราะมีพวกที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีที่ อิส ไปพัวพันมากำลังโดนตามตัวอยู่ ”
โคทาโร่ อธิบายสิ่งที่เขาอ่านมาจากเมล ธนัท มีสายตาเป็นกังวลขึ้นมาทันทีพอๆกับ ลูเซีย ที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะสับสนกับ
เนื้อหาว่ากันตามตรงเธอเองก็แทบจะไม่รู้เรื่องคดีของฟ้า แล้วก็ชมรมครอสมาเรีย นั่นเลย
“ แต่ว่าถ้ามีตำรวจคุ้มกันอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ ”
ธนัท ทำใจดีสู้เสือ อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากให้เรื่องมันดูเลวร้ายลงไปยิ่งกว่านี้ แต่การมองโลกในแง่ดีของ ธนัท
ดูจะเป็นการปลอบใจตัวเองเกินไป เมื่อ โคทาโร่ ส่ายหน้าก่อนจะบอกเนื้อความส่วนที่เหลือซึ่งยังไม่ได้พูดออกไป
“ ช่วงเที่ยงวันมีโทรศัพท์ ถึงประธาน ว่ากลุ่มที่ไปทำแผนสืบสวนกับ อิส หายไปยกกลุ่มเลย ในนี้ยังเขียนบอกมาด้วยว่า
พวกตำรวจบางส่วนอาจจะเป็นพวกของฝ่ายที่เคยก่อคดีก็ได้ รู้สึกว่าพอประธานรู้เรื่องแล้ว ก็เตรียมจะตามลงไปด้วย
แต่มีคำสั่งจากกระทรวงให้พวก มาสเตอร์ซีรีโมเน่ ประจำการอยู่ที่เมืองนี้ และไม่ให้ลงไปสมทบเพิ่มอีก ”
ธนัท มีสีหน้าเศร้าสลดขึ้นมา พอๆกับที่ ลูเซีย ฉายความกังวลในแววตา
“ พวก ประธานก็คงลำบากเหมือนกันสินะ ”
ลูเซีย ถามโดยคาดการ์ณ จากเนื้อหาที่ฟังมา โคทาโร่ พยักหน้าตอบ ทั้งสามเงียบกันไปพักใหญ่
ก่อนที่ ธนัท จะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขา รับเอาแผ่นข้อมูลของ ฟ้า จากลูเซีย ไปเปิดในคอมพิวเตอร์ ทันที
ธนัท ใช้เวลาอยู่สองสามนาที ก่อนจะรีบร้อนลุกออกจากห้องไป
………………………………………………………………………………….
………………………………………………………
ภายในห้องนอนของ ริน(มะลิลี จงกลาง) สาววัยรุ่นอย่างเธอกลับทำหน้าซังกะตาย เท้าคางบนโต๊ะอ่านหนังสือ
สายตาของเธอเหม่อมองรูปถ่ายในกรอบรูปที่วางข้างโต๊ะ มันเป็นรูปถ่ายรวมของสมาชิกมาสเตอร์ซีรีโมเน่
ตอนรับตำแหน่งพร้อมกัน ซึ่งมี เกร รวมอยู่ด้วย ความหลังอันแสนสุข ราวกับจะไหลเทออกจากภาพ
รูปถ่ายนี้เป็นอย่างเดียวที่ยังตราตรึงสายสัมพันธ์ของกลุ่มเอาไว้
ปัง ปัง ปัง!!! “ พี่ริน ตื่นอยู่รึเปล่า เปิดประตูหน่อย ”
เสียงเคาะประตูดึงเธออกจากห้วงภวังค์ หญิงสาวลุกจากโต๊ะไปเปิดประตู น้องชายของเธอ
วิ่งหน้าตื่นมาจนเธอ อดเป็นห่วงไม่ได้
“ พี่ ช่วยอะไรผมหน่อยสิ ”
ธนัท พูดขึ้นเช่นนั้นก่อนจะเริ่มอธิบาย ความจำเป็นและแผนการณ์ของเขาให้เธอรับฟัง ในคืนนั้น
…………………………………………………………………………..
……………………………
ที่ห้องชมรม SMN ในบ่ายวันถัดมา
ธนัท โคทาโร่ และ ลูเซีย ทั้งสามยืนเผชิญหน้า กับประธานมาริน่าพร้อมองครักษ์ที่เหลือในห้องชมรม
บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดและชวนอึดอัด เพียงแค่เพราะการจ้องตาระหว่าง ประธานสุดโฉด กับ ธนัท
บรรดาสมาชิกในชมรมทั้งชายหญิง รุ่นพี่รุ่นน้อง พากันขยาดกลัวและหลีกลี้กันออกจากห้องชมรม
จนเหลือแค่พวกเขา หกคน
“ เพราะงั้นริน ก็เลยให้แกเอาหนังสืออนุญาตินั่นมาหาฉันสินะ ”
ภาพของ ธนัท กำลังส่งสายตาอ้อนวอน สะท้อนอยู่ในแววตา มาริน่า เช่นเดียวกับความขุ่นเคืองที่ฉายในแววตาของ
เธอด้วย หนังสือรับรองที่ ธนัท เอามายื่นให้นั้นเป็นเป็นเอกสารอนุญาต ให้หน่วยงานอาสาสมัครลงพื้นที่ ในเขตอัลวิส ได้
โดยการลงนามยอมรับ จาก มาสเตอร์ซีรีโมเน่ 3 คนเป็นอย่างน้อย
“ ก่อนอื่นเลยนะเจ้าหนู นี่ไม่ใช่เรื่องที่แกควรจะมายุ่งด้วยซ้ำไป อิส เป็นคนในความรับผิดชอบของฉันไม่ต้องแส่หาเรื่องให้ตัวเองเลยหรือแกคิดว่าฉันไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือลูกน้องตัวเองได้กันล่ะ ”
มาริน่า ขึ้นเสียงตะคอก การกระทำของ ธนัท ในสายตาเธอนั้นเหมือนเป็นการดูถูกเธอ ทางอ้อม
เพราะคำสั่งประจำการทำให้ เธอ หรือแม้แต่ มาสเตอร์ซีรีโมเน่ คนอื่นเคลื่อนไหวไม่ได้เลยในเวลาเช่นนี้
นี่เป็นสิ่งที่น่าตระหนักว่า รัฐบาลกำลังให้ท้ายพวกโจรก่อการร้าย
“ ประธาน…ไม่สิ พี่มาริน่า คิดแบบนั้นเหรอครับ ”
ธนัท พูดเสียงเรียบ ท่าทีแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง
“ อิส เป็นเพื่อนของเรา ความรู้สึกที่อยากจะช่วยมันก็เป็นเรื่องธรรม…. ” –ธรรมดา คำพูดที่เหลือของธนัท
ถูกกลืนลงไปในลำคอหมดแล้ว เพียงเพราะสายตาคมเกล้าจ้องมาที่เขา นับเป็นปีแล้วที่เขารู้จัก
ประธานมาริน่า ตลอดมาเขาถูกเธอเหยียดและโมโหบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่เคยถึงกับจ้องเขาด้วยสายตาแบบนี้
มันเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเขาเป็นศัตรูยังไงยังงั้น
“ ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจสินะ… ”
มาริน่า เปรยเธอหลับตาลงเพื่อปรับอารมณ์ที่จะอธิบายรายละเอียดสถานการณ์ให้ธนัท เมื่อเธอลืมตา
จึงเริ่มพูดกับเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
“ ไอ้ความรู้สึกอยากจะช่วยเพื่อนนั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เห็นด้วยแต่เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่เด็กแบบพวกแกจะ
เข้ามายุ่งได้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่พวกโจรก่อการร้ายเท่านั้น แต่ฝ่ายรัฐบาลเองก็อาจจะให้การสนับสนุนพวกมันอยู่
รู้รึเปล่าว่าทำไม อิส ถึงถูกเรียกตัวไป.. ”
ธนัท ส่ายหน้าตัวเขาก็อยากจะรู้สาเหตุที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจากปากของ มาริน่า เช่นกัน
“ เพราะเจ้านั่นถือเป็นทั้งพยานและหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่ยังไงล่ะ ถ้าหากมีการตรวจสอบขึ้นมา อิส จะกลายเป็น
กุญแจที่ไขประตูซึ่งเชื่อมจากกลุ่มก่อการร้ายไปจนถึง พวกที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาล เท่านี้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแค่ว่า นักเรียนคนหนึ่ง
ประสบอุบัติเหตุหายไปกับเจ้าหน้าที่ธรรมดาๆเทือกนั้นแล้ว แต่มันเป็นสงครามการเมือง… ”
ก่อนที่เธอจะทันพูดตัดพ้อต่อจนจบ ธนัท ก็ขึ้นเสียงแทรกเข้ามา
“ แล้วยังไงกันล่ะครับ…จะสงคราม…จะการเมือง นั่นน่ะเป็นเรื่องที่พวกผู้ใหญ่ก่อกันขึ้นมาเองไม่ใช่หรือไงครับ
มันไม่เกี่ยวกับที่พวกเราจะไปช่วยเพื่อนหรอก ถ้าจะบอกว่านี่เป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่เป็นคนก่อแล้วจะไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่ง
งั้นเหรอ แล้วพวกนั้นล่ะทำอะไรกันบ้าง ถ้าจะเอาเรื่องผู้ใหญ่หรือเด็กมากีดกัน กันล่ะก็ การที่เราจะไปช่วยเพื่อนก็เป็นเรื่องของเด็กเหมือนกัน ผู้ใหญ่ก็อย่ามาขวางซะดีกว่า ”
มาริน่า มีสีหน้าอึ้งระคนประหลาดใจ ไปกับปฏิกริยาโต้ตอบของ ธนัท ที่ดูจะไม่ลดราวาศอกแก่เธออีกแล้ว
“ นี่! เจ้าหนู…ชักจะปากดีเกินไปแล้วนะ ฉันห้ามเพราะเป็นห่วง… ”
มาริน่า หวังจะให้เขารู้ตัวเสียทีว่ากำลังปีนเกลียว เธออยู่
“ แล้วอิสล่ะ….พี่มาริน่า ไม่เป็นห่วงเค้าด้วยรึไงกัน! ”
ธนัท ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น สำหรับเขาแล้วคำพูดของมาริน่า ก็เป็นเหมือนคำแก้ตัว
“ อึก… ”
จนถึงตอนนี้ มาริน่า ยังต้องถึงกับสะอึก ไม่ใช่ว่าเธอเถียงสู้ไม่ได้แต่เป็นแววตาของ ธนัท ที่กำลังจ้องมาที่เธอ
มันมีทั้งความคาดหวังและความมุ่งมั่น อันเหลือล้น จนยากที่เธอจะปฏิเสธ ทั้งคู่เงียบเสียงลงไป ความเงียบส่งให้บรรยากาศ
ชวนอึดอัดและตึงเครียดมากขึ้น
{เหมือนกันมากแววตาแบบนี้ เหมือนกับ ศรี ที่พยายามจะช่วย เกร เมื่อ 3 ปีก่อน ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แท้ๆ
บางทีเจ้าหนูอาจจะได้รับอิทธฺพลและซึมซับนิสัย มาจากเจ้านั่น ก็ได้}
ในความคิดของ มาริน่า สถานการณ์นี้ชวนให้หวนนึกถึง เหตุการณ์เดียวกันกับที่ เกร เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ในตอนนั้น ศรี ก็มองเธอด้วยสายตาเช่นนี้
“ ถึงงั้นก็เหอะ ต่อให้ฉันลงนามรับรองในหนังสือนี่ แต่มันก็ยังขาดไปอีกคน ทำไมไม่ให้ ศรี ลงนามรับรองมาด้วยซะ
ก่อนล่ะ ”
มาริน่า เปลี่ยนอิริยาบถ ใหม่และหันมาถามเรื่องหนังสือรับรองแทน จากที่เธออ่านมันดูแล้ว
นามรับรองยังพึ่งมีตราประทับนามเพียงตราเดียว คือชื่อของ ริน
“ เอ่อ….เรื่องนั้น ”
ธนัท หันหน้ากลับไปเพื่อจะขอความ่วยเหลือจากเพื่อนทั้งสอง ทว่าพวกเขาก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ เหมือนไม่รู้จะช่วยอะไรได้
…………………………
กลับไปเมื่อคืน หลังจาก ธนัท อธิบายแผนการณ์ทั้งหมดให้ พี่สาวของตนฟังแล้ว
“ สรุปก็คือเพื่อจะลงไปที่อัลวิส ก็เลยจะฟื้นชมรมครอสมาเรีย ขึ้นมาแล้วทำเรื่องลงพื่นที่ อย่างนี้ใช่ไหม ”
ริน สรุปอย่าที่เธอเข้าใจ ธนัท ยิ้มรับก่อนพยักหน้า เธอใช้เวลาสองสามนาที คิดก่อนจะลุกไปที่โต๊ะ
เปิดลิ้นชักและความหาบางสิ่ง
ครู่ต่อมาเธอกลับมาพร้อม เอกสารที่เป็นหนังสือรับรอง เธอส่งมันให้เขาพร้อมกับเริ่มอธิบาย
“ นี่คือหนังสือรับรองให้องค์กรหรือสังกัดใดๆสามารถลงพื้นที่หวงห้ามหรือเขตที่มีการเฝ้าระวังได้แต่จะมีผลบังคับก็ต่อเมื่อ
อธิการบดี ลงนามประทับตราหรือเป็นมาสเตอร์ซีรีโมเน่ 3 คนเป็นอย่างต่ำ ”
“ ดีล่ะเท่านี้ก็รอเอาไปให้พี่ศรี ลงนามอีกคนแล้วพรุ่งนี้ก็ให้ประธานช่วยก็ครบแล้วสินะ ”
ธนัท เปรยด้วยความยินดี สีหน้าดูมีความหวังของเขาทำให้ ริน กระอักกระอ่วนที่จะพูดออกไป
ว่า ศรี ไม่สามารถลงนามประทับให้เขาได้
“ เอ่อ…ธนัท พี่ศรี น่ะยังไม่กลับมาหรอก ”
ความฉงน งงงวยปรากฏขึ้นบนสีหน้าของ ธนัท จริงหรือที่ดึกป่านนี้แล้ว พี่ชายคนโต จะยังไม่กลับมาอีก
แม้ว่าจะมีบ้างเป็นบางครั้งที่ ศรี จะกลับดึกมากเพราะมีงานของ มาสเตอร์ซีรีโมเน่ ที่ต้องทำในฐานะหัวหน้าของกลุ่มก็ตาม
“ เมื่อเช้าพี่เขาลาหยุดที่โรงเรียนแล้วก็ออกเดินทางไปแล้วน่ะ เห็นว่ามีธุระสำคัญอะไรนี่แหละ ”
…………
“ อ๋อ…เพราะงั้นถึงได้เอามาให้ฉันทั้งที่มีแค่ของ ริน เนี่ยนะ ”
มาริน่า มองโดยเหล่สายตา อย่างเซงๆ
“ แหะๆ.. ”
ธนัท ยิ้มแห้งๆให้เธอ อย่างศิโรลาภไร้ข้อโต้แย้ง
“ ถ้างั้นก็คงไม่ได้แล้วล่ะ… ”
มาริน่า เปรย
“ หา! ทำไมล่ะครับ!! ”
ธนัท อุทานเสียงดัง
“ ก็ตอนนี้น่ะนอกจากฉันกับ ริน แล้ว ก็เหลือแค่ คิระ ที่หายตัวไปด้วยเหมือนกัน ”
“ ถ..ถ้าอย่างนั้นรุ่นพี่ภูเขาตาตี่ นั่นล่ะก็น่าจะลงนามได้เหมือนกัน ”
โคทาโร่เสนออย่างมีหวัง
“ ภูเขาน่ะไม่อยู่ที่นี่หรอก เจ้านั่นโดนเรียกตัวลงไปที่อัลวิส ตั้งกะสัปดาห์ที่แล้ว แล้ว ”
พวกเขา ไหล่ห่อคอตกอย่างสิ้นหวัง กับคำตอบของ เธอ
“ ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่ว่าในเมื่อมันไม่มีหนทางมันก็คือไม่มีนั่นล่ะ ”
“ เดี๋ยวก่อนนะ! ถ้าเราหามาได้อีกคนล่ะก็ ประธานจะยอมลงนามใช่ไหม ”
โคทาโร่ ยังไม่ยอมหมดหวังง่ายๆ เขานึกอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้การลงนามนี้สำเร็จไปด้วยดี
แม้ว่าจะฟังดูเป็นเรื่องหวังลมๆแร้งๆ ในสายตาของ มาริน่า แต่เธอก็ให้โอกาศลอง
“ …ก็ได้แต่ถึงจะทำได้ ก่อนอื่นพวกแกต้องมีชมรมหรือสังกัดก่อน หลังจากนั้นถึงจะทำเรื่องอนุญาติได้ ”
มาริน่าหันไปพูดกับ ธนัท ต่อ
“ เจ้าหนูแกคิดจะฟื้นฟูชมรมครอสมาเรีย ขึ้นมาใช้เป็นสังกัดในการเดินทางใช่ไหม ถ้างั้นรีบไปติดต่อ ผ.อ. ซะ ”
“ ผมไปมาเรียบร้อยตั้งแต่พักเที่ยงแล้วล่ะ ”
ธนัท ตอบพร้อมกับ ยื่นแขนออกให้ คอรัส บินลงมาเกาะ และฉายจอภาพโฮโลแกรมขึ้น
บนจอโฮโลแกรม คือหน้าเว็บไซด์ของ โรงเรียนซึ่งตอนนี้มีหัวข้อการฟื้นฟูชมรมครอสมาเรีย
ขึ้นอยู่ มาริน่า มองมันอย่างถี่ถ้วนก่อนจะถามคำถามต่อ
“ งั้นเหรอ เงื่อนไขการฟื้นชมรมล่ะ ”
“ เอ่อ..ต้องมีนักเรียนเห็นด้วย หนึ่งพันคนขึ้นไป และมีสมาชิกสังกัด 10 คนเป็นอย่างน้อย ”
ธนัท อธิบาย
“ เรื่องสมาชิกเราจัดการเรียบร้อยไปแล้ว เพราะพวกนักเรียนแลกเปลี่ยน สี่คนกับพวกที่มาจาก ดูเอลอาคาเดมี่อีกสองคน
นั่นก็ตกลงจะช่วยด้วย ”
ลูเซีย รายงานจากกระดาษจดรายละเอียดสิ่งที่ทำลงไปแล้ว
“ รวมพวก แอน กับ ชุติการด้วยก็เป็น สิบเอ็ดสินะ งั้นเรื่องคนที่เห็นด้วยล่ะ ”
มาริน่า ใช้สมองคิดคำนวณอยู่ สองสามวินาที ก่อนจะไปคำถามต่อไป
“ ให้พวกที่จะเป็นสมาชิกกด ยอมรับในเว็บโรงเรียนแล้ว รวมกับที่ประกาศให้พวกในห้องเรียนช่วยกันไปตอนนี้ก็มีรวม 30
คน ”
ธนัท ใช้นิ้วจิ้มลงไปบนจอดฮโลแกรมตรงหัวข้อ การฟื้นชมรมหน้าต่างเว็บ ถูกเปลี่ยนไปเป็นอีกหน้า
ซึ่งโชว์รายละเอียด การขอฟื้นชมรมและความจำเป็นต่างๆไปจนถึงยอดผู้เห็นด้วย ที่ขึ้นไป 30 คนแล้ว
“ ยังเหลืออีกตั้ง 970 คนเลยไม่ใช่เหรือนั่น ”
มาริน่า พูดทำท่าไม่ต่างจากแบกภาระแทนพวกเขาอยู่เลย
“ เดี๋ยวพวกเราจะออกไปรวบรวมมาให้ครบให้ได้แน่นอนครับ ถ้ามีเวลาซัก สองวัน… ”
ธนัท รีบแก้ต่างทันที
“ ถ้าสองวันก็ไม่ได้หรอกนะ จะยื่นเรื่องต้องภายในพรุ่งนี้เช้า แล้วพรุ่งนี้ก็วันศุกร์พวกแกมีเรียนไม่ใช่เหรองั้นก็ต้องเสร็จภายในเย็นวันนี้เลย เพราะ อาจารย์ ผ.อ. จะกลับตอน หกโมงเย็น ”
มาริน่า ตอบอย่างสิ้นหวัง เธอรู้สึกเครียดจนใช้มือก่ายหน้าผาก
“ เดี๋ยวสิแล้วทำไมจะต้องยื่นเรื่องภายในพรุ่งนี้ด้วยล่ะ? ”
หัวใจของ ธนัท เสียขวัญในทันที อย่างคาดไม่ถึงว่ากำหนดการณ์จะเร็วเช่นนี้
“ มีคำสั่งประชุมรวมพลจาก รอยัลไนท์ ทั้งประธานแล้วก็คุณริน จะต้องๆปร่วมด้วยในบ่ายวันพรุ่งนี้น่ะ ”
ไดสุเกะ อธิบาย
“ ก็ถ้าทำเรื่องอนุมัติเสร็จในวันนี้ พรุ่งตอนไปประชุมสามารถยื่นอนุมัติได้เลยไงแล้วหลังจากนั้นผ่านไม่ผ่านก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว เพราะคนที่ไปร่วมประชุมก็คงมีแต่คนที่ลงนามได้นั่นล่ะ ในเมื่อพวกตัวผู้หายหัวกันหมดแบบนี้น่ะ ”
ประธานมาริน่า สรุปอย่างง่ายๆ ตอนนี้ ธนัท และ พรรคพวกมีงานใหญ่รออยู่ล้นมือ
………………………………….
ธนัท และ ลูเซีย ทั้งคู่สาวท้าวเดินอย่างเร่งรีบบนถนน โล่งๆอันคดเคี้ยวในโรงเรียน ระหว่างนั้นก็สรุปแผนสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดไปด้วย
“ สรุปแล้วเรามีเงื่อนไขสองอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ อย่างแรกก็คือหามาสเตอร์ซีรีโมเน่ อีกคนมาลงนามให้ได้
อันนี้ โคทาโร่ รับหน้าที่ไปจัดการแล้วก็เหลือแต่ต้องหาคนเห็นด้วยกับการฟื้นชมรมเท่านั้นล่ะนะ ”
ธนัท พูดระหว่างนี้สายตาของเขาก็คอยสอดส่าย แยกแยะเพื่อนที่รู้จักจากบรรดานักเรียนที่ กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโรงเรียน
เพื่อให้ช่วยรับรองอนุมัติการฟื้นชมรม
“ ตอนนี้พวก แอน กับ ชุติ กำลังไปหาคนอยู่ส่วนพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนก็แยกย้ายกันไปชวนเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ ”
ลูเซีย สรุปรายงานทั้งหมดจากการติดต่อผ่าน ไมค์ Noteของเธอ และจดททั้งหมดลงในกระดาษบันทึก
“ ถ้างั้น ลูเซีย เธอเองก็เพิ่งจะย้ายมาเข้าเรียนปีนี้เหมือนกันช่วยไปเป็นคนกลางให้ ผ.อ. หน่อยนะท่านจะได้ไม่กลับ
ก่อนเวลา ”
ธนัท ไหว้วานเธอเสร็จแล้ว ลูเซียจึงรีบเดินจากออกไปยังอาคารที่ห้องผ.อ.ตั้งอยู่ ส่วนตัวเขาแยกออกไปหา
กลุ่มนักเรียนชายที่กำลังเตะฟุตบอลกันอยู่ เพื่อขอให้ยอมรับการฟื้นชมรม
“ ทีนี้ก็หวังว่า โคทาโร่ จะทำได้นะว่าแต่จะเอาไปให้ใครล่ะนั่น คงไม่ใช่ว่าออกไปตามหารุ่นพี่คิระหรอกมั้ง
ที่จริงเราเองก็ลองโทรเข้า Note พี่ศรีมาตั้งกะเมื่อกี้แล้ว แต่ไม่ยอมรับสายเลยแหะ ”
ธนัท พึมพำกับตัวเองขณะที่ คอรัส ซึ่งเกาะอยู่บนหัวยังคง ส่งสายเรียกออกไปที่ ศรี อยู่ตลอด
……………………….
อีกด้าน โคทาโร่ ซึ่งแยกออกมาก่อนพร้อมกับ หนังสือรับรอง เดินทางมายังย่านการค้าด้วยสถานีวาร์ปเกท
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจาก สถานี เขาก็ได้ลงมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน แออัดในย่านการค้าสองฝั่งเป็นห้องแถว
และอาคารสูงห่างไปจากไม่ไกลนัก เป็นสี่แยกซึ่งพลุกพล่านไปด้วยรถติดแน่นขนัด
โคทาโร่ ต้องแทรกตัวผ่านไปตามช่องว่างของฝูงชนที่เดินสวนกันมา เนื่องด้วยเป็นช่วงที่เกือบจะเย็นแล้ว
บนทางเท้าจึงมีคนเดินสวนมามากกว่า เพราะทิศที่เขาจากมาคือสถานีวาร์ปเกท ซึ่งเป็นทางกลับบ้านของ
คนส่วนใหญ่
ครั้นเมื่อผ่านออกจากย่านการค้าจำนวนผู้คนบนท้องถนนและทางเท้าก็ลดลงไป จนแทบจะไม่มีให้เห็น สองข้างทาง
ไม่ใช่ห้องแถวหรือตึกอาคารอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่ว่างที่ยังไม่มีการก่อสร้างหรือบ้างก็มีโครงอาคารมาตั้งให้เห็น
ที่ๆ เขามุ่งไปคือ อาคารหลังใหญ่บนสวนล้อมรอบด้วยรั้วกินพื้นที่ราวๆ สิบตารางวาจากประตูรั้ว
มีทางเดินพื้นปูน ทอดตัวไปบนสนามหญ้าถึงประตูทางเข้าอาคาร ข้างๆนั้นมีเรือนกระจกใหญ่อยู่อีกหลัง
ภายในเป็นสระน้ำ
ป้ายชื่อ “ X-Sport Club ” สีแดงสดตั้งเด่นเป็นสง่า เหนือ อาคารกลาง
โคทาโร่ หอบหายใจแรง ขะณทอดสายตามองดูคลับจาก รั้ว
“ ถ…แฮ่ก..ถึงซะที ”
โดยไม่รอช้า โคทาโร่ เปิดประตูรั้วที่สูงท่วมหัวเขาออกแล้วเดินไปบนทางเดินพื้นปูนตรงสู่ประตูกระจกเลื่อน
ป้ายกระดาษที่แขวนอยู่กับคันจับประตูด้านสามารถมองเห็นจากข้างนอกผ่านทางกระจกได้
ข้อความบนป้ายนั้น ทำให้ เขาต้องสะดุดชะงักฝีเท้า ข้อความนั้นเขียนว่า “ Close ”
“ ปิดเหรอเนี่ย? ”
โคทาโร่ พึมพำกับตัวเองถึงอย่างนั้น ตัวเขาก็ได้เดินหน้าต่อไปจนมาหยุดอยู่หน้าประตูแล้ว
ด้วยความหวังที่ยังมีอยู่ เขา ใช้มือจับคันจับประตูแล้วเลื่อนมันออก ประตูไม่ได้ถูกล็อคไว้
นั่นทำให้ชื้นใจขึ้นมาบ้าง เพราะนี่ยังมีความเป็นไปได้ว่า จะยังมีคนอยู่ข้างใน ซึ่งเขาคนนั้นจะสามารถลง
นามประทับตราในหนังสือรับรองนี้ได้ มาสเตอร์ซีรีโมเน่ อันดับที่ 6 เกร กีก้าเสลฟ
โคทาโร่ ก้าวเท้าผ่านประตูเข้ามายังล็อบบี้ของคลับ ภายในล็อบบี้มืดเกือบจะสนิท ดวงไฟทุกดวงปิดอยู่
มีเพียงแสงแดด ที่เกือบจะริบหรี่แล้วเท่านั้นที่พอจะช่วยให้มองเห็น
ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว หลังจากสอดส่ายสายตา มองหาอยู่นาน โคทาโร่ ก็เห็นโต๊ะ
ลงทะเบียน ซึ่งสายตาของเขาสะดุดกับกริ่งเรียง บนโต๊ะ เด็กหนุ่มตรงเข้าไปกดมันทันที
กริ๊ง~~~
เสียงกริ่งกังวาลขึ้นครั้งนึงแล้วเงียบไป โคทาโร่ รอด้วยใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ว่าจะมีใครออกมาหรือไม่
ไม่นานบานประตูจากอีกห้องก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างกำยำ สวมกางเกงยีน เดินเปลือยอก ออกมาพร้อมกับใช้
ผ้าขนหนูคลุมหัว ร่างกายท่อนบนชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เหมือนพึ่งออกกำลังมา
“ วันนี้เราปิดวันนึง ไว้มาใหม่พรุ่งนี้นะครับ ”
ชายหนุ่ม พูดพลางใช้มือขยี้ผ้าขนหนูเช็ดหัวเบาๆ เมื่อชายหนุ่มเข้ามาใกล้ โคทาดร่ ถึงได้รู้ว่าขนาดตัวของ
ชายคนนี้ใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก ถ้าเขาสูง 175 ชายคนนี้คงซัก 190 เซนติเมตรถือว่าสูงกว่าคนปกติทั่วไปทีเดียว
“ เอ่อ…ผมมาขอพบ…คุณ เกร อยู่รึเปล่าครับผมมีธุระสำคัญอยากให้เขาช่วย.. ”
“ มาพบ เกร…อ๋อหมายถึงโอนเนอร์(owner)สินะ เดี๋ยวจะเรียกให้รอแปป ”
ชายหนุ่ม พูดจบแล้วจึงเดิน ไปหลังโต๊ะลงทะเบียน แล้วคว้าหูโทรศัพท์ บนโต๊ะขึ้นมากดเบอร์ต่อสายภายใน
ไปยังห้องซักห้องหนึ่ง เมื่อสายติดแล้ว ชายหนุ่มหยิบผ้าขนหนูออกจากศีรษะ และเริ่มพูดคุยกับคู่สาย
“ เออ..นายลงมาข้างล่างทีสิมี เด็กมาหาน่ะ แค่นี้นะ ”
หลังวางสาย แล้ว เขาจึงหันมาพูดกับ โคทาโร่ ต่อ
“ รอซักเดี๋ยวนะ ”
ใบหน้าของชายหนุ่ม ที่ไร้ซึ่งการปกปิดใดๆ สร้างความตกตะลึงให้กับ โคทาโร่ อย่างเหนือคาด
ผมย้อมสีน้ำเงินยาวปรกหู และบนศรีษะยังสวม หูสุนัขที่เป็นของประดับไว้ตลอดเวลา
เด็กหนุ่มมองเขาตาเป็นประกายด้วยความประทับใจ ความรู้สึกอันหลากหลายเอ่อล้นออกมา
มันทำให้เขาหลุดปากออกไปโดยอัตโนมัติ
“ ค..คุณหรือว่าจะเป็น…เฮอคิวลิส วาการุรุ เบลเซอร์ นักสู้แชมป์โลกคนนั้น!! ”
“ โฮ่..ไม่มีใครเรียกฉันแบบนั้นมาซักพักแล้ว มองทีเดียวออกเลยแบบนี้นายเป็นใครกัน..ไอ้หนู ”
ชายหนุ่ม เปรยอย่างทึ่งๆก่อนจะตามด้วยคำถาม
“ ไม่มีลูกผู้ชายคนไหนในโลกนี้ไม่รู้จักชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างคุณหรอกครับ สามารถเป็นแชมป์โลก
การต่อสู้ได้ด้วยวัยแค่ 16 ปีเท่านั้น รูปแบบการต่อสู้หลากหลายแต่สไตล์ที่ถนัดที่สุดคือมวยไทย
ผมน่ะเป็นแฟนตัวยงของคุณเลยล่ะครับ ”
โคทาโร่ รีบแจงสาธยายรายละอียดของ เขาเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยท่าทางดีใจโลดเต้นเหมือนเด็กๆได้เจอฮีโร่ในดวงใจ
จนเกือบจะลืมธุระที่มาที่นี่เสียแล้ว
……………………………………………….
ที่โรงเรียน เวลาล่วงเลยมาเกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว แสงแดดสีแสด ย้อมท้องฟ้าเริ่มจางลง สนามในโรงเรียน
ก็ไม่ค่อยจะมีนักเรียนเหลือกันอยู่แล้ว กระนั้นยอดคนเข้าไปยอมรับให้กับการฟื้นชมรมครอสมาเรีย ก็ยังไปได้เพียง
345 คนเท่านั้น แม้ว่า ธนัท จะวิ่งหาตัวเป็นเกลียวจนไม่สนใจแล้วว่าใครเป็นใคร รู้จักหรือไม่รู้จัก หากแต่นักเรียนคนนั้น
สามารถลงคะแนนเสียงได้ เขาจะรีบเข้าหาทันที
หลังจากเดินเตร่ไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว จำนวนรายชื่อผู้เห็นด้วยยังคงไม่กระเตื้องขึ้นจากเดิม ธนัท ซึ่งเหนื่อยอ่อนเต็มที
แล้วจึงตัดสินใจพักเอาแรงบนเก้าอี้หินอ่อนข้างสนามฟุตบอล
“ ขืนเป็นแบบนี้ไม่ทันการแน่.. ”
ธนัท ห่อไหล่และตีสีหน้าสลด อย่างสิ้นหวัง จนไม่ทันสังเกตุ นักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาหา
“ นั่งซึมกะทือ เป็นคนเบื่อโลกแบบนั้นมีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือไงน่ะนาย ”
เด็กสาวทัก เธอคนนี้มีทรงผมที่ดูแปลกตา มัดผมสองข้างแผ่ปรกคล้ายใบตอง ดวงตาของหล่อนเป็นสองสีแดงข้างซ้ายและเขียวอ่อนข้างขวา จากการใส่คอนแทคเลน
“ เธอ… ”
ธนัท หันไปจะเรียกชื่อ แต่ไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ เลยกลายเป็นว่า เขาจ้องหน้าเธอและทำปากขมุบขมิบเหมือนจะพูด
แต่ก็พูดไม่ออกอยู่นาน จนสาวเจ้า ถอนใจอย่างหน่ายเหนื่อย
“ เฮ้อ…นี่นายจำฉันไม่ได้เหรอไง ที่อยู่ชมรมข้างๆกับชมรม SMN น่ะ เราเคยเจอกันตอนเกิดเรื่องผีดูดเลือดในโรงเรียนไง ”
เด็กสาว ชูนิ้วโป้งแล้วชี้เข้าหาตัว โดยหวังว่า ธนัท จะจำเธอได้ เขานั่งนึกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะดีดนิ้วเปาะ
“ เธอน่ะเออ…ประธานชมรมโอตาคุ ”
“ การ์ตูนย่ะ ชมรมการ์ตูน ไม่ใช่โอตาคุ พวกฉันไม่ได้บ้าขนาดไม่เป็นอันทำมาหากินนะเฟ้ย ”
เด็กสาว รีบแย้งทันควัน การพูดของธนัท เสมือนเป็นการดูถูกเธอแบบเกือบๆ ด้านเจ้าตัวยังคง
ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ว่าเสียมารยาทไปถึงไหนแล้ว
“ เอาเถอะว่าแต่นายทำอะไรอยู่น่ะป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีก ”
เด็กสาวเปลี่ยนอิริยาบถใหม่ และถามเขาอีกครั้ง
“ จริงสิพอดีเลยช่วยอะไรผมหน่อยสิ ลงชื่อยอมรับการฟื้นชมรมให้ที ”
ธนัท นึกขึ้นได้และให้ คอรัส เปิดจอโฮโลแกรมเว็บขึ้นมาทันที ก่อนลงมือแนะนำการลงชื่อให้กับ เด็กสาว
หลังจากได้รายชื่อเพิ่มาอีกหนึ่งคน ก็พอจะทำให้สีหน้าของธนัท มีความหวังขึ้นมาบ้าง
และไม่ลืมที่จะอธิบายเหตุผลทั้งหมดของการลงชื่อนี้หลังจากที่เธอถามถึงมัน
“ งั้นเหรอ ลำบากแย่เลยนะแบบเนี้ย นี่ยังเหลืออีกตั้งเป็นร้อยคนเลย แล้วจะทันการเหรอ ”
เด็กสาว แสดงความเห็นใจผ่านทางสีหน้า
“ ถึงยังงั้นก็เถอะต้องพยายามจนถึงที่สุดนั่นล่ะ นี่คือหนทางสุดท้ายของเราแล้ว…ถ้างั้นไปก่อนนะต้องรีบไปหาคนเพิ่ม ”
ธนัท ลุกจากเก้าอี้เตรียมจะจากไป
“ จริงสินายน่ะ…ธนัททาทิเวศ…ใช่รึเปล่า ”
“ เอ๋? ทำไมรู้ชื่อผมได้ล่ะ ”
“ นายน่ะมันคนดังประจำโรงเรียนอยู่แล้วนี่….ฉัน ฟาริยา พรอนันต์ เรียกว่า ฝ้าย ก็ได้ ”
เด็กสาว บอกชื่อเธอ
![รูปภาพ](http://www.mediafire.com/imgbnc.php/9c63a26bff171b91ad37a6268315fab9f2cf345b215d8a9e4ffcdddd04627d4a6g.jpg)
“ ฝ้าย..เหรอ อืม..ขอบคุณนะสำหรับคะแนนเสียงแล้วก็เรียกผมว่า ธนัท ก็ได้ ไปก่อนนะบาย~~ ”
เด็กหนุ่ม บอกชื่อของเขาให้เธอรู้เช่นกัน ก่อนจะวิ่งจากออกไป ฝ้าย มองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ค่อยๆหายลับไป
ในความมืดสลัวยามเย็น เวลาของ ธนัทใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว
“ เป็นแบบนั้นคงไม่ทันแหง…. ”
ฝ้าย แหงนหน้ามองท้องฟ้า บัดนี้ดวงอาทิตย์ เกือบจะลับขอบฟ้าเต็มที่แล้ว เด็กสาว คิดจะทำอะไรซักอย่าง
จึงหยิบ Note ของเธอขึ้นมา มันเป็น Note ที่มีหน้าตาเหมือนกล้องถ่ายรูปคลาสสิก
“ ดัลซิเมอร์ เปิดรายการสายปลายทาง! ” (Dulcimer)
/Ja, call menu/(ครับ,รายการเรียกสาย)
เมื่อเธอออกคำสั่ง เสียงตอบรับดังกังวานจากกล้องถ่ายรูป วินาทีต่อมา จอโฮโลแกรมถูกฉายจากเลนส์หน้ากล้อง
รายชื่อผู้ติดต่อของเธอเรียงรายกันแน่นขนัดบนจอภาพ และยังสามารถเลื่อนขอบเขตของจอเพื่อดูรายชื่ออื่นๆได้
ตัวเลขแสดงจำนวนรายชื่อทั้งหมด มีถึง 1123 คน อย่างรวดเร็วนิ้วเรียวๆของเจ้าหล่อน ทิ่มลงยังชื่อหนึ่งจากหลายพันชื่อ
/send call/(ส่งการเรียกสาย)
หลังจากรอจน Note ต่อสายติดแล้ว ใบหน้าของคู่สายก็ปรากฏขึ้นบนจอ
“ กานดา ตอนนี้นายอยู่ไหน ”
/เล่นเกมออนไลน์อยู่กับเจ้าเป็ดเนี่ย มีอะไรเหรอ?/
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์หลบยังมุมปากของ เด็กสาว
“ แสดงว่าพวกมัจฉา กับคนอื่นๆก็อยู่กันครบเลยสินะ ”
/ก็อยู่กันครบกิลด์นั่นล่ะ/
“ ดีเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ช่วยกระจายข่าวต่อให้ทีสิ ฉันมีเรื่องอยากให้พวกนายทำ.. ”
แล้วเด็กสาวก็เริ่มอธิบายเรื่องราวให้ เพื่อนๆของเธอผ่านหน้าจอ
…………………………………………………
………………
ที่ X-Sport Club
โคทาโร่ ยังสนทนาไม่หยุดปากด้วยอาการโลดเต้น กับฮีโร่ในดวงใจ
“ ตอนศึกชิงแชมป์โลกน่ะนะ ผมถ่างตารอดูอยู่ทั้งคืนเลยล่ะ… ”
ระหว่างนั้นเอง เกร ได้เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
“ ใครอยากจะเจอฉันงั้นเหรอ วาการุรุ…อ้าว นายเองเหรอ ”
เกร สะดุ้งนิดหน่อย ที่เจอ โคทาโร่ ที่นี่อีกครั้ง
“ เออจริงสิว่า แล้วทำไม คุณวาการุรุ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ หรือว่ามาซ้อม.. ”
โคทาโร่ เอ่ยถามเหมือนพึ่งจะนึกขึ้นได้ โดยที่สาเหตุประการหลักที่เขาที่นี่ยังถูกกลบไปก่อนกับความคลั่งไคล้
ที่มาไม่ถูกเวลา
“ ซ้อมน่ะใช่ แต่ฉันก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย จะเรียกว่าเป็นค่ายก็ไม่ผิดหรอกเพราะอุปกรณ์ก็พร้อมแถมโค้ชก็อยู่ที่นี่ด้วย
อยู่แล้วมันสะดวกเวลาฝึกน่ะ ”
วาการุรุ ตอบให้แบบละเอียด แต่พอพูดถึงโค้ชฝึกซ้อม มันยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้ของ เขา ขึ้นมาอีก
“ ค..โค้ชของคุณวาการุรุ ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ แล้วเขาอยู่ไหนกันน่ะครับอยากเจอจัง ”
โคทาโร่ ชักปากถามทันที วาการุรุ จัดให้ตามคำขอ โดยการชี้ไปที่ เกร
นิ่งไปกันไปพักใหญ่ ไม่ใช่ว่าคาดไม่ถึงหรือตื่นเต้นจนพูดไม่ออก แต่เมื่อรู้ว่าเป็น เกร แล้ว
มันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี ที่ชายหนุ่มร่างบอบบางอย่างนั้นจะเป็น โค้ชของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนผืนปฐพี
“ แล้วนายมีธุระอะไรล่ะ ”
คำถามของ เกร ฉุดเขาออกจากความคิด พร้อมๆกันก็เตือนสติให้นึกถึงธุระสำคัญ โคทาโร่ ฉวยเอาหนังสือ
รับรองส่งให้อย่างเร่งรีบ จนเหมือนยัดเยียด เกร ก็รับไปเปิดอ่านแบบงงๆ ดวงตาสอดส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ต้องรับฟังการอธิบายเพิ่มจาก โคทาโร่ เขาสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้
“ คือว่า…. ”
ก่อนที่โคทาโร่ จะอธิบาย เกร ยกมือขึ้นปรามให้หยุดฟังเขาพูดก่อน
“ ก่อนอื่นจะขออธิบายก่อน เรื่องการส่งตัว อิสรพงศ์ พยานเหตุการณ์วางระเบิดเฟรย่า เมื่อ 3 ปีก่อนไปที่อัลวิส เพื่อทำแผน
การสืบสวนน่ะ ฉันตามเรื่องมาตั้งแต่เนิ่นๆแล้วแต่ข่าวคราวของมันกลับหายไป นายมาได้ตรงจังหวะพอดีเลยนะ โคทาโร่
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าทำไมถึงต้องเอามาให้ฉันเป็นคนลงนาม แต่ฉันขอแลกเปลี่ยนกันหน่อยได้รึเปล่า? ”
เกร พูดราวกับผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาแล้วทั้งนี้เพราะหลังจากศึกสามเทพบรรกาล เกร นึกสงสัยใน
การวางตัวของรัฐบาลและเริ่มติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานเรื่องการส่งตัว อิส
ไปที่อัลวิส แล้วเรื่องก็เงียบหายไป และตอนนี้โคทาโร่ ก็ได้นำคำตอบที่ว่ามาให้
เกร จงใจจะใช้ประโยชน์จากการลงพื้นที่ของพวก ธนัท ในครั้งนี้
………………………………………………
………………………
ในห้องทำงาน ผ.อ. โรงเรียนมนต์วิทยา ลูเซีย กำลังใช้ ไมค์ เช็คประวัติการลงชื่อยอมรับในเว็บไซด์อยู่เงียบๆ
ที่โต๊ะทำงาน หญิงชราวัย 60 ต้นๆ ผู้มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ซึ่งเจือไว้ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
สายตาตี่ๆมองผ่านเลนแว่นสายตา อย่างเป็นมิตร แม้ว่าบนศีรษะจะมีผมหงอกขาวไปบ้างแล้ว
แต่ อาจารย์ผ.อ. ก็ยังแลดูอ่อนกว่าวัย ทั้งนี้คงเป็นเพราะ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรอยู่ตลอดเวลา
ช่วยลดระยะห่างทางความรู้สึกช่วงอายุของคนที่มาพบกระมัง
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองหน และประตูห้องผ.อ. ก็เปิด ธนัท ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
ด้วยสภาพอิดโรย ความสิ้นหวังปรากฏเจืออยู่ในสีหน้า
“ ไม่ไหวคนอื่นกลับกันไปหมดแล้วได้มาแค่ 467 คนเอง นึกว่าโชคดีแล้วซะอีกที่ขอชมรมฟุตบอลมาได้ทั้งชมรม ”
ธนัท สาธยายให้ฟังอย่างเป็นทุกข์ จากนั้น ชุติการ แอน และ พวกนักเรียนแลกเปลี่ยน จูไดกับ โช
ก็แห่ตามๆกันมา ไม่มีใครหาเพิ่มได้อีกแล้ว จำนวนคนยังหยุดอยู่ที่ 467 เท่าเดิม
“ อาจารย์ครับ ขอร้องล่ะอนุญาติให้ฟื้นก่อนได้ไหมครับ แล้วผมจะหาคนมาให้ครบทีหลัง ”
ธนัท พยายามต่อรอง อาจารย์ผ.อ. ส่ายหน้าเบาๆแม้จะเห็นใจลูกศิษย์ แต่กฏย่อมเป็นกฏ
“ อาจารย์ก็เห็นใจเธอกับเพื่อนๆนะ แต่เธอต้องเข้าใจว่าการฟื้นชมรมที่ปิดไปแล้ว นั่นหมายถึง
การนำปัญหาที่ควรจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกลับมาถกกันใหม่ แล้วเงื่อนไขก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
เพียงแต่พวกเธอขาดแคลนปัจจัยด้านเวลา ซึ่งตรงนี้ครูก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน ”
ในขณะที่พวกเขารอ อย่างหมดหวังนั้นเอง อยู่ๆตัวเลขยอดจำนวนคนที่ยอมรับในเว็บก็เพิ่มขึ้น
พรวดพราดจาก 467 คนพุ่งทะลุเกิน 1000 และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1250 เหตุการณ์อัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
คือคำถามในใจของทุกคน และแล้วคำตอบก็มาถึงเมื่อประตูห้องเปิดออกพร้อมกับ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามา
ยืดอกสง่าผ่าเผย สีหน้าพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ท่ามกลางสายตาฉงนงุนงง ระคนสงสัย ของพวกเขา
เด็กสาวชูนิ้วโป้งขึ้นแล้วชี้เข้าหาตัวและพูดด้วยเสียงอันดัง
“ ตกใจกันอยู่ล่ะซี่…ที่จำนวนคนเพิ่มขึ้นมาได้ขนาดนี้น่ะต้องขอบคุณท่าน ฟาริยาซามะ คนนี้ที่นำกำลังพลคนการ์ตูนแห่งชมรมการ์ตูน แห่ไปลงชื่อกันอย่างล้นหลาม ”
โรงเรียนมนต์วิทยานั้น มีมหาอำนาจของเหล่านักเรียน แบ่งเป็น 3 ก๊ก ด้วยกันและ ราวกับปาฏิหารย์
เทพามาโปรด เธอคนนี้คือประธานชมรมการ์ตูนซึ่งเป็นมหาอำนาจหนึ่งที่มีกำลังพลนักเรียนกว่าครึ่งในกำมือ
ฟาริยา พรอนันต์ แห่งชมรมการ์ตูน หรือฝ้าย เจิดจรัสราวกับอัญมณีในสายตาของ ธนัท
เธอเป็นเหมือนนางฟ้ามาโปรดเลยทีเดียว เช่นเดียวกับชื่อ
ฟาริยาหรือ เฟรย่า เทพีแห่งเหล่าวัลคีรีในตำนานคงเป็นเธอ ที่นำเหล่าเทพีนักรบเข้าลงนามจนหนทาง
เปิดออก ในที่สุด
“ คงยังไม่ลืมหรอกนะเจ้าหนูว่าถ้าไม่มีหนังสือรับรอง ชมรมที่แกตั้งขึ้นมาอีกรอบนี่ก็ไร้ความหมาย ”
เสียงนี้ดึงให้ เด็กหนุ่มหลุดออกจากห้วงภวังค์ หลังจากที่ดีใจจนตัวลอย
อิริยาบถของ เขาเปลี่ยนไปในพริบตา หนทางที่เคยเปิดออก เริ่มริบหรี่
ลงไป เจ้าของเสียงซึ่งนำพาความสิ้นหวังมานั่นคือ มาริน่า ที่มาพร้อมกับ องครักษ์ทั้งสอง
ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า
“ สุดท้ายของที่สุดแล้วมันก็สูญเปล่าสินะเฮ้อ.. ”
มาริน่า เครียดเสียจนเอามือก่ายหน้าผาก แล้วถอนใจ
“ ไม่จริงน่ะอุตส่าห์ทำสำเร็จแล้วแท้ๆ….. ”
ธนัท ก้มหน้าลงอย่างเสียขวัญจนเข่าแทบทรุด ทุกสิ่งในวันนี้ที่พวกเขาทำมาทั้งหมดกลายเป็นเรื่องเสียเปล่า
พวกเพื่อนๆของเขาต่างพูดคุยกันเพื่อหาหนทางจนเสียงดังเซงแซ่ ไปทั้งห้อง ผ.อ.
ความสิ้นหวังอันดำมืดยังแจ่มชัดอยู่ในมโนจิต จนเมื่อ ธนัท รู้สึกว่าเสียงพูดคุยของทุกคนเบาลงจนเงียบในที่สุด
อันที่จริงเป็นเพราะเขาจมลงไปในความสิ้นหวังท้อแท้จนไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด
เมื่อธนัท เงยหน้าขึ้นมีบุรุษคนใหม่เพิ่มเข้ามาในห้องอีกคน เขาคนนั้นมาพร้อมกับหนังสือรับรองที่มีตราประทับนาม
ของ เกร กีก้าเสลฟ มาสเตอร์ซีรีโมเน่ อันดับ6
“ เหะๆ เท่านี้ก็เป็นไปตามสัญาแล้วนะถ้าครบสองชื่อประธานจะยอมลงนามด้วยน่ะ ”
โคทาโร่ กระหยิ่มยิ้มด้วยความลำพอง ฝ่ายมาริน่า ได้เห็นตราประทับนามของ เกร ก็มีอัน
นิ่งเท่งทึงไปตามๆกัน แรกทีเธอคิดว่า โคทาโร่ จะนำตราประทับนามของ ศรี มาได้
โดยที่เธอคิดว่านั่นคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็เหนือกว่าการคาดการณ์ของเธอไม่ว่าจะอย่างไร
เธอจะไม่มีทางคาดเดาได้อย่างถูกต้อง เพราะ ตราประทับนาม ที่โคทาโร่ นำมากลับเป็นของชายที่
น่าจะมีเพียงแค่เหล่ามาสเตอร์ซีรีโมเน่ รู้จัก ซึ่งนั่นเป็นเพราะ มาริน่า ไม่ได้รับรู้
การเคลื่อนไหวของ เกร ที่พยายามเข้าหาทั้ง โคทาโร่ และ ธนัทตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
มาริน่า พยายามปรับน้ำเสียงที่อึกอึงด้วยเซอร์ไพร์ของโคทาโร่ ก่อนจะพูด
“ พวกแกเอาจริงเหรอ?...ที่นั่นน่ะไม่ใช่แค่ว่าอันตรายธรรมดาๆนะถ้าพลาดขึ้นมาล่ะก็ถึงชีวิตได้เลย
ตัวอย่างก็มีแล้ว ฟ้า ไม่อาจกลับมาได้อีก ไม่ใช่แค่ตัวเธอ แต่คนรอบข้างรอบตัวเธอก็ต้องเป็นทุกข์
แล้วก็รับผลกระทบไปตามๆกัน ดูอย่างอิส สิกว่าจะกลับมาพูดได้ยอมเข้าหาผู้คน ฉันยังต้องเคี่ยวมันเป็นปี
พวกแกจะไม่คิดถึงหัวอกของคนที่เป็นห่วงบ้างเลยเหรอ ไหนจะพ่อ แม่ พี่ ”
ทั้งห้องเงียบลง แม้คำพูดของมาริน่า จะกระตุ้นให้เกิดความตระหนักในชีวิตของพวกเขา แต่ก็หาได้มีใคร
แสดงอิริยาบถ ที่เป็นกังวลหรือเกิดกลัวขึ้นมาแม้ซักคน
“ ผมจะไม่พูดว่า จะพยายามกลับมาหรอกนะครับ แต่พวกเราทุกคนจะต้องกลับมาแน่นอนพร้อมกับอิสด้วย ”
ธนัท ออกตัวเป็นคนพูดแทนทุกคน
“ อย่ามาพูดพล่อยๆนะ คิดว่าตัวแกเองจะรับผิดชอบชีวิตทุกคนได้รึไง.. ”
เสียงตะคอกของ มาริน่า กระตุกช่วง เป็นเพราะองครักษ์ทั้งสองขึ้นมายืนเบื้องหน้าเธอและขอร้องในท่าโค้งศีรษะ
ทั้งยืน
“ พวกเราเองก็ขอร้องด้วยครับ/ค่ะ ”
“ อ..อึก ”
มาสเตอร์ของพวกเขา สะอึกจนพูดไม่ออก หล่อนไม่อยากเชื่อสายตาแม้แต่องครักษ์คนสนิทอย่างฟรานซิสก้า
ก็ยังก้มหัวขอร้องเธอด้วยเช่นกัน
“ ธนัท ยอมพูดถึงขนาดนี้แล้วมาสเตอร์ โปรดช่วยเปิดทางให้พวกเขาด้วยเถิดค่ะ ”
แทบจะไม่มีเลยสักครั้งที่ ทุกคนจะได้เห็น ฟรานซิสก้า ขอร้องด้วยความต้องการของตนเอง จึงมีท่าทีเป็นงง
ไปด้วยเช่นกัน
“ ฟรานซิสก้า นี่เธอเองก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอ ”
มาริน่า สุดจะอดกลั้นในตอนนี้เธอกลายเป็นคนขวางโลกไปแล้ว ไม่ว่าใครๆก็หันหน้ามาขอร้องเธอกันหมด
ในที่สุดเมื่อไม่อาจทนเมินเฉยต่อสายตาวิงวอนและคำขอร้องขององครักษ์ได้อีก มาริน่า สาวเท้าเดินเข้าไปกระชาก
หนังสือรับรองจากมือของโคทาโร่ มาแล้วจึงหยิบเอาตราประทับที่เธอพกมาติดตัวมา ประทับลงในหนังสือ
“ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็จำไว้ด้วยล่ะว่าฉันเตือนพวกแกแล้วนะ วันเสาร์ตอนตีสี่จะมีรถของทางการมารับ
ใครมาสายจะทิ้งไว้ที่นี่แหละฮึ! ”
มาริน่า พูดด้วยอาการหงุดหงิด ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนจะหันมาหาเธอและโค้งแสดงความขอบคุณ
“ ขอบคุณครับ/ค่ะ ”
ท่ามกลางเสียงขอบคุณจากเหล่ารุ่นน้อง มาริน่า ครุ่นคิดคำนึงถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับ เกร ในสมัยนั้น
การดิ้นรนของพวกเขาเหมือนกับสะท้อนตัวตนของพวกเธอในครั้งนั้นอย่างไม่ผิดเพี้ยน จะมีที่ต่างกัน
ก็คือ ในครั้งนั้นเธอหาทางช่วยพวกพ้อง โดยที่ไม่รู้เหตุผลแต่ตอนนี้เธอเข้าใจในคำตอบนั้นขึ้นมาบ้าง
{ศรี…ฉันว่าฉันน่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะเหตุผลที่ต้องทำเพื่อพวกพ้องน่ะ เป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดีที่จะเข้าใจ
เหตุผลในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่แรกแล้วน่ะ}
เสียงร้องด้วยความยินดีของธนัท ดึงเธอกลับมาจากห้วงคะนึง
“ สำ…เร็จแล้วพวกเรา เย้!!! ”
ธนัทกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับทุกคนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดี
กับความสำเร็จนี้ ขณะเดียวกัน ลูเซีย ก็จัดการกรอกรายละเอียดลงในเอกสารฟื้นชมรมบนโต๊ะโดยมีอาจารย์ผ.อ.
คอยแนะนำ จนถึงส่วนที่จะต้องกรอกชื่อใหม่ของชมรม
“ แล้ว ธนัททาธิเวศ เธอจะตั้งชื่อชมรมนี้ว่าอะไรดีล่ะ ”
อาจารย์ผ.อ. ถาม
“ เอ๋? แล้วใช้ชื่อเดิมไม่ได้เหรอครับ ” ธนัท พูดเพราะยังไม่ได้นึกชื่อเตรียมไว้และอยากให้มันเป็นชื่อเดิมมากกว่า
“ อืม…เพราะมันถือเป็นการตั้งชมรมขึ้นมาใหม่ไปในตัวจึงให้เลี่ยงการใช้ชื่อเก่าเพื่อกันความเข้าใจผิดกับชมรมเดิมน่ะ ”
คำตอบของ อาจารย์ผ.อ. ทำให้ทุกคนหยุดครุ่นคิดกันอยู่พักใหญ่
“ งั้นนายตั้งสิ ธนัท เพราะนายเป็นต้นคิดเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ ว่าไงทุกคนก็เห็นด้วยนี่เนอะ ”
โคทาโร่ เสนอ ทุกคนนอกจาก ธนัท ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อภาระโดนผลักมาแบบนี้ ธนัท ถึงกับคิดไม่ตก
เหงื่อไหลอาบฝ่ามือจนชุ่มด้วยความตื่นเต้น
“ งั้นเอาเป็น…วีอาร์ ก็แล้วกัน ”
“ วีอาร์…อะไรของนายวะ ชื่อประหลาดชะมัด ” โคทาโร่ เลิ่กคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความฉงน
“ มันมีความหมายอะไรเหรอ ” ชุติการ ถามขึ้นบ้าง
“ วอท ดิส มีน ”(What this mean = นี่หมายความว่าอะไร) แอน ก็ถามด้วยเช่นกัน
“ ก็ตัว วี(V) แล้วก็ตัว อาร์(R) ถ้าอ่านตามเสียงแล้วมันจะไปพ้องกับคำว่า we are ที่แปลว่าเป็นพวกเรา ไงฉันคิดว่า
ที่ชมรมเราก่อตั้งขึ้นมาได้อีกครั้งก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากทุกคน ก็เลยคิดว่าชื่อนี้น่าจะเหมาะน่ะนะ ทุกคนว่าไงล่ะ ”
ธนัท อธิบายความหมายของชื่อชมรม หลังจากพิจารณาทุกคนเห็นด้วยที่จะใช้ชื่อนี้
“ อืม..ก็มีเหตุผลดี ฉันเองก็ชักจะชอบแล้วสิ วีอาร์ เหรอ ” โคทาโร่ ก็เริ่มที่จะเห็นด้วยหลังจากได้ฟังอธิบายแล้ว
“ ความหมายก็ดีแถมลึกซึ้งด้วย ไม่ขัดอยู่แล้ว ” ชุติการ พูดซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยและตกลงจะใช้ชื่อนี้
ลูเซีย จึงทำการกรอกมันลงไปในเอกสาร
“ งั้นขั้นตอนสุดท้ายล่ะนะ พวกเธอมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่จะไปทำกิจกรรมข้างนอกด้วยรึยัง ”
อาจารย์ผ.อ. ถามอีกครั้ง
“ เรื่องนั้นไว้พรุ่งนี้เราจะรีบหามาให้ได้ครับ ” ธนัท ตอบ
“ ว่าแต่แล้วนายจะให้อาจารย์คนไหนไปด้วยล่ะ ”
โคทาโร่ ถาม ในใจของธนัท มีคิดไว้อยู่แล้วคืออาจารย์บุษบารี ซึ่งชุติการ เหมือนจะรู้จึงชิงพูดดักคอเสียก่อน
“ ถ้าอาจารย์ บุษบารี ล่ะก็แกไม่ว่างหรอกเพราะมีสอนพวกห้องพิเศษวันเสาร์ด้วย ที่จริงก็ไม่น่าจะมีใครว่างแล้วล่ะเพราะพวกอาจารย์ก็ติดสอนเสริมกันหมดน่ะ”
ธนัท ถึงกับเอามือเกาหัว กับปัหาที่มีมาไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที ในตอนนั้นเองประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับ
นักเรียนแลกเปลี่ยนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม พึ่งจะกลับเข้ามา แพน ราโด พร้อมกับพาอาจารย์มาด้วยท่านหนึ่ง
เป็นอาจารย์หนุ่มสวมแว่นสายตาหนาเตอะและทำผมยุ่งๆ สไตล์ชิวๆ อาจารย์พิเศษ คริฟ อีสวูด
Pan Rado
![รูปภาพ](http://www.mediafire.com/imgbnc.php/864205b1d6b4f61b20b7fd08842f8b406253c3c4101c39d6b2557ed6aaa0aeb76g.jpg)
“ หน้าที่นี้ให้ผมรับไว้จะได้ไหมครับ ” อาจารย์หนุ่ม เสนอตัวเอง
“ เอ๋ แต่อาจารย์ไม่ใช่อาจารย์ประจำนี่ครับ ” ธนัท เอ่ยอย่าง งงๆ
“ ตั้งแต่ภาคการเรียนหน้าจะมีการบรรจุเพิ่มวิชาควบคุมอสูรอัญเชิญลงไปด้วยแล้วอาจารย์ คริฟจะมาเป็นอาจารย์
ประจำให้เรานะ ถ้าเธอยินยอมล่ะก็ ธนัททาทิเวศ อาจารย์คริฟ ก็จะเป็นที่ปรึกษาให้กับชมรม วีอาร์ ได้ ”
อาจารย์ผ.อ. ตอบพร้อมกับ ผายมือไปทางอาจารย์หนุ่ม โดยไม่ต้องคิด ธนัท ตอบรับทันที
“ อาจารย์ฝากตัวด้วยนะครับ ”
“ อ่า..อาจารย์ก็ด้วย..อ่ะน้า~~ ” อาจารย์หนุ่มพูดตอบอย่างเขินอาย
ท่ามกลางบรรยากาศอันน่ายินดีนี้ มาริน่า จับได้ถึงสัมผัสไม่ประสงค์ดีที่ผุดขึ้นมาได้แต่แปปเดียว
สัมผัสที่ว่ากลับหายไปและไม่อาจรู้สึกถึงได้อีก ด้วยความสงสัยจนไม่รู้ตัวเธอจึงเผลอแสดงพิรุธออกไปทางสีหน้า
จึงถูก ฟรานซิสก้า ทักทันที
“ มีอะไรหรือคะมาสเตอร์ อยู่ๆก็… ”
มาริน่า เงียบอยู่ซักพักก่อนจะพูดเบาๆจนเหมือนเป็นการกระซิบ “ ….ไม่รู้สิแต่มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล…เหมือนมันประจวบเหมาะเกินไป ”
เธอ พูดแล้วจ้องไปทางที่ อาจารย์คริฟ ยืนอยู่
………………………………………
To Be Continue
…………………………………………
……………………………………………….
Next Sub-Turn
เกร:ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าจุดจบของผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าจนตัวตายมันเป็นยังไง
มาริน่า: ตอนต่อไป วันก่อนวันเดินทางและอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตกสู่ด้านมืด
Sub-Turn 43 THE DAY BEFORE TRAVEL DAY