Sub-Turn 41 The Crusade War Final
“ Cost Mp 5…..กลีบของข้า ใบของข้า และชีวีแห่งข้า มอบแด่มารดาผู้โอบกอดโลกใบนี้ จิตวิญาณของแม่
ได้ลุกโชนขึ้นแล้ว จงมาอวตารแห่งมหาพฤกษา อิกดรากินอส(Yggdraginos, the Avatar of Yggdrasil) ”
ละอองแสงอันเป็นพลังเวทย์ ถูกปลดปล่อยออกมาจาก Note ทั้งของ เกร และอาจารย์บุษบารี
จนคละคลุ้งไปด้วยหมอกละอองแสง การ์ดผนึกที่ อาจารย์สาวเป็นผู้ร่ายออกมา คือต้นเหตุที่รีดเร้นเอาพลังเวทย์จากทั้งสอง
ฝ่ายเพื่อการปรากฏตัว ละอองแสงหุมนวนลงไปราวกับน้ำวน โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นการ์ดผนึก
มันดูดซับเอาละอองแสงทั้งหมดเข้าไป และเปลี่ยนรูปร่าง ขยายขนาดของมันจนใหญ่โตมโหราฬ
พริบตาต่อมาเมื่อละอองแสงทั้งหมดซึมซับเข้าไปแล้ว เบื้องหน้าของ เด็กหนุ่ม
คือต้นไม้ยักษ์สูงจนกระทั่งยอดของมันทะลุหลังคาโดมไปแล้ว โชคยังดีที่สนามแข่งที่เรายืนอยู่
อยู่ใต้ช่องว่างของหลังคาโดมที่เปิดไว้พอดี ยอดของต้นไม้จึงไม่แทงหลังคาจนถล่มลงมาทั้งอาคาร
แต่หากพูดถึงความเสียหายต่อสนามแข่งตอนนี้ก็ มีรูบนพื้นที่เกิดจากการโจมตีของ เดรทรูทก่อนหน้านี้
สนามถึงได้เป็นหลุมเป็นบ่อเต็มไปหมด
ก๊าซซซซซซซ!!!!!!!!
เสียงคำรามอันกึกก้อง เรียกความสนใจให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังยอดของต้นไม้ อะไรบางอย่างกำลังเลื้อยพันลงมา
ตามลำต้น นอกจากเสียงคำรามเมื่อครู่แล้ว ก็มีเสียงกระหึ่มของเครื่องจักร ดังแว่วมาตลอด
วินาทีต่อมา วัตถุขนาดใหญ่ได้เลื่อนลงมาปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งสนาม เสียงเครื่องจักรที่ดังกึกก้องออกมาเป็นเสียงเสียดสีกันระหว่างฟันเฟืองไม้ซึ่งถูกหุ้มยึดติดกันไว้ด้วย แผ่นไม้มีความเงางามราวกับเหล็กกล้า
จนถึงตอนนี้ร่างเจ้าของเสียงคำรามได้เลื้อยลงมาจนถึงช่วงลำต้นของ มหาพฤกษาแล้ววัตถุที่เข้าใจว่าเป็นเครื่องจักรนั้น
คือชิ้นส่วนที่ดูคล้ายกับมือกล จากชิ้นไม้มหึมามีส่วนที่ย้อยออกมาคล้ายกับนิ้วป้อมๆ ขดเข้าด้วยกัน
ที่บรรยายไปนั้น เป็นแค่เพียงส่วนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมือ หรือ อาจจะเป็นแขนของมัน
หากจะให้นับถึงรายละเอียดอื่นๆของ มันคงจะพูดได้ไม่จบในวันเดียว แค่คำว่ามังกรสามหัวทำจากไม้
ทั้งดุ้นจะพอให้ใจความสำคัญได้รึเปล่า….คงจะยังงั้น
“ นี่คือ อวตารแห่งมหาพฤกษา อิกดรากินอส จิตวิญญาณแห่งอิกดราซิล ”
[Busbaree Status; Hand: Seal 1 , Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 12/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/15 ]
“ อะบิลิตี้ของ อิกดรากินอส จะทำงานเมื่อมันถูกเรียกออกมา จะต้องส่งอิกดราซิลที่อยู่บนมือกลับเข้าไปยังสำรับ
จากนั้นจะกำจัดเผ่าพฤกษา ในชายน์ สนาม ออกไปตามใจชอบและค่า At กับ Df ของอิกดรากินอส
จะเท่ากับผลรวมค่า Df ของการ์ดที่กำจัดออกไป ใน ชายน์ ตอนนี้มี ไฮยาซินสไปรค์ Df 7 และ เดรทรูท Df 12
อย่างละสามใบ ค่าพลังทั้งหมดที่ได้รับจะเท่ากับ 57 หน่วย ”
อาจารย์บุษบารี ประกาศพร้อมกับ แสดงการ์ดผนึกซีลบนมือ ให้ดูว่าเป็น อิกดราซิล ก่อนจะใส่มันกลับลงสำรับ
แล้วสับ
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/15 ]
“ ห..57 เลยเหรอ!? ”
เกร ถึงผวากับค่าพลังอันมหาศาลของ มังกรพฤกษา
“ การ์ดใบนั้น เป็นรางวัลสำหรับอันดับแปดของการแข่งแกรนทัวนาเมนท์ ปีที่แล้วสมกับที่ได้ยินมาเลย
มังกรพฤกษาอิกดรากินอส มังกรที่ว่ากันว่าคือจิตแท้จริงของอิกดราซิล ”
ศรี ให้รายละเอียด สายตาของเขายังคงเหม่อมอง ร่างโอฬารของมังกรพฤกษา
“ Cost Mp 3 โจมตีไปที่ โกลเด้นเฟอร์กริฟฟิน คอนทิเนนทัล เบรธ ” (Continental Breath = ลมหายใจแห่งทวีป)
อาจารย์สาว ประกาศ มังกรพฤกษา หันหัวทั้งสามของมันตรงเข้ามา แล้วอ้าปากสูดลมเข้าไปแรงดูดของมัน มากพอจะยกตัว
เขาให้ปลิวตามไปด้วยเลย
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/15 ]
“ จ..จะปลิวแล้ว เหวอ ”
“ เอ๋? ” ทุกอย่างสงบนิ่งแล้ว ไม่มีแรงดูดอีกต่อไป ขาทั้งสองข้างของเขายืนติดพื้นได้อย่างมั่นคง
แต่นั่น…..เป็นจุดเริ่มต้นของการโต้ตอบ ที่จะตาม
ก๊าซซซซซ!!!!!!!!!!!
แรงลมซึ่งพัดพาออกมาพร้อมกับเสียงคำราม รุนแรงเสียจนฉีกพื้นเวทีให้ ลอกปอกเปิกออกได้เหมือนขูดเปลือกมันฝรั่ง
ในพริบตา กริฟฟินขนทอง สูญหายไปกับแรงลมโดยที่ไม่มีใครทันได้เห็นภาพร่างของมันถูกสายลมฉีกจนแหลกเละ
มีเหลือไว้เพียงแค่ละอองแสงจากการสลายร่างของมันเท่านั้น
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 5/15 ]
“ รอบของอาจารย์หมดแค่นี้ ผ่าน.. ”
“ ร..ของผม จั่วไพ่ ”
เกร จับมิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ ประสาทสัมผัสทั้งร่างของเขายังสะท้านจากเสียงคำรามอันรุนแรง เมื่อครู่ทำให้มือ
สั่นไปหมด
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 5/15 ]
{เอาไงดีล่ะเนี่ย 57 ไม่ใช่ค่าพลังเล่นๆแล้วนะ เยอะขนาดนี้ต่อให้ชุบ โกลเด้นท์เฟอร์กลับมาได้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเพิ่มพลังตามไปสู้ยังไงไหว แถมทั้ง At ทั้ง Df เท่ากันแบบนี้ ถึงจะใช้เวอทูวิน(Whirl to Win) ที่อยู่บนมือก็ไม่มีประโยชน์}
เด็กหนุ่ม มองดูการ์ดบนมือที่จะใช้พลิกสถานการณ์แต่ก็มืดแปดด้านเต็มที ค่าพลังของมหามังกรพฤกษา
สูงล้ำเกินกว่าจะเอื้อมถึง
เดี๋ยวสิ…..At กับ Df เท่ากันเหรอ?
“ จริงด้วยยังมีวิธีนั้นอยู่นี่.. ”
เด็กหนุ่ม ฉุกคิดขึ้นได้
“ ผมให้ เซียร์ดีล(Seer’s Deal) ทำงานสังเวย(Sacrifice) เนเดีย(Naedia) ในสนาม 1 ใบจากนั้นจะจำเอามิสติกการ์ดที่ต้องการจจากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ 1 ใบ ”
เด็กหนุ่ม ร่ายมิสติกการ์ดออกมา และเลือกให้ นกเนเดีย เป็นเครื่องสังเวยเพื่อการทำงานของ มิสติกการ์ด
ร่างของมันสลายเป็นละอองเวทย์ และควบแน่นกลับเป็นการ์ด ส่งตรงสู่มือของเขาก่อนจะถูกนำไปไว้ในช่อง ชายน์
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 6/15 ]
“ การ์ดที่จะเอาขึ้นมาก็คือนี่ ”
เด็กหนุ่มแสดงการ์ดที่เลือกขึ้นมาจากสำรับ
“ สตาร์ชิลด์! ”
อาจารย์สาว สะดุ้งจนสีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคาดไม่ถึง
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 6/15 ]
“ ถูกต้องนะคร้าบ~~ สตาร์ชิลด์ จะทำให้ อสูรถูกลดค่า At เท่ากับค่า Df ของตัวเอง ดังนั้น อิกดรากินอส ของ อาจารย์ ที่มี
ทั้ง At และ Df เท่ากันแบบนั้นก็จะถูกหักลบจนหมดในทันที ”
เด็กหนุ่ม ตอบ
“ แจ๋วไปเลย เกร! เย้!!!! ”
ริน เชียร์สุดเสียงอย่างออกนอกหน้าขณะที่ ศรี เพียงแค่ยิ้มน้อยๆกับวิธีแก้เกมหนนี้
“ Cost Mp 4 สตาร์ชิลด์ ทำงาน! ”
ทันทีที่ มิสติกการ์ดสำแดงเดช มหามังกรพฤกษา ก็มีท่าทีอิดโรยอ่อนแอลงทันที พลังของมันถูก
พลังของ สตาร์ชิลด์ ดูดซับไปจนหมดสิ้น
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:4/8 Shrine 6/15 ]
“ ให้ เซเบอร์ฮอร์น ขึ้นไปที่ At Line Cost Mp1 แล้วโจมตี! ”
เด็กหนุ่มออกคำสั่งแก่ สุนัขเขาดาบ มันเริ่มออกวิ่งตั้งแต่พื่นที่แนวหลังจนบุกเข้าไปยังแนวของฝ่ายตรงข้าม
และโจนตัวพุ่งเข้าใส่ มหามังกรพฤกษาอย่างห้าวหาญ
“ Cost Mp 2 อินควิซิชั่น(Inquisition) ทำลายสตาร์ชิลด์ ทิ้งซะ! ”
อาจารย์สาว ขว้างการ์ดใบสุดท้ายบนมือออกไปนี่คือ วิธีตอบโต้สุดท้ายที่เหลืออยู่ของเธอแล้ว
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:3/8 Shrine 6/15 ]
“ กะแล้วว่า อาจารย์ต้องเตรียมรับมือไว้ ”
เกร พูดพร้อมกับร่ายมิสติกการ์ดบนมือสวนออกไปเช่นกัน
“ Cost Mp 2 อินควิซิชั่น ทำลายอินควิซิชั่น ของอาจารย์เรียบร้อยแล้วครับ ”
ค่าพลังของมหามังกรพฤกษา จึงยังเป็นศูนย์ เมื่อการปะทะกันของ มิสติกการ์ดทั้งคู่หักล้างกันไป
สุนัขเขาดาบ ก็ทะลวงแกนแกลางโคนคอที่เชื่อมทั้งสามหัวของ มหามังกรพฤกษาเข้าไว้ด้วยกันจนกลวงโบ๋
ไปแล้ว
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 4/15 ]
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:1/8 Shrine 6/15 ]
“ เพราะ อิกดรากินอส ออกจากสนามไปแล้วจึงคืนอสูรทั้งหมดที่กำจัดออกไปลงชายน์ไปด้วย…หึหึหึ อาจารย์แพ้หมดรูปแล้วล่ะ เธอเก่งมากเลย เกร ”
[Busbaree Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 16/15 ]Lose
[Grea Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:1/8 Shrine 6/15 ]Win
………………………………………………
…………………………………….
…………………
“ บอส! บอส ครับ ”
เด็กหนุ่ม เกร ถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ แห่งอดีต ตรงหน้าของเขาคือ ลูกน้องซึ่งเป็นเด็กวัยเดียวกัน
อีกมากมาย กำลังคุกเข่าให้ความเคารพอยู่บนพื้นสนามและเขาที่เป็นผู้นำ ซึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ ของสนามกีฬาเก่า
ที่นี่คือแหล่งกบดานของ พันนิชเมนท์
“ มีอะไร?.. ” เกร ถามออกไป ตัวแทนลูกน้อง คนหนึ่งเดินขึ้นมารายงาน
“ พวกเราทั้งหมดออกสืบอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่มีข้อมูลของ เทวทูตสีดำ ตกค้างอยู่ที่ไหนเลยครับ แต่ว่าพวก เบโลเอ บอกว่าเคยถูกพวก ครอสมาเรีย ทำร้ายมา ”
“ เบโลเอ..? ”
เกร เปรยอย่างฉงน ชื่อนี่ไม่คุ้นหูเขาเลย เหมือนจะเป็นชื่อคนต่างประเทศ ตัวแทนรายงานชี้ลงไปยัง ชายผิวดำวัยกลางคน
ในกลุ่มลูกน้องที่แออัดกันอยู่บนสนาม เบโลเอ แสดงอาการเกร็งออกมาเมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
“ นายน่ะ…ทำไมไม่คุ้นหน้าเลย ” คำถามของ เกร กระตุ้นให้ ชายผิวดำ เกร็งมากขึ้นไปอีกแถมยังทำเลิ่กลั่ก
ประหม่าไปมาเหมือน เด็กๆ เกร หรี่ตาแคบลงเพื่อจะกวาดสายตามองหน้าพวกลูกน้อง มีคนที่ไมคุ้นหน้าคุ้นตา
เพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก หรือบางทีเพราะช่วงที่หยุดไปทำให้เขาลืมหน้าลูกน้องหรือ นั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ใบหน้าของลูกน้องที่สู้เป็นตายร่วมกันมา จะลืมได้ยังไง พวกนี้มันไม่ใช่ลูกน้องชุดเดิมของเขา
“ ช่วงที่นายไม่อยู่ มีคนมาขอเข้ากลุ่มเพิ่มน่ะ ” วาการุรุ ลูกน้องมือขวาของแก๊ง ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาช่วยตอบให้
คลายความสงสัย
“ ช่าย~~…แถมเยอะด้วย ”
การุรุคนน้อง ตีหน้าบูดอย่างไม่พอใจ แม้จะพูดในเชิงที่ว่ามีคนให้ความร่วมมือเพิ่มเป็นสิ่งที่ดี
แต่การที่มีคนไม่รู้จักเข้ามาปะปน อยู่มากมายแบบนี้มันไม่เป็นที่สบอารมณ์ของ พวกเขาเอาซะเลย
เกร เองก็เช่นเดียวกันเขารู้สึกได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจในกลุ่มเด็กหใม่พวกนี้ แต่ตัวเขาที่เคยทิ้งแก๊งไป
แล้วกลับมาตอนนี้ จะไปพูดอะไรได้เล่า
“ ไหน ลองเล่ามาสิ ”
“ อ…เอ่อ ค..ครับ! ” เบโลเอ ตอบเสียงประหม่าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ไปเจอมา
“ คือว่าเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน พวกเรากำลังเดินอยู่แถวแม่น้ำ แล้วก็ถูกพวกครอสมาเรีย มันรุมเข้ามา… ”
“ ที่ไหน!! ”
เกร ตะคอกเสียงดังลั่นจนบรรดาลูกน้องสะดุ้งไปตามๆกัน
“ แม่น้ำที่ไหน..รีบตอบมาสิ เร็ว! ”
“ ค…ค…ค้าบบบ ท..ที่สะพานข้ามไปเมืองเก่า… ”
เบโลเอ ตอบทั้งน้ำตา สายตาของเกร ที่จ้องมาขณะที่ถามนั้นดุดันราวกับว่าหากตอบไม่ตรงใจ
อาจจะถูกเชือดเก็บไปเลยก็ได้
{ต้องใช่แน่ๆ…เจ้าพวกนั้นที่ฆ่า เบโอวูฟล์}
เกร กัดฟันเพื่อข่มความโกรธที่เล็ดลอดออกมา และพยายามปรับสีหน้าเพื่อไม่ให้ลูกน้องขวัญผวาไปมากกว่านี้
“ นี่แกเป็นใครกันน่ะ?! หยุดนะ!! ”
เสียงตะโกน ของลูกน้องที่เฝ้าอยู่ตรงประตูทางเข้าสเตเดี้ยมของสนามกีฬา ดังแว่วเข้ามา
ตอนนี้ทุกคนหันไปให้ความสนใจกับเสียงนั่นแทนแล้ว ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่กับกลุ่มเฝ้าทางเข้า วิ่งเข้ามาเพื่อแจ้งให้ทราบ
“ เกิดอะไรขึ้น?! ”
วาการุรุ ถามออกไป
“ มีคนแอบดูพวกเราครับ ตอนนี้พวก ต๋อง กำลังตามมันไป ”
“ เห็นหน้ามันรึเปล่า ”
เกร ถาม
“ ไม่ครับแต่เธอใส่ชุดนักเรียนปักตราโรงเรียนเดียวกับหัวหน้าครับ ”
“ ผู้หญิงเหรอ?...ไปจับตัวมาอย่าทำให้บาดเจ็บซะล่ะ ฉันต้องการจะคุยเธอ เข้าใจนะ ”
เกร ออกคำสั่ง บรรดาลูกน้องพากันรับคำก่อนจะกรูกันออกไปตามจับ และ มีเขาวิ่งตามไปเป็นคนสุดท้าย
กองกำลังของ พันนิชเมนท์ กระจายตัวออกจากสนามกีฬา อย่างรวดเร็วราวกับผึ้งแตกรัง
แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อกระจายพื้นที่ค้นหาให้ครอบคลุมทั้งซอย
…………………….
ย้อนกลับไป เมื่อสองสัปดาห์ ก่อนหลังจาก เบโอวูฟล์ สุนัขที่ เกร เลี้ยงไว้ถูกกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะเป็น ครอสมาเรีย
ที่ยังหลงเหลืออยู่ รุมทำร้ายจนตาย อีกสิ่งหนึ่งที่สั่นคลอนหัวใจของ เขาจนต้องหันหน้าเข้าหาแก๊งอีกครั้งก็คือ……
“ มือสังหารของ URH(สหพันปฏิรูปมนุษย์ชาติ) อีกแล้วเหรอ มากันได้ไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะ ”
มาริน่า เปรย มือของเธอตั้งอยู่ในท่าเตรียมดีดนิ้ว เส้นเอ็นนับสิบภายใต้การควบคุมของเธอ มัดตรึงร่าง
ของ เทวทูต ใช่แล้ว ไม่ได้อ่านผิดหรอก ที่เธอกำลังจับตัวไว้คือ มนุษย์ติดปีกสีดำ ซึ่งผู้คนในละแวกนี้
ขนานนามให้ว่า เทวทูตสีดำ ข่าวการออกอาละวาดของ เทวทูตสีดำ เริ่มแพร่กระจายหลังจากการแข่งขัน
ซีรีโมเน่คัพ นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ เธอ อยู่ในช่วงถูกตามล่ามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะการได้ขึ้นเป็น มาสเตอร์ซีรีโมเน่
ชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างนั้นทำให้ URH ง่ายต่อการส่งมือสังหารมาเก็บ และเทวทูตสีดำ ก็เป็นหนึ่ง
ในนั้น
“ ก…แก… ”
เทวทูตสีดำ สบถและพยายามออกแรงยื้อให้เป็นอิสระจากพันธะนาการ แต่ความพยายามนั้นก็ไร้ผล ไม่อาจจะหลุดจาก
เส้นเอ็นที่มัดแน่นด้วยพลังจิตได้
“ เตรียมใจไว้ได้เลย ไม่ใช่แค่ทำร้ายฉัน แต่ยังทำร้ายเพื่อนฉันด้วย ไม่มีทางปล่อยแกแน่ ”
ภาพของ ริน กำลังใช้มือซ้ายกุมแผลที่แขนขวาซึ่งอาบไปด้วยเลือดของเธอ สะท้อนอยู่ในแววตาที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
และพริบตาที่ มาริน่า หันมามอง เทวทูต สายตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นยเยือก แทบจะแช่แข็งลมหายใจของ
ผู้ถูกจ้องได้ เทวทูตหนุ่ม รู้สึกแบบนั้น เรี่ยวแรงที่เคยรีดเร้นออกมาเพื่อยื้อกับพลังจิตของเธอ มลายหายไปสิ้น
เส้นเอ็น จำนวนหนึ่งเลื้อยขึ้นไปรัดคอหอย และรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ร่างของเทวทูต ที่หมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงใดๆจะต่อกร
ได้กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มผมสีแดง ปีกสีดำที่เคยยื่นออกมา ก็หดหายไปเช่นเดียวกัน
สองสาวยืนมองด้วยความตกตะลึง ระหว่างที่มาริน่า ยังอึ้งอยู่ ริน จัดแจงแสตนบายน์ Note ของเธอและอัญเชิญ
ไบรน่าวอลคีรี่ ออกมาตัดเส้นเอ็นทั้งหมดที่มัด เด็กหนุ่มออกไป
“ ทำอะไรน่ะ ริน? ”
มาริน่า สะดุ้งกับสิ่งที่เธอทำ ริน ไม่ตอบและวิ่งเข้าไปรับร่างของ เด็กหนุ่มก่อนจะล้มลง
“ ทำใจดีๆไว้นะ ”
“ เฮ้อ~ นั่นน่ะมันนักฆ่าที่พึ่งจะเล็งคอหอยฉันไปเองนะ...แถมเมื่อกี้เธอก็พึ่งจะถูกมันกรีดแขนไปหยกๆ ”
มาริน่า ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เธอมอง เด็กหนุ่มที่เคยเป็นเทวทูตสีดำจนถึงเมื่อครู่นี้ ก่อนจะจิกปาก
พูดห้วนๆอย่างหัวเสีย
“ เจ้าพวกสหพันบ้านั่นมันส่งเด็กมาเหรอเนี่ย…เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดจริงๆ ”
………………………
…….
ที่คฤหาสน์ของ มาริน่า
เทวทูตซึ่งกลายเป็นเด็กหนุ่ม ลืมตาฟื้นขึ้นมาหลังจากหมดสติไปอยู่นาน ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยถูกเอ็นรัด
พาดให้เห็นอยู่ และยังรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวอยู่เป็นนิจ เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแทน และสอดส่ายสายตา
มองไปรอบๆห้อง ริน กำลังวิ่งจาก โซฟาที่อยู่ตรงสุดของมุมห้อง มาหาเขาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
“ ค...โคโค เดะ.. ”(ここで >koko de. > Where)
เด็กหนุ่ม เอ่ยก่อนจะหยุดไปเสียกลางคัน เพราะกำลังพูดภาษาญี่ปุ่นออกไปตามความเคยชิน เจ้าตัว
รีบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพื่อปรับน้ำเสียงและเรียบเรียงคำพูดใหม่อีกครั้ง
“ ที่นี่? ”
“ ค่อยยังชั่วหน่อยดีนะที่เธอไม่เป็นอะไรน่ะ ”
ริน เปรยด้วยความโล่งอก
“ ทำไม…ถึงช่วยผมไว้ ”
คำถามของเด็กหนุ่ม ทำให้เธอนิ่งไปซักพัก สายตาของเธอจ้องอย่างอาวรมาที่เขา จนทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“ อย่าพูดอะไรที่น่าเศร้าแบบนั้นสิ เห็นคนจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าแล้วจะให้นิ่งอยู่เฉยอย่างนั้นเหรอ ”
ริน ใช้มือของเธอลูบหัว เด็กหนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู แม้จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากเธอแต่มันก็แฝงไว้ด้วย
ความมุ่งมั่นที่เข้มแข็ง จนเขายังอดที่จะนับถือไม่ได้ ที่นักเรียนหญิงธรรมดาๆ จะมีความสามารถมากขนาด
รู้สึกได้โดยไม่ต้องเห็นกับตาเลยหรือ
“ แกเป็นหนี้เธอครั้งใหญ่เลยล่ะ เพราะนอกจากจะช่วยจากฉันแล้ว ไอ้พวกที่ตามมาเก็บแกทีหลังก็ถูกเธอจัดการหมด ”
มาริน่า แทรกเข้ามา ขณะเดียวกันก็รับน้ำชาที่ ฟรานซิสก้า ยกมาเสิร์ฟ
“ ไดสุเกะ…นิวะ ไดสุเกะ สังกัดกองกำลังที่ 18 แห่ง St.Magnus ภายใต้บังคับบัญชาของ URH ”
พวกเธอมองหน้ากันอย่างฉงน ที่อยู่ๆเด็กหนุ่มก็บอกชื่อแซ่ขึ้นมาซะเฉยๆ
“ ขอรู้ชื่อของคุณ…ได้รึเปล่า ”
เด็กหนุ่ม ถามโดยไม่มองหน้าเธอ เพื่อจะซ่อนใบหน้าที่แดงแจ๋ด้วยความเขินอาย
ริน ยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบด้วยเสียงสุภาพ
“ จ้ะ มะลิลี จงกลาง เรียกฉันว่า ริน ก็ได้ ”
“ ริน…จะจำเอาไว้จนกว่าจะตอบแทนหนี้ชีวิตนี้ได้ ”
วันต่อมาหลังจาก นิวะ ไดสุเกะ เข้าพักอาศัยที่คฤหาสของมาริน่า และแต่งตั้งเป็นองค์รักษ์ไปด้วยพร้อมกันในตัว
เป็นขอเสนอแลกกับที่อยู่อาศัยและสวัสดิภาพต่างๆ
ที่โรงเรียนมนต์วิทยา
“ ร..ริน แขนไปโดนอะไรมาน่ะ ”
“ อ๋อนี่น่ะเหรอ ถูกเทวทูตสีดำที่กำลังเป็นที่ลือกันเล่นงานเอาน่ะ ต..แต่ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกนะเพราะว่า มาริน่า ที่มาด้วยกันช่วยเอาไว้น่ะ ”
…………………………………………..
{ทั้ง เทวทูตสีดำ ทั้งครอสมาเรีย จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ต้องสังเวยทั้งแก๊งไปฉันก็
จะลากคอพวกมันมาลงโทษให้ได้}
ห้วงภวังค์ของ ผู้นำแห่งพันนิชเมนท์ คลายออกด้วยเสียงตะโกนของบรรดาลูกน้องที่ ไล่ตามผู้สอดแนม มาจนถึงเขต
โกดังร้างนอกตัวเมือง ตู้คอนเทนเนอร์ มากมายถูกวางซ้อนกันเป็นชั้นๆในโกดังใหญ่ ช่องว่างที่เกิดจาก สิ่งกีดขวางเหล่านี้
สร้างทางเดินแคบๆ ไว้มากมายไม่ต่างจากเขาวงกต
บรรดาพันนิชเมนท์ กระจายกันไปตามซอกหลืบต่างๆของ โกดังเก่า แต่ไม่มีใครหา หญิงสาวผู้สอดแนมเจอเลย
แม้ซักคน
“ เจอรึเปล่า ”
เกร ตะโกนหลังจากตามเข้ามาภายใน โกดังพร้อมกันกับ การุรุและวาการุรุ
“ ไม่เจอเลยครับ แต่ว่าเราเห็นเธอวิ่งเข้ามาในนี้ น่าจะยังไม่ได้ออกไปครับ ”
ลูกน้องที่ไล่ตามออกไปเป็นชุดแรก รายงาน
“ กระจายกันออกไปค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ”
เกร สั่งก่อนจะกลับมาพูดกับ ลูกน้องมือขวาและซ้ายของตน
“ การุรุ วาการุรุ พวกนายสองคนเฝ้าทางออกไว้นะ ”
เกร สั่งก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในโกดังอีกครั้ง
…………………………
………………………………………….
ภายในมุมอับระหว่างตู้คอนเทนเนอร์ที่ซ้อนทับกันอยู่ ด้านในสุดของ โกดังร้างนอกเมือง เด็กสาว ขดตัวหลบสายตาจาก
กลุ่มแก๊งพันนิชเมนท์ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วโรงงาน เธอพยายามจะหอบหายใจ ให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มีเสียงใดๆลอดผ่าน
ออกไป เป็นโชคของเธอที่ระหว่างวิ่งมาที่นี่ ฝนได้ตกลงมาแล้ว เสียงน้ำฝนกระทบหลังคาโกดัง จึงก้องกังวาน กลบเสียง
หอบของเธอ ภายในโกดังยังไม่มืดเท่าไหร่นัก แม้ฝนจะตกแต่ก็เป็นช่วงบ่ายแสงจากพระอาทิตย์ยังคง
สาดทะลุเมฆฝนเข้ามาในโรงงานได้
“ ท..ทำไม เกร ถึงกลับมาอยู่กับแก๊งล่ะ… ”
ริน พึมพำกับตัวเอง อย่างเงียบๆ การที่เธอแอบตามพวก เด็กสวมผ้าพันคอสีแดง หลังจากแยกกับ เกร
ระหว่างทางกลับบ้านแล้ว จะนำเรื่องที่ไม่คาดคิดเช่นนี้มาให้ เธอเพียงแต่คิดในแบบของเธอ
ว่าแก๊งเด็กผ้าพันคอแดงที่เดินเตร็ดเตร่ กันอยู่เป็นเพียงพวกป่วนเมืองที่แตกแยกออกจาก พันนิชเมนท์
แต่เธอคิดผิด เกร ที่เธอเคยคิดว่าเขาถอนตัวไปแล้วกลับเป็นผู้นำ การรวมกลุ่มนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ เจอแล้ว!! มันอยู่ข้างในซอกคอนเทนเนอร์ด้านในสุด ”
ลูกน้องคนหนึ่งตะโกน ตอนนี้เธอจนมุมแล้วไม่มีที่จะให้หนีไปอีก 1 ต่อร้อย ต่อให้เธอมีอสูรอัญเชิญ
ก็เป็นไปไม่ได้ยิ่งอีกฝ่ายคือเกร ที่ตอนนี้ก็อัญเชิญอสูรเป็นเช่นเดียวกับเธอแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ด้านฝีมือแล้ว
เธอโดนแซงไปไกลเลย
“ เหวอ!! นี่แก อ็อก.. ”
ลูกน้องคนหนึ่งร้องเสียงหลงหลังจากนั้นก็มีอีกหลายคนที่ร้องตามๆกันมา ด้วยสภาพ ภายในโกดัง
ที่มีแต่คอนเทนเนอร์ ทำให้เธอมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอน พวกพันนิชเมนท์ ที่อยู่บริเวณอื่นก็ไม่รู้เช่นกัน
“ ไปรวมกันที่ด้านในสุดซะ! ”
เกร ออกคำสั่ง ก่อนจะหยิบ Note ของเขาออกมา
“ ฮาร์ฟ สแตนบายน์ ” /Yes Sir, Get Set/
จี้ห้อยคอกลายเป็นปลอกแขนสวมกับแขนซ้ายของเขาเป็นที่เรียบร้อย
…………………………..
“ อะไร..เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ ”
ริน ยื่นหน้าออกจากที่ซ่อนเพื่อมองหาต้นเหตุของเรื่อง และแล้วเธอก็สะดุ้งตกใจอีกครั้ง
“ ไง ”
เทวทูตสีดำ ผู้ยืนอยู่ตรงหน้าหันมาทัก ก่อนจะหันกลับไปซัดลูกกระจ๊อกที่เหลืออยู่รอบๆนี้จนสลบเหมือดหมดทุกคน
“ ด…ไดสุเกะ ”
“ ถ้าอยู่ในร่างนี้เรียกว่า ดาร์ค ดีกว่านะแบบนั้นมันจะช่วยให้แยกแยะง่ายกว่า เพราะถึงฉันจะเป็น ไดสุเกะ แต่ก็ไม่ใช่ไดสุเกะ
และในอีกทางฉันเองก็คือ ไดสุเกะ งงดีไหมล่ะ ”
“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะว่าแต่เธอมาที่นี่ได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่ ”
ดาร์ค ใช้ Note ของเขาฉายจอโฮโลแกรม แผนที่ให้เธอดูบนแผนที่มีจุดไฟสีแดง กระพริบอยู่ในจุดเดียวกับที่เธอและ
เขากำลังสนทนากัน
“ เครื่องส่งสัญญาณเหรอ…ติดเอาไว้ตอนไหนน่ะ ”
“ ก็ที่ Note ของเธอน่ะแหละ ว่าแต่เธอมีอะไรติดตัวมาบ้างรึเปล่าเอาที่จะใช้ปิดหน้าปิดตาได้น่ะ เพราะถ้าขืนให้พวก
มันเห็นหน้า เดี๋ยวจะโดนไล่ราวีเอาทีหลัง ”
ริน ควานมือหาทุกสิ่งในกระเป๋าหนังสือของเธอแต่ที่มีอยู่ก็มีแค่ ผ้าคลุมหน้าของครอสมาเรีย เท่านั้น
หากสวมสิ่งนี้แล้วออกไปตอนนี้ มันคงจะเป็นการจุดชนวนสงครามระหว่างแก๊งขึ้นมาอีกก็ได้
แต่ตอนนี้เธอมีแต่ต้องสวมมันเท่านั้น เพราะไม่อยากให้ เกร รู้ว่าเป็นเธอด้วย
ริน สวมผ้าคลุมหน้าแล้วจึงคลานออกจากที่ซ่อน ดาร์ค อุ้มเธอขึ้นมาและให้เธอ เกาะช่วงไหล่ของเขาเอาไว้
“ เอาล่ะจะไปแล้วนะ เกาะแน่นๆล่ะ ”
ปีกสีดำสยายออกจนสุด ลากเอาร่างของทั้งสองให้โผขึ้นไปสู่อากาศ
“ นั่นมัน เทวทูตสีดำ! ”
บรรดาลูกน้องในแก๊ง ที่เห็นร่างของดาร์ค บินขึ้นจากกองคอนเทนเนอร์ พูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
ทว่าความแปลกใจนั้นกลับเพิ่มพูนยิ่งขึ้น เมื่อลำแสงสีขาวพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของ ดาร์ค
แต่ เขาหักตัวหลบได้ทัน พร้อมกับหันกลับมายังต้นทางของการโจมตี
อสูรอัญเชิญ เซนทอร์สีขาว กำลังกวัดแกว่งดาบในมือ โดยมีแสงแล่นปลาบไปมาทุกครั้งที่ตวัดดาบ
“ นั่นมัน เซนทอร์พาลาดิน(Centaur Paladin) ”
ริน อุทาน เธอมองลงไปยังร่างของ เซนทอร์สีขาว บนหัวของมัน เกร กำลังยืนบังคับบัญชาอยู่บนหัวของเซนทอร์
“ นี้เป็นการเอาคืนจากฉัน เจ้าเทวทูตสีดำ รับไป ”
เซนทอร์พาลาดิน ตวับดาบฟาดลำแสงอีกสองสามสายออกไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ ดาร์ค ไม่อาจหลบให้ได้อีกแล้ว
“ ออกมา เจรัลดีเน่(Geraldine, the Valkyrie) ”
อสูรนางฟ้าหุ้มเกราะ พุ่งเข้ามารับลำแสงด้วยโล่ และสะท้อนมันออกไปได้
ลำแสงกระเด็นไปโดนหลังคาโกดัง จนถล่มลงมาส่วนหนึ่ง ประจวบกับมีฟ้าแลบเกิดขึ้นพอดี
แสงจากฟ้าแลบ ทำให้มองเห็นร่างที่ ดาร์คอุ้มอยู่อย่างชัดเจน สิงที่ทุกคนรวมทั้งเกรเห็น ไม่ใช่
นักเรียนหญิงของมนต์วิทยา หรือ ริน แต่ที่พวกเขาเห็นคือ มาเรียแห่งครอสมาเรีย ด้วยผ้าคลุมหน้า
ที่มีสัญลักษณ์ของพระแม่มาเรีย อันโดดเด่น ซ้ำยังใช้อสูรอัญเชิญ เข้าต่อกร
พวก พันนิชเมนท์ หยุดทำทุกสิ่งที่กำลังทำ และจ้องมองไปที่เดียวกัน พวกเขายืนตัวแข็งทื่อ
ไม่มีใครพูดอะไรออก ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะอะไร จะเป็นเพราะ เกร เองก็ใช้อสูรอัญเชิญ
ขึ้นมาโดยที่พวกเขาไม่รู้มาก่อน หรือ ผู้ที่มาสอดแนมคือ มาเรีย และ เทวทูตสีดำ ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นดูจะสับสนไปหมด
“ จังหวะนี้หล่ะ ”
ดาร์ค สบถพร้อมกับ เร่งความเร็วเต็มที่บินหนีหายเข้าไปในเมือง
“ ครอสมาเรีย…เทวทูตสีดำ….. ”
เกร พึมพำทุกสิ่งทุกอย่างในหัวของเขาเริ่มปะติปะต่อเข้าด้วยกัน ความจริงที่ออกมาคือ
เทวทูตสีดำเป็นพวกของ ครอสมาเรีย และพวกนั้นช่วงชิงคู่หูและทำร้ายคนรัก ของเขา
เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ และเขาจะต้องยกพวกตีกับ ครอสมาเรีย อีกครั้งงั้นหรือ ประวัติศาสตร์กำลัง
จะซ้ำรอยเดิม ริน จะต้องรับเคราะห์เช่นเดียวกับ พี่สาวของเขาด้วยรึเปล่า คำถามมากมายก่อตัวทับถม
และโหมกระหน่ำ อยู่ในใจของเด็กหนุ่ม
……………………………………………………………
………………………..
…………..
เที่ยงของวันต่อมา
เกร ใช้เวลาวันหยุดวันนี้ของเขาหมดไปกับการนัด ทั้งภูเขา และ เทนโตะ โดยสถานที่นัดคือ คลับฟิสเนต
ที่ไม่ค่อยมีคนมาใช้กันซักเท่าไหร่และใกล้จะปิดตัวในอีกไม่นาน นอกจากนี้ยังเป็นที่ๆพวกเขากับศรี มาว่ายน้ำ
ตอนช่วงหน้าร้อนด้วยกันบ่อยๆ
“ ทำไมจู่ๆถึงได้อยากเจอพวกเราขึ้นมาล่ะ ”
ภูเขา ถามหลังจากสั่งรายการเครื่องดื่มกับพนักงานแล้ว พวกเขาทั้งสามกลังประชุมอยู่ในร้านกาแฟของคลับ
ซึ่งไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยนอกจากพวกเขา สามคน
“ เพราะมีแค่พวกคุณสองคนเท่านั้นที่ผมจะถามได้…ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับ ครอสมาเรีย พอจะบอกได้รึเปล่าว่า
หัวหน้าของพวกนั้นเป็นใคร ”
เกร ถามเสียงสุภาพ เขาไม่ต้องการให้ทั้งคู่โกรธ โดยที่ยังดึงข้อมูลอะไรมาไม่ได้เลย จึงสำรวมน้ำเสียงอย่างที่สุด
ภูเขา มองเขาอยู่ซักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ จะถามเรื่องนี้เองหรอกรึ ว่าแต่นายเถอะกลับไปยุ่งกับแก๊งอีกแล้วรึไง อุตส่าห์มีแฟนดีๆกับเพื่อนดีๆแล้ว
ทำไมถึงได้กลับไปยุ่งกับเรื่องแบบนั้นอีก ฉันล่ะคิดไปว่านายที่ขึ้นมาเป็น มาสเตอร์ซีลีโมเน่ ได้เหมือนกันกับฉัน
จะไม่กลับไปยุ่งเรื่องพวกนั้นแล้วนะเนี่ย ”
เป็นเพราะภูเขา ไม่ได้เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันจึงยังไม่รู้ว่า ริน โดนทำร้ายและนี่คือเหตุผลที่เขาจะใช้มัน
เพื่อล้วงเอาข้อมูลจากทั้งสอง
“ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน สุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ถูกพวกครอสมาเรีย ฆ่าตายแล้วก็ รินถูก เทวทูตสีดำ ที่น่าจะเป็นพวก
ของมันด้วยทำร้ายมา ”
เขาก้มหน้านิ่งและไม่ยอมให้สบสายตา ทั้งภูเขา และ เทนโตะ พากันนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่
“ ด..เดี๋ยวก่อนเรื่อง หมาน่ะพักไว้ก่อนแล้วกันแต่เทวทูตสีดำมันมาเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ ”
เทนโตะ ถามแม้จะใช้พลังอ่านใจ มองเกรจนทะลุปรุโปร่งแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังชวนสับสนอยู่ดี
“ เมื่อวาน พวกเราไล่ตามคนที่มาสอดแนมการประชุม ไปจนถึงเขตโกดัง คนที่มาสอดแนมคือ มาเรีย และเทวทูตสีดำ
ก็เป็นคนมาช่วย ”
“ นายแน่ใจรึเปล่าว่านั่นใช่มาเรีย น่ะ ”
ภูเขา จ้องมาที่เขาตาเขม็ง เพราะนี่ไม่ต่างกับว่า เกร ซักพวกเขาเป็นพยานเลย
“ เธอสวมผ้าคลุมหน้ามีตราพระแม่ติดอยู่แล้วก็ใช้อสูรอัญเชิญ ที่สำคัญเธอใส่ชุดนักเรียนของมนต์วิทยาด้วย ”
คำว่า ’ชุดนักเรียนมนต์วิทยา’ ดูจะทำให้ทั้งคู่สะดุ้งขึ้นมาบ้าง สำหรับ เกร แล้วนี่เป็นการฟันธงได้เลยว่า
ที่เขาพูดไปคือลักษณะของมาเรีย แน่นอน
“ แล้วเรื่องสุนัขของนายน่ะ มีอะไรยืนยันว่าเป็นฝีมือของครอสมาเรีย ”
ภูเขา พยายามเบี่ยงประเด็น
“ พวกลูกน้องของผม ที่ชื่อ เบโลเอ ยืนยันมาว่าอย่างนั้น แล้วก็พวก ครอสมาเรีย ยังเก็บตราประจำตัวของผมที่ติดเอาไว้กับปลอกคอของมันไปด้วย ”
“ ถ้างั้นฉันขอถามนายหน่อย ถ้านายรู้ว่ามาเรียเป็นใครแล้วอยู่ที่ไหน นายจะทำยังไงต่อไป ”
ภูเขา ถามเพื่อลองใจ ของเขา
“ อยากจะขอเจรจาด้วย ”
เกร หันขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆ
“ เจรจาอะไร ”
“ จะให้ส่งตัวพวกที่ฆ่าสุนัข แล้ว ก็เทวทูตที่ทำร้าย ริน ให้กับพวกเรา ”
“ ทำไมถึงคิดว่าพวกนั้นจะฟังคำขอแบบนั้นล่ะ ”
เกร เงียบไปซักครู่ ก่อนจะให้คำตอบ
“ ผมคิดว่า ครอสมาเรีย มีการรวมกลุ่มกันอย่างหลวมๆ บางทีพวกที่ก่อการอาจจะไม่ได้ทำตามคำสั่งของ
มาเรีย ก็ได้และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เธอ มาสอดแนมพวกเรา แต่เพราะพวกเราไล่เธอไปซะก่อนก็เลยไม่ได้คุยกัน.. ”
“ แต่งเรื่องได้น่าสนุกดีนี่ ฉันไม่คิดหรอกว่านายจะคิดไปได้ไกลขนาดนั้น หรือถ้านายคิดยังงั้นจริงๆ นั่นเท่ากับว่า
นายกำลังหนีจากความจริง ขอปฏิเสธก็แล้วกัน ”
ภูเขา ตัดบทขึ้นกลางคัน เท่านี้เขาก็เข้าใจเจตนาของ เกร ที่ตั้งใจจะล้วงคอพวกเขาแต่แรกแล้ว
“ ทำไมกันล่ะ! พวกคุณเองก็ถอนตัวจากครอสมาเรีย มาแล้วทำไมยังจะต้องหวงแหนมันอยู่อีก ”
เกร กระแทกตัวขึ้นยืนตะคอกใส่ ทั้งโต๊ะเงียบไปซักพักเพราะ พนักงานที่จะเอาเครื่องดื่มมา เสิร์ฟ พากันผวาการโต้ตอบของ
พวกเขา เกร ตัดใจแล้วกลับไปนั่งตามเดิม รอให้พนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ จนเสร็จแล้วจึงเริ่ม ถามต่อ
“ จะบอกผมไม่ได้เลยเหรอ ผมน่ะไม่อยากจะให้มันซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ไม่อยากจะให้ ริน ต้องมาเกี่ยว
พันไปด้วย ”
เกร ก้มหัวลงขอร้องจนหน้าแนบติดกับโต๊ะ กระนั้น ภูเขา ก็ยังนิ่งเฉยกับคำขอร้องนี้
“ จะทำแบบนั้นไปฉันก็ไม่ตอบหรอกนะ ทั้งหมดนี่มันเกี่ยวพันลึกซึ้งกว่าที่นายคิด ”
ภูเขา ลุกจากเก้าอี้ และคว้าแก้วน้ำ ติดไปด้วย ก่อนจะเรียกให้ เทนโตะ กลับด้วยกัน
“ ถ้านายอยากจะรู้ล่ะก็ไม่ลองถาม คนๆนี้ดูล่ะ ”
เทนโตะ หันมาพูดกับเขาและยื่นกระดาษที่จดรายการเครื่องดื่มที่สั่งไว้ โดยไม่ให้ ภูเขา รู้ตัว ก่อนจะเดินตามออกไป
หลังจากทั้งคู่ไปไกลแล้ว เขาจึงพลิกกระดาษ ขึ้นมาอ่าน นอกจากรายการเครื่องดื่มที่สั่งไป มีเบอร์ติดต่อ
ถูกเขียนทิ้งไว้ ด้วยความสงสัยและความอยากรู้ เกร หยิบ Note ของเขาขึ้นมา
และเปิดจอโฮโลแกรมสำหรับใส่คำสั่ง ก่อนจะป้อน เบอร์ติดต่อลงไป เบอร์ใกล้เคียงต่างๆ ถูกแสดงออกมา
และลดลงไปเรื่อยๆจากลิสต์ที่เขามีจนในที่สุด ชื่อของเจ้าของเบอร์ ที่ได้มานั้นเขาเองก็มีเมมไว้อยู่แล้ว
[ปอร์- Phenomenon Party- 089-337-45XY]
………………………………………………..
……………….
“ เบโลเอ เนี่ยคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินมาก่อนแฮะใช่ เบโลเอ นั่นรึเปล่า ”
เทนโตะ ถามขึ้นระหว่างเดินบนทางเท้า หลังออกจากคลับ ภูเขา ทำท่านึกอยู่นานก่อนจะแพล่มขึ้นมาเบาๆ
“ แล้วมันเบโลเอ ไหนกันเล่า.. ”
………………………………………………..
……………….
……..
ห้องทำงานผู้จัดการสูงสุดแห่ง Phenomenon Party
“ แหมๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาหาฉันถึงที่นี่ เป็นเกียรติ จริงๆที่ได้พบกับเธออีกครั้ง ”
ชายชุดขาวสวมสิ่งที่ดูเหมือนเสื้อคลุม ของนักบวช – ปอร์ เอ่ยเสียงระรื่น พร้อมกับเชิญชวนให้ เกร
นั่งลงที่ โซฟาหน้าโต๊ะทำงาน
{เป็นเกียรติ งั้นเหรอแค่ได้ยินชื่อแกฉันก็ไม่อยากมาแล้ว}
เกร มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ตั้งแต่ พี่สาวของเขา ตกเป็นเหยื่อของการต่อสู้ก็เพราะชายคนนี้เป็นสาเหตุ
“ แล้ววันนี้เธอมีเรื่องอะไรล่ะ ”
ปอร์ ถามสายตาของเขามอง เกร อย่างเข้าใจที่จริงการที่ เกร จะมาหาเขานั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วก็ได้
หรือไม่ก็เขากำลังรออยู่โดยที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน ไม่มีใครรู้หรแกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ เที่ยงที่ผ่านมา ผมไปถามบางอย่างจากคนๆหนึ่งมา พวกเขาบอกว่าคุณอาจจะรู้คำตอบที่ผมกำลังต้องการ ”
“ โอ้ อย่างงั้นเองหรอกรึ อยากรู้จังว่าใครกันหนอ? ”
คำพูดกลับกลอกนั้นเหมือนจงใจ จะบอกว่าเขารู้เห็นเป็นใจกับการที่ เขามาในวันนี้ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญตอนนี้ เกร ต้องการเพียงคำตอบเท่านั้น แม้ว่านั่นจะมาจากปากของคนที่เขาเกลียดที่สุดก็ตาม
“ ผมอยากจะรู้….ใครคือ มาเรย แห่งครอสมาเรียแล้วเธออยู่ที่ไหนกัน ”
ดวงตาของ ปอร์ หรี่แคบลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แสยะออกที่มุมปาก แต่เพียงชั่วพริบตา ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้น
ได้กลายเป็นความใสซื่อบริสุทธิ จนไม่อาจจับได้ถึงความชั่วร้ายเมื่อครู่แม้แต่น้อยนิด
“ ถ้าเรื่องที่อยู่ฉันคงตอบเธอไม่ได้แต่ฉันว่าเธอคงจะรู้ดีกว่าฉันแน่ หากได้รู้ตัวจริงของมาเรีย ...มะลิลี จงกลาง
อ้อไม่สิ ถ้าให้เรียกว่า ริน อาจจะคุ้นหูเธอกว่าก็ได้ ”
คำตอบของปีศาจร้าย บาดลึกลงในใจของ เด็กหนุ่ม เพียงเสี้ยววินาทีราวกับว่าหัวใจของเขาถูกช่วงชิงไป
ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมา ความนึกคิดทั้งหมดหายไปเหมือนถูกกลืนลงไปในความมืดมิดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง
หรือแม้แต่แสงสว่างก็ยังเป็นภาพลวงตา
………………………………….
หลังจากที่ เกร กลับไปแล้ว ปอร์ เดินกลับไปที่เก้าอี้ทำงาน และทิ้งตัวลงนั่งอย่างสบายอกสบายใจ
“ ว่างรึเปล่าคะพี่.. ”
ประตูห้องถูกเปิดออก เด็กสาวอายุไล่เลี่ยกับเขา ได้ก้าวเท้าเข้ามา เธอมีผมสีดำยาวสลวยและสวมใส่ชุดกระโปรงวันพีช
สีม่วงทับเสื้อรัดรูปไว้อีกชั้น ดวงตาของเธอนิ่งเรียบและเฉียบคม จนดูน่ากลัว กิริยาท่าทางสงบเสงี่ยมทำให้ดูลึกลับ
“ ตลกดีใช่ไหมล่ะ อุตส่าห์ควานหาแทบตายสุดท้ายคนที่ตามหาคือคนใกล้ตัวน่ะ ”
ปอร์ พูดเจือด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ ขณะหมุนเก้าอี้กลับหลัง เพื่อทอดสายตาชื่นชมทิวทัศน์ หลังกระจก
ภาพของมืองและผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ เหมือนเดิมซ้ำๆกันและไม่เปลี่ยนแปลง ปลุกเร้าความต้องการของปีศาจร้าย
ในตัวของ ปอร์ และยังเป็นสิ่งที่เดียวที่ช่วยฉโลมหัวใจของเขา ไม่ให้เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อมนุษย์อันเอ่อล้น
จากหัวใจที่รวดร้าวในอดีต
“ มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอคะท่านพี่….เรราเจ น่ะ ”
เด็กสาวถาม
“ แหมๆ จิงค์ เนี่ยน้า~~ พี่ก็ต้องบอกว่าสำคัญสิ…ใช่แล้วสำคัญมากเลยล่ะ ”
ปีศาจร้ายในคราบของพี่ชายเธอ ตอบด้วยเสียงอันแหบแห้ง ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอ
“ เพื่อการนั้นสงครามคือสิ่งจำเป็น หากให้แก่นพลังของ เรราเจ ถูกวางไว้หลางสงครามแล้วล่ะก็มันจะเติบโตขึ้น
สงครามระหว่างผู้ศรัทธาต่างมุมมอง ผู้หนึ่งอุทิศตนเพื่อคนทุกข์ยาก อีกหนึ่งคือผู้ลงทัณฑ์และพิพากษา
ความเห็นที่ไม่ลงรอย จะนำพามันมา สงครามศักดิ์สิทธิ์นั่นก็คือโปรเจค สงครามครูเสด(Crusade War) ยังไงละ ”
…………………………………………………………..
………………………….
สายลมพัดพาเมฆฝนกลุ่มใหม่เข้าปกคลุมทั้งกรุงเทพฯ แสงตะวันเริ่มอ่อนแรงและใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที
หลังเดินออกจากสถานีวาร์ปแล้ว เกร เด็กหนุ่มผู้ถูกทำร้ายทางจิตใจจนร่วงหล่นสู่ห้วงภวังค์
ยังคงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย บนเส้นทาง อันคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่พึ่งเสร็จจากงานและเดินทางกลับบ้าน
“ ก..โกหก เป็นไปไม่ได้ ริน น่ะเหรอจะเป็นมาเรีย ”
“ ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ เธอไม่เคยคิดแบบนี้บ้างรึไงว่ามาเรียจะเข้ามาตีสนิทกับคนแบบเธอทำไม
ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นหัวหน้าของพันนิชเมนท์ มาเรีย คงไม่แม้แต่จะมองเธอแน่นอน คิดดูถ้าสามารถ
ดึงตัวหัวหน้าของพันนิชเมนท์ให้ถอนตัวจากแก๊งได้ มันจะเป็นอย่างไง ไม่มีคนขัดขวางเส้นทางสะดวก ประโยชน์ร้อยแปดพันเก้าแบบนี้ ยิ่งรู้ด้วยว่าหัวหน้าแก๊ง เป็นเด็กหลอกง่ายแบบนี้ ใครเล่าจะอดใจไหว ”
บทสนทนา ชุดสุดท้ายที่ใช้โต้ตอบกับ ปอร์ ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้จะพยายามลบมันออกไปก็ตาม
ยิ่งนึกย้อนกลับไปแล้ว ที่ ภูเขา ไม่ยอมบอกเขาก็คงเพราะแบบนี้ พวกนั้นรู้อยู่แต่แรกแล้ว
บางทีการช่วยเหลือพี่สาวของเขาคราวนั้น ก็อาจจะเป็นการจัดฉากด้วยก็ได้
“ ใช่ เกร กีก้าเสลฟ หรือเปล่า? ”
คำถาม จากชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินสวนเข้ามา เขาสวมแว่นกันแดด นอกขากนี้ยังมีคนอื่นๆ ที่ดูมีพิรุธ
ยืนรายล้อมไปทั่วท้องถนน สัญชาตญาณเตือนให้เขาระวังตัวเอง คนพวกนี้มีจุดประสงค์บางอย่าง
“ ช่วยไปกับเราหน่อยได้ไหม ”
ชายสวมแว่นกันแดด ยื่นมือจะเข้าไปจับตัวไว้ แต่ เกร ปัดมือของเขาทิ้งและออกวิ่งสุดแรงฝีเท้าที่มี
พุ่งฝ่าฝูงชนออกไป บรรดาคนที่ต้องการจับตัวเขา พากันวิ่งออกจากฝูงชน ไล่ตามมาติดๆ
{นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่}
เกร คิดขณะที่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
…………………………………………..
…………………………………………………………
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งสาเหตุของการไล่ล่าตัว เกร ได้อยู่ในมือ ของ มาริน่า อัลโตมาเร่ เอลิซาเบท มาริโอเน็ตต้า
มันคือหมายเรียกจับกุมของทางการที่มีผลให้ควบคุมตัว เกร กีก้าเสลฟ ให้แก่ทางการ
ตอนนี้ ศรี ริน และ มาริน่า ทั้งสามจึงอยู่พร้อมหน้ากันที่ โรงเรียน เพื่อหารือเกี่ยวกับหมายจับที่ออกมา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันน่ะ ทำไมเกร ถึงได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ”
ศรี ถามพร้อมกับมอง มาริน่า ด้วยสายตาฉงนระคนงง งวย ริน ที่มาด้วยกันก็มีสีหน้าวิตกกังวลไม่แพ้ความสับสนของเขาเลย
“ กรมปราบปรามสืบเรื่องการลักลอบนำเข้ายาเสพติด แล้วก็มีหลักฐานว่าเป็นฝีมือของแก๊งป่วนเมือง
เกร เกี่ยวข้องกับแก๊งที่ว่าด้วย ตอนนี้คงมีคนของหน่วยปราบปรามไปตามเก็บแล้วล่ะมั้ง ”
มาริน่า ตอบเสียงเรียบเธอเป็นคนเดียวที่ไมแสดงสีหน้าหรือท่าทางที่บ่งบอกถึงความกังวลในเรื่องนี้ออกมาให้เห็นเลย
ในขณะที่ ศรี ถึงกับเข่าอ่อนไปแล้ว ทั้งช็อคและอยากจะปฏิเสธสิ่งที่ได้ยิน เพื่อนของเขาถูกเหมารวมไปข้องแว้ง
กับ ยาเสพติดงั้นหรือ เหนือสิ่งอื่นใด ริน คือคนที่รับกับเรื่องนี้ไม่ได้ที่สุด เธอวิ่งหนีออกจาก ห้องเรียนที่พวก
เขาใช้ประชุมชั่วคราวไปทันที
“ทำไมถึงพูดได้หน้าตาเฉยแบบนี้ล่ะ เกร เป็นเพื่อนของพวกเรานะ ”
ศรี มองมาริน่า ด้วยสายตาที่คาดหวังว่าเธฮจะมีซักเล็กน้อยที่จะเห็นแก่เพื่อนบ้าง และแล้วเขาได้กลายเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเอง ที่ตอนนี้ เธอเองนั่นแหละคือคนที่หวั่นไหวที่สุด สายตาที่ดูวิตกกังวลยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเธอ
เป็นเช่นนี้มาก่อน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผีดูดเลือดแสนเย็นชา อย่างเธอจะแสดงอาการทางสีหน้าออกมาได้ ดูเหมือนว่าเธฮไม่อยากให้ ริน ได้เห็นความหวาดวิตกนี้ เพราะจะยิ่งเป็นห่วง เกร เข้าไปอีก กระมัง
“ถ้าไม่ทำแบบนี้คนที่จะต้องรับเคราะห์...ก็คือ ริน นะ ”
แม้เธอจะมีสีหน้าที่วิตกกังวลแต่ถ้อยคำของเธอก็ยังดูเรียบเฉย ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของมาริน่า ก็มีความสั่นสะเทือน
เจืออยู่ด้วย
“ เดี๋ยวก่อน ริน มาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ”
“ ที่ทางการสงสัยน่ะไม่ได้มีแค่แก๊งพันนิชเมนท์ ที่ เกร มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ครอสมาเรีย เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ”
มาริน่า พูดโดยไม่มองตาเขา เธอดูมีบางอย่างที่เก็บเงียบไว้
“ แล้วตกลงที่เกี่ยวกับคดีเป็นแก๊งพันนิชเมนท์ เหรอ? ”
ศรี ถามไปเขาคาดหวังว่าเธอจะพูดในสิ่งที่ยังไม่ได้บอกแก่เขา ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองก็พึ่งรู้ว่า เกร มีความเกี่ยวข้องกับ
แก๊งพันนิชเมนท์ บางทีทั้งน้องสาวของเขาและเธอ อาจจะรู้อยู่ก่อนแล้วก็ได้ นี่จะเป็นเพียงเขาคนเดียวเลยรึเปล่าที่ไม่เคยรู้
เบื้องลึกเบื้องหลังของ เหล่ามาสเตอร์ซีรีโมเน่ ด้วยกันเลย
“ ไม่ใช่หรอกเรื่องนั้นเพราะฉันผลักดันให้สรุปไปว่าอย่างนั้น พันนิชเมนท์เป็นแค่แก๊งป่วนเมืองธรรมดา
พวกที่เกี่ยวกับคดีจริงๆ คงจะเป็นพวกใช้ชื่อครอสมาเรียมาแอบอ้างนั่นแหละ แต่ว่าถ้าปล่อยให้สืบสาวเรื่องขึ้นมาถึงตรงนั้น
ริน ที่มีส่วนในการก่อตั้งครอสมาเรีย อาจจะถูกลากไปด้วย ”
มาริน่า พยายามจะให้ เขาเข้าใจถึงเหตุผลที่เธฮทำลงไปแบบนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้นเลยสำหรับ ศรี
การขายเพื่อนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ยิ่งแล้วกับ คนที่มีความสำคัญต่อ ริน ที่เป็นน้องสาวแล้ว มันจะเป็นเรื่อง
ที่มีผลกระทบมากที่สุดสำหรับเขา
“ เพราะงั้นเธอก็เลยจะให้ เกร เป็นเครื่องสังเวยเพื่อ ริน เนี่ยนะ ”
“ ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ฉันไม่รู้ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงถ้าปล่อยให้เรื่องมันไปถึงตัว ริน แล้วจะยิ่งแก้ต่างได้ลำบาก
แต่ถ้าให้ พันนิชเมนท์ เป็นแพะรับบาปอย่างดีที่สุดก็ถูกกักกันไว้ตรวจสอบความเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าผลออกมาก็คง
จะรู้ได้เองว่าผิดตัวน่ะ ถึงตอนนั้นก็น่าจะแยกตัวคนร้ายจริงๆออกจาก ข้อสงสัยที่ว่าแก๊งในเมืองมีความเกี่ยวข้องไปได้ ”
มาริน่า ตะคอก
“ แล้วถ้าเกิดทางการสรุปว่าผิดจริงขึ้นมาล่ะ เธอจะรับผิดชอบยังไง เกร ต้องรับโทษประหารเลยนะ ”
เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“ แต่นี่เป็นทางเดียวที่เราจะซื้อเวลาได้นะ ”
หลังจากฟังคำตอบของเธอแล้ว ศรี ก็ไม่พูดอะไรอีก และเตรียมจะเดินออกจากห้อง
“นั่นนายจะไปไหนน่ะ ”
“ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ไปช่วยไงล่ะ”
“ นายคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับทางการรึไง”
“ไม่ใช่! ถ้าตอนนี้ เกร ตอบโต้พวกทางการก็จะยิ่งผิดหนักเข้าไปอีกไม่ใช่เหรอ ถึงต้องรีบไปช่วยห้ามไง จะไม่ยอมให้จบแบบนี้หรอก มันต้องมีวิธีช่วยสักวิธีแหละน่า ระหว่างนี้ถ้าทางการคิดจะรวบรัดอะไรมาเธอก็ช่วยยื้อเอาไว้ทีนะ ”
ศรี ตอบด้วยสายอันมุ่งมั่น ไม่ว่ายังไงผลลัพธ์แบบนั้นตัวเขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
……………………………………………………..
…………………
ช่วงหัวค่ำอากาศเย็นลงกระทันหันและ เม็ดฝนพรั่งพรายลงสู่เมืองหลวง ถนนนองไปด้วยน้ำฝน
ผู้คนบนถนน พากันเดินเข้าหาที่อาคารหรือกันสาดของร้านค้า เพื่อหลบฝน แต่ยังคงมี เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งฝ่ากลาง
ม่านสายฝน โดยมีคนที่ไล่ตามเขาอีกสิบกว่าคน
ข้างหน้าของ เกร สุดหัวมุมถนนคือสี่แยกที่คราคร่ำไปด้วยรถติด เขาเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ทิ้งห่างพวกคนไล่ตาม
และเลี้ยวที่สี่แยก ตอนนี้เขาสายไปจากสายตาของผู้ไล่ตามแล้ว ทันทีที่พวกเขาวิ่งมาถึงสี่แยก และหักเลี้ยว
ตามมา เกร หายไปจากเส้นทางแล้ว เบื้องหน้าคือตลาดสดที่บรรดาแม่ค้ากำลังเก็บข้าวของสินค้ากันอย่างเอ็ดตะโรวุ่นวาย
จนมองไม่ออกว่าใครเป็น
“ อ้อมไปดักข้างหน้า ”
ชายสวมแว่นกันแดด สั่งพร้อมกันถอดแว่นที่ชุ่มไปด้วยคราบน้ำฝน และออกวิ่งนำกลุ่มไปอีกเส้นทาง
….
ภายในตรอกแคบๆหลังหัวมุมสี่แยกที่ เกร เลี้ยวมา เด็กสาว ยื่นหน้าออกมากวาดสายตามองไปรอบห่อนจะหันกลับเข้าไป
พูดกับ เด็กหนุ่ม
“ พวกนั้นไปหมดแล้วล่ะ ”
เธอ มอง เกร ซึ่งกำลังหอบหายใจแรง ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขาจ้องมาที่เธออย่างเหม่อลอย
ก่อนจะพึมพำออกมา
“ ริน… ”
“ ไม่เป็นไรนะ ฉันจะช่วยนายเองตอนนี้ต้องหาทางกลับไปที่ โรงเรียนก่อน มาริน่า กับพี่ต้องหาทางทำอะไรได้แน่.. ”
ริน ต้องชะงักไปเพราะ เธอถูกเขาจับหัวไหล่ทั้งสองข้างผลักให้ไปติดกำแพง
“ สนุกมากใช่ไหม…. ”
“ ก…เกร ”
“ เข้ามาตีสนิทแล้วแทงข้างหลัง จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทำเหมือนว่าตัวเป็นคนรับเคราะห์ แล้วตอนนี้อะไรอีกล่ะ
ฉันโดนคนไม่รู้จักตามล่าเอาเป็นเอาตาย นี่ก็เป็นฝีมือเธอด้วยงั้นสิ ”
สายของ เด็กหนุ่ มองมาที่เธออย่างแข็งกร้าว เขามองเธอเหมือนกับมองสิ่งที่น่าขยะแขยง และยังคงพูดประชดประชันต่อ
อย่างเฉยชา
“ สนุกมากเลยล่ะสิที่เห็นฉันวิ่งหัวหมุนเหมือนตัวตลกของเธอแบบนี้น่ะ!... ”
เพียะ!!!
วินาทีต่อมา หน้าของเขาได้หันไปตามแรงหวดของมือที่เธอใช้มันตบเข้าอย่างจัง ความรู้สึกชาแผ่ซ่านไป
ทั้งช่วงหน้าซีกซ้ายเด็กหนุ่ม นิ่งค้างไปชั่วครู่และปล่อยมือ ออกจากเธอ สายตาของเขาว่างเปล่า
เหมือนถูกดูดเอาชีวิตไป เขามองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของเธอ และรู้สึกเจ็บปวดลึกๆอยู่ภายใน
เธอจ้องตอบมาประมาณ 10 วินาที และปลีกตัวหนีจากเขาไป 5 วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มดึงสติกลับมาได้
และพบว่าเขาทำสิ่งที่บ้าที่สุดในชีวิตออกไปเสียแล้ว
“ นี่เรา….พูดบ้าอะไรออกไป… ”
ตอนนี้เขาไม่เหลือใครจริงๆแล้ว กลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวโดยสมบรูณ์
…………………………………………………….
……………………………………
………………….
เวลาล่วงเลยมาจนถึง 2 ทุ่ม สายฝนยังคงโปรยปรายโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
/Get Call/
เสียงสายเรียกเข้าดังจาก Note ของ เกร และเมื่อเขาเปิดมันเพื่อรับสาย คนที่ติดต่อมาคือ ผู้ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของ
เขา
/แกเองเหรอ มีอะไร/
เกร สบถถามเขาไม่มีอารมณ์จะมาพูดกับใครหรอกในเวลาแบบนี้
/ก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกแค่จะบอกจากนี้ไปพันนิชเมนท์ไม่ต้องการแกอีกแล้ว ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะนะ
เพราะทุกคนเขารู้หมดแล้วล่ะว่าแก กับ มาเรีย เป็นนกสองหัวให้กันอยู่ หึๆๆ แล้วก็ขอบใจสำหรับแก๊งของแกนะเดี๋ยวฉันจะสานต่อมันเองเด็กแบบแกก็กลับไปนอนดูดนมแม่ซะไป๊/
เสียงอันน่ารังเกียจ เมื่อถูกพูดด้วยสำเนียงที่คุ้นหู ทำให้เด็กหนุ่มฉุกคิดขึ้นมา ว่านี่คือเสียงเดียวกับ
คนที่โทรมาขู่จับตัวพี่สาวของเขาไปไม่ใช่หรือ
“ เฮ้ย! นี่แก เสียงแบบนี้อย่าบอกนะว่าแก… ”
/โอ๊ะๆๆ พึ่งจะมารู้ตัวเหรอเนี่ย ช่าย~~ พวกเราคือ ครอสมาเรีย…/
สายถูกตัดไปหลังจากคำว่าครอสมาเรีย โลกของ เกร มืดสนิท ความสั่นสะเทือนภายในใจ กัดกร่อน
จนร้าวราน แทบจะแหวกออกมาจากอก
…………………………………………………..
ภายในสนามของโรงเรียน เนื่องจากเป็นวันหยุดจึงไม่มีทั้งนักเรียน และอาจารย์ อยู่ที่นี่ หน่วยปราบปราม
หนึ่งกองกำลังประมาณ 20 คนจึงเข้ามารวมพลที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหา
“ พวกเราหน่วยที่ 17 แห่งกรมปราบปราม รายงานตัวครับ!! ”
หัวหน้าหน่วย สวมชุดเครื่องแบบสีกากีหมวกเหล็กและเสื้อเกราะกันกระสุนเช่นเดียวกันกับ
ลูกน้องในหน่วย จะมีก็แต่สีของหมวกเหล็กที่เป็นสีน้ำเงินต่างจากหมวกเหล็กสีเขียวของคนอื่นๆ
เขานำกองกำลังมาที่นี่เพื่อรายงานตัวกับ ผู้รับผิดชอบในการจับกุมตัว มาสเตอร์ซีรีโมเน่ เกร กีก้าเสลฟ
ซึ่งก็คือ มาริน่า ที่เป็นมาสเตอร์ซีรีโมเน่ เช่นเดียวกัน
{ขอโทษนะศรี ดูเหมือนมันจะไม่ทันเวลาซะแล้วล่ะ}
เธอก้มหน้ารำพึงกับตัวเองเบาๆ แม้จะใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ตามแต่เพราะ เกร หนีการจับกุม
ทำให้ทางการกดดันลงมา และสั่งให้พวกเขาทุกคนที่เป็น มาสเตอร์ซีรีโมเน่ นอกจาก เกร เข้าร่วมการจับกุมในครั้งนี้