Sub-Turn 35 The Clonning
……………………………………………………………………………………..
หลังจากการดวล ระหว่าง ผม และ อาคม จบลงด้วยชัยชนะของ ผม อีกเช่นเคย ก็ได้เวลาที่ จะถามถึงเป้าหมายที่
มาท้าตนดวลด้วย แต่ ประธานมาริน่า ที่ออกมาตามตัวเขาไปร่วมประชุมกับ ทุกคนก็มาเจอเข้าเสียก่อน
“ หาอยู่ต้องนานที่แท้ก็มาอยู่นี่เองหรอกเหรอ เจ้าหนู ”
ประธาน พูดหลังจากเธอ เดินเข้ามาใกล้จนเห็น อาคม ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมได้ชัดเจน เธอสะดุ้งนิดหน่อยก่อน
จะบอกให้พวกเราสองคนตามไปด้วยกัน
หลังจากที่เราสามคนเดินกันมาถึงหน้าห้องชมรมแล้ว พวกเพื่อนๆผมที่มารออยู่ก่อนแล้วก็ทักทายกันตามประสา
เหมือนทุกครั้ง อาคม ที่ตามมาด้วยตอนนี้ปิดปากเงียบไปเลยตั้งแต่พบกับ ประธาน แต่จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่เงียบ
ขรึมแบบนี้อยู่แล้วนี่นะ เพราะตลอดการดวลที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่พูดเลยหากไม่จำเป็น
“ ทีนี้ก็มากันครบซะทีนะ รวมถึงแขกคนสำคัญที่นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูจะไปเชิญมาด้วยตัวเองซะด้วย! ”
ประธาน แสยะยิ้มพลางเหล่สายตา มาที่เราสองคน แขกคนสำคัญเหรอ? ใครกันนะ นี่ผมไปเชิญใคร
ที่ประธานต้องการตัวมางั้นเหรอ ผมถามกับตัวเองแล้วก็มองหาไปซะทั่วแต่ก็ไม่มีคนที่เข้าข่าย
เลยเว้นก็เสียแต่ ประธานจะหมายถึง อาคม ที่ยืนอยู่ข้างๆผมนี่แหละ
ไม่ทันไรเขาก็เดินเข้าไปหาประธานเองเสียแล้ว
“ ไหนๆก็จะพูดเรื่องนี้กันอยู่แล้ว ถ้างั้นช่วยบอกผมมาได้รึเปล่าล่ะ ว่าพี่อนุชิต ไปอยู่ที่ไหน ”
แว่บแรกที่ได้ยินคำถามของ อาคม มันทำให้ผมสะดุ้งไปเหมือนกัน เพราะชื่อของ พี่ชาย ที่เอ่ยมา
คือชื่อจริง รุ่นพี่ คิระ หรืออีกฉายาดาบแห่งพระเจ้า นั่นเองซึ่งก็แปลว่า ตรงหน้าผมนี้คือน้องชายของ
คิระ คนนั้นหรอกหรือ
“ ก็เพราะแบบนั้น ฉันถึงได้เรียกให้พวกเขามาที่นี่เพื่อตอบคำถามของเธอเหมือนกัน แค่ที่ไปดวลกับ
เจ้าหนูก็ทำให้พอจะรู้แล้วล่ะว่าเธอคิดจะถามเรื่องพี่กับทั้ง 11 คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ใช่ไหมล่ะ ”
ประธาน หันไปหาพวกเพื่อนๆ เพื่อจะขอคำตอบ แต่ว่าทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่า คิระ
ไปไหน ที่จริงพวกเราเองพึ่งจะรู้ว่าเขาหายตัวไปก็วันนี้ที่ประธานบอก เสียด้วยซ้ำ
อาคม ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกของเขาเหมือนจะสื่อ ออกมาตรงๆผ่านทางสีหน้าและท่าทางทั้งอย่างนั้นเลย
ความรู้สึกของเขา ผมเข้าใจดีเพราะ เมื่อก่อนพี่ศรีเอง ก็เคยออกเดินทางไปนานๆจนเหมือนกับว่าจะไม่กลับมาแล้ว
หลังจากที่ อาคม กลับไปแล้ว ผมลองถามประธานดูถึงได้รู้ว่า อาคม อยู่กับ พี่ชาย แค่สองคนเท่านั้น เพราะครอบครัว
ของพวกเขา หย่าร้างกันไปแล้ว ทิ้งพวกเขาไว้กับญาติๆ แต่ทั้งสองคนก็ออกมาใช้ชีวิตกันตามลำพัง โดยมีเงิน
ที่ส่งมาจากพวก ญาติบางส่วนแต่พวกเขาก็ยังต้องทำงาน เพื่อให้มีพอใช้สอยอย่างอื่นบ้าง นอกจากค่าเล่าเรียน
จนเมื่อ 7 ปีก่อนที่ รุ่นพี่คิระ ได้เข้าเป็น Master Ceremony ทำให้มีรายได้จากงานในตำแหน่งนี้มาช่วยจุนเจือ
ครอบครัวที่มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องได้ ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกัน กลับหลังจากที่ทุกคนเล่าเรื่องการปะทะกับ
ผู้ใช้อสูรพระเจ้าของจูไดแล้ว เธอยังฝากให้ผม ช่วยเป็นเพื่อนกับ อาคม ให้ในระหว่างนี้ด้วย เพราะดูเหมือนเขาจะไม่มีเพื่อน
สนิทเลยซักคน ดูเหมือนภาระจะตกมาที่ผมอีกแล้ว สิ
…………………………………………………..
…………………….
ย้อนกลับไป 3 ชั่วโมงก่อนที่อีกด้านหนึ่งของย่านการค้า แห่งหนึ่ง คราคร่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา โดยเฉพาะวัยรุ่น
ทั้งหลายที่นี่จะเป็นราวกับสวรรค์หลังเลิกเรียนก็ว่าได้กระมัง ตั้งแต่หนุ่มสาวไปจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน
ร้านค้ามีตั้งแต่แผงลอย รถเข็นขายไปจนถึง แฟรนไชน์ อาหารตามสั่ง และภัตรคารบนตึก หรือห้างสรรพสินค้า
ที่ร้านกาแฟ(Coffee Shop) ในห้างแห่งหนึ่งของย่านการค้านี้ โคทาโร่ ที่แยกกับ ธนัท หลังจากเลิกเรียน ก็ตรงมา
ที่นี่ทันที หลังจากสั่งนมรส สตรอเบอรี่ มานั่งดื่มระหว่างรอ อยู่นานโข เจ้าของคำเชิญ
ก็ปรากฏตัวเสียที เธอยิ้มทักทายให้ พลางใช้มือสาวลวบผมยาวสีดำสนิทของเธอ ก่อนจะนั่งลงที่ โซฟา ฝั่งตรงกันข้าม
“ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณ โคทาโร่ ” เธอพูด ด้วยเสียงใสๆ ที่ใช้กับเขาทุกครั้ง
“ ผม เองยังตกใจเลยด้วยซ้ำ ที่จู่คุณ จิงค์ ถ่อมาถึงนี่แถมยังนัดผมออกมาอีก แล้วนี่มาคนเดียวหรือครับ? ”
เธอส่ายหน้าให้ผม ก่อนที่เหล่าผู้คุ้มกันของเธออีก 4 คนจะตามเข้ามา สามคนในกลุ่มนั้น ดิฮาออส เจมส์ แล้วก็บอย
เหล่าทหารคนสนิท สมัยที่พวกเรายังอยู่ร่วมกองกำลัง St.Magnus การที่พวกเราได้มาพบกันพร้อมหน้าอีกครั้งเช่นนี้
มันทำให้หวนนึกถึงวันวานเมื่อครั้งอดีตไม่น้อยหากแต่ว่า ตอนนี้ผมคงถูกแทนที่ โดยคนที่สี่ ซึ่งมีใบหน้าเหมือนผมราวกับ
ฝาแฝด พ่วงมาด้วย
[Dhaos , Boy , Jame , Jing , Kotaro(copy)]
“ ที่ฉันมาด้วยในวันนี้ก็เพื่อจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนค่ะ ที่ URH พึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานสภาคนใหม่
และยามาโมโตะ เซนาคาว่า ท่านพ่อคุณได้รับเลือกในตำแหน่งนี้ อีกทั้งพิธีแต่งงานของฉัน
กำลังจะเริ่มขึ้นตามมาในอีกไม่ช้านี้แล้ว ”
คำพูดของเธอ ทำให้ผมสับสนไปหมด แต่เรื่องหนึ่งที่พอจะเข้าใจแล้วคือ คุณพ่อคงต้องการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
ถึงได้เร่งพิธีแต่งงาน แต่ว่าเดิมทีแผนการนี้ติดขัดอยู่ที่ ตัวผมไม่ยอมทำตามที่พ่อต้องการ
เท่านี้คำตอบที่ตัวผมอีกคน มาอยู่ต่อหน้าก็กระจ่างไปกว่าครึ่งแล้ว
หลังจากที่ผมนั่งอึ้งอยู่นาน เจ้าตัวปลอม ก็พูดขึ้นมา
“ เพราะงั้นวันนี้พวกเราก็เลยมาเพื่อให้แน่ใจว่า เจ้าตัวต้นแบบจะไม่กลับไปที่เกาะอีก หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ
เพราะเราต่างก็เหมือนกัน ทั่งร่างกายและจิตใจ ”
ผมตบโต๊ะพร้อมกระแทกตัวลุกจาก โซฟา ใช้สองตามองพวกเขาทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า อย่างชัดๆ พวกเขาเหล่านั้น
ที่ผมเคยคิดว่าจะเข้าข้างและอยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน กับผมตอนนี้ มันดูน่ารังเกียจเมื่อพวกเขาได้ ตัวผมคนใหม่
ไปแทนที่ นี่เท่ากับว่าขอแค่เป็นตัวผมก็พองั้นสิ ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมพูดอะไรทำไมถึงได้ก้มหน้าก้มตายอมรับ
ผลลัพธ์แบบนี้กันนะ
“ เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า… ”
ผมพูดออกไปแบบนั้น เพราะคิดว่ายังไงซะเรื่องคราวนี้คงไม่จบแค่ การโบกมือลาแล้วต่างคนต่างแน่นอน
………………………………….
ที่ X Sport Club เกร เทนโตะ และ วาการุรุ ยังคงทำกิจวัตรของตนอยู่เหมือนเดิม เมื่อบานประตูห้องพักเปิดออก
สาวแว่นผมเปียย้อมสีทอง ในเสื้อสูทผ้าบางสีเทานุ่งกระโปรงสั้น ก้าวเข้ามาในมาดสาวมั่น
วาการุรุ และ เทนโตะ ทักทายเธออย่างเป็นกันเองพวกเขาเรียกเธอว่า ปิโย เว้นแต่ เกร ที่หันมามองอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะย้ายสายตากลับไปที่หนังสือที่อ่านค้างไว้
เธอถอนใจอย่างเซงๆ กับน้องชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แต่ทำอย่างกับว่าเบื่อที่จะเห็นหน้าเธอแล้ว
“ นี่~~ พี่อุตส่าห์กลับมาทั้งที จะมีหน่อยได้ไหมอย่าง กลับมาแล้วเหรอครับพี่ คิดถึงจังเลยอะไรแบบเนี้ย ”
“ ผมว่าอย่าดีกว่านะ เพราะถ้าให้ผมพูดแบบนั้นออกไป พี่คงจะแสลงหูน่าดูเชียวล่ะ ”
เธอถอนใจอีกครั้ง และเลิกต่อปากต่อคำ กับน้องชาย
“ พี่ปิโย แล้ว พาลุ ล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ ”
เทนโตะ ถาม
“ เราแยกกันที่สนามบินหลังจากลงจากดวงจันทร์แล้วน่ะ เห็นบอกว่าจะไปทำข่าวแถว เอธิโอเปีย มั้ง ”
“ เอาการเอางานแบบนี้ เครือข่ายของเราคงจะได้รับการตอบรับดีขึ้นน่าดูเลยนะ”
“ ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ ล่าสุดการเจรจากับ สถานทูตอิรักใหม่ ถึงไปได้ราบรื่นไง ”
เธอ หยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ไปดูข่าวที่กำลังแถลงการณ์ ซึ่งเป็นข่าวของเธอที่ทำหน้าที่
นักการทูตของ องค์กรอิสระที่แสวงหาในสันติภาพ และนำพาเหล่าผู้ทุกยากไปสู่หนทางแห่งความสุข
กลุ่มคนซึ่งประกอบด้วย นักแสดงอันดับหนึ่ง จอมพลังแห่งวงการต่อสู้ อัจฉริยะทางวิชาการ นักการทูตสาว
นักข่าวมืออาชีพ และสุดท้ายแม้จะไม่ได้มีหน้ามีตาโดดเด่นในสังคมเท่าไหร่ แต่เขาผู้นี้คือฟันเฟืองใหญ่ที่ขับเคลื่อน
ทั้งองค์กร โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเขาคือ กลุ่มผู้ก่อตั้ง หน่วยงานพัฒนาสันติภาพโลก กิก้าสลาฟ(Giga Slave)
“ ไหนๆพี่ก็กลับมาแล้วให้รู้จักสมาชิกใหม่ของเราก่อนน่าจะดีนะ ”
เกร ปิดหนังสือที่อ่าน แล้วหันไปสั่ง เทนโตะ
“ ไปรับเขามาที ”
เทนโตะ ผงกหัวก่อนจะหยิบเอา Note ขึ้นมา
/Telepotion/
เสียงและแสงเปล่งจาก Note จี้ห้อยคอ ร่างของเขาหายวับไปในพริบตา
………………………………..
บนดาดฟ้าของห้าง ผมนำ พวก St.Magnus ให้ตามขึ้นมาที่นี่ จะได้ห่างสายตาผู้คน ก่อนเราจะเริ่มตกลงกัน
“ ทีนี้ลองบอกมาซิว่าจะเอายังไง ” ผมถามออกไปแต่ถึงไม่ต้องรอคำตอบจากพวกมัน ก็เดาได้ว่าการเจรจานี้จะจบลง
แบบไหน ไม่ใครก็ใครต้องหายไปซักคน เจ้าตัวผมอีกคน เดินนำออกมาจากกลุ่ม
“ จริงๆแล้วไม่เห็นต้องถามเลยนี่เพราะฉันก็คือนายและนายก็คือฉัน เราต่างมีความคิดความอ่านที่เหมือนกัน ”
“ หึ..ถ้าเป็นฉันตัวจริงจะไม่พูดมากแบบแกหรอก ”
“ เหรอ? หมายความว่าจะซัดกันงั้นสิ แต่ว่านะสมรรถนะร่างกายเราเท่าเทียมกัน สู้ไปก็ไม่รู้ผลหรอกเจ็บตัวฟรีซะเปล่าๆ
แล้วก็กับคนที่ทิ้งการฝึกไปเป็นปีๆ ยังไงผลมันก็รู้ชัดอยู่แล้ว ”
ตกลงเจ้าตัวปลอมนี่มันพิมพ์เดียวกับ ผมจริงเหรอเนี่ยรู้สึกว่าท่าทีมันยียวนกวนใจ ล่อมือล่อเท้าดีจริงๆ
ระหว่างนี้เจ้าตัวปลอม ก็หยิบยื่น Note ของมันขึ้นมาแล้วท้าผมดวลแทน
“ ถ้ายังไงตัดสินด้วยผลการดวลแบบนี้น่าจะเป็นที่ยอมรับของเราทั้งคู่นะ ”
“ จะวิธีไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะยังไงซะฉันจะอัดแกให้น่วมก่อนจะเตะส่งกลับไปให้พ่อบ้านั่นเลย ”
“ แต่ว่าถ้าดวลกันเฉยๆแบบนี้มันก็ออกจะดูเหมือนเด็กเล่นขายของไปหน่อย ถ้ายังไงปลดระบบ Summon Field
ทิ้งไปซะเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นเป็นไง? ”
เจ้าตัวปลอมมันคิดได้ยังไงให้ปลดระบบป้องกัน อย่าง Summon Field เนี่ยนะปกติแล้ว การโจมตีของอสูร
จะไม่มีผลกับมนุษย์ มากนักเพราะ Note จะปล่อย สนามพลังปกป้องผู้เล่นไว้ ซึ่งก็คือ Summon Field
การดวลกันโดยไม่ใช้สิ่งนั้น ไม่ต่างจากการสู้กันด้วยอาวุธจริงๆ เลย แต่จะให้ปัดคำท้านี้ไปก็คงจะไม่ได้
ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง นี่ก็คงเป็นแผนของมันเหมือนกันสินะ
เพราะถ้าผมปัดข้อเสนอของมันก็เท่ากับว่าผมอ่อนแอกว่ามันก็ได้ถ้ามันอยากจะเล่นแบบนี้
“ จะเอาแบบนั้นก็ย่อมได้ เตรียมใจไว้เถอะจะฉีกแกให้เละจนดูไม่เหมือนตัวฉันอีกเลย ”
“ ขอคืนคำพูดนั้นให้นายดีกว่านะ ”
/Get Set/
เราต่างสแตนบายน์ Note ของตัวเองพร้อมกับปรับให้ระบบป้องกัน Summon Field ปิดลงหลังจาก ละอองแสง
อันเป็นพลังเวทย์สำหรับอัญเชิญอสูร ปกคลุมทั้งดาดฟ้าแล้ว การดวลก็ได้เริ่มขึ้น
[Kotaro Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ ฉันเริ่มก่อน Cost Mp 3 ให้ เดไมซ์เวียร์วูฟ(Demise Werewolf) ออกมาที่ At Line ”
ผม ร่อนการ์ดซีลบนมือ ออกไปตัวการ์ดซึมซับเอาละอองแสงระหว่างที่มันควงติ้วๆ ลงไปสู่พื้นสนาม
ทันทีที่สัมผัสกับพื้นมันจมลงไปเหมือนจมน้ำมีคลื่นกระเพื่อบนพื้นแข็งราวกับว่าที่ตรงนั้นเป็นน้ำจริงๆ
ครู่ต่อมาอสูรมนุษย์หมาป่าตัวเขื่องก็ผุดขึ้นมา
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ จากนั้น Cost Mp 2 เรียก ไวท์เวียร์วูฟ(White Werewolf) ออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
หลังจากอัญเชิญ อสูรสมิงหมาป่าขาว เพิ่มมาอีกตน นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิง สำรับของตัวผมอีกคน อยากจะรู้นักว่า
เจ้านี่จะใช้สำรับอะไร
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ รอบของฉัน ”
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
เจ้าตัวปลอมประกาศรอบ อสูรที่อัญเชิญออกมาคือ
“ Cost Mp 2 ให้ อาคามุ อินซุ ออกมาที่ At Line ”
เจ้านี่มันใช้สำรับ นักสู้เหมือนกันนี่เอง ต้องเป็นพ่อแน่ๆ ที่เอาสำรับสำรองอันเก่าของเราให้มันใช้
เจ้าตัวปลอม ทำทีเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คงจะสะใจมากล่ะสิที่ได้ย่ำยีความรู้สึกของเรา
“ ด้วย Ability ของ อาคามุ ทำให้เพิ่มเผ่า นักสู้จากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่ง ขอเลือกเป็น
นักสู้ฝึกหัดอาคามุ อินซุ(Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist) ”
เจ้าตัวปลอมพูดจบ ก็ดึงสำรับออกจากปลอกแขนมาคลี่หาใบที่ประกาศไว้
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
“ ถึงไม่ต้องอธิบายความสามารถของ มันคิดว่านายก็คงรู้ดีอยู่แล้วล่ะมั้ง ”
เจ้าตัวปลอม พูดจบ ก็ร่ายการ์ดที่พึ่งเอาขึ้นมือไป
“ Cost Mp 1 ให้ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ ออกมาที่ At Line แล้วรวมร่างกับ อาคามุ อินซุ ที่ถูกทำให้ผ่านไป 1 Turn ”
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
นักสู้เด็กน้อย ที่พึ่งอัญเชิญออกมา กระโดดไปยืนร่วมกับ อีกร่างตอนโต
“ ตอนนี้ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะมีค่า At เท่ากับ 9 แล้ว Cost Mp 2 โจมตีไปที่ เดไมซ์ เวียร์วูฟ Geo Fisrt!!(หมัดศิลา) ”
นักสู้ทั้งสอง บุกตรงข้ามสนาม เข้าประชิด อสูรสมิงหมาป่า เมื่อทั้งคู่เกร็งหมัดกำปั้นแข็งตัวขึ้นและหนักเหมือนหิน
ยามเมื่อหมัดทั้งสอง กระแทกใส่ใบหน้าและช่วงท้องของ สมิงหมาป่า มันก็ทรุดลงในทันทีและแตกสลายเป็นละอองแสง
ควบอัดกลับเป็นการ์ดตามเดิม ก่อนจะร่อนกลับคืนสู่มือของผู้เป็นนาย ผม รับเอาการ์ดที่ร่อนกลับแทบจะไม่ทัน
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
“ แค่การต่อสู้กันเองของอสูร คงจะไม่มีความหมายกับการที่พวกเราปลด Summon Field เลยถ้ายังไงไหนๆก็แล้วจะขอแสดงด้านที่ฉันไม่เหมือนกับนายให้ดูหน่อยก็แล้วกัน Cost Mp 3 Falling Form Topทำงาน ”
เจ้านี่มันไม่เหมือนกับผมจริงๆนั่นแหละ ถ้าเป็นผมให้ตายยังไงก็ไม่ใส่การ์ดทรมานคู่ต่อสู้ทั้งตอน เปิดหรือปิด
Summon Field แบบนี้แน่ การ์ดใบนี้ขนาดตอนเปิดสนามพลังไว้ ยังเคยทำผมเจ็บแทบปางตายมาแล้ว
แต่ตอนนี้ตัวผมไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงเลย
หอคอยยักษ์ผุดงอกขึ้นมากลางสนาม และ สิ่งของต่างๆ ที่ดูไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างปนๆกันมา ร่วงกร่าวลง
มา ขาของผม ก้าวเขย่งกระโดหลบไปมา แทบไม่ได้หยุด พวกของเล็กบางอัน ที่พอจะปัดออกไปได้ยังไม่เท่าไหร่
หรือจะเป็นของที่ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อย ก็ยังพอหลบได้บ้างแต่สุดท้าย ผมก็ต้องยอมรับเมื่อ หอคอยสูงชัน
ทั้งชั้นกำลังเอนโค่นลง ไม่มีที่ให้ผม หนีอีกแล้ว แถมเจ้าตัวปลอม ยังยืนหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้เห็นผมหนีเป็นหมาจนตรอกแบบนี้อีก
รู้สึกตัวอีกที ผมก็ลงมานอนแผ่หลาอยู่บนพื้นที่กองระเนระนาดไปด้วยเศษซากหอคอย เนื้อตัวเจ็บระบมไปหมด
ผมพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ขาขวากลับไปยอมขยับ มันคงหักแล้วให้ตายสิ ไม่เคยต้องดวลเสี่ยงชีวิตขนาดนี้
มานานแค่ไหนกันแล้วนะ
“ อ้าวๆ ขาหักซะแล้วเหรอ เปราะบางจังนะ ” เจ้าตัวปลอมเยาะเย้ย
“ อ้ออย่าลืมซะล่ะ ด้วยผลของ Falling From Top นายจะต้องทิ้ง Seal การ์ดบนมือไปด้วยนะ ”
ต้องทนกลั้นกลืนความเจ็บที่ขา ก่อนจะหยิบ ซีลการ์ดบนมือทิ้งลงไปในช่อง Shrine ของปลอกแขน
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
“ ตานายแล้ว แต่จะขอยอมแพ้ซะตอนนี้ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ ถึงยังไงเราก็เป็นคนๆเดียวกัน ถ้านายต้องทรมานฉันเองก็
ทนดูตัวเองโอดครวญไม่ได้หรอก ”
“ หุบปาก!! ”
ผมตะหวาดออกไป ก่อนจะจับ ซีลกับ มิสติกการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
รอบนี้ผมจะทำให้มันเจ็บจนพูดไม่ออกบ้างเลยคอยดูสิ แม้ตอนนี้ผมจะอยู่ในสภาพที่ลุกยืนไม่ได้ด้วยซ้ำแต่การ
จะคิดแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไร ใช่ไหม?
“ Cost Mp 4 ร่าย กาลี(Kali) ทิ้ง Seal กับ Mystic Card ไปอย่างละใบ แล้วกำจัด นักสู้ฝึกหัดอาคามุออกไปจากเกม ”
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
เทวีสิบกร ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางมวลหมู่ละอองเวทย์ที่มารวมตัวกันหลังจากผมร่ายการ์ดออกไป
นางสร้างหมอกดำ ปกคลุมร่างของสองนักสู้ และหายไปตามกันพร้อมๆกับหมอกที่สลายตัวไปแล้ว
การโต้ตอบดูเหมือนจะได้ เจ้าตัวปลอมมีสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที
“ Cost Mp 2 ให้ Crescent ทำงานสวมให้กับ ไวท์เวียวูฟ แล้วย้ายมันขึ้นไปที่ At Line ”
ไม่ต้องเสียเวลารอให้มันได้สติ ผมร่ายมิสติกการ์ดบนมือเพิ่มพลังหกับ สมิงหมาป่าขาว เพื่อเตรียมซ้ำทันที
ละอองเวทย์ พุ่งขึ้นไปก่อตัวเป็นเมฆหมอกบรรยากาศอึมครึมของท้องฟ้ายามราตรี คลืบคลานเข้าปกคลุมทั้งสนาม
พระจันทร์เสี้ยว ค่อยๆเผยโฉมออกจากหมู่เมฆ เฉิดฉายแสงลงมานัง ร่างของ สมิงหมาป่าขาว
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ ด้วยผลของ Crescent ทำให้ อสูรสังกัดความมืด มีค่า At เพิ่ม 2 จุด และผลจาก Ability ของไวท์เวียวูฟ
ทำให้ผลของ Mystic Card ประเภท ทารอท(Tarot) The Moon มีผลเพิ่มเป็น 2 เท่าดังนั้น ค่า At จึงเท่ากับ 9 หน่วย ”
สมิงหมาป่า ของผมรับพลังเพิ่มจากแสงของดวงจันทร์ ทำให้มันทวีความดุร้ายขึ้นเป็นกอง ผมแทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ที่จะได้เห็นมันฉีกเจ้าตัวปลอมเป็นชิ้นๆ
“ Cost Mp 1 โจมตีใส่โดยตรง! ” ผมสั่ง ไม่ทันไร ร่างของเจ้านั่น ก็โชกเลือดที่พุ่งกระฉูด
จากแผลซึ่งยาวตั้งแต่ช่วงอกลงมาจนถึงช่วงท้อง ด้วยฤทธิ์กรงเล็บของ สมิงหมาป่าขาว
ภาพที่หมอนั่นลงไปนอนดิ้น พรวดพราดอยู่บนพื้นคงจะทำให้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม
ผมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายรู้เจ็บแทน ไม่ใช่ความเจ็บทางร่างกายหรืออะไรพวกนั้น แต่เป็นความรู้เจ็บใจ
เหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเองยังไงยังงั้น อาจะเป็นเพราะผม กำลังแปลกใจที่สนุกกับการทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ?
เหมือนกับพึ่งตื่นจากภวังค์ เลยล่ะมั้งนี่ถ้า ธนัท มาเห็นผมในสภาพนี้ล่ะก็ เราคงมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย
ผมใช้การดวลเป็นเครื่องมือทำร้ายคนไปแล้วงั้นสินะ
ตัวผมอีกคน กำลังฝืนลุกขึ้นมา ภาพนั้นชวนให้แทงใจดำเข้าไปอีก ยิ่งสายตาของ พวก เจมส์ ที่มาด้วยต่างก็มองผม
ราวกับเป็นฆาตกร ยังไงยังงั้น
“ การ์ดที่ถูกนายโจมตีไปคือ อาคามุ อินซุ เลเวล 2 ต้องทิ้งมันไปสินะ ” เจ้าตัวปลอม พูดไปยังกระอักเลือดไปด้วยซ้ำ
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]
“ หมดรอบ… ”
ผมประกาศจบรอบไปทั้งๆยังนั้น หลังจากนั้นมาตลอดการดวล แม้ความต่างในด้านพลังของสำรับใหม่ของผม
กับสำรับของเจ้าตัวปลอมชนิดเทียบกันไม่ติด จทำให้มีโอกาสโจมตีโดยตรง อยู่หลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ทำ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
ซักนิดทั้งที่อยากจะจัดการเจ้าตัวปลอมที่แย่งทุกสิ่งไป ทั้งเพื่อน พ่อ อำนาจ แม้แต่การมีอยู่ของตัวเอง
แต่ก็ทำไม่ลง การดวลของเรา ดำเนินเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ มันสายเกินไปแล้วที่ ผมจะเอาชนะ
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]
สนามของผมตอนนี้เหลือเพียง ซาเวจเวียร์วูฟ (Savage Werewolf) ที่ไม่ได้รวมร่างเพียงใบเดียวเท่านั้น
ส่วนของ ตัวผมอีกคนนอกจากจะไม่มีอะไรเหลือในสนามแล้ว ยังไม่มีการ์ดเหลือบนมือแล้วด้วย
ทุกอย่างจะตัดสินที่การจั่วในครั้งนี้
“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ตัวผมอีกคน พูดไปก็สั่นไป ไม่รู้ว่าเป็น อาการสั่นสู้หรือสั่นกลัวในความพ่ายแพ้ กันแน่ แต่หลังจากจับการ์ดซีล 2 ใบ
ที่จะได้จั่วเป็นรอบสุดท้ายแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]
“ Cost Mp 2 ให้ อาคามุ อินซุ ออกมาแต่ว่าในสำรับของฉันตอนนี้ไม่มี เผ่านักสู้เหลืออยู่อีกแล้ว แต่ว่าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะตอนนี้ ไพ่ตายที่นายยังไม่รู้จักฉันคนนี้ได้มันมาไว้ในกำมือแล้ว ”
เจ้าตัวปลอม พูดอย่างมั่นใจ
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 6/8 ]
“ Cost Mp 2 ให้ ผู้พิทักษ์แห่งเมืองงบราณที่สาบสุญ การ์เดี้ยน ออฟ ดิ ลอส รูน(Guardian of the Lost Ruin)
ออกมาที่ At Line แล้วรวมร่างกับ อาคามุ ”
ตัวผมอีกคนพูด จบก็ร่อนการ์ดซีลเข้ามาในสนาม อสูรชุดเกราะของนักสู้โบราณ ปรากฏขึ้นในสนาม ก่อนจะ
แยกชิ้นส่วนเข้าไปสวมให้กับ นักสู้หนุ่ม
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 6/8 ]
“ ค่า At ของ การ์เดี้ยน หลังรวมร่างเท่ากับ 9 หน่วย ส่วนนายไม่เหลือMystic Card บนมือแล้ว จบกันซะทีนะ Cost Mp 2
โจมตีไปที่ ซาเวจเวียร์วูฟ กรงเล็บพยัคฆ์คำรน(Tiger Fang) ”
อสูรชุดเกราะ บุกเข้าประชิด สมิงหมาป่าของผม อย่างรวดเร็ว และใช้คมมีด ที่ปลายข้อมือทั้งสองทะลวงร่าง
สมิงหมาป่า และเลยมาเสียบร่างของผมตามไปอีกคน แรงสะบัดของมันทำให้ร่างของผมหมุนติ้วขึ้นไปกลางอากาศ
ก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นดาดฟ้า อย่างแรง
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 9/8 ]Lose
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 6/8 ]Win
เปลือกตาพยายามจะปิดเข้าหากันให้ได้ แม้จะฝืนแล้วก็ตามที ภาพรอบๆมืดลงอย่างช้าๆ นี่ผมกำลังจะตายอย่างนั้นหรือ?
ไม่นะ ถ้าตายตอนนี้ล่ะก็ทุกคนก็จะ… ปากผมขยับอยู่แต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา วูบต่อมาผมถึงนึกขึ้นได้
แม้จะตายไป เจ้าตัวปลอมก็ยังอยู่และจะอยู่ในฐานะของเราโดยสมบูรณ์ ใช่แล้วถึงจะตายไปตอนนี้
ทั้งพ่อหรือ เพื่อนก็คงไม่รู้หรอก เดี๋ยวนะ เพื่อนของเรา…ยังมีอยู่นี่ อา….นี่เราลืมไปได้ยังไง
เรายังมีพวกนั้นอยู่ ไม่ได้นะจะมาตายตอนนี้………………….
ในที่สุดเมื่อเวลานี้มาถึงผมก็ได้ประจักษ์แล้วว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาผมเปลี่ยนไปมากขนาดไหน การได้มาอยู่ที่นี่
มันทำให้ผม อ่อนโยนขึ้นความอำมหิตที่เคยมีเมื่อครั้งยังเป็นทหารของ St.Magnus มันหายไปหมดแล้ว
ถ้าเปรียบไปตัวผมในตอนนี้ไม่ใช่หมาป่า แต่เป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้านดีๆนี่เอง
“ อ้าว?! หมดสติไปซะแล้วเหรอ ยังหายใจอยู่แฮะ ”
โคทาโร่ตัวปลอม พูดและชักมีดสั้นออกจาก ฝักที่เหน็บเอวไว้ ออกมา
“ เดี๋ยวค่ะ น่าจะพอได้แล้วนะ ” จิงค์ แทรก พร้อมกับเข้าไปหยุดมือ ตัวปลอม
“ คุณหนู น่าจะทราบดีอยู่แล้วนี่ว่าที่เรามากันวันนี้เพื่ออะไร ” ตัวปลอม พูดและไล่ต้อนเธอให้ออกห่าง
“ หากเค้ายังอยู่ต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นกับ URH ท่านพ่อให้ผมปลุกระดมทุกคนไปแล้ว ถ้าเกิดว่าความแตกขึ้นมา
แล้วล่ะก็มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมไป เช่นนั้น คุณหนูจะแบกรับความผิดนั่นไว้ได้รึ เสียสละคนหนึ่งเพื่ออีก หลายพันคนนับว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าที่สุด ผมกับเค้าก็คือคนๆเดียวกัน ถ้าหากว่าเค้ารับรู้ถึงความจำเป็นของเรา ผมว่าเค้าก็ต้องทำเหมือนที่ผมทำนี่แหละ ”
ตัวปลอม พูดก่อนจะ กดมีดลงไปที่คอของ โคทาโร่ แต่เท้าของใครคนหนึ่งเตะมีดในมืดจนกระเด็นไป
“ พูดเหมือนกับพวกตัวร้าย เกรด B เลย น่าเบื่อจริงๆ ”
“ นี่แกเป็นใครกันปล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
ตัวปลอม สบถทุกคนเองก็ทึ่งกับ ชายแปลกหน้าที่โผล่มาปุบปับ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ และสวมหมวกประหลาด
เหมือนพวกพ่อมดแม่มด มือขวาถือนิตยสารอนิเมรายเดือน และอีกหลายเล่มอยู่ในตะกร้าคู่ใจที่มือซ้าย
“ ก็แค่ โอตาคุ ที่ผ่านมาแถวนั้นน่ะ ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น ” ชายแปลกหน้าตอบ ระหว่างที่เก็บ
หนังสือลงตะกร้าไป
“ ไอ้นี่..กวนประสาทนักนะ ”
โคทาโร่ตัวปลอม พูดและชักปืนพกออกมายิงใส่ไปสามนัด แต่กระสุนทั้งสามนัดก็ร่วงตกพื้นก่อนจะถึงตัวชายแปลกหน้าเสียอีก มันชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น แล้วกระเด็นออกมา
“ คุณเป็น…DNA-Changer สายพลังจิต… ” จิงค์ พูด แต่ชายแปลกหน้าก็แทรกขึ้น
“ ก็แค่ โอตาคุ ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น บอกไปแล้วนี่ ”
“ แกจะเป็นตัวอะไรก็ช่างแต่แกเห็นความลับของประเทศเราแล้ว ” โคทาโร่ตัวปลอมพูด
“ ก็จะกำจัดทิ้งเหรอ..เฮ้อ~ ” ชายแปลกหน้า ถอนใจ และหยิบเอา Note จี้ห้อยคอ ขึ้นมา
“ เอางี้เรามาดวลด้วยเงื่อนไขเดียวกับ ที่นายพึ่งทำเมื่อกี้ก็ได้ แต่ว่านายก็ยังบาดเจ็บอยู่ แถมอีกสาม
คนข้างหลังดูท่าจะไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆด้วย ถ้างั้นเข้ามาพร้อมกันให้หมดเลยก็แล้วกัน ”
เขามองไปยังพวก บอย ที่รอคำสั่งจาก โคทาโร่ตัวปลอมอยู่
“ แล้วแกจะเสียใจที่เสนอออกมาแบบนั้น ”
ตัวปลอมรับคำท้า และสั่งให้ บอย เจมส์ และ ดิฮาออส ติดตั้ง Note แล้วเข้าไปยืนล้อมไว้ไม่ให้หนี
“ เวลาฉันไม่ค่อยจะมีถ้างั้นขอเอาจริงก็แล้วกันนะ ไอจิส(Aegis) แสตนบายน์ เทเล อะบิลิตี้เจนเนอเรชั่น โหมด ”
/Get Set, Tele Ability Generation(TAG) Mode On!!/
Note ของโอตาคุที่บังเอิญผ่านมา ปลดปล่อยละอองพลังเวทย์ที่มีสีเงินสะท้อนแสงวิบวับออกมาปกคลุมทั้งดาดฟ้าในพริบตา
“ ขอธีม(Theme)แปลงร่างของ สตราไดรเวอร์(Star Driver)นะ ” /Yes Sir/
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา สั่งครู่ต่อมาเพลงประกอบ อนิเม ก็ดังก้องออกมา
“ แอพพริวอยเซ่!!! ”
ละอองสีเงินที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ถูกดึงให้มารวมที่ร่างของเขา
“ ซัซโซวโทวโจว!(เจิดจรัสบนเวที) ”
เสื้อคลุมสีดำซึบซับละอองแสงที่จับอยู่รอบๆเข้าไปและเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินชายเสื้อขยายยาวขึ้นจนปลายแตะพื้น
กางเกงถูกเปลี่ยนเป็น โอเวอร์บูทสีขาวยาวถึงเข่าสวมทับกางเกงผ้าสีฟ้า
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา เหวี่ยงตัวสะบัดชายเสื้อคลุมให้
พริ้ว ละอองแสงที่เหลือ อยู่ถูกชักจูงไปตามการวาดมือระหว่างที่เหวี่ยงตัว
“ กิงกะ...บิโชวเน็น!!(หนุ่มรูปงามแห่งทางช้างเผือก) ”
สีผมของเจ้าตัวถูกย้อมเป็นสีแดง และยาวขึ้นก่อนจะมัดเป็นหางม้า ผ้าคลุมสีเลือดหมู ถูกสวมทับเสื้อโคท
และ Note จี้ห้อยคอ เปลี่ยนรูปร่างเป็น อาวุธคล้ายกับขวาน เขาสะบัดมันออกเพื่อไล่ละอองแสงที่ยังจับอยู่รอบๆตัวออก
ละอองแสงที่กระจายออกมาสะท้อนกับคมของอาวุธจนเกิดเป็นแสงเปล่งประกายเจิดจ้าแสบตา
“ ทาวน์ เบิร์น! ”
“ ค…โครต แร่ด… ” เหล่าทหารชายชาณชัยทั้ง 4 ถึงกับหลุดปากออกมาด้วยทั้ง ตะลึงและทึ่งกับฉากแปลงร่าง
อลังการตระการตา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า บรรยากาศรอบข้างได้หยุดนิ่งลงไปอย่างสมบูรณ์
“ ฉันให้พวกนายเริ่มก่อนเลย ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา พูด
“ งั้นฉันขอเริ่ม ก่อน Cost Mp 2 ออกมา การ์เดี้ยน ออฟ ดิ ลอสรูน ”
โคทาโร่ ตัวปลอม อัญเชิญอสูรชุดเกราะที่ใช้เผด็จศึกออกมา
“ ต่อไปตาฉันเทิร์น Cost Mp 4 ออกมา ซัคเครอส(Sagkelos) ”
ดิฮาออส อัญเชิญ หนึ่งในเทวภาพแห่งสวรรค์ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนกับเครื่องจักรออกมา หลังจากนั้น ทั้ง บอย และ เจมส์
ต่างก็เรียก เทวภาพมาอีกคนละตัว
“ ออกมา อเนโมเครอส(Anemokelos) ”
“ อัญเชิญ เรคเครอส(Lexkelos) ”
ทั้งสี่ต่างอัญเชิญอสูรตัวเก่งของแต่ละคนออกมาล้อมเอาไว้หมายจะเล่นให้หมดท่าในครั้งเดียว
“ แม่หนูเธอเองคงจะเห็นแล้วล่ะมั้งว่าตอนจบของการดวลนี้เป็นยังไง เอาเป็นว่าอย่าพึ่งสปอยก็แล้วกันนะ
ไม่งั้น อนิเม มันจะไม่สนุก ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา ทักใส่ จิงค์ ที่ยืนวิตกอยู่ห่างๆ
[Otaku Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ] Turn 0
“ ฉันเรียกให้ ตัวควบคุมหลุมดำ(Black Hole Controller)ออกมาที่ At Line เนื่องจากค่าร่ายของมันเป็นศูนย์ดังนั้นฉันจึงไม่ต้อง Cost Mp แต่อย่างใด ”
อสูรจักรกลหน้าตาแปลกประหลาด ถูกเรียกออกมา มันไม่เคลื่อนไหวหรือขยับเขยื้อน ที่จริงแล้ว
มันแทบจะเหมือนรูปปั้นที่ไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ
“ อะไรกันนี่แกมีดีแค่นี้เองรึ เอาเจ้าสวะที่ไม่มีพลีงอะไรออกมาแบบนั้นน่ะ ”
ดิฮาออส กร่างใส่
“ Cost Mp 3 Mystic สนาม หลุมดำ(Black Hole)ทำงาน ”
มิสติกการ์ด ถูกร่ายต่อทันที เขาไม่สนที่จะฟังเสียงเรียกร้องของ ดิฮาออส แม้แต่น้อยนั่นทำ ดิฮาออส
ฉุนเฉียวไปไม่น้อย
[Otaku Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 0/8 ] Turn 0
“ ด้วยผลของการ์ดใบนี้ ทุกๆครั้งที่ผ่านไป 1 Turn ผู้เล่นทุกคนจะต้องส่ง Seal Card จากบนสุดของกองไปที่ Shrine ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา อธิบายขณะที่ หลุมสีดำขนาดเล็กก่อตัวขึ้นเหนือสนาม
“ จักรวาลนั้นพิเศษ มันเป็นเหมือนภาพเหตุกาณ์ที่เล่าเรื่องราวในอดีต หากเรามองขึ้นไป สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คืออดีต เพราะ
กว่าแสงแห่งเรื่องราวนั้นจะเดินทางมาสะท้อนสู่สายตาของเรามันก็ต้องใช้เวลามากโข อยู่ ”
[อธิบายเพิ่มเติม: หมายถึงคนเราจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้จากการที่แสงสะท้อนสิ่งกับวัตถุนั้นๆแล้วสะท้อนมาที่ดวงตา
ของเรา กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ไกลออกไป การที่เราจะมองเห็นเหตุการณืนั้นได้ก็ต้องรอให้แสงที่สะท้อน
เหตุการณ์นั้น เดินทางมาถึง ก่อนจึงกล่าวได้ว่าภาพของจักรวาลบนท้องฟ้า คือเรื่องราวแห่งอดีต]
“ ข้าจะขอมอบเรื่องเล่าแห่งดวงดาวให้กับพวกเจ้า Cost mp 3 ทิ้งการ์ดบนมือไปใบหนึ่งเพื่อให้
จุดจบแห่งดวงดาว ซุปเปอร์โนว่า(Super Nova, the End of Stars) ทำงาน ”
หลังจากทิ้งซีลการ์ดบนมือไปแล้ว มิสติกที่ร่ายออกมาก็เริ่มทำงาน ประกายแสงของดวงดาว เล็กปรากฏขึ้น
ประปรายทั่วท้องฟ้า ประกายดาวเหล่านั้น เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดดวงดาวกลับกลายเป็นแสงสว่าง
ที่เฉิดฉาย ทั้งท้องฟ้า
[Otaku Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 1/8 ] Turn 0
“ ด้วยผลของ ซุปเปอร์โนว่า จะทำให้การ์ดในสนามทั้งหมดผ่านไป 50 Turn และด้วยผลของ หลุมดำ
ทำให้ต้องทิ้ง Seal Card ไปทั้งหมด 50 ใบ ”
“ แต่ว่าแกก็ต้องรับผลนั้นไปด้วยนะ! ”
เจมส์ แย้ง
“ ด้วยความสามารถของ ตัวควบคุมหลุมดำ จะช่วยป้องกันผลจาก หลุมดำทั้งหมด ”
สิ้นคำ บรรยากาศรอบๆก็เหวี่ยงไปมา หลุมดำขนาดเล็กขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลืนกินทั้งสนามเข้าไป
และกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่
[Otaku Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 1/8 ] Turn 0 Win
Zero Turn Kill
“ Sub-Turn ของฉันยังไม่จบลงดังนั้น เกมจึงยังไม่นับ Turn นี่คือการเล่นผสาน ซีโร่เทิร์นคิล(Zero Turn Kill) ยังไงล่ะ ”
To be Continue
...................
..........................
...........................
พึ่งรู้สึกนะว่า โคทาโร่ ของเราเนี่ยต่างจากต้นฉบับในเนกิมะเยอะเลย ของเขา เป็นพวกบ้าพลังใจร้อน
แต่ของเรานอกจากจะรอบจัดแล้วยังเป็นพวก ซาดิส อีกแฮะ - - ว่าไปเจ้าธนัท ก็ด้วยนิหว่า ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
ก็เคยนึกแต่ว่าคาแรกเตอร์ของมันคงประมาณจูได พวกบ้าดวลการ์ดธรรมดาๆ ความคิดความอ่าน เรียบง่าย
เอาเข้าจริงพอลองย้อนไปอ่านเองดู นี่ตรูเขียนให้เจ้าธนัท มันเป็นจอมวางแผนขนาดนี้เลยรึเนี่ย แสดงว่าตัวละคร
ของเราเป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึกสินะ ไอ้พวกลึกจริงดันตื้นซะยิ่งกว่าตื้นเฮ้อ~~
ว่าแต่ เทนโตะ ตอนแปลงร่างนั่นใช่แกจริงๆเรอะ อะไรมันจะเปลี่ยนลุคได้ขนาดนั้น
สำหรับตัวอย่างตอนต่อไปรอบนี้ไม่ได้ลงเพราะเขียนไม่ทัน เพราะงั้นก็มานั่งลุ้นกันเถอะว่าตอนหน้าจะเกี่ยวกับอะไร
ปล.รูปคาแรกเตอร์แต่ล่ะคนใหญ่ไปหน่อย เนื่องจากไม่มีเวลาปรับขนาด ช่วงนี้งานท่วมมือเหมือนกันแฮะกว่าจะเคลียหมด