นี่คือนิยายแต่งที่เอาโครงเรื่องมาจาก "Tears Of Heaven" ที่เล่าช่วงบั้นปลายของอิสฮาน จนถึงการที่พี่น้องพบกัน เห็นว่าน่าสนใจดีจึงได้ลองเอามาแต่งดู จึงต้องอขอภัยด้วยนะครับหากว่ามันไม่ค่อยน่าสนกเท่าไหร่ เป็นมือใหม่ครับผม
****************************
"เมื่อไหร่กันนะ...ที่บาปของข้านั้นจะเลือนหาย"
"ข้าจะต้องเจ็บปวดไปอีกนานเท่าไหร่ ความปวดใจนี้ถึงจะคลี่คลาย"
"แล้วสิ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้เบื้องหลังนั้น มันจะย้อนกลับมาหาข้าหรือเปล่านะ"
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่เก้าอี้ไม้ที่ทำเป็นม้านั่งที่โยกสั่นไปมา ชายชรานั่งครุ่นคิดไปพร้อมๆกับจังหวะโยกของม้าโยกอยู่ภายในห้องพักใจแห่ง "เคหาสน์แห่งบันดารา"
นับว่าเป็นเวลานานหลายปี ภายใต้ร่มเงาแห่ง "อิกดราซิล" มหาพฤกษาอันเมตตา ได้มีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ที่แห่งนั้น ซึ่งผู้คนต่างได้เรียกขานกันว่า "เคหาสน์แห่งบันดารา" เป็นเคหาสน์ที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันสวยสดงดงามที่สุดในราชอาณาจักรฟูดินัน ด้วยเพราะว่าเป็นเคหาสน์ที่ซึ่งในอดีต พระเจ้าฮารีซันและองค์หญิงวานาอันนั้นทรงเคยประทับอยู่นับตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พร้อมกับมหาปราชญ์อาวุโสวูจิน ถือเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความสมถะของกษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์บันดารา
ที่แห่งนี้ถือเป็นที่แห่งความทรงจำของผู้คนแห่งยุคอดีต ก่อนที่มันจะผันแปรไปกลายเป็นอาณาจักรฟูดินัน ซึ่งเคหาสน์แห่งนี้นั้นได้ตกทอดมาเป็นของลูกหลานตระกูลบันดาราในสายของวานาอัน ซึ่งในตอนนี้ องค์หญิงวานาอันนั้นได้สิ้นพระชนม์ลงไปแล้วเป็นเวลานับหลายปี
ทุกวันนี้ "เคหาสน์แห่งบันดารา" มีแต่ความเงียบเหงา ด้วยเพราะการสิ้นไปของวานาอันอันเป็นสีสันของผืนวนาแห่งนี้ สายลมอ่อนเบาแต่มีความเย็นยะเยือกแห่งความเศร้าโศกที่ไม่จางหาย จึงยิ่งทำให้เคหาสน์แห่งนี้มีแต่ความทุกข์ตรมและเศร้าโศกแห่งยามเหมันต์ฤดูที่ไม่สิ้นสุด.....
ชายชรานั่งครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมาและเลยไปจนมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะทำใจถึงการจากไปของวานาอันได้แล้ว แต่ว่าความรักที่มีนั้นมันกลับกลายเป็นเศร้าโศกที่ไม่มีวันเลือนหายง่ายไปจากใจเขา
ชายชราผู้นั้น คือ อิสฮาน อดีตองค์จักรพรรดิ์แห่งซาโลม และประกาศกผู้นำสันติกลับคืนสู่ทวีปเมอร์ริเซีย นับเป็นเวลานานแล้วที่เขาได้ปลดแอกแห่งพันธะและจากราชฐานแห่งซาโลมมาอยู่กับวานาอัน เวลานั้นช่างเป็นวันที่แสนสูขที่ไม่วันจางหาย
แต่ตอนนี้เขากลับเจ็บปวด เจ็บปวด และเจ็บปวด เมื่อเขาได้คิดถึงภาระแห่งกษัตริย์ที่ตนเองทิ้งไว้เบื้องหลัง นํ้าตาของซูไลก้า เสียงกู่ร้องของประชาชนในมโนสำนึกของเขา และเหนือสิ่งอื่นใด คือ ลูกชายของเขา ลูกชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย เหล่านี้คือความทุกข์ที่เขายังคงไม่ลืม
นับตั้งแต่สิ้นวานาอัน อิสฮานก็กลุ้มใจคิดหมกหมุ่นในเรื่องราวพวกนี้มาโดยตลอด อิสฮานคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาจะต้องชดใช้ "เมื่อท่านได้รับและมั่งมีด้วยความสูข ย่อมจะต้องจ่ายมันคืนด้วยความทุกข์ระทมอย่างไม่จบสิ้น บัดนี้ พระองค์กำลังทรงเรียกทุกสิ่งที่ข้าได้รับนั้นกลับคืนสู่พระองค์" นี่คือสิ่งที่เขาคิดและรู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่เขานั้นจะต้องจากไปแล้ว
แต่ว่าเขามีสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจ จนทำให้เขาไม่อาจจะละทิ้งโลกใบนี้ได้ ซึ่งเขาต้องการจะชำระให้สิ้นก่อนที่มันจะสายเกินไป ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องออกเดินทางเป็นครั้งสุดท้าย
ในขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น ได้มีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักใจของอิสฮาน พร้อมกับได้เรียกเขาด้วยความอ่อนโยนแห่งสตรีผู้ซึ่งมีจิตใจดีงามไร้ซึ่งมลทินใดๆ
"ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือคะ...ท่านพ่อ"
"......อาวีล่าเองหรือ"
ถูกแล้ว สตรีผู้นั้นคือ อาวีล่า บุตรีของอิสฮาน นางได้รับมรดกจากมารดาและบิดามาอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งความงามและก็จิตใจที่งดงามยิ่งกว่า ด้วยจิตใจอันไม่ถือตนนั้น จึงทำให้ผู้คนทั้งปวงต่างให้ความเคารพยำเกรงอย่างยิ่ง และมิกล้าแตะต้องนาง และให้ความรักต่อนางดุจดั่งที่พวกเขาได้ให้ต่อองค์หญิงวานาอัน ผู้เป็นมารดาของนาง
"ข้าเห็นว่าเสียงโยกของเก้าอี้โยกนั้นเงียบไป ข้าจึงสงสัยว่าท่านพ่อจะเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าถึงได้เดินมาดูท่าน"
"งั้นเหรอ พ่อมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องคิดน่ะ"
"หลายสิ่งหลายอย่างเหรอคะ"
"ใช่ พ่อรู้ตัว ว่าพ่อนั้นอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก"
"อย่าพูดเช่นนั้น นะคะท่านพ่อ"
"ลูกข้า ไม่มีใครไม่ตายลงหรอกนะ ร่างต้องกลับคืนสู่ดิน วิญญาณกลับคืนสู่ฟ้า เจ้าเองก็ไม่พ้นสัจธรรมนี้เช่นกัน แต่ว่าพ่อนั้นต้องไปก่อนเจ้าดอกนะ"
"........"
"แต่ว่า พ่อยังไปตอนนี้หรอก เพราะพ่อยังมีภาระสุดท้ายต้องทำ"
"ภาระสุดท้าย..."
"ใช่...นั่นคือการเดินทางครั้งสุดท้ายสู่ซานตาน่า"
อาวีล่าเดินเข้ามาด้วยเพราะสังเกตุว่าบิดาของนางนั้นเงียบไป และนางเห็นว่าอิสฮานนั้นนั่งนิ่งไม่ไหวติง นางจึงได้ส่งเสียงเรียกเพื่อจะปลุกเขาออกจากภวังค์ อิสฮานจึงได้สังเกตุเห็นอาวีล่า
อิสฮานได้บอกอาวีล่าว่าเหตุที่เขานิ่งไปเพราะคิดอะไรหลายอย่าง เขากำลังคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และช่วงเวลาที่ผ่านไป และด้วยเพราะเหตุนั้นเขาถึงได้บอกกับอาวีล่าราวกับบอกตัวเองว่า ใกล้ถึงเวลาแล้ว
แต่ก็เป็นธรรมดาที่อาวีล่าต้องคอยให้กำลังใจบิดาตน เพราะนางรู้ว่าบิดาของนางนั้นเป็นทุกข์ตรมมาหลายปีนับตั้งแต่ที่วานาอันได้สิ้นไป แต่อิสฮานก็ได้บอกกลับไปว่าไม่มีใครหนีพ้นความตายอันถือเป็นสัจธรรมไปได้ แต่เขานั้นก็บอกกับอาวีล่าว่ายังไงเขาจะไม่ยอมตาย จนกว่าเขาจะทำภาระกิจสุดท้ายให้สิ้นสุดเสียก่อน
ซึ่งนั่นก็คือ การเดินทางสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนักบุญอลาน่า "โอเอซิสซานตาน่า"