[ตอนที่ 1 : โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว... หลังพิรุณสีเลือด]
"เข้าเทิร์นของฉัน ขอจั่วซีลหนึ่งใบและมิสติกการ์ดหนึ่งใบ" น้ำเสียงนั้นถูกเอ่ยอย่างเปี่ยมความมั่นใจ มือเรียวงามตวัดไปที่กองไพ่ทั้งสองกองหยิบใบบนสุดของกองละใบขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นการ์ดทีถูกจั่วได้ รอยยิ้มก็เปล่งออกมาจนทำให้ผู้ที่เฝ้ามองและแอบมองถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ
"เนื่องจากฉันการ์ดเกิน จึงขอทิ้งมิสติกการ์ดสองใบ และขอใช้ 2mp เรียกองค์หญิงแห่งเผ่าเงือก ลานิไค ออกมาที่แนวหน้า" ซีลการ์ดถูกวางที่ตำแหน่งแนวหน้าของสนามฝั่งเธอ "ผลพิเศษทำงาน มิสติกการ์ด Trident Harpoon จะถูกสวมใส่จากไชน์เมื่อมีเผ่าเงือกธาตุแสงเข้าสู่สนาม และฉันขอสวมใส่ทั้งสองใบให้กับ ลานิไค"
สีหน้าคู่ต่อสู้เริ่มตึงเครียด แม้เขาจะยังมีมานาเต็มจำนวน แต่การ์ดในมือเขากลับเตรียมพร้อมสำหรับปิดเกมในเทิร์นถัดไป ไม่พร้อมที่จะรับการบุกสายฟ้าแลบที่แม่สาวเบื้องหน้ากำลังจะกระทำนี้
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย เขาก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
"ร่าย 2mp ใช้ Inquisition ทำลายมิสติกการ์ดสวมใส่ทิ้งหนึ่งใบ" คู่ต่อสู้ของเธอร่ายมิสติกการ์ดออกมาเพื่อทำลายมิสติกการ์ดของเธอไปหนึ่งใบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้างดงามนั้นเสียความมั่นใจ
...อีกฝ่ายติดกับแล้ว
"ขอใช้จังหวะสวนกลับ ! ขอจ่าย 2 mp สั่งให้ราชินีแห่งเงือก รีอันน่าใช้สกิล ทิ้งการ์ดหนึ่งใบในมือเพื่อใช้สกิลเรียกเทวาลัยแห่งเนปจูน !" หญิงสาวสั่งใช้สกิลในจังหวะอินเทอร์เฟียร์ (Interfere) ของเกมที่ทำให้ใช้ความสามารถเพื่อสวนกลับได้ "และเนื่องจากตอนนี้ฉันมีเผ่าเงือกในสนามเกิน 5 ใบ เทวาลัยนี้จะป้องกันการถูกทำลาย ส่วนอาวุธนั่นนายทำลายไปได้เลย"
"เสร็จกัน !" อีกฝ่ายเผลอหลุดสบถออกมา เพราะเขารู้จุดเด่นของเด็คหญิงสาวได้อย่างดี
มิสติกการ์ดเทวาลัยแห่งเนปจูนจะเพิ่มพลังโจมตีธาตุน้ำทั้งสนาม และเนื่องจากอีกฝ่ายเล่นเผ่าเงือกมนตรา (Mermage) ก็จะได้เสริมมพลังไปอีกขั้น และลดมานาค่าโจมตีและใช้สกิลลงอีกด้วย
และตอนนี้ทั้งเทวาลัยโพไซดอนและเนปจูนตั้งตระหง่านอยู่ที่ฟิลอีกฝ่ายโดยเขาไม่อาจแตะต้องอะไรได้ หญิงสาวดึงความสนใจที่จะขัดเกมการลงซีลการ์ดของเธอไปที่การเรียกอาวุธเพื่อหมายจะลงฟิลเนปจูนนี้ตั้งแต่ต้น
และเขารู้ดีว่าจะเจออะไรต่อจากนั้น
"ใช้อีก 1mp ร่ายวอร์ครายเมอร์เมจ (War Cry Mermage) และสั่งใช้สกิลโดยไม่เสีย mp เรียกวอร์ครายเมอร์เมจลงมาอีกใบ" สกิลของวอร์ครายเมอร์เมจใช้ 2mp ซึ่งเมื่อมีสองเทวาลัยตั้งอยู่บนฟิลของเธอทำให้ลด mp ค่าใช้สกิลลงไปสองหน่วย เธอจึงไม่เสีย mp ในการสั่งใช้สกิลเลย "และเมื่อวอร์ครายเมอร์เมจตัวที่สองเข้ามาในสนาม วอร์ครายเมอร์เมจตัวแรกถูกนับว่าผ่านไป 1 เทิร์น ฉันจึงใช้สกิลได้อีกครั้ง ฉันขอร่ายแอนดิซองจ์เมอร์เมจ (Annedisonge Mermage) ลงมาโดยไม่เสียค่าร่าย สั่งใช้สกิลของแอนดิซองค์เมอร์เมจเรียกเทวาลัยเนปจูนออกมาอีกหนึ่งใบ แน่นอนมันไม่เสียค่าใช้สกิล"
เมื่อเทวาลัยถูกตั้งขึ้นอีกหนึ่ง เขาก็รู้จุดจบของศึกครั้งนี้ และก็จริงดังว่าเมื่อเธอเผยให้เห็นสิ่งที่กำลังจะตามมา "และซีลการ์ดอีกใบที่ฉันจะเรียกออกมานั่นก็คือ.... ลูเซียน่า !!"
ผู้โจมตีไม่ใช่ลานิไคตั้งแต่ต้น แต่หากเขาไม่เบรคเกมไว้ สุดท้ายแล้วอาจจะแก้เกมได้ยากกว่า... ชายหนุ่มมองฟิลอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยจอมเวทเงือกหลายใบกำลังโลดแล่น และเด่นอยู่แถวหน้าสุดคือคีย์การ์ดของเด็คหญิงสาว... ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับนามของเธอเอง
"ด้วยพลังของแอนดิซองจ์เมอร์เมจ ลูเซียน่าจะสามารถจ่ายค่าโจมตีเพิ่ม 2 เพื่อจู่โจมศัตรูทุกตัวในสนามนายพร้อมกัน แต่ฉันมีเทวาลัยสามต้น ฉันลด mp ค่าโจมตีได้สามหน่วย" สิ้นบัญชาราวกับตัดสินประหาร เมื่อเธอชี้นิ้วใส่เขา "ขอจ่าย mp 1 หน่วย สั่งโจมตีซีลทุกใบของนายด้วยพลังโจมตี 19 !!"
"เกมมมม" เสียงจบเกมดังขึ้นเมื่อซีลทุกใบในสนามอีกฝ่ายถูกกวาดหายจนเกลี้ยง เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทุกสารทิศตอบรับหญิงสาวผู้เป็นแชมป์การประลองในปีนั้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โรม , อิตาลี 8 ปีต่อมา
"เสียใจด้วย คุณไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน"
ถอนหายใจเฮือกยาวก่อนขยำกระดาษเป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาลงถังขยะอย่างไม่ไยดี กลับไปอ่านสองจดหมายที่เหลือเนื้อความล้วนเหมือนกันหมดจนทำให้ร่างกายที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่ายามเช้าห่อเหี่ยวอย่างทันทีทันใด
ยังดีที่มีโกโก้ร้อน ๆ ช่วยให้บรรยากาศยามเช้าไม่หายไปเสียทีเดียว... หญิงสาวไล่นึกถึงชื่อบริษัทในหัวอีกสองสามชื่อที่ตนน่าจะพอไปสมัครหางานได้ แต่สายงานของเธอในปัจจุบันช่างหางานทำยากเหลือเกิน
'สงสัยคงต้องออกไปหางานเองแล้วกระมัง ?' เธอคิดในใจ เช้าวันพฤหัสเป็นเวลาที่ดีที่จะนั่งจิบกาแฟแล้วตุ๋นเนื้อไว้ทำลาซานญ่า แต่เงินในกระเป๋าที่เหลือไม่มากทำให้เธอไม่เหลือตัวเลือกมากนัก
แต่พอก้าวออกไปข้างนอกบ้านเท่านั้นแหละ...
"ฝนตก" ลูเซียน่าสบถออกมาอย่างอดไม่ได้ ทำไมวันนี้เรื่องร้าย ๆ ถึงประดังเข้ามาไม่ได้หยุดเลยนะ หล่อนรีบกลับเข้าในตัวบ้านปิดประตูหาผ้ามาเช็ดผมสีน้ำตาลเข้มของเธอ
"หืม ?" บนฟ้าสีขาวสะอาดที่เธอใช้เช็ดผม กลับมีดวงสีแดงอยู่หลาย ๆ จุด นึกสงสัยว่าเมื่อคืนเธอเอาผ้านี้ไปเช็ดอะไรผิดที่รึเปล่า ก็ไม่น่าใช่ หญิงสาวจึงนำมันไปที่อ่างล้างจานหมายจะล้างสีแดงที่ติดออกไปให้ออก ทว่าสิ่งที่เห็นด้านนอกหน้าต่างทำให้เธอหลุดอุทานออกมา "โอ้... พระเจ้า..."
หยาดเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาเป็นสีแดง เมื่อตกลงสู่พื้นก็ทำให้เกิดสีแดงฉานในทุกที่ราวกับคราบเลือดไหลนอง เธอไม่เห็นคนอื่นซึ่งก็น่าจะอยู่ในบ้านกันหมด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเธอแทบจะไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง
หรือบางทีเธออาจจะฝันไปอยู่... หญิงสาวเชื่อว่าอย่างนั้น สายฝนด้านนอกยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงโดยง่าย ลูเซียน่าจึงเอนหลังลงกับโซฟาตัวโปรดของเธอ หวังจะพักสายตาสักเล็กน้อย แต่ฤทธิ์กาแฟไม่ได้ช่วยเธอเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนหลับไปโดยไม่รู้ตัว
รู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงเสียแล้ว
ลูเซียน่าลุกขึ้นอย่างงัวเงีย คิดในใจอย่างง่วงงุนว่าสงสัยต้องตบกาแฟอีกซักแก้ว จึงเดินไปที่ครัวโดยไม่รอช้า ซึ่งสายตามองออกไปนอกบ้านโดยปกติไม่ได้ตั้งใจเพ่งมองอะไรชัดเจน
แต่บางสิ่งทำให้เธอหยุดชะงักกึกเมื่อเธอมองออกไปด้านนอกบ้าน
ฝนหยุดลงเม็ดแล้ว... ถ้ามันเคยมีฝนมาก่อนนะ เพราะสิ่งที่เธอเห็นคืออากาศยามใกล้เที่ยงที่ร้อนแรงและไร้ซึ่งร่องรอยว่าเคยมีฝนตกมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว !!
เสียงน้ำเดือดดึงความสนใจเธอไปที่มัน กาแฟแก้วที่สองถูกชงร้อน ๆ และซดลงไปทั้งร้อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นยามไหนของวันมันก็ยังสร้างกลิ่นไอที่ผ่อนคลายและขจัดความง่วงงุนเฉพาะหน้าได้ดี ลูเซียน่าส่ายหัวแรง ๆ ขับไล่ความมึนงงออกไปจนหมด ก็ตอนนั้นเองที่มีเสียงคนเคาะประตูบ้าน
"ใครกันนะ ?" ร่างเล็กเดินไปที่ประตู โดยไม่ได้ทันสังเกตว่าที่ผ้าเช็ดผมสีขาว มีขอบการ์ดสีฟ้าโผล่ออกมาโดยส่วนใหญ่ถูกทับเอาไว้อยู่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...เมื่อถึงเวลาแห่งพันธะสัญญา
จะมีดวงตามองเห็นหยาดพิรุณสีเลือด
เขาจะนำพาสิ่งที่หายไปให้กลับมา
เขาจะชำระล้างสรรพาสู่จุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง
ตำนานแห่งเทอร์รา จะหวนคืนอีกครั้ง
และครานี้ จักรุ่งโรจน์ฤาสูญลับดับสิ้น ก็ด้วยมือของเหล่าผู้เห็นนิมิตนี้แล