แต่งเรื่องเกี่ยว กับตระกูล ต่างๆในโลก SMN
โครงเรื่องไปหนึ่งแล้ว ESTA series
Mythical of Taiteer Esta,The Red Earth Leogriff King
เวลาผ่านมาแสนนาน กับตำนานเรื่องเล่ามากมาย ของเหล่าวีรบุรุษ
ข้าชื่อไทเทียร์
เลือดท่วมกายชายหนุ่มจากการต่อสู้ อันแสนดุเดือด เขาเอ่ยเบาๆอย่างอ่อนแรงกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
" สิ่งที่ทำให้ข้ายืนอยู่ได้ ก็คือสิ่งที่ข้าปกป้อง เพราะสิ่งเหล่านั้นเจ้าจะไม่มีวันที่จะชนะข้าได้ "



chapter 1 : The Esta (นิยายแต่งเองนะครับ เป็นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับซัม)
ท่ามกลางป่าเขาไพร ที่กว้างใหญ่ไพรศาลของทวีปอันกว้างใหญ่ ณ กลางป่าที่เป็นไปด้วยดอกไม้ป่า สัตว์นานาชนิด มากมายยัง
มีครอบครัว ครอบครัวหนึ่งซึ่งกำลังเดินทางไป นครใหญ่ มิราบิริส ครอบครัวนี่เป็นครอบครัวไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ มีสมาชิกครอบครัว
เพียง พ่อ แม่ และก็ลูกชาย หน้าตาน่ารักน่าชัง วัย 9 เดือน ที่ตอนนี่นอนหลับปุ๋ย อยู่ในอ้อมแขนของมารดา
" ท่านพี่ ไครอน( Kyron )ดูลูกของเราสินอนหลับปุ๋ยเลย น่ารักน่าชังจริงๆ นี่ๆ "
มารดาของเด็กเลี้ยงสามีตัวเองให้ดูลูกชายพร้อมกับใช้นิ้วจับแก้ม นุ่มๆของลูกชาย
ชายผมสีน้ำตาล วัยกลางคนหันมอง
" น้องหญิง( Ying ) ก็แกล้งแหย่ลูกอยู่ได้ แต่ลูกเราก็น่ารักน่าชังจริงๆนั้นล่ะ นี่ๆ " พูดสักพักก็เอามือไปขี่แก้มลูกชาย ของเขา
"ท่านพี่ว่าแต่น้องนะดูตัวเองสิ ยังไม่หยุดแกล้งลูกเลย เดี๋ยวลูกก็ตื่นพอดี " เธอพูดใส่สามี เป็นเชิงว่าหยุดแหย่ลูกได้แล้ว
พูดไม่ทันขาดคำเจ้าหนูน้อนตัวเล็กผมสีน้ำตาล ที่เหมือนบิดา กับดวงตาที่เหมือนมารดา ตอนนี้กำลังหาวนอนปากกว้าง
เป็นสัญญาณว่าหนูจะตื่นแล้วนะ
" ท่านพี่ดูสิลูกตื่นเลย " เธอตวาดใส่ ไครอน ที่ทำให้ลูกชายตื่น เพราะว่ากว่าเธอจะทำให้เจ้าตัวเล็กหลับได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
" พี่ขอโทษนะก็ลูกเราน่ารักเนาะ เลยแหย่เล่นนานไปหน่อย ขอโทษนะน้องหญิง " เจ้าของดูตาสีน้ำตาลพูด ขอโทษขอโพย ภรรยา
" ท่านพี่ก็อย่างนี้ตลอด ว่าแต่อีกนานไหมค่ะ กว่าจะถึง มิราบิริส " นางกล่าวถามสามี
" ใกล้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็ถึงแล้วเดี๋ยววันนี้เราพักที่นี่สักคืน รุ่งเช้าเราออกเดินทางต่อ อีกไม่นานก็ถึงแล้วล่ะ " ไครอนตอบ
เมื่อพบค่ำ บริเวณชายป่า มีแสงไฟ รั่วๆ ของแคปครอบครัวเล็กๆ ที่ได้หยุดพัก ทำอาหาร จัดที่หลักที่นอน หมอนมุ้ง เพื่อที่จะพักค้าง
แรมในคืนนี้ ในคณะที่ครอบครัวนี้กำลังหลับพักผ่อนอยู่นั้น ชายป่าบริเวณใกล้เคียง มีกลุ่มโจรนับร้อยกำลัง เคลื่อนตัวเขามาใกล้ จุดประสงค์ของกลุ่มโจรเหล่านี้มีเพียงอย่างเดียว คือ ปล้นของมีค่า จากคนเดินทางคนค้าขาย พวกมันได้รับคำสั่งจากผู้ว่าจ้างให้ตามหาสิ่งๆหนึ่งมันได้รู้ว่าสิ่งที่มันต้องหานั้นอยู่ที่ใครที่ไหน แห่งใด ในเมื่อเจอแล้วมันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่มันต้องการ ชื่อกลุ่มโจรนี้ได้เรื่องลือ ไปทั่วแคว้นแดนไกล มันคือกลุ่มโจร ฟรานดิน ( Frandin )
" ท่านฟรานดิน ครับตอนนี้เป้าหมายของเราได้อยู่ใกล้ๆ แล้วครับ " สมุนโจรนายหนึ่งบอกนายของมัน
" เจอจนได้สินะ ของอยู่กับพวก Esta จริงๆสินะ จะสักแค่ไหนนะ ตระกูล Esta "
ฟรานดิน หัวหน้ากลุ่มโจร เอ่ยพร้อมกับ เผยรอยยิ้มที่แสนชั่วร้าย บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผล ที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ความชั่ว
ของมันแว้วตาสีแดงดุจโลหิตของมันจองมองไปที่แค้มไฟอีกฝั่ง
ณ แค้มไฟบริเวณชายป่าคู่สามีภรรยากำลังทำอาหาร เพื่อรองรับความหิวและความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางในตอนกลางวัน
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อัตรายกำลังใกล้เข้ามาๆ ทุกที่แล้ว
"ท่านพี่ไครอน ชื่อ ไทเทียร์ที่เราตั้งให้ลูกอะดีแล้วเหรอค่ะ หญิงว่ามันแปลกยังไงไม่รู้ "
ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น แต่เมื่อมองไปที่สามีกับเห็นสามีตัวดีไม่สนใจที่นางพูดเอาแต่ก้มหน้ากิน ข้าวแกงตรงหน้าจนนางมีน้ำโหนิดๆ
" ท่านพี่ไครอน !!! " นางตวาดเสียงดั่งใส่ชายตรงหน้า ทำให้เขาตกใจมาก ข้าวที่อยู่ในปากพุ่งพรวดออกมา
" เกิดไรขึ้นน้องหญิง ทำไมต้องเสียงดังด้วย " เขาหันมาถาม
" ก็ท่านพี่ใครอนไม่ฟังที่หญิงพูดเลย ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว " เธอพูดอย่างน้อยอกน้อยใจสามี
" พี่ขอโทษนะพอดีหิวมากไปน่ะ ว่าแต่ทำไมเหรอ น้องหญิง "
"น้องถามว่า ชื่อที่ตั้งให้ลูกน่ะ มันดูแปลกๆค่ะ "
" ไม่เห็นแปลกเลย พี่ว่าดีออกลูกเราจะต้องมีชื่อเสียงไม่น้อยแน่นอน "
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็เสียง กิ่งไม้หักดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไครอน ลุกขึ้นคว้าอาวุธ ข้างกายขึ้นมา เตรียมป้องกันตัว
ไม่นานนัก ก็มีร่างของใครบ้างคนค่อยๆเดินออกมากจากเงามืด หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีคนจำนวนมากเดินอกมาตาม เมื่อแสงไฟจากกองไฟส่องไป ถึงคนกลุ่มนั้นก็ปรากฎ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผล และดวงตาสีเลือดดุจปีศาจร้าย ที่พร้อมมุ่งทำร้ายชีวิต
ไม่นานเจ้าของใบหน้านั้นก็เอ่ยขึ้น
" เจ้ามีของที่ข้าต้องการ ส่งมาซะดีๆ ข้าจะได้ไว้ชีวิตเจ้า " ชายตาแดงกล่าวนิ่งๆช้าๆ
" ของอะไร " ไครอนถาม
" อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องส่ง ดาบศิลาเพลิงมาซะ อย่าทำให้ข้าโมโห " เจ้าของดวงตาโลหิต ตวาดเสียงดัง
" ข้าคงให้เจ้าไม่ได้หรอกเพราะนี้เป็นของสำคัญ ของข้า และกว่าข้าจะได้มาไม่ใช้เรื่องง่ายๆ " ไครอนตอบไปนิ่งๆ
" ในเมื่อพูดดีๆไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลัง ฆ่าพวกมันให้หมดแล้วแย่งดาบมาซะ " ชายร่างใหญ่ตะโกนสั่งลูกน้อง
เมื่อสิ้นเสียงของนาย สมุนโจรร้าย จำนวนนับร้อยก็พุ่งเข้าใส่ เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า และทันใดที่วิ่งเข้าไปก็ ทันใดนั้นพื้นดินก็พุ่งแทงขึ้นมาจากพื้น ด้วยคาถาของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อตอนนี้นางโกรธมาก โจรคนหนึงที่วิ่งเข้ามา เขาหยุดตัวเองไม่อยู่วิ่งชน
แท่งดินที่โผล่มาจากพื้นอย่างจัง
ตึ้ง!!! ร่างของโจรลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
" ท่านฟรานดิน เอาไงต่อดีครับ เข้าใกล้ไม่ได้เลย " ลูกสมุนของฟรานดินเอ่ยถามนาย
" เจ้านี่หรือฟรานดินโจรเรื่องชื่อ " เจ้าของผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้น
" ข้านี่ล่ะฟรานดิน รู้แล้วก็กลัวล่ะสิ เป็นธรรมดาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องยุ่งเดี๋ยวข้าจัดการเอง " ฟรานดินพูด
เมื่อได้ฟังดังนั้น ไครอน บอกให้ภรรยาของตนหนีไปก่อน เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังความชั่วของ ฟรานดินได้ เขารู้ได้
ในทันที่ว่าผู้ชายนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน แค่อาวุธที่ ฟรานดินถือก็ไม่ธรรมดาแล้ว มันคือ ค้อนย่ำธรณีหนึ่งในอาวุธวิเศษในโลกเทอร์รา
" บอกลูกน้องของเจ้าซะถ้าไม่อยากเจ็บตัวหรือตายโดยใช่เรื่องก็ จงหลีกทางให้ภรรยาของข้าซะ ปล่อยให้นางหนีไป "
ไครอนกล่าวบอกฟรานดินด้วย น้ำเสียงคราวเล่นคราวจริง จนหน้ามั่นไส้
" ได้ปล่อยนางผู้หญิงนั้นไปก่อน เดี๋ยงค่อยตามไปฆ่ามันที่หลัง Esta สักแค่ไหนกัน ก็เป็นแค่พวกชอบผจญภัยไปวันๆ "
หลังจากได้ออกคำสั่งลูกน้องแล้ว เขาก็ได้กล่าวเย้ย ไครอน
" อย่ามั่วแต่พูดอยู่เลย " ไครอน กล่าวเป็นใน เหมือนว่าเข้ามาได้แล้วจะได้จบๆไป
จบตอนที่ 1 ครับ
สาระอาวุธครับ
ดาบศิลาเพลิง
ว่ากันว่าเป็นดาบวิเศษที่เหล่าทวยเทพได้สร้างขึ้นมาจาก ดิน และไฟ ของโลกเทอร์รา เป็นดาบทือๆไม่สามารถฟันอะไรให้ขาดได้ ดาบเล่มนี้สามารถ ฟาดฟันพื้นดิน ทลายขุนเขาได้ภายในพลิบตา แต่เมื่อใดที่มันตกหรือสัมผัสกับพื้นดินจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ถ้าหากโดนดาบเล่มนี้ฟันเข้า ผู้ถูกฟันจะไม่เกิดแผลภายนอกแต่อย่างใดแต่ ภายในบอบช้ำอย่างหนัก เหมือดั่งถูกขุนเขา
ทั้งเขาตกใส่ร่างตกใส่ สาเหตุดาบเล่มนี้ปรากฎบนโลกเทอร์รา ไม่แน่ชัด บางก็ว่าจอมทัพแห่งนคร เอลูอิน ( Eluin) บ้างก็ว่าเทพสวรรค์ผู้ถือดาบทำตกลงมายังโลกเทอร์รา อาจเป็นที่มาของแผ่นดินไหวของโลกเทอร์รา
ค้อนย่ำธรณี
ว่ากันว่าเป็นอาวุธที่เทพไททันได้ ทำตกลงมาจากสวรรค์ ค้อนนี้มีพลังทำร้ายสูงมากมัน สามารถแยกพื้นดินออกเป็นสองซีกได้เลย
หากใช้ในทางที่สร้างสรรค์ จะสามารถสร้างอาวุธทรงอานุภาพได้เลย หนึ่งในนั้นก็คือ ดาบศิลาเพลิง ค้อนนี้เป็นที่ต้องการของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ พ่อค้า และช่างทำอาวุธอย่างมาก ที่ไปอยู่กับฟรานดินได้ก็คงไม่พ้นปล้นเขามา
chapter 2 : Taiteer Esta
เพียงช่วงอึดใจชายผู้ครองอาวุธวิเศษทั้งสองก็วิ่งเข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง เสียงอาวุธปะทะกันเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่าดงพงไพร เหล่าสัตว์พากันแตกตื่นวิ่งหนีตาย จากลูกหลงที่เกิดจากการต่อสู้ การต่อสู้ดำเนินมาได้สักพักเจ้าของร่างทีเต็มไปด้วยบาดแผลก็พลาดท่าเสียทีโดนดาบศิลาเพลิงฟันเข้าไป ทันทีที่ดาบศิลาเพลงสัมผัสโดนตัวของฟรานดินก็ลาวาก็พุงออกจากดาบมาโดนตัวของฟรานดิน แต่หากไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด และด้วยอำนาจของดาบวิเศษเพียงไม่นานลาวาก็ได้ซึมผ่านเข้าไปในร่างของฟรานดิน จากนั้นเลือดคำโตก็พุงออกจากปากพร้อมกับร่างที่ปลิวไปตามแรงของดาบ ที่เปรียบเสมือนโดนทุ่มภูเขาทั้งลูกใส่ จากการพลาดท่าครั้งนี้ทำให้กระดูกของฟรานดินหักไปหลายท่อน
“ร้ายกาจนักนะ ทำให้ข้าบาดเจ็บได้เพียงนี้ ไม่ต้องห่วงข้าจะเอาคืนให้สาสม ”
“ลุกให้ได้ก่อนไหมฟรานดิน ปากยังพูดได้คงไม่เป็นไรมากใช่ไหม Esta อ่อนอย่างที่เจ้าคิดหรือป่าวล่ะ ”
ไครอนพูดเย้ยฟรานดิน
ไม่นานนักการต่อสู้ของทั้งสองก็เริ่มขึ้นอีกหนคราวนี้ฝ่ายที่พลาดกับเป็นไครอนเขาโดนค้อนย้ำธรณีฟาดโดนที่แขนด้วยที่เป็นอาวุธวิเศษความรุนแรงย่อมและนักหน่วงทันทีที่สัมผัสโดนก็เกิดประกายไฟขึ้นที่แขนของไครอน เพียงไม่นานแขนซ้ายของไครอนบัดนี้กระดูกหักละเอียดเขาร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับร่างที่กระเด็นไปชนกับต้นไม้บริเวณข้างๆ เลือดไหลอาบลงมาจากแขนบัดนี้เหลือแต่เพียงแขนข้างเดียวบัดนี้ เขาคิดในใจว่าจะปล่อยให้โจรผู้นี้ไปไม่ได้ ไม่งั้นลูกและภรรยาของเขาต้องสิ้นชีพแน่ เขาคิดในใจต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องสังหารชายคนนี้ให้ได้
“แขนซ้ายเจ้าเป็นไงบ้างสบายดีไหม ดูจากหน้าเจ้าของแล้วคงเจ็บมากสินะ ”เจ้าของดวงตาโลหิตบัดได้โอกาสเย้ยกับ
“พอกันที่กับการต่อสู้ครั้งนี้หนนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราจะสู้กันฟรานดิน”ไครอนเอ่ยปาก
“ได้เลยมาตัดสินกัน”
ทันใดนั้นอาวุธวิเศษก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างงัดท่าไม้ตายของตนออกมาใช่เพื่อปลิดชีพอีกฝ่าย ทันใดนั้นเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลได้ยกดาบศิลาเพลิงขึ้นแล้วแทงมันลงไปที่พื้น ในขณะเดียวกันฟรานดินก็ได้ใช้ค้อนย่ำธรณ๊ทุบลงบนพื้นอย่างแรง
“ค่ายดาบศิลาเพลิง(เสาศิลาเพลิงสามต้น)”
“ค้อนทลายภูผา”
สิ้นเสียงของคนทั้งคู่ จากที่ดาบศิลาเพลิงเสียบลงไปในดินก็เกิดเสาดินที่มีไฟลุกท่วมเสาที่ตีนเสาก็มีลาวาไหลออกมา ฝ่ายของค้อนย่ำธรณีที่ทุบลงพื้นไปก็ทำให้แผ่นดินยกตัวขึ้น เพียงไม่นานดินที่ยกขึ้นโดยค้อนวิเศษก็พุงเข้าหาร่างของไครอน ในขณะเดียวกันดาบไฟและดาบลาวานับร้อยเล่มก็พุงออกจากหลังศิลาที่ไครอนสร้างขึ้นก็พุงเข้าหาฟรานดิน ด้วยความรุนแรงของทั้งสองอาวุธเหล่าสมุนโจรของฟรานดินก็โดนลูกหลงเสียชีวิตไปหลายคน ต้นไม้พงไพรบริเวณการต่อสู้ก็หักโค่นเป็นบริเวณกว้างร่างของฟรานดินและไครอนที่โดนพลังทำลายล้างของทั้งสองอาวุธก็ได้กระเด็นไปคนละทิศคนละทางเสียงการทำลายล้างดังกึกก้องไปถึงหน้าเมืองมิลาบิลิส
ณ หน้าเมืองมิลาบิลิสปรากฎร่างของหญิงผู้หนึ่งซึ่งในอ้อมแขนของเธอมีเด็กทารกน้อยนอนร้องไห้เนื่องจากเสียงการสู้รบที่เกิดขึ้นบริเวณชายป่า นางมองไปยังหน้าของเด็กทารกซึ่งเป็นบุตรชายของเธอและมองไปที่ชายป่านางภาวนาต่อเทพเทวดาทั้งหลายขอให้สามีตนรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในเมืองมิลาบิลิส
15 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
บัดนี้เจ้าเด็กทารกน้อยได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่วัย 15 ปีที่ตอนนี้กำลังเนื้อหอมในหมู่ของสาวๆ ด้วยหน้าตาที่แสนจะคมเข้มหล่อเหลาเอาการและด้วยความฉลาดหลักแหลมและชื่อเสียงของชายหนุ่มที่เขาได้สร้างเอาไว้ตอนอายุ 14 ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของเหลาสาวๆทั่วทั้งเมือง นามกรของเขาผู้นี้คือ ไทเทียร์ หนุ่มน้อยรูปงามแห่งตระกูล Esta
ย้อนกลับไปหลังจากที่เขาได้เสียพ่อไปนั้นแม่ของเขาก็ได้หาเลี้ยงเขามาจนโต ในระหว่างการเจริญเติมโตของเจ้าหนุ่มไทเทียร์เขาก็ได้สร้างวีรกรรมต่างๆนาๆไว้
8 ขวบ ทะเลาะวิวาทชกต่อย เนื่องจากโดนเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ โดนท่านแม่ตีจนก้นลาย
10 ขวบ ขโมยตังแม่ไปซื้อไอติม โดนจับได้อดเงินค่าขนมไปสองอาทิตย์
13 ปี ฉายแววเป็นอัจริยะด้านการฝึกสัตว์และการใช้อาวุธประเภทดาบกับหอก
14 ปี ปราบเจ้า นอร์กอส สามเขา
(ตอนย่อย 2.1 วีรกรรมวัย14ปี)
ณ เมืองมิลาบิลิสยังมีเจ้าสัตว์วายร้ายที่คอยดักทำร้ายคนค้าคนเดินทาง ที่จะมาค้าขายยังเมืองมิลาบิลิส เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้คือเจ้าสามเขา นอร์กอส เป็นสัตว์ร่างใหญ่สูงประมาณ 3 เมตร ได้ ขนาดตัวก็ถือว่าใหญ่ ชอบทำร้ายนักเดินทาง จนเรื่องเดือนร้อนไปถึงเจ้าเมืองมิลาบิลิส จนต้องส่งทหารเข้าไปปราบ เจ้าสามเขา แต่ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ เนื่องด้วยพละกำลังอันมหาศาลของมันจึงไม่มีทหารหน้าไหนล้มมันได้และด้วยพื้นที่ ที่มันอาศัยอยู่นั้นยังอยากต่อการต่อสู้ เมื่อในไม่มีทหารนายใดโค่นเจ้าสามเขาลงได้ พระราชาก็ได้มอบหมายภารกิจนี้ให้กับตระกูลEsta แน่นอนและผู้ที่ได้ทำภารกิจนี้คือไทเทียร์เด็กหนุมวัย 14 ปี และแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งเขาก็มิได้บอกใครแม้แต่แม่ตัวเอง เจ้าเด็กหนุ่มเก็บข้าวของเครื่องใช้พร้อมออกไปปราบเจ้าสามเขาและได้ทิ้งจดหมายน้อยไว้ให้มารดาว่าตนนั้นจะออกไปปราบเจ้าสามเขา

