Sub-Turn 11 Last Duel I
ความเดิม: สามเทพอสูร แห่ง ปฐพี วารี และ นภา จุติ ลงมาที่ใจกลางเมือง เหล่า Master Ceremony ต่าง
ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อที่จะหยุดยั้งการอาละวาดของพวกมัน ขณะเดียวกัน ลูเซีย ซึ่งรับคำสั่งให้มาตามหา อิส
เธอ กลับถูกเล่นงานด้วยน้ำมือของเค้าแทน และนำมาสู่การดวล ทว่าระหว่างนั้น ได้เกิดความผิดปกติ
ขึ้นกับการดวลของเธอ กับเค้า ด้าน ธนัท ที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเค้าได้พบกับต้นตอของเรื่องทั้งหมดแล้ว
และบัดนี้ ศึกสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น………………………….
…………………….“ สิ่งที่ประจักษ์ในตอนนี้คือ นี่ยังไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง ”………………………
………….
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystic1 Mp:0/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic1 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
สถานการณ์ภายในบ้านร้าง ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก ลูเซีย เธอเพิ่งจะได้เผชิญหน้ากับ อสูร ที่ไม่เคยเห็นและรู้จักมาก่อน
ไมโครโฟน Note ของเธอนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า อสูรที่ อิส ใช้นั้นคืออะไร และยังไม่ทันที่ เธอจะได้หายสงสัย
เสียงกระซิบลึกลับก็ดังขึ้นมาและยื่นคำขาดจะช่วยเธอหากเธอสามารถ ดวลอยู่ได้นาน ถึง 3 Turn
/My Master, Your Turn /(มาสเตอร์,ของเราแล้ว)
ไมโครโฟน ส่งเสียงเตือนให้เธอกลับเข้าสู่การเล่นอีกครั้ง หลังจากที่ยังคง ผวกผวนกับ เสียงกระซิบเมื่อครู่
“ อ….อืม รอบของฉัน! ”
ลูเซีย ที่พึ่งจะรู้สึกตัว รับคำก่อนจะประกาศรอบของตนขึ้น พร้อมกับจั่วมิสติกการ์ดขึ้นมาอี 2 ใบ
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystic1 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic3 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
{ เอาล่ะ…ต้องตั้งสติก่อน เรื่องความสามารถของ อสูรอัญเชิญ ที่ อิส เรียกออกมานั่น เรายังไม่รู้ก็จริง
ว่ามันคืออะไรแต่ว่ายังไง ซะค่าพลัง ของมันขึ้นหลากันเห็นๆอยู่ว่า At ของมันเท่ากับ
12 แบบนี้ฝ่ายเราเองก็บุกเข้าไปไม่ไหวเหมือนกันคงต้องหาทางตั้งรับไปก่อน }
ลูเซีย คิด เธอพิจารณา สถาการณ์บนสนามอย่างถี่ถ้วน ในสนามของเธอตอนนี้ มีแค่ อันโดรมาซ อัศวินยูนิคอร์น
แห่ง เดลิเวอร์แบนด์ เพียงตัวเดียว ที่ At Line เท่านั้น ส่วนอีกฝ่าย อสูรรูปร่างครึ่งคนครึ่งสมิงหมาป่า
ที่ไม่มีข้อมูล เฟนท์ นีโอเวล ซึ่งมีค่าพลังสูงกว่า นั้นกดดัน เธอไม่น้อยเลย อีกทั้งยังไม่รู้ถึงความสามารถ
ทั้งหมดของมัน จึงทำให้สถานะของเธอในตอนนี้อันตรายพอดู
{แต่จะว่าไปแล้ว ที่ ค่าพลังของ อสูรนั่น มี 12 ได้เพราะอยู่ในท่ารวมร่างแบบ ทริปเปิลคอมฯ นี่นะ เป็นเพราะ
ผลจากมิสติกการ์ด Mace of Ira นั่น ถ้าเราทำลายมันล่ะก็ ค่าพลังของ อสูรนั่นก็จะกลับไปเป็น 8 เหมือนตอนแรก ถ้างั้น…}
ลูเซีย คิด ขณะที่แผนการณ์รับมือ ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นในหัวของเธอ
“ Cost mp 2 อัญเชิญ ไคเลอร์ เดิลเวอร์แบนด์ อาเชอร์ (Kyler, Deliver Band Archer)ลงไปที่ At Line ”
สิ้นคำ ลูเซีย ก็ร่ายการ์ดซีลบนมือลงไป อสูรอัญเชิญ ผมสีดำยาวสะบัดพริ้ว ในชุดคลุมหนังสัตว์
มือธนูสาว ไคเลอร์แห่ง เดลิเวอร์แบนด์ ได้ปรากฏกายขึ้นบนสนามเคียงข้าง อันโดรมาซ ในทันใด
“ และด้วย Ability ของ ไคเลอร์ เมื่อเข้ามาในสนามหากมี อสูร ที่มีคำว่า Deliver Band อยู่ในชื่อแล้วล่ะก็
สามารถนำมิสติกการ์ด ที่มีคำว่า Bow อยู่ในชื่อขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่ง และได้จั่วการ์ดเพิ่มอีกหนึ่งใบด้วย
ฉันขอเลือก คันธนูแห่งพระพร(Goddess Bow) จากนั้น จั่ว มิสติกการ์ดขึ้นมาอีกใบ ”
ลูเซีย ประกาศใช้ความสามารถของ ไคเลอร์ ก่อนที่เธอจะแสดง มิสติก การ์ดที่มีรูปธนูซึ่งประดิษฐ์ให้มีรูปลักษณ์ที่งดงาม
สมชื่อ คันธนูแห่งพระพร ก่อนจะสับกองสำรับ ที่เธอ คลี่ออกมา หามิสติก และเสียบกลับเข้าช่องสำรับไป
พร้อมกับ ดึงเอา มิสติกการ์ดขึ้นมาอีกใบ
“ Cost mp 2 ร่าย คันธนูแห่งพระพร ไปติดตั้งที่ ไคเลอร์ ด้วยผลของ คันธนูแห่งพระพร จะสามารถเลือก
ความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งได้จาก 3 อย่าง ฉันขอเลือกให้ ซีลที่ติด Sp + 1 ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกับ ร่าย คันธนูแห่งพระพรที่พึ่งนำขึ้นมือไป คันธนูปรากฏขึ้นในมือของ ไคเลอร์
พร้อมกับ รัศมีออร่า ที่เปล่งประกายออกมาจากคันธนู ยามที่เธอถือมัน
“ และด้วย Ability ของ ไคเลอร์ เมื่อมี มิสติกการ์ดที่มีคำว่า Bow เข้ามาในสนาม จะได้รับ At +2 เป็นเวลา 2 Turn ”
ลูเซีย บรรยายสรรพคุณของ ไคเลอร์ ถึงออร่าที่ ปรากฏบนคันธนู ยามที่เธอถือมัน นั่นคือพลัง ที่เพิ่มขึ้นจากการได้จับ
อาวุธที่ชำนาญ
“ จากนั้น ให้ ไคเลอร์ รวมร่างกับ อันโดรมาซ เมื่อรวมกับผลของการเพิ่มค่าพลังเมื่อครู่แล้ว ค่า AT ของ ไคเลอร์
จึงมีเท่ากับ 12 ”
ลูเซีย ประกาศขึ้นพร้อมกับ จอภาพโฮโลแกรม สำหรับ ใส่คำสั่ง รวมร่างได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ทันทีที่ ทำการลากการ์ดที่ปรากฏบนจอโฮโลแกรม เสร็จสิ้น อันโดรมาซ จึง เดินเข้ามารวมกลุ่มกับ
ไคเลอร์ แทน
“ Cost Mp 2 อัญเชิญ ซานดร้า เดลิเวอร์แบนด์ แดนเซอร์ (Sandra, Deliver Band Dancer) ไว้ที่ Df Line ”
ลูเซีย ร่ายอสูรอัญเชิญ นักเต้นแห่ง วงเดลิเวอร์ แบนด์ เพิ่มขึ้นมาในสนามด้าน หลังขึ้นมา ไว้อีกนาง
นักเต้นสาวน้อย ออกมาร่ายลำท่วงท่าอันงดงาม อ่อนช้อย ก่อนจะนั่งย่อเข่าลงรออยู่ในแนวหลัง
“ หมดรอบแค่นี้ ”
เธอ ประกาศ จบรอบการเล่นของตัวทันที
{เท่านี้ ก็น่าจะพอต้านการบุกของ อีกฝ่ายได้แล้ว เจ้านั่นมันมี At 12 ทางเราก็ 12 เหมือนกัน แถม Sp มากกว่าด้วย
และถ้าตีเข้ามาจริงๆ ด้วย skill ของ ไคเลอร์ เราจะสังเวย คันธนูแห่งพระพร ทำลายมิสติก
ที่ทำให้มันอยู่ในสภาพร่วมร่างนั่นซะ ค่าพลังของ ไคเลอร์ ไม่ได้หายไป แม้จะต้องเสีย คันธนูไปก็ตาม
แต่ว่า ค่าพลังของ มันจะลดไปแบบฮวบฮาบเลยทีเดียว แล้วก็ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก เราก็ยัง มี เดวิด
อยู่บนมืออีกใบไว้ใช้ skill จัดการกับ Ability หรือ Skill ที่มีปัญหาซะ เท่านี้การตั้งรับนี่ก็สมบูรณ์แบบ }
ลูเซีย คิดทวนถึงแผนการณ์รับมือในรอบนี้ ไม่มีทางที่ อิส จะบุกทะลวงเข้ามาได้แน่ ในความคิดของเธอ
ทว่า
“ รอบของ ผม… ”
อิส ประกาศรอบของตน ก่อนจะ ดึงเอา มิสติกการ์ดขึ้นมา อีก 2 ใบ
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal2 ,Mystic4 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
“ Cost mp 3 ให้ เฟนท์ โจมตี… ”
เค้าประกาศ ในสิ่งที่ ลูเซีย ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะได้ยิน อสูรหนุ่ม บุกตรงรี่เข้า มาหา ไคเลอร์
ของเธอ อย่างรวดเร็ว
“ เดี๋ยวก่อนวันในโลกนี้เป็นวันพฤหัสใช่ไหม ด้วยผลของ Mace of Ira หากเกมนี้แข่งขันในวัน พฤหัส มิสติกนี้จะ
ได้รับ ชนิด ของ Tarot: The Moon เพิ่มขึ้น และด้วย Ability ของ เฟนท์ เมื่อมีมิสติกการ์ด
ประเภท Tarot:The Moon ในสนามมันจะได้รับ At +3 Df +2 Sp +1 การ์ดสองใบนี้เป็น Combo กันอยู่ ”
เสียงกระซิบ ที่เธอได้ยิน เมื่อครู่นี้ ดังขึ้นอีกครั้งและเตือนเธอถึงความสามารถของ เฟนท์ ที่กำลังบุกมา
“ อ๊ะ เสียงนี้อีกแล้ว…เดียวก่อนนะ เมื่อกี้ บอกว่า At ของเจ้านั่น เพิ่มขึ้นมาอีก 3 งั้นเหรอ ก็หมายความว่าตอนนี้ ทางนั้น
ค่าพลังสูงกว่านะสิ ”
ลูเซีย เผลอตัว อุทานขึ้นมากับข้อความที่ได้ยินจากเสียงกระซิบนั้น
“ แย่ล่ะ! ในตอนนี้ ฉัน Cost mp 2 ให้ ไคเลอร์ ใช้สกิล Sacrifice มิสติกการ์ด ที่มีคำว่า Bow อยู่ใน
ชื่อหนึ่งใบในสนาม จากนั้นทำลายมิสติกการ์ด 1 ใบในสนามได้ เลือก Sacrifice คันธนูแห่งพระพร
และทำลาย Mace of Ira ”
ลูเซีย ประกาศใช้ความสามารถของ ไคเลอร์ ก่อนที่มือธนูสาว จะยกคันธนูขึ้นง้าง ศรยิง ยิงไปที่
คฑา ในมือ ของ อสูรหนุ่ม ทว่า ศรที่แผลง ออกไปนั้นกลับ ถูก คฆา ปัดทิ้งอย่างง่ายได้
โดยที่ผลการทำลายนั้นไม่เกิดขึ้น
“ อ…อะไรกันเนี่ย ทำไมทำลายไม่ได้ล่ะ..ถ้างั้นก็ Cost Mp 3 ให้ เดวิด เดลิเวอร์แบนด์ คอนดักเตอร์ บนมือใช้สกิล
นำการ์ดนี้เข้ามาในสนามที่ At Line จากมือ และสั่ง ซีล 1 ใบในสนามซีล นั้น ยกเลิก Ability และ Skill ของ
ซีลฝ่ายตรงข้ามของ เดวิด นั่นเท่ากับ จะทำให้ ความสามารถในการบวกค่าพลังของ ตัวมันหายไปนั่นเอง ”
ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ โยน การ์ดซีล ในมืออกไป อสูรอัญเชิญ นักกำกับวงหนุ่มน้อย เดวิด แห่งเดลิเวอร์แบนด์
ปรากฏตัวขึ้นในสนาม พร้อมกับ ขับขานบทเพลง ที่เคยใช้ปราบ ออบซิเดียน บีทเทิลในการดวลกับ อาจารย์ รัตนชา มาแล้ว
ทว่า ดูเหมือนการขับขานนี้จะไร้ผล เพราะ อสูรหนุ่มเฟนท์ ยังตงบุกเข้ามา โรมรัน กับ ไคเลอร์ ก่อนจะตวัด
คฑา ทุบร่างของ เธอ และ อันโดรมาซ ที่คอยสนับสนุนอยู่ให้สลายไปพร้อมๆกัน
“ ด…ได้ไงกัน…ทั้งที่น่าจะชนะแล้วนี่ ”
ลูเซีย เปรยสีหน้าของ เธอช๊อคนิดหน่อย กับผลของการตั้งรับเมื่อครู่ทั้งที่เธอคิดว่า วางแผนรับเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
แต่คนที่ถูกจัดการเสียราบคาบกลับเป็นเธอ ทั้งเสีย ทรัพยากรในการ หยุดยั้งอีกฝ่าย ไปอย่างสูญค่าไม่พอยัง
ต้องเสีย ทีให้กับการโจมตีนั้นอีก
“ ด้วยผลของ Mace of Iraที่เพิ่ม ประเภทของ The Moon ขึ้นมา ทำให้ เฟนท์ ยกเลิก Skill ของ ซีล
และด้วยความสามารถของ เฟนท์ มันก็จะป้องกัน Skill ให้พ้นไปจาก มิสติกการ์ดที่ เป็น ประเภท The Moon ให้ด้วย
ดังนั้น ทั้ง Skill ของ ไคเลอร์ ที่เล็งไปที่ Mace of Ira จึงสะท้อนออก และSkill ของ เดวิด ที่มีเป้าหมายไปที่
ตัว เฟนท์ ก็จะไร้ผลไปด้วย ”
เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“ แล้วแบบนี้…จะทำยังไงล่ะ… ”
ลูเซีย เปรยความรู้สึก สับสนอันเกิดจากความกดดัน ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเธอ
…………………..
……………………………………
ทางด้าน กลุ่มของ ฟรานซิสก้า
แกว๊กกกก!!
เสียงคำรามของ ซิส อสูรเทพวิหก ผู้ปีกโอบอุ้มนภา ดังกึกก้อง ไปรอบอาณาบริเวณ ของสะพานพุทธฯ
อำนาจเสียงของมันนั้นสร้างคลื่น ลมพัดเป่าเอา สิ่งต่างๆที่อยู่รอบปลิวกระเด็นไปได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งเสียงคำรามของมันนั้น อานุภาพเทียบเท่าพายุ ลูก กลางๆหนึ่งลูกเลยทีเดียว
“ หวาย!!!! ”
แอน ร้องเสียง หลงขณะที่ปลิวไปกับแรงลมที่เกิดจากการ คำรามของ ซิส
โชคยังดีอยู่บ้างที่ เธอไม่ปลิวกระเด็นจนตกสะพานไป เพราะ ไดสุเกะ เข้ามา คว้าเอาขาเธอไว้ได้ซะก่อน
โดยมี อสูรอัญเชิญ สมิงเสือดาว ทากะ ของเค้า คอยช่วย คว้าเท้าของเค้าเอาไว้อีกที และ ใช้เท้าของมันเองยึดเกาะ เสาสะพาน ไว้อีกทอด
สภาพของพวกเค้าตอนนี้ เกาะกันเป็นทอดๆ ขณะที่ปลิวอยู่กลางแรงลม นอกราวสะพาน หากลมนี่หยุดลงเมื่อไหร่พวกเค้าก็คงร่วง หล่นลงไปในแม่น้ำ ด้านล่าง เหตุการณ์แย่ลงไปอีก เมื่อ เลวีอาทาน ที่กำลัง ประมืออยู่กับ
อสูรผู้พิทักษ์ผนึกแห่ง เลกซ์เดทีโอ ของ คิระ เกิดเปลี่ยนความสนใจมาที่พวกเค้าแทน ร่างยาวเขื่อง
ของมัน ค่อยๆลัดเลาะมาตามท้องน้ำ ที่ราวกับเป็น แค่แอ่งน้ำตื้นๆสำหรับมัน
“ หนอย….แก กล้าเมิน ฉันคนนี้งั้นเรอะ! ”
คิระ สบถด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสั่งให้ อสูร ผู้พิทักษ์ของเค้า ไล่ตามไป
“ หวาย!! แย่แหล่ว Oh My God!!! มันจามาทางหนี่แหล่วหนา!!! ”
แอน ที่เห็น เลวีอาทาน เลื้อยตรงรี่เข้ามาอย่างกระหืดกระหาย อย่างกับเห็นเธอที่
ห้อย โตงเตง อยู่กลางอากาศ เป็นชิ้นเนื้อของเบ็ด ที่ล่อให้มันมาเขมือบ ยังงั้น
“ ชิ…ทากะ เร่งหน่อย!! ”
ไดสุเกะ เร่ง ให้ อสูรของเค้า ที่ตอนนี้พยายามจะดึงพวกเค้ากลับขึ้นสะพาน ทว่า แม้จะมี ไอซิเคิล ฮาวน์ของ แอน
มาช่วยดึงอีกแรงแล้ว แต่ว่าพวกมันก็ยังร่อแร่กับการต้านแรงลมไม่ให้ปลิวตามไปอีก
“ ตายแน่ๆเลยงานนี้…แง!! ”
แอน เริ่มโวยวายหนักขึ้นไปอีก เมื่อ ปากซึ่งเป็นไปด้วย เขี้ยวคมกริบขนาดใหญ่ ของมัน อ้าง้าง
ขึ้น เพื่อเตรียมจะงาบทั้งเธอ และ ไดสุเกะ ลงไปในท้องพร้อมๆกันเสียเลยทีเดียว
“ แย่ล่ะ! ”
ฟรานซิสก้า สบถ ก่อนเตรียมจะ พุ่งตัวกลับไปช่วย พวก แอน ทว่า ราวกับสามอสูรเทพ จงใจ
เล่นสนุกกับพวกเค้า ซิส ที่เธอ ให้ ฟรานเซสก้า รับมือ อยู่นั้น มันกลับเลิกสนใจ ฟรานเซสก้า ที่คอยจู่โจม
ล่อเป้า แต่หัน เอากรงเล็บของมัน มาวางขวางบนสะพานไว้ไม่ให้เธอ เข้าไปช่วย แอน
“ นี่! แก! ”
ฟรานซิสก้า สบถด่า กับการกระทำของ มันที่มาขวางเธอไว้ เสี้ยววินาทีนี้ เธอกำลังจะต้องดูรุ่นน้องของตน
ถูกเขมือบทั้งเป็นไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
“ เร็วเข้า!! แกรนเดครอส ”
เสียง ตะโกนดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้ ก่อนที่กรงเล็บอันมหึมาของ มังกรขาวยักษ์ แกรนเดครอส
จะพุ่งเข้ามา อัดที่หัวของ เลวีอาทาน อย่างจัง จนมันล้มระนาดไปอีกทันที ช่วยให้ แอน และไดสุเกะ
รอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“ ขอโทษนะคะ ที่มาช้าไปหน่อย… ”
เสียงเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง แอน ไดสุเกะ ฟรานซิสก้า มองหาต้นตอของเสียงนั้นทันที
เจ้าของเสียงนั้น คือ ชุติการ ที่เกาะ บันไดเชือกของ เฮลิคอปเตอร์ โดย มีคนดูแลของเธอ
ที่มาตามเธอจากโรงพยาบาลไปพบ รมต. เมื่อเช้า เป็นคนขับ ฝ่าแรงพายุนี้เข้ามา ก่อนจะส่งเธอลงบน
สะพานและรับสัญญาณมือจากเธอ ที่บอกให้เค้า หลบไปจากที่นี่ พร้อมกับ ขับเฮลิคอปเตอร์ ออกจากรัศมีการต่อสู้นี้ทันที
“ ชุติการ! ”
พวกเค้า อุทาน ชื่อของเธอขึ้นมาด้วย ความโล่งใจ ขณะที่ แกรนเดครอส ส่งอุ้งมืออันมหึมาของมัน
ประคอง ร่างของ แอน กับ ไดสุเกะ กลับขึ้นมายืนบนสะพาน ด้าน ซิส ที่หวัง
จะให้ เลวีอาทาน จัดการกับ พวกเค้า ก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ มันคำรามก้อง
ก่อนจะ พุ่งเข้าเล่นทีเผลอ ทว่า ร่างของ มังกรทมิฬ อันคารากอน ก็พุ่งเข้ามากระแทกจนมันกระเด็น
ตกลงไปทับ ร่าง ของ เลวีอาทาน จนหงายท้องตามไปอีกตัว
“ ลำบากแย่เลยนะ ฟรานซิสก้า ”
เสียงของ ผู้ควบคุม อัลคารากอน ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียง ได้เดินเข้ามาหา
ฟรานซิสก้า ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนสะพาน แทบไม่ต้องหันไปมอง เธอก็รู้แล้วว่า เจ้านายของเธอได้มาแล้ว
“ มิได้ค่ะมาสเตอร์ ”
เธอรับคำก่อนจะหลีกทางให้ แก่ มาริน่า ที่ย่างสามขุมออกมาด้านหน้า
แปร๋น!!!!
เสียงคำรามดังก้อง มาจาก อีกฟากของ สะพาน บีทฮีมอท ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่ง วิ่งตรงรี่
มายังสะพาน ช่วงที่ มาริน่า และ ฟรานซิสก้า ยืน อยู่ อสูรอัญเชิญ นางฟ้าแห่งดาบ
ฟรานเซสก้า ของเธอ รีบตรงเข้ามาเพื่อที่จะป้องกัน เจ้านาย แต่ว่าลำพังพลังของ อสูรตนเดียว
คงทานเอาไว้ไม่อยู่แน่
/Telepotation/
เสียงดังกังวานขึ้นจาก ปลอกแขน Note ของ มาริน่า ก่อนที่ร่างของ เธอ และ ฟรานซิสก้า
รวมไปถึง ฟรานเซสก้า จะเคลื่อนย้ายพริบตามา อยู่ฝั่ง เดียวกับพวกแอน ทำให้ บีทฮีมอท พุ่งชนสะพาน เปล่าๆไป
“ เอ้า ตอนนี้เลย Great of Dragon ”
เสียงของ ศรี ดังขึ้น ก่อนที่ อัศวินมังกรทาลิวิลย่า สองตน ตนหนึ่ง มีปีกและเกราะกายสีฟ้าขาว อีกตน
เกราะและปีกเป็นสีน้ำตาล จะทะยาน เข้ามาและยิงลำแสงมังกร ออกไปโจมตีใส่ บีทฮีมอท ที่ทะเล่อทะล่า
ทะลวงสะพานมาแรงจากการวิ่งของมันเสริมแรงการโจมตีจากการสวนกลับครั้งนี้ เสียจน มันล้มโครม
ลงกลางแม่น้ำเลยทีเดียว
Thaliwilya
Thaliwilya, the God of Dragoon
“ เอาล่ะคนครบแล้วงั้นก็เตรียมลุยอัดไอ้เจ้าสามหน่อป่วนเมืองนี่กันเลยเถอะ ”
ศรี ประกาศ รวมพลบุกผ่าน Note กับ ทุคนที่ตามสมทบพร้อมกันหมดแล้ว ขณะที่ตรงมายังสะพาน
ด้วย โดมินิก้า ของ โคทาโร่ บัดนี้กองทัพอสูร ซึ่งมี อสูรเทพมังกรขาวและมังกรทมิฬ เป็นกำลังหนุน
ศึกระหว่างเทพ กำลงจะเปิดฉากขึ้น………………..
……………………………
……………………………………………
…………………………………………………….
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal1 ,Mystic4 Mp:2/7 Shrine 4/12 ]
บัดนี้ การดวลระหว่าง ลูเซีย และ อิส ยังคงดำเนินต่อมาเรื่อยๆ หลังจากการบุกด้วย เฟนท์ ในรอบของอิส นี้
เธอไม่สามารถหยุดยั้งการบุกนั้นได้ ทำให้ เธอต้องเสีย ไคเลอร์ และ อันโดรมาช
อสูรอัญเชิญ อันแข็งแกร่งไปพร้อมกันทีเดียว ถึงสองตน
“ หมด…รอบ… ”
อิส เปรยเสียงกระตุก เช่นเคย ตัวตนของเค้าในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ตัวตนของเค้าอย่างทุกที
“ ร…รอบของฉัน ”
ลูเซีย ประกาศรอบของตนเสียงสั่น หน่อยๆความวิตก ทำให้เธอมือไม้สั่นเสียจนเกือบทำ
ซีล การ์ด อีก 2 ใบที่จั่วขึ้นมา ตกพื้นเอา
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp:2/7 Shrine 4/12 ]
“ เฮ้อ~ ”
เธอ ถอนหายใจเบาก่อนจะเริ่มตั้งสติรวบรวมสมาธิให้กับการดวลใหม่อีกครั้ง หลังจากที่แตกกระเจิง
เพราะ การบุกกับเรื่องชวนหัวต่างๆที่ ประดังเข้ามาตลอดการดวล
“ ยังดีนะที่ฝ่ายโน้น ไมได้บุกต่อ… ”
ลูเซีย เปรยเบาๆกับตัวเอง
“ แน่สิ ตอนนี้ฝ่ายโน้น น่ะไม่ใช่ตัวของตัวเอง แต่กำลังถูกควบคุมอยู่ ”
เสียงกระซฺบ ลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ตัวเธอก็เลิกที่จะสงสัยเกี่ยวกับที่มาของเสียงแล้ว
ขอแค่เพียงมันจะช่วยเธอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆที่ต้องสงสัยอีก
“ ควบคุม? ”
ลูเซีย ทวนที่เธอได้ยินอีกครั้ง
“ ใช่ ตอนนี้ตัวเค้าน่ะไม่ใช่ตัวของตัวเองอยู่ แต่กำลังถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่ ”
เสียงกระซิบเดิม ตอบกลับมา
“ แล้วเป็นฝีมือของใครกันล่ะ ”
ลูเซีย กระซิบถามขึ้นต่อเสียงนั้น
“ เรื่องนั้นน่ะเธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ที่สำคัญคือหาทางอยู่ให้ได้ในอีก 2 รอบที่เหลือนี่ก่อนเถอะ ”
เสียงกระซิบเดิมตอบกลับมา โดยไม่ยอมตอบในสื่งที่เธอถาม แม้จะยังคลางแคลงใจแต่เธอ
ก็ไม่ปริปากบ่นหรือเร้าจะถามต่อแต่อย่างใด ก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิกับการดวลเสียใหม่
สายตาของเธอทอดไปบนสนามบน ฝ่ายของเธอตอนนี้ เหลือเพียง เดวิดที่ At Line และ ซานดร้า
ที่ Df Line เท่านั้น ส่วนสนามของ อิส นั้นมี เฟนท์ ที่มีค่าพลังสูงถึง 15 เพียงตัวเดียว
แต่ก็เป็นปัญหาที่เธอยากจะรับมือได้ สถานการณ์คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ทว่าตอนนี้
บนมือของเธอนั้นได้ กุญแจที่จะเปิดทางไปสู่ชัยชนะ เก็บไว้เป็นที่เรียบร้อยไปก่อนแล้วพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
อย่างมั่นใจ
“ รอบนี้ให้ ซานดร้า เดลิเวอร์แบนด์ แดนเซอร์ ที่อยู่ใน Df Line ทำการ Dancing ไปยัง At Line”
ลูเซีย สั่งการจบ ซานดร้า ที่อยู่ในสนามแนวหลังจึงเริ่ม วาดไม้วาดมือ เริงระบำ ไล่ขึ้นมายังแนวหน้า
อย่างช้าๆ ในระหว่างนี้ ลูเซีย จึงเริ่มอธิบายถึงความสามารถของการ เดินหมากในรอบนี้
[Dancing คือ Ability เฉพาะของเผ่า Dancer โดยจะเป็นการกำหนด Line ของ ซีล ที่มีใช้ Ability นี้
โดยเมื่อทำการเปลี่ยนไปยัง Line ที่กำหนดเอาไว้ จะทำให้เกิดความสามารถ ที่ระบุเอาไว้ใน text ของ
Dancing Ability นั้นๆ ]
“ ด้วยการ Dancing นี้ จะทำให้สามารถเลือกผลได้งอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 3 อย่างด้วย
กัน 1 คือ เมื่อ ซานดร้า รวมร่างกับ ซีลรองที่เป็น ธาตุน้ำและทำการ Dancing แล้ว จะสามารถ
เลือกซีล 1 ใบที่มีค่า Df น้อยกว่า ซานดร้า ให้ติด Freez Curse1 Turn และ
ข้อที่สอง สามารถนำ ซีล ที่มีคำว่า Deliver Band อยู่ในชื่อ เข้ามาในสนามจากมือได้ 1 ใบ
หรือ อย่างที่สาม ถ้ามีซีล ที่มีคำว่า Deliver Band ใบอื่น อยู่ในสนามสามารถ แสดงมิสติกการ์ดจากบน
สุดของกอง1ใบหากการ์ดนั้นมีค่าร่าย เท่ากับ 2 ให้นำขึ้นมือ ถ้าไม่ใช่ก็ให้ทิ้งไป ”
ลูเซีย อธิบายไประหว่างรอจน ซานดร้า ทำการ Dancing เสร็จ เธอจึงหยิบเอา ซีลการ์ดบนมือ
ของเธอโยนออกไปพร้อมกับ ประกาศเลือกความสามารถ จากที่บรรยายไปก่อนนี้
“ และ ฉัน ขอเลือกอย่างที่สอง อัญเชิญ ซิโมเน่ เดลิเวอร์แบนด์ อัลเคมิส(Simone, Deliver Band Alchemist)
จากมือไปที่ At Line ”
สิ้นคำ ซีลการ์ดที่โยนออกมา ก็ทำการดูดซับละออง เวทย์รอบๆที่เกิดจาก ปลอกแขนของเธอ
ก่อนจะปลดผนึก ปล่อยอสูรอัญเชิญ นักแปรธาตุสาว ผมสีเงินยาวไพร่หลัง ควงไม้เท้าประจำตัวไปมาเสียหนึ่งรอบ
ในสนาม At Line ของ ลูเซีย
“ จากนั้น Cost Mp 1 ให้ ซิโมเน่ โจมตี และให้ Ability ของ ซิโมเน่ ทำงาน เมื่อ ซิโมเน่ ทำการต่อสู้
สามารถนำ มิสติกการ์ด ชนิด PS ประเภท Relic 1 ใบในสนามไปยัง Shrine ได้ จากนั้น ซิโมเน่
จะได้รับค่า At เพิ่มขึ้น อีก 2 หน่วยถาวร ”
สิ้นคำของ ลูเซีย นักแปรธาตุซิโมเน่ ของเธอ จึงเริ่มทำการร่ายบทเวทย์และกระบรวนการ แปรธาตุ
ลำแสงแปลบปลาบ แล่นออกจากมือ ซ้ายของเธอ พุ่งตรงไปทำลาย คฑา Mace of Ira ในมือของ เฟนท์
จนสลายกลับเป็น ละอองพลังเวทย์ ก่อนจะดูดกลืน ละอองเหล่านั้น มาเก็บกักเอาไว้ใน ไม้เท้า
คู่ใจของเธอ โดยเหนี่ยวนำ ด้วยแสงเวทย์แปรธาตุที่เธอร่ายไปทำลายเมื่อครู่
“ mace of ira ป้องกันจาก skill ก็จริง แต่นี่เป็น ability เพราะงั้นเรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา
และเมื่อ ไม่มี mace of ira แล้ว ค่าพลังของ เฟนท์ ก็จะกลับมาเป็นที่ 8 เท่าเดิม ซึ่งในตอนนี้เอง ซิโมเน่
ที่ได้รับค่าพลังเพิ่มขึ้นมาจาก ability ทำให้มีค่า At เท่ากับ 9 หน่วย ”
ลูเซีย กล่าวพร้อมๆกันกับที่ ซิโมเน่ เตรียมการพร้อมแล้ว ไม้เท้าของเธอสะสมพลังจากการ ดูดกลืนเอา
พลังจาก คฑา mace of ira เป็นที่เรียบร้อย เธอจึงยกไม้เท้าขึ้นตวัด ลำแสงเวทย์ ออกไป
คลื่นลำแสงแล่นแปลบปลาบ ไล่ลี้ตรงไปยัง เฟนท์ และพัดเป่า ร่างของ เฟนท์ จนสูญสลายกลายเป็นละออง
พลังเวทย์ไปในพริบตา
[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 2/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal2 ,Mystic4 Mp:1/7 Shrine 4/12 ]
“ เป็นไงล่ะ! ”
ลูเซีย ร้องพลางยกมือขึ้นกำ อย่างมีชัย
“ โฮ่ ไม่เบาเหมือนกันนี่ ดูท่าว่าคงไม่ต้องรอให้ถึง อีก 2 รอบถัดไปแล้วล่ะ ขอบใจมากเลย
ช่วยเซฟเวลาไปได้เยอะเลยเชียวล่ะ ”
เสียงกระซิบ นั้นดังตอบรับขึ้นมาก่อน จะเงียบหายไป ขณะเดียวกันบริเวณ รอบก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมาคล้ายกับว่า
มิติรอบๆนี้กำลังจะหนุมเกลียว จนเกิดเป็นคลื่นพลิกบรรยากาศรอบๆ ความบิดผันที่เกิดขึ้นนี้ ดำเนิน
ได้ไม่เนิ่นนาน ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ แต่ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ในสนามของเธอ และ ของอิส
จำนวนของ อสูร ในสนามนั้นเปลี่ยนไป อีกทั้งจำนวน Shrine ของเธอและเค้าก็ยังเปลี่ยนไปด้วย
ในสนามของเธอตอนนี้ นอกจาก เดวิด ซานดร้า และ ซิโมเน่ ที่อยู่ใน At Line ของเธอแล้ว
ไคเลอร์ เดลิเวอร์แบนด์ อาเชอรื และ อันโดรมาซ เดลิเวอร์แบนด์ ยูนิคอร์น ไนท์ ของเธอที่เคยเสียท่าถูก
จัดการไปแล้ว กลับคืนชีพมาอยู่ในแนว Df line ของเธอ แทน ส่วน ค่า Shrine ของเธอ ก็กลับไปเป็น 0
เช่นเดิม อีกทั้งในสนามฝั่ง อิส ตอนนี้ กลับมี มาร์วิน ทั้ง 4 รูปแบบ ยืนเรียงแถวพร้อมกันในสนามแนว At line
ของเค้าแทน และค่า Shirne ที่ควรจะมีอยู่ 2 จากการที่ อสูรอัญเชิญ เฟนท์ ถูกจัดการ กลับถูกเคลีย์ออกจนเหลือ 0
เช่นกัน พร้อมๆกับ ที่ว่าการ์ดซีลของ เฟนท์ นั้นก็ไม่ได้อยู่ใน Shrine ด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ เธอเผชิญมาตลอด 2 รอบที่ผ่านมา ราวกับว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น และ
ดูเหมือนราวกับว่า เธอ กำลังดำเนินการดวล คนละอย่างกับที่เธอ ได้เล่นผ่านมาไปเลย
“ น…นี่มันอะไรกัน….เมื่อกี้เป็นความฝันงั้นเหรอ ”
ลูเซีย เปรยสีหน้าของเธอแสดงเห็นชัดว่าทั้ง ช๊อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จนแทบจะยืนไม่อยู่
เมื่อเธอ มองหน้าปัดโฮโลแกรม ที่ฉายจาก ปลอกแขนึ่งระบุค่า Mp และ Shrine
[Iss Status; Hand:Seal3 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]
/Master, Are you ok?/(มาสเตอร์,เป็นอะไรรึเปล่าคะ?)
ไมโครโฟน ถามขึ้นเมื่อเห็นว่า ผู้เป็นนายอยู่ๆเงียบไปและแสดงสีหน้า วิตกกังวล
แม้ว่าตัวมันจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์(Ai) แต่ความรู้สึกกังวลของ ลูเซีย ผู้เป็นนายนั้น ก็ส่งออกมาอย่างชัดเจน
จนมันรับรู้ได้ แม้เธอจะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม
“ ม…ไมค์ ตอนนี้รอบของฉันอยู่ใช่ไหม? ”
ลูเซีย เปรยถามขึ้นเพื่อเช็คว่า เมื่อครู่นี้เธอฝันไปรึไม่หากเป็นรอบของ เธอ นั่นคงไม่ใช่ความฝัน เพราะทั้งนี้
การ์ดบนมือของเธอ ก็ยังคงมีจำนวนเท่าเดิมและเป็นชุดเดียวกับที่เธอใช้ดวลอยู่จนถึงเมื่อครู่ อีกทั้ง การกำหนด Line
ของ ซีลในสนามของเธอ ก็ยังเป็นเช่นเดิมเพียงแต่ ไคเลอร์ กับ อันโดรมาซไม่ได้ถูกทำลาย และอยู่ใน Df Line แทน
/What you speak?,This is opponent Turn /(พูดอะไรน่ะ?,นี่เป็นรอบของฝ่ายตรงข้ามนะ)
ไมโครโฟน ตอบและดูจะสงสัยว่าเธอถามอะไรแปลกๆกับมัน แต่ที่แปลกใจและสงสัยไม่แพ้กน ก็คือตัว ลูเซีย เอง
หากนี่เป็นรอบ ของ อิส แล้วการดวลที่ผ่านมาเมื่อครู่ล่ะ แล้ว การ์ดบนมือกับ ในสนาม ทำไมทุกสิ่งจึงดูราวกับว่า
ความฝันและความจริงนั้นตีกันมั่วไปหมด ตอนนี้ ตัวเธอ แทบจะไม่รู้ว่าอันไหน คือความจริงอันไหนคือความฝันแล้ว
และในตอนนี้ สิ่งที่เธอคิดถึงเพียงอย่างเดีวก็ คือ เสียงกระซิบที่พูดคุยกับเธออยู่ก่อนนี้
“ นี่นาย…เอ่อ..ACE ยังอยู่รึเปล่า? ”
เธอ ตะโกนถามเสียงดังเพื่อเรียกให้เสียงกระซิบลึกลับนั้นตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา
/Who call ?, Master/(เรียกใครอยู่หรือคะ?,มาสเตอร์)
ไมโครโฟน ถามเธอขึ้นอีกครั้ง ด้วยความสงสัย ตัวมังเองก็เริ่มจะงงๆกับ นายของมันเสียแล้ว
“ ก…ก็เมื่อกี้นี้…ที่มีเสียงกระซิบ ของใครก็ไม่รู้ดังมาน่ะ เธอเองก็น่าจะได้ยินนี่ ไมค์ แล้ว…แล้ว..ก็ที่
ฉันสู้กับ อสูร แปลกๆที่ไม่เคยเห็นน่ะ เธอจำไม่ได้เลยเหรอ ไมค์? ”
ลูเซีย พยายามจะอธิบายว่าเธอพบกับอะไรมา แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เธอพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย
/What thing speaking Master?/(มาสเตอร์กำลังพูดถึงอะไรอยู่กันคะ?)
ไมโครโฟน ถามผู้เป็นนายของมันกลับอย่าง งงๆ
{หรือว่า มีแต่เราที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นแล้วมันคืออะไรกันล่ะการดวล ก่อนหน้านี้น่ะ..}
ลูเซีย ขบคิดอยู่ในใจ ปัญหาที่ยากจะหาคำอธิบายใดๆมาตอบได้ วกวนไปมาอยู่ในหัวของเธอ จนแทบจะ
ไม่มีสมาธิกับการดวล และไม่ทันรู้ตัวว่า ตอนนี้ อิส ได้ประกาศให้
ผู้วิเศษ มาร์วิน(Zechariah Marvin, the Wonderer) ทำการโจมตี มาที่ ซานดร้า ของเธอแล้ว
“ cost Mp 1 ให้….ผู้วิเศษมาร์วิน…โจมตี… ”
สิ้นคำประกาศของ อิส มาร์วิน ซึ่งอยู่ในชุดของจอมเวทย์วารีสีฟ้าอ่อนเริ่มทำการ ร่ายเวทย์ โดยวาดไม้เท้า
คู่กายอันเป็นสัญลักษณืประจำอาชีพ ผู้วิเศษของตนนี้ ทันที
/Master!/
“ รู้แล้ว!! ”
ไมโครโฟน เตือนเธอขึ้นทันที ขณะที่ กระแสน้ำอันเกิดจากเวทมนต์ของ ผู้วิเศษมาร์วิน นั้นไหล่บ่าตรง
มายัง ซานดร้า ที่กำลังรอตั้งรับอยู่
“ เธอน่ะ…อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า ”
อิส ถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเธอเริ่มเอียนกับการที่เค้าถามแบบนี้ไม่เลิกเสียที ประกอบกับความหงุดหงิดอันเกิดจาก
ความสับสนกับ สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอตะคอก กลับมา
“ ก่อนนี้เคยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว!!! ”
ลูเซีย ตะคอกตอบออกไป พร้อมกับ หยิบเอา มิสติกการ์ดบนมือร่าย ออกไปทันที เฟืองบนปลอกแขน
ของเธอจึงเริ่มหมุนเพื่อสร้างละอองพลังเวทย์ออกมา
/Master…/
ไมโครโฟน ส่งเสียงออกมาแผ่วๆราวกับว่า คำพูดเมื่อครู่นี้ของเธอนั้น มีความหมายอะไรบางอย่าง
“ Cost mp 2 ร่าย Discouragement ไปติดที่ ผู้วิเศษ มาร์วิน ซีลที่ติดตั้ง discouragement จะทำให้ค่า At -2 หน่วย ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกันกับที่ มิสติกการ์ดที่ โยนออกไป ซึบซํบ พลังเวทย์ จากละออง บริเวณรอบๆสนามที่ปล่อย
ออกมาจาก เฟืองที่ปลอกแขนของเธอ และเมื่อมนตราถูกปลดผนึกออกมา ควันสีฟ้าอันเป็นผลของมนตราจึง
ลอยคลุ้งเข้าไปวนเวียนรอบๆร่างของ ผู้วิเศษมาร์วิน ทำให้กระแสน้ำที่ไหลบ่ามาจากพลังเวทย์ของ
มาร์วิน นั้นทอนกำลังลงกลายเป็นสาดน้ำใส่ ซานดร้า ไปธรรมดาๆแทน
{เอาล่ะทีนี้ อีกฝ่ายจะต้องโต้มาแน่ๆ}
ลูเซีย คิดขณะที่มือจับ มิสติกอีกใบมั่นเพื่อเตรียมที่จะร่ายสวนออกไป ทว่า..
“ ไม่อยู่…ฟ้า… ”
เสียงเปรยนี้ลั่นลอยออกจากปากของเค้า ก่อนที่จะทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น ขณะที่ ซานดร้า ของเธอ
สวนกลับการโจมตีกลับไปจนสามารถทำลาย ผู้วิเศษมาร์วิน ลงได้
“ ฟ้า…เหรอ ”
{“ เธอคนนั้นมีใบหน้าคล้ายกับเธอมากเลย ”
“ คนๆนั้น ”}
ลูเซีย เปรยพร้อมกับนึกขึ้นถึงคำพูดของ เคียว ที่เธอได้ฟังก่อนออกตามหา อิส
“ ฟ้า…ฟ้าน่ะ…ฟ้า….ฮึก…ไม่อยู่..แล้ว…ฮึก ”
เสียงเปรยที่ครางสะอื้นออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงอาบแก้มของ เด็กหนุ่มขณะที่ใช้สองมือ กอดรัด
ตนเอาไว้ ราวกับว่ากำลังถูกความหนาวเหน็บกัดกิน ความหนาวเหน็บอันเกิดจากความอ้างว้าง
วินาที ลูเซีย สามารถเข้าใจได้ขึ้นมาถึง ความรู้สึกของบุคลิคนี้ของ อิส ในทันที
{ที่หมอนี่ เอาแต่ถามว่า เธอน่ะอยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า…เธอที่ว่าน่ะ คงหมายถึงแนไม่..ไม่สิ คงหมายถึง ฟ้า คนที่เคียวบอกว่าหน้าตาคล้ายเรางั้นสินะ ก็แปลว่า หมอนี่เห็นภาพเราซ้อนกับภาพของเธอคนนั้นงั้นเหรอ}
ลูเซีย คิดขณะที่จ้องมอง อีกฝ่ายที่ร่ำไห้เนื้อตัวสั่นเทา อย่างน่าเวทนา ขณะที่ ร่างของ ผู้วิเศษมาร์วิน นั้น
ค่อยๆสลายเป็นละอองไปอย่างช้าๆ
“ หรือว่า บุคลิค ของหมอนี่ที่เปลี่ยนไปๆมาๆ ก็เพราะว่าตัวเองสูญเสียสิ่งสำคัญไปพอทำใจรับไม่ได้
ก็เลยพยายามจะ แยกและกั้นเอาความรู้สึกเศร้าเสียใจนั้นออกไป ทำให้เกิดเป็นบุคลิคแยกออกมา
แบบนี้ …งั้นหมอนี่ก็คงคล้ายๆกับเราน่ะสิ… ”
ลูเซีย คิดบางอย่างที่ตัวเธอปิดบังเอาไว้ นั้นดูจะคล้ายกับ สถานะที่ อิส เป็นอยู่ ร่างของผู้วิเศษ มาร์วิน
ที่ค่อยๆจางหายไปนั้น ราวกับลางแห่งการจากลา ก่อนจะกลับคืนสู่รูปแบบของการ์ด อีกครั้ง
พร้อมๆกับที่ อิส ฟุบหมดสติลงไป แต่ก่อนที่ ลูเซีย จะทันได้ทำอะไร เค้ากลับลุกพรวดขึ้นมา
“ พระเอก… ”
อิสเปรย ขณะที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่ทำให้เธอเดาไม่ออกว่าตอนนี้เค้าเป็นอะไรอยู่กันแน่
“ มาแล้ว!! เอาล่ะได้เวลาไคลแมกซ์แล้วสินะ! ”/Ore-Sanjou/(ญี่ปุ่น=พระเอกมาแล้ว)
อิส ประกาศเสียงโหวกเหวกอีกทั้งท่าทาง และบุคลิคดูจะเปลี่ยนไปขัดกับก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
แน่นอนทันทีที่ เสียงขานรับจาก ปลอกแขนของ อิส ดังขึ้น นี่คือสัญญารว่าตอนนี้ พลังของ
จอมดาบเวทย์มาร์วิน กำลังสำแดงอยู่ (Zechariah Marvin, the Swords Magician)
“ อ…เด๊ะ… ”
ลูเซีย เปรยพลางจ้องมองด้วยความงุนงง กับท่าทีที่เปลี่ยนเอาดื้อๆของเค้าเสียอีกแล้ว
“ ฮะอ้าว นี่เธออีกแล้วเหรอเนี่ยงั้นก็ดีเลย มาต่อกนจากคราวก่อนเลยละกัน เอาให้ไคล์แมกซ์กันไปเลย ”
อิส พูดท่าทางและสีหน้าดูจะกระปรี๋กระเปร่า ซะจนน่าหายห่วงที่จริงบางทีอาจจะกลายเป็นน่าหมันไส้แทนที่
จะสงสารแทนแล้วกระมัง
“ เฮ้อ~ ทั้งที่เมื่อกี้นี้ยังร้องไห้ โฮๆจะเป็นจะตายอยู่แท้ๆเลย ”
ลูเซีย เปรยอย่างเซ็งๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าต่อให้โลกแตกเธอก็คงจะไม่แคร์แล้ว เพราะเมื่อได้ผ่านเหตุการณ์ น่าตกใจมากมาย
มาจนเสียตอนนี้ตัวเธอก็ไม่รู้แล้วว่า ประสาทรับความรู้สึกเรื่องพิสดารของเธอมันจะเจ๊งบ๊งไปรึยัง
“ หา! ร้องไห้เรอะ!! พูดอะไรของเธอคนอย่างฉันน่ะไม่ร้องไห้หรอกเฟ้ย!! ” /Nakerude!!/(ญี่ปุ่น=ได้ร้องไห้แน่)
อิส แย้ง เรื่องที่หาว่าเค้าร้องไห้ ทว่า อยู่ๆปลอกแขนของเค้าก้ส่งเสียงขึ้นมา
“ ฮะ อ้าวเฮ้ยไม่ใช่นะ ไม่ได้พูดว่าร้องไห้นะเฟ้ย เฮ้ยเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเด้ ฉันยังไม่ได้ดวลเลยนะเฟ้ย เดี๋ยว !!! ”
อิส ร้องโหวกเหวก พลางรีบตะเบงเสียงเหมือนจะหยุดอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่ทันไร ดูเหมือน
ว่าบุคลิคของเค้ากำลังจะเปลี่ยนอีกแล้ว
“ ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้!! ”
คราวนี้น้ำเสียงเปลี่ยนเป็น เสียงต่ำๆ เหมือนพวกลุงๆ พลางเต๊ะท่าวางก้ามเสียเต็มที่ แต่หน้าตาออกจะดูบ๊องๆ
ไปซะแทน
“ คราวนี้ก็ธาตุดินเหรอเนี่ย.. ”
ลูเซีย เปรยทักกับ รูปแบบของเค้าในตอนนี้ที่กำลังถูกควบคุมโดยสมดุลพลังของ ผู้พิทักษ์คนทรง มาร์วิน
(Zechariah Marvin, the Guardian Shaman) แทน
“ เอ๋? นี่เจ้าอีกแล้ว~เรอะให้ตายสิน้า~~ ก็บอกแล้วไงว่า ข้าไม่สู้กับอิสตรี เฮ้อไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบมาดวลกับข้านักน้า~ ”
เค้า บ่นป่าวๆออกมาก่อน จะแตะที่หน้าปัดปลอกแขนและเคาะมันไปหนึ่งที
/Kotaewa Kitenai/(ญี่ปุ่น= ไม่ได้ขอคำตอบซักหน่อย)
เสียงดังขึ้นจากปลอกแขนของเค้าอีกครั้ง ก่อนที่คราวนี้บุคลิคจะเปลี่ยนเป็น อีกแบบ
“ ฮะๆ พี่สาว อีกแล้วเหรอ อยากเล่นกับผมสินะ นั่นสิๆ จะเล่นอะไรกันดีล่ะ ฮะๆ ”
อิส พูดไปพลางกระโดดโลดเต้นไปเหมือนกับ เด็กๆ ในครั้งนี้เค้าถูกพลังของ นักอัญเชิญอสูรมาร์วิน
(Zechariah Marvin, the Summoner) เข้าควบคุมแทน
“ เฮ้อ~เอาเถอะนะ ถึงจะน่ารำคาญไปหน่อยแต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ยังไงๆแล้วนายน่ะ
กลับร่างเดิมก่อนไม่ดีกว่าเหรอขอร้องล่ะฉันอยากคุยกับ นายตอนที่เป็นปกติมากกว่านี้น่ะ ”
ลูเซีย ออกปากต่อรองกับ บุคลิค ที่เหมือนราวกับเด็กๆของเค้า
“ ได้สิ ก็พี่สาวขอร้องนี่นา ”
อิส ตอบรับคำขอของเธอ ก่อนจะเคาะที่หน้าปัดของปลอกแขน เพื่อเปลี่ยนบุคลิคของตนเอง ทว่า
/Ore-Sanjou/
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ยุคลิคของ เค้าเปลี่ยนไป แต่ทว่ากลับไม่ใช่บุคลิคตอนปกติของเค้าแทน
“ ฮะ..อ้าวนี่วนกลับมาที่ฉันแล้วเหรอเนี่ย ดีล่ะๆคราวนี้แหล่ะ ไคลแมกซ์ของ จริงแน่ๆ ”
อิส พูดพลางมองสำรวจตัวเองไปเรื่อย โดยไม่สังเกตุถึงสีหน้า แปลกใจของ ลูเซีย
ที่ตอนนี้เค้ากลับวนมาอยู่ในบุคลิคของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน อีกครั้ง
“ ร้องไห้! ”
ลูเซีย ตะโกน
“ ฮะ อ้าวเฮ้ย!! ทำไรของเธอเนี่ย อย่านะเว้ย ”/Nakerude!!/
อิส ร้องปรามเธอที่อยู่ก็หาเรื่องให้เค้าเปลี่ยนบุคลิค ตอนนี้บุคลิคของเค้าถูกสับเปลี่ยนอีกครั้ง
แต่ก็ยังคงไม่ใช่ร่างปกติของเค้า
“ ได้ร้องไห้… ”
“ เดี๋ยวก่อน!! ”
ก่อนที่ อิส จะกล่าวประโยคสโลแกนประจำบุคลิคออกมา ลูเซีย ก็แย้งเค้าไว้
“ นายน่ะดูท่าจะคุยรู้เรื่องกว่านะ ช่วยเปลี่ยนกลับไปเป็น ร่างตอนปกติทีสิ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเค้าซักหน่อย ”
ลูเซีย พยายามต่อรอง โดยเธอคิดว่า บุคลิคนี้ มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่พอตัว ถึงจะดูบ้าๆบอๆ แต่ก็ยังคงพอจะคุยกันรู้เรื่อง
“ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ แม่หนู ”
เค้า ตอบปฏิเสธ คำขอของเธอ
“ ท..ทำไมล่ะ ไม่อยากจะเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ”
ลูเซีย ถามกลับเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่จะขอคุยกันตรงๆกับตัวเค้ามันถึงยากนักหนาขนาดนี้
“ ยังไงก็แล้วแต่ คำขอที่แม่หนูพูดน่ะ ข้าทำให้ไม่ได้จริงๆ ”
อิส ตอบกลับเสียงลุง ปฏิเสธท่าเดียว
“ หมายความว่ายังไง..จริงสิทำไมพวกนายถึงวนกันอยู่แค่สามบุคลิคล่ะ แล้วเจ้าบุคลิค เศร้าสลดนั่น…เดี๋ยวนะ
บุคลิคของพวกนายมาจากพลังของ มาร์วินแต่ละรูปแบบสินะ งั้นที่บุคลิคนั่นไม่กลับมาก็เพราะ มาร์วินที่เป็น
ต้นพลังนั่นถูกจัดการไปแล้ว งั้นก็หมายความว่า ถ้าทำลาย มาร์วินทั้งหมดในสนามตอนนี้ ก็จะเอานายคนเดิมกลับมา
ได้งั้นสินะ ”
ลูเซีย พูดระรัว กับความเห้นที่เธอประเมินออกมาจากการสังเกตุจนถึงเมื่อครู่ ทำให้เธอคิดว่า หาก
จัดการ มาร์วน ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่อีก สามตัว ในสนามนี้จะทำให้เค้ากลับคืนสภาพเดิมได้
แต่ อิส กลับส่ายหน้า และบอกปัดแก่เธอว่า
“ ไม่มีทางหรอก ถ้าเจ้าทำแบบนั้น นอกจาก บุคลิคที่เป็นตัวข้าและของบุคลิคอื่นๆจะไม่กลับมาแล้ว
บุคลิคของเจ้าของร่างข้า ก็จะไม่กลับมาด้วย ”
อิส แย้งถึงความคิดของเธอ
“ ทำไมล่ะ..ก็ถ้าไม่มีพวกนายแล้ว บุคลิกของเค้าก็จะต้องกลับมาสิ ”
ลูเซีย ย้อนถามเธอไม่เข้าใจว่า เค้าต้องการจะบอกอะไรแก่เธอกันแน่
“ สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ ตอนนี้บุคลิคของคนที่เจ้าถามหาน่ะ ไม่ได้มีอยู่แล้ว เค้าหายไปแล้ว ”
คำตอบของ เค้า นั้นทำให้เธอ ต้องสะดุดไป
“ เดี๋ยวหมายความว่ายังไง กันที่ว่าหายไปน่ะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าฉันจัดการ พวกนายออกไปจนหมดน่ะ ”
ลูเซีย ยิงคำถามรัวใส่ เสียจน เค้าตอบให้ไม่ทันด้วยเนื่องจากว่าเป็นบุคลิคที่ชื่องช้าเอาเสียมากๆ
“ ช้าๆหน่อยสิ ข้าตามไม่ทันนา เอาเป็นว่าสรุปให้เลยแล้วกันน่ะ ถ้าเกิดว่าเจ้าฝืนดึงดัน จะเอาเค้าออกมา
โดยการกำจัดพวกข้าล่ะก็ ตอนนี้ในร่างนี้ไม่มีบุคลิคเดิมเหลืออยู่แล้ว นั่นก็เท่ากับร่างนี้จะไร้ตัวตน
หรือพูดง่ายๆก็คือ ตายนั่นล่ะนะ ”
คำตอบของเค้า ทำเอาเธอช๊อคจนถึงกับพูดต่อไม่ออกไปทันที
“ ได้ไง..แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ ”
ลูเซีย ถามกลับไปตอนนี้เธอไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หากจัดการกับ บุคลิคทั้งหมด ก็จะเป็นการฆ่าเค้าไปในทันที
แต่ถึงไม่ทำเธอก็ไม่มีทางที่จะได้พบและพูดคุยกับ เค้าอีก
“ ถ…ถ้ายังงั้นยกเลิกการดวลก่อนเถอะ..แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธี เอานายกลับมากัน ”
ลูเซีย กล่าวตะกุกตะกักพลางยื่นมือจะไปกดปุ่ม Surrender(ขอยอมแพ้) ที่หน้าปัดโฮโลแกรมของปลอกแขน
ซึ่งฉายออกมา
“ ถ้าเจ้าทำแบบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับกำจัดพวกข้าหรอกนะ ”
เค้า ปราบเธอไว้ทันก่อนที่จะกดปุ่มพอดิบพอดี เธอหันหหน้าขึ้นมาจ้องมองเค้าเหมือนกับจะถามว่าทำไม
“ ตอนนี้ร่างของเค้าไม่มีจิตใจอยู่แล้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้ ก็คือ อาศัย พวกข้า ช่วยเป็นจิตค้ำจุนร่างให้
ดูเหมือนว่า เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างก่อนหน้านี้จะทำให้ จิตร่างเดิมหายไป พวกข้าก้เลยต้องออกมา
ช่วยค้ำจุนร่างนี้ไว้ก่อนน่ะ ”
อิส ตอบขณะที่ คำตอบนี้ทำให้เธอนึกถึง เหตุการณืที่เกิดขึ้นหลังจัดการกับ เฟนท์ ได้แล้ว
{หรือว่า…จะเป็นตอนนั้นกัน เป็นเรารีบเร่งไปทำลาย อสูรนั่นก่อนจะครบตามที่เสียงกริบนั่นบอกงั้นเหรอ}
ลูเซีย คิด เธอแสดงความกังวลในใจออกมาทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน เธอหวาดวิตก เสียจนนึกคิดอะไรไม่ออกเลยในตอนนี้
“ ดูเหมือนว่าเจ้า จะกลุ้มใจมากเลยนะ เจ้ามีความสัมพันธ์ ใดกับเจ้าของร่างนี้มากงั้นรึ ”
เค้า ถามแต่ตอนนี้ดูเธฮจะอื้ออึงเกินกว่าจะตอบ คำถามได้
“ เอาเถอะ ถ้างั้น ข้าจะให้เจ้าได้พบกับอีกคนที่อาจช่วยเจ้าได้.. ”/Korin man o jishite/(จุติ เผยโฉมอย่างสง่างาม)
กล่าวจบ จึงร่ายซีล บนมือลงมา พร้อมกับที่ปลอกแขนส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง อสูรที่อัญเชิญ ออกมาคือ มาร์วิน ที่อยู่ในชุด
สีขาวชุดของนักปราชญ์ (Zechariah Marvin, the Magus)
“ นี่…นาย… ”
ลูเซีย อุทานด้วยความแปลกใจกับ บุคลิคใหม่นี้
“ เอาล่ะองค์หญิงเรามาเริ่มกันเลยไหม วิธีที่จะนำตัวเรากลับคืนมา ”
อิส เปรยพลางเอามือข้างหนึ่งไปไขว้หลังไว้ และวางท่าอย่างกับพวกหัวสูง
“ อ…องหญิง? ”{คราวนี้มาแบบเจ้าชายเลยเรอะ แถมเรียก้เราว่าองค์หญิงอีก}
ลูเซีย เปรยพลางคิดในใจเกี่ยวกบ บุคลิคนี้
“ ก่อนอื่นวิธีที่จะนำตัวเรากลับมานั้นมีโอกาสไม่มากเท่าไหร่นัก ”
อิส เริ่มเข้าเรื่องต่อเลยทันที โดยไม่สนว่าเธอพร้อมหรือไม่ แต่ด้วยคำพูดที่ว่าจะมีหนทางช่วยเหลือนี้
ก็ได้จุดประกายไฟแห่งความหวังให้กับเธอ
“ แต่ว่าถ้าทำได้ ก็จะช่วยนายได้ใช่ไหมล่ะ งั้นบอกมาเลย ”
ลูเซีย ย้อนตอบ อย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่ามีหนทาง
“ งั้นอันดับแรกขอให้เข้าใจก่อนด้วยว่า หากพลาดนั่นคือความตายของเรา วิธีที่จะนำเรากลับคืนมา
นั่นคือ ดำเนินการดวลนี้ต่อให้จบ โดยที่องค์หญิง จะต้องพยายามเรียก จิตของเราให้กลับมา ”
อิส เริ่มอธิบายถึงวิธีการทันที
“ เรียกเหรอ..ยังไง? ”
ลูเซีย แย้งถามขึ้นมาอย่าง งงๆ
“ วิธีการก็ง่ายมาก แต่มีโอกาสไม่กี่ครั้งหรอกนะ ทุกครั้งที่ องค์หญิง จัดการกับ มาร์วิน แต่ตัวได้สำเร็จ ในช่วงที่
ร่างของมาร์วิน กำลังจะสลายเป้นละอองนั้น ตอนนั้น จิตของเรา จะเชื่อมต่อถึงจิตของตัวเรา ถึงจะบอกว่าหายไป
แต่จิตของตัวเราก็ยังคงเชื่อมต่ออยู่ที่ไหนซักแห่ง หากเรียกเค้ากลับมาได้ ก็จะสำเร็จ แต่ว่า ”
อิส ตอบก่อนจะหยุดไปในช่วงท้าย เพราะคิดว่าเธอคงจะรู้ดีอยู่แล้ว
“ นั่นสินะ..ถ้าทุกครั้งที่จะต้องเรียกเค้า ฉันก็จะต้องกำจัดพวกนายไปนี่นะแล้วก็โอกาสก็มีเท่ากับจำนวนพวกของนายด้วย.. ”
ลูเซีย ตอบที่เหลือต่อ ด้วยเสียงอันแผ่วเบา แต่ก็พอจะได้ยิน ตอนนี้ความลังเลกำลังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ
“ ก็ตามนั้นล่ะองค์หญิง จะเลือกเช่นไรล่ะ ”
เค้า ถามเพื่อขอความเห็นจากเธออีกครั้ง เธอนิ่งอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากตอบ
“ ฉันจะทำ…ยังไงก็จะช่วยนายให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ”
ลูเซีย ตอบอย่างมั่นใจหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะเสียไปอีกแล้ว หากไม่ทำ ก็เท่ากับเธอ
ไม่ได้ช่วยเหลือเค้า ไม่ว่าอย่างไร ตัวเธอก็เลือกมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะพบเค้า
“ ถ้ายังงั้น…ก็มาเริ่มกันเลย ”
สิ้นคำ วินาทีของการตัดสิน การดวลที่จะพิสูจน์ถึงจิตใจของทั้งสองที่พึ่งจะได้พานพบกันไม่นาน
แต่กลับต้องรับบททดสอบแห่งโชคชะตา ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะเป็นเช่นไร………………..
………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………….
To be Continue
Next Sub-Turn 12 Last Duel II
ช่วงสครีมขอร้าบ รอบนี้เช่นเคยมิมีตัวอย่างตอนต่อไปอีกแว้ว ไม่ได้อู้นะ ทั้งตอนที่ไม่ได้ลงเมื่อสัปดาห์ที่
แล้วแต่ยกยอดมาลงสัปดาห์นี้แทน แต่เพราะช่วงนี้มันไฟนอลของ ปี 1 แล้วงานเลยเข้ากันมาแบบสุดๆ
ก็เลยอาจจะต้อง ขอลงแบบหยุดๆขาดๆกันบ้าง ตอนนี้งานรัดตัวมากๆเลย สัปดาห์ ของดนะขอร้าบ ขออภัย ผู้อ่านทุกท่านด้วย
แต่จะมี วิเคราะห์ของ เจ้าการุรุม่อน เกี่ยวกับ ระดับของ ผู้เล่นและรายละเอียดต่างของ Vr มาลงแทนไปก่อน นะคร้าบ
ว่าแล้วมาพูดถึงตอนนี้บ้างดีกว่าครับ เนื้อหาโดยรวมแล้ว เหมือนใกล้จะรวบเรื่องให้จบสินะครับ แถมตอนนี้เป็นตอนของ ลูเซีย
กับ อิสแทบทั้งตอน แน่นอขอรับเพราะคู่หนุนคู่ดันของ กระผมคือคู่นี้ ฮ่าๆ ดังนั้น ถ้าหลังจบการดวลช่วงนี้ไป แล้วจะเห็น
สองคนนี้สวีทหวานกันก็คงไม่แปลกละขอร้าบ
ว่าแล้ว ช่วงนี้ทุกคนเองก็คงกำลังจะง่วนอยู่กับการ เตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันหรือ ต่อไปยังระดับชั้นของ ม.ปลายกัน
อยู่ ก็คงตจะกำลังยุ่งๆกัน ผมก็ขอให้ทุกคนทำข้อสอบได้ และได้เข้าเรียนหรือเข้าสายเรียน ที่อยากเข้าได้ตามที่หวังไว้ก็แล้วกันนะคร้าบ(ห้ามอ้างว่า เป็นเพราะติดนิยายผมเลยไม่ได้อ่านหนังสือสอบนา
ไม่งั้นโกรธจริงๆนะเออ)
ว่าแล้วที่เหลือสครีมต่อไม่ไหวละ ยกช่วงให้เป็นหน้าที่เจ้าการุรุม่อนมันมายำต่อให้พรุ่งนี้
ส่วนคุณ the wise eagle ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่ตัวกระผมไม่สามารถแจงให้ได้ละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่อง
ได้มากเท่าที่ควรนะครับ เพราะผมเองก็ยุ่งๆอยู่ช่วงนี้ คงต้องรอช่วง ซัมเมอร์ ถึงตอนนั้น จะทยอยออก Tip อธิบายรายละเอียอดมาให้ละกันเน้อ
แล้วก็ที่ถามว่า ผมเป็นนักเขียน หรือเปล่า โฮะๆ อันนี้ขอบอกว่า ไม่ใช่หรอกครับ ถึงจะผมจะลงฟิค นิยาย มาเป็นสิบเรื่องแล้ว
แต่ไม่ค่อยมีผลงานออริจินัลของตัวเองหรอกเน้อ ส่วนมากเป็น ฟิค ซะมากกว่าเรียกว่าพวกคลั่งไคล้น่าจะถูกกว่าน่ะครับ
ส่วนที่ชอบใส่รายละเอียดให้งานเยอะที่จริงคือ ถ้าเนื้อเรื่องมันไม่มีรายละเอียดเลย
พอเขียน ออกมา คุณๆท่านๆจะอยากอ่านกันไหมล่ะคร้าบ
เพราะมันจะเหมือนกับฟิค เรื่องแรกที่ผมเขียนสมัยยังเด็กโน้นเลย ฮะๆ(ขำตัวเอง)เขียนเรื่องไ้ด้ปัญญาอ่อน
บวกห่วยบรมมากมายเพราะไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนว่า จะเขียนเรื่องยังไงไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่จะมาเขียน
หลังจากนั้นเลยติดเป็นนิสัยไปแล้วว่าต้องหาข้อมูลก่อนเขียนอะนะครับ ถ้าจะให้บอกจุดด้อยของผมที่ยังคงไม่เข้าขั้นนักเขียน
ก็คงเป็น เรื่องการบรรยายล่ะมั้ง เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองยังสื่ออารมณ์ของ ตัวละครออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่
อย่างที่หลายๆคนอ่านกันก็อาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพอเข้าใจเนื้อเรื่องอยู่น่ะนะครับ เพราะถามใคร
ก็บอกว่า การบรรยายของผมพอจะเห็นภาพอยู่
ผมเลยต้องแก้ตรงจุดนี้โดยการเอา ภาพมาช่วยอุดจุดอ่อนตรงนี้เยี่งนี้แล แล้วทำไมทำมา มันเลยลามไปทำ op ed ซะด้วยน่ะสิ
(พวกองฝ่ายทำภาพมันฟิตจัดครับ)
เอาเป็นว่าครั้งนี้ลากันไปแค่ก่อนนะครับไม่ไหแล้วขอไปนอนก่อนเน้อ แวบ....
เอ้อเกือบลืม ก็ว่าจะถาม ผู้อ่านทุกท่านน่ะครับว่า ช่วงนี่คิดยังไงเกี่ยวกับบทหลังมานี่ เหมือนว่าผมรู้สึกว่าตัวเอง
เผางานไปหน่อยแฮะ
นอกจากพิมพ์ผิดซะจนโดนพี่ปิโย กองตรวจงานด่ายับ แล้วด่ายับอีก
(ขนาดปกติพี่แกตรวจไม่่เคยจะละเอียดแต่นี่มาด่าได้แสดงว่าแย่แล้วสินะครับ
)
มีใครรู้สึกว่าแนวๆเรื่องมันจะออกทะเลไปรึเปล่าครับ หรือว่า อ่านแล้วงง ช่วงไหนบ้าง ช่วยบอกกันหน่อยเน้อ ผมจะปรับปรุง
เพราะช่วงนี้รู้สึกมือตกไปเยอะเลย ทำงานมากไปหน่อย ไม่ค่อยมีเวลาคิดพล็อตบรรยายเลยครับเหอๆ