Chapter 1 รอยยิ้มที่ไม่มีวันจางหาย
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทติดต่อกันหลายครั้งอย่างน่ากลัว ราชินีเนริมอร์ทรงกอดพระโอรสไว้แน่น พระทัยของพระนางแทบแหลกสลายเมื่อทรงเห็นโอรสหายใจแผ่วลงทุกที ๆ ทั้งโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากบาดแผลต่าง ๆ ไม่หยุด เพียงแค่บาดแผลถลอกเล็กน้อยพระนางก็ทรงสงสารลูกน้อยจับพระทัยแล้ว นี่ถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว โอรสของพระนางอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้ เพียงแค่ทรงคิดเช่นนั้น ความกลัวชนิดจับขั้วหัวใจก็ทิ่มแทงพระนางราวกับตกนรกทั้งเป็น
ราชินีเนริมอร์ทรงหันไปทอดพระเนตรอุปราชเบลซ เซจ และ แบล็ค ไวเซอร์ อีกครั้ง แรกทีเดียวพระองค์ทรงคิดว่า หากทรงรีบจัดการเจ้าอสรพิษสองตัวนี่ด้วยพลังเวทย์ซึ่งรวมเอาความโกรธ ความเคียดแค้นของพระนางเข้าไว้ด้วย ก็คงจะสามารถกำจัดเจ้างูพิษสองตัวนี่ได้ไม่ยากนัก ทว่าเมื่อมีโอรสอยู่ในอ้อมพระกรเช่นนี้ พลังของพระนางก็ลดฮวบลงแทบจะทันที จากผู้ที่เป็นฝ่ายบุก เวลานี้พระองค์ทรงทำได้แค่ตั้งรับเท่านั้น ยิ่งมีพ่อมดดำคอยดูดพลังเวทย์ของพระองค์อยุ่เช่นนี้ พระนางอาจจะมีพลังเวทย์เหลือสำหรับการโจมตีอีกไม่กี่ครั้ง แต่ในขณะด้านไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น พลังเวทย์ของมันกลับสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ นี่มันอวิชชาประเภทไหนกัน เบลซ เซจไม่มีทางจะมีพลังเวทย์มากมายถึงเพียงนี้ หรือนี่คือสิ่งที่นาซาอีบอกไว้ ‘ความช่วยเหลือจากเปลวเพลิงแห่งความมืดมิด’
เงามืดเริ่มก่อตัวขึ้นเบื้องหลังบุรุษทั้งสอง เบลซ เซจ ชูแขนทั้งสองขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหย๋เก ทว่าริมฝีปากกลับแสยะยิ้มน่ารักมเกรียม ลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนืออุปราชเฒ่าและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มวลอากาศรอบ ๆ เริ่มบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว
เมื่อทรงหันมาทอดพระเนตรโอรสของพระนางที่กำลังพยายามยกหัตถ์น้อย ๆ ขึ้นอย่างยากลำบาก ดวงเนตรจับจ้องแต่ลูกไฟสีเขียวเหนืออุปราชเฒ่า และพยายามจะร่ายเวทย์อีกครั้ง น้ำเนตรของพระนางก็พาลจะไหลออกมาอีก หรือพระนางได้ทรงตัดสินพระทัยผิดพลาดไปเสียแล้วที่ทรงคิดจะกำจัดเจ้าอสรพิษร้ายในเวลานี้
ราชินีเนริมอร์ทรงรีบคว้าหัตถ์ของโอรสไว้ด้วยความรักจนสุดพรรณนา นี่คือความรักที่พระองค์โหยหา นี่คือความความรักที่พระองค์เฝ้ารอมาตลอดชีวิต ความรักแท้ที่ทำได้แม้ยอมตายแทนผู้อื่น พระนางทรงได้รับความรักนั่นแล้วจากเด็กชายในวัยแค่สิบเอ็ดปี เมื่อทรงคิดได้ดังนั้น น้ำเนตรแห่งความยินดีก็ค่อย ๆ เอ่อล้นแทนที่น้ำเนตรแห่งความโศกเศร้าและหวาดกลัว รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนพระโอษฐ์ ความทุกข์แปรเปลี่ยนเป็นความสุขได้ง่ายเหมือนแค่มีเยื่อบาง ๆ กั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว หากพระองค์จะทรงตัดสินพระทัยใด ๆ ลงไป มันก็จะเป็นการชี้ชะตาที่ไม่อาจแก้ไขใด ๆ ได้อีก พระนางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเช็ดดวงพักตร์ของโอรสด้วยความทะนุถนอม หากมีใครในวันนี้ที่ต้องตาย คน ๆ นั้นจะต้องไม่ใช่โอรสของพระนาง อิสฮานจะต้องปลอดภัยไม่ว่าเวลานี้หรือในอนาคต พระนางจะต้องทรงส่งโอรสของพระนางไปยังที่ที่ปลอดภัยที่สุด คงมีแต่ที่นั่นเท่านั้น...สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่พระนางจะทรงคิดออก และพระนางจะต้องทรงทำให้แน่พระทัยด้วยว่าจะไม่มีใครสามารถตามไล่ล่าอิสฮานได้อีก ซึ่งจากพลังเวทย์ที่เหลือของพระนาง ก็คงจะเหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
“ลูกรัก จงอยู่อย่างมีความสุข อย่าให้เหมือนพ่อของเจ้าที่แสวงหามันมาตลอดชีวิตแต่ไม่เคยได้พบ”
“เสด็จแม่?!”
พระนางทรงยิ้มใส่ดวงเนตรของโอรสด้วยความรัก ในดวงเนตรคมดำขลับนั้น มีภาพของพระนางสะท้อนออกมาทั้งสองข้าง
“ลูกรัก ดวงใจของแม่ จดจำรอยยิ้มของแม่ไว้นะลูก” พระนางทรงพลิกอุ้งหัตถ์ของบุตรชายแนบกับริมพระโอษฐ์ที่ยังทรงแย้มยิ้มอยู่ “จำรอยยิ้มของแม่ไว้นะ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน แม่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
ผ้าคลุมขนนกแดงที่ห่อหุ้มเจ้าชายน้อยไว้ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น
“ไม่ ไม่ เสด็จแม่ ลูกจะอยู่กับเสด็จแม่” เจ้าชายทรงพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระ ยิ่งพระองค์ทรงเห็นว่าอุปราชเฒ่ากำลังจะทำอะไร พระองค์ก็ยิ่งทรงออกแรงมากขึ้น ทว่าพระมารดาก็ยังทรงยิ้มให้พระองค์อยู่เช่นเดิม
เปลวเพลิงเริ่มลุกท่วมพระกายของพระนางและเริ่มก่อเป็นลูกไฟเวทย์ขนาดใหญ่ ทว่าพระนางแทบไม่ได้ทรงสนพระทัยความร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงรอบ ๆ พระองค์เลย โอรสของพระนางรักพระนางจนยอมสละแม้ชีวิต พระนางเองก็รักโอรสมากเสียจนไม่ทรงคิดเสียดายชีวิตเลย
ทันทีที่โอรสของพระนางลอยผ่านเข้าไปในช่องมิติที่เปิดออก เสียงร้องที่เกรี้ยวกราดทางด้านหลังแสดงให้ทรงรู้ว่าอุปราชเฒ่ารู้แล้วว่าพระองค์ทรงกำลังจะทำอะไร และคงไม่ชอบใจอย่างที่สุด
“ข้าจะไม่ยอมให้แกพามันหนี มันจะต้องตายที่นี่ และ เดี๋ยวนี้! ย๊ากกกกกกกกกกก!!!” อุปราชเฒ่าตะโกนสุดเสียงพร้อม ๆ กับเขวี้ยงลูกไฟเวทย์ขนาดยักษ์เข้าใส่ช่องมิติที่กำลังจะปิดลง
“พวกแกต่างหากที่จะต้องตายที่นี่และเดี๋ยวนี้...พร้อมกับข้า!” ตรัสดังนั้นแล้วก็ทรงปลดปล่อยพลังเวทย์ทั้งหมดออกมาทันที