Chapter 23 จุดเปลี่ยน
อิสฮานนอนพลิกหน้ากระสับกระส่ายอยู่บนแพเถาวัลย์ เสียงควบของกีบเท้าม้าดังก้อง เสียงร้องของม้าที่แหลมสูงเอื้อนยาวจนบาดลึกเข้าไปในโสตประสาทกระตุกหัวใจของเขาให้เต้นแรงขึ้นเร็วขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขาเห็นม้าสีดำแผงคอลุกโชนเป็นไฟ วิ่งตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วจนอิสฮานไม่ทันได้ขยับตัวหรือว่านี่จะเป็น อาชาแห่งความมืด (Nightmare) คิดได้เพียงเท่านั้นเจ้าม้าดำก็พุ่งชนเขาเต็มแรงจนเขากระเด็นไปไกล ไกลจนเขาจินตนาการไม่ได้ว่าจะตกลงไปที่ใด หลายอึดใจต่อมา ร่างเขาก็กระแทกลงบนทรายที่ร้อนจัด มันร้อนจนเขารู้สึกแสบผิวไปหมด อิสฮานมองไปรอบ ๆ ทิวทัศน์ที่เคยคุ้นตาทำให้ดวงตาของเขาเบิกโพล่ง เขาเงยหน้ามองกำแพงที่สูงตระหง่านเบื้องหน้า ธงสีแดงเพลิงแห่งซาโลมโบกสะบัดสู้ลมร้อนและฝุ่นทรายอย่างแรง อิสฮานอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เขาค่อยๆก้าวเดินช้าๆเข้าไปที่ประตูเมือง กลิ่นสาบและกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูกของเขาจนรู้สึกสะอิดสะเอียน หัวใจของเขากระตุกแกว่งอย่างแรง เขาอยากจะหันหลังกลับและวิ่งหนี แต่ทว่าเขากลับควบคุมขาของตัวเองไม่ได้ มันก้าวเดินเข้าประตูเมืองไปราวกับมีชีวิตของมันเอง
ทันทีที่เข้าประตูเมือง เขาก็ได้เห็นซากศพมากมาย ศพเหล่านั้นมีทั้งที่ตายนานแล้วและเพิ่งตายได้ไม่นาน กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว อิสฮานสอดส่ายสายตามองหาผู้รอดชีวิต ทว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ซากศพ แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงร้องแหลมสูงดังขึ้น ทำให้เขาถึงกับผวาหันกลับไปทางต้นเสียง เสียงร้องที่ทำให้เขานึกถึงนกน่าเกลียดที่เขาเคยหวาดกลัวในวัยเด็กและจดจำได้ไม่เคยลืม เสียงนั้นดังออกมาจากปราสาทที่อยู่จุดสูงสุดของเมือง อิสฮานมองปราสาทด้วยความตื่นตะลึง ปราสาทที่เขาจำได้ไม่มีอีกแล้ว มันกลับกลายเป็นปราสาทที่ดำทะมึนสูงตระหง่านดูน่ากลัว มีรังสีสีแดงและดำแผ่ออกจากตัวปราสาทตลอดเวลา รอบปราสาทนั้นมี โพเนรอส (Poneros) ภูตปีกค้างคาวในมือถือหอกสองง่ามหลายร้อยตนบินวนอยู่
เสียงร้องแหลมสูงของนกปีศาจดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกเหล่าซากศพโดยรอบอิสฮานให้ลุกขึ้นมา เสียงร้องโอดคราญด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานดังระงมไปทั่วทั้งเมือง ซากศพเหล่านั้นค่อยๆเดินมาหาเขา อิสฮานพยายามผลักซากศพเหล่านั้นแต่มันมีมากมายเหลือเกิน
“ไม่ ออกไป อย่าเข้ามา” อิสฮานพยายามปัดป้องอย่างสุดกำลัง ฉับพลันนั้นเสียงจากศพดังระงมขึ้น
“เจ้าคือความหวังของซาโลม เจ้าคือดวงอาทิตย์” ซากศพในชุดเกราะตรงเข้าบีบแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างแรง
อิสฮานมองซากศพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากละล่ำลัก “สะ...เสด็จพ่อรึ”
“จงครอบครองเมอร์ริเซีย นำพาซาโลมให้ยิ่งใหญ่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ซากศพนั้นแหงนหน้าหัวเราะ
“ไม่ ๆ ข้าไม่ต้องการ” อิสฮานพยายามปัดป้องสลัดตัวออกจากซากศพนั้น
“ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย”
“เจ้าชาย เจ้าชาย มาช่วยพวกเราด้วย”
“เพราะแก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแก”
“ทรมานเหลือเกิน พวกเราทรมานเหลือเกิน”
“อย่าทอดทิ้งเรา เจ้าชายกลับมา”
ซากศพเหล่านั้นตรงเข้ากรุ้มรุมกระชากเขาไปมา อิสฮานน้ำตาไหลพราก ตะโกนสุดเสียง “ไม่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ พอแล้ว พอสักที หยุดเถอะ ได้โปรด”
“อิสฮาน ลูกแม่” เสียงอันคุ้นเคยทำให้อิสฮานหันควับไปด้วยความลิงโลด
“เสด็จแม่” น้ำเสียงดีใจและรอยยิ้มเลือนหายไปในทันทีที่เห็นว่าเสียงนั้นมาจากซากศพที่ไหม้เกรียมจนมองเค้าโครงไม่ออก อิสฮานยื่นมืออันสั่นเทาออกไปแตะที่ร่างไหม้เกรียมนั้น น้ำตาไหลพราก ริมฝีปากสั่นระริก พูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนอกจะระเบิด เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด
“ช่วยแม่ด้วย อิสฮาน ช่วยแม่ด้วย” สิ้นเสียงนั้น ร่างทั้งร่างก็ลุกเป็นไฟต่อหน้าต่อตาของเขา ไฟนั้นแผดเผามือของเขาจนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ไม่! เสด็จแม่ ไม่!!!!!!!!!!!!!”