Chapter 7 นักประดิษฐ์เพี้ยนแห่งเนินพ่นไฟ
กลางปีถัดมา อาณาจักรต่าง ๆ ในทวีปเมอริเซียล้วนเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์การสู้รบที่ตึงเครียดมากขึ้นและทวีความรุนแรงขยายวงกว้างขึ้นทุกขณะ จนเรียกได้ว่าไม่มีใครในทวีปไม่ได้รับผลกระทบของมหาสงครามนี้
อาณาจักรซาโลมหลังจากกษัตริย์เบลซ เซจปราบกองทัพกบฏราโชยูจนราบคาบ และไล่ล่ากลุ่มกบฎนาริสจนหนีรนลึกเข้าไปในเขตทะเลทรายที่สุดแห้งแล้งกันดาร กษัตริย์เบลซ เซจก็ทำการกวาดล้างกลุ่มผู้ต่อต้านและจงรักษ์ภักดีต่อกษัตริย์องค์ก่อนภายในอาณาจักรอย่างหนัก ประชาชนต่างตกอยู่ในความกลัวและหวาดระแวง
เมื่อกวาดล้างกลุ่มอำนาจเก่าภายในเขตเมืองหลวงจนหมดสิ้นแล้ว กษัตริย์เบลส เซจ ก็มีบัญชาให้เกณฑ์ประชาชนทั้งหญิงชายทั่วอาณาจักร ไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนแก่ ให้มาทำการสร้างเมืองใหม่ ประชาชนหลายหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองถูกขับไล่ออกมาจากบ้านและที่ดินของตน เพราะกษัตริย์ต้องการที่ดินของพวกเขา เพื่อสร้างมหาวิหารสำหรับสักการะเทพอวารูเซจและวิหารอีกมากมายสำหรับบริวารของปีศาจอวารูเซจ ทั้งอนุสาวรีย์ขนาดมหึมาของตัวพระองค์เองและเทพอวารูเซจรวมทั้งโรงผลิตทหารปีศาจ คุกสำหรับคุมขังและทรมานกลุ่มผู้ต่อต้านและเชลยศึก อีกทั้งยังสร้างอาคารขนาดใหญ่ เพื่อรวบรวมบรรดาผู้ใช้ศาสตร์มืด เพื่อนำวิชาต่าง ๆ มาใช้ในกองทัพ ผลผลิตต่าง ๆ เริ่มฝืดเคืองเพราะประชาชนถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานก่อสร้างจนหมด ประชาชนต่างก็เคียดแค้นชิงชังกษัตริย์เบลซ เซจ ทำให้มีการก่อจลาจลภายในอาณาจักรซาโลมอยู่เนือง ๆ ซึ่งกษัตริย์องค์ใหม่ก็ไม่รีรอที่จะให้กองทัพเข้าปราบปรามอย่างรุนแรงทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพราะนอกจากจะเป็นความหฤหันต์ส่วนตัวขององค์กษัตริย์แล้ว ยังเป็นการเพิ่มวัตถุดิบในการทำกองทัพผีนั่นเอง
หากจะกล่าวถึงสมรภูมิรบบริเวณพรมแดนอาณาจักรซาโลมและฟิเลเซียนั่น หลังจากแม่ทัพราโชยูยกทัพของตนกลับเมืองหลวง ก็เกิดความระส่ำระส่ายอยู่ไม่น้อย บรรดาแม่ทัพนายกองต่างแตกตื่นขวัญและกำลังใจทดถอย เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุการยกทัพกลับของแม่ทัพใหญ่ ไปทั่วค่ายทหารอย่างกว้างขวาง แรกๆ ก็เป็นเพียงแค่การวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกัน แต่เมื่อนานวันเข้าก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ของแม่ทัพใหญ่หรือมีทีท่าว่าแม่ทัพทมิฬจะยกทัพกลับมา เมื่อการรอคอยเริ่มผ่านไปเป็นเดือน ก็เริ่มมีข่าวลือหนาหูว่ามหาอำมาตย์นาริส สุไลมานถูกกำจัดแล้วและรวมไปถึงแม่ทัพราโชยูด้วย บรรดาทหารที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กับบรรดาแม่ทัพประหลาดลึกลับน่าขนลุกจนเป็นเวลานาน ก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านหวาดระแวงบรรดาแม่ทัพใหม่ ต่างก็กลัวว่าตนจะถูกกำจัดบ้างหรือที่ร้ายกว่านั้นก็ถูกเอาไปทำทหารผี ซึ่งยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นๆ จนน่าตกใจ ทั้งยังมีรูปร่างแปลกพิสดารมากขึ้นกว่าเดิม หรืออาจเรียกได้ว่าเพิ่มชนิดของทหารผีให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น จนเริ่มมีทหารยอมเสี่ยงตายหนีทัพเพื่อให้พ้นจากความหวาดกลัวนี้
ณ ค่ายทหารในเขตรอยต่อระหว่างเมืองฟีเลเซียและเมืองเชลี ไฮแลนด์(Coeli Highland) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนกลางของอาณาจักรฟีเลเซีย เป็นเมืองที่มีเนินเขาทั้งสูงและต่ำอยู่มากมายกระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองและเนื่องจากไม่ค่อยมีที่ราบ ทำให้ประชากรไม่ค่อยนิยมมาตั้งรกรากกันที่เมืองนี้มากมายเหมือนเช่นเมืองอื่น ๆ ดังนั้นเมืองนี้ จึงถูกใช้เป็นที่ตั้งโรงผลิตสัมพาวุธให้แก่กองทัพ เป็นสนามซ้อมรบ และแหล่งรวมค่ายฝึกทหารหลายหน่วยหลายทัพ ซึ่งค่ายที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดใหญ่มากครอบคลุมอาณาเขตภูเขาสี่ลูกและเนินเขาอีกสามลูกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของค่ายด้วย
ในบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่บิชอปเกรเกอรี่แวะไปทักทายทิโมธีเพื่อนเก่าภายในค่ายใหญ่ ตามสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะมาทดลองสิ่งประดิษฐ์ของเพื่อนสติเฟื่องสัปดาห์ละครั้ง แต่เมื่อมาถึงห้องทดลองก็พบแต่ความว่างเปล่า เมื่อลองสอบถามทหารยาม จึงได้ทราบว่า ทิโมธีนั่นอยู่ที่เนินพ่นไฟ ซึ่งชื่อนี้ก็เป็นชื่อเนินเขาที่เหล่าทหารพร้อมใจกันตั้งให้ หลังจากที่ทิโมธีได้รับอนุญาตให้ใช้เนินเขานั้นทำการทดลองของเขา