เพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่องนี้ โปรดอ่านเนื้อเรื่องก่อนหน้า ตามลิงค์
viewtopic.php?f=14&t=19996
Prologue
จักรวรรดิ์ซาโลมอันยิ่งใหญ่ ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้การปกครองของ จักรพรรดิ์อิสฮาน และจักรพรรดินีซูไลก้า ซึ่งแม้ว่าองค์จักรพรรดิ์จะล้มป่วยไม่สามารถออกว่าราชการได้ แต่จักรพรรดินี ที่แม้จะทรงครรภ์ กลับสามารถทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการอย่างเก่งกาจ จนประสูติพระโอรส อิชมาคาอิน อันเป็นที่ปลาบปลื้มของบรรดาพสกนิกรยิ่งนัก แม้พระจักรพรรดิ์จะประชวรมาก แต่ก็เสด็จออกงานสำคัญในบางครั้ง ประชาชนเห็นพระองค์จากไกลๆ แม้พระพักตร์จะดูเปลี่ยนไปจากความผ่ายผอม และการประชวร แต่ก็ยังคงดูสง่างามภายใต้เครื่องทรงมหาจักรพรรดิ์อันอลังการที่บดบังพระพัตกร์อันอาจไม่ชวนมองจากการประชวร
โดยพระราชพิธีสุดท้ายคือ พิธีอภิเษกตำแหน่งรัชทายาท เมื่อพระโอรสอิชมาคาอิน พระชนมายุ 5 ชัญษา หลังจากนั้นไม่นานก็ทรงเสด็จสวรรคต ทำให้ ซาร์ อิชมาคาอิน ขึ้นครองราชโดยมีพระราชมารดาขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน พร้อมกันนั้นท่าน ฟาริด ผู้เพิ่งกลับจากการผจญภัยในแดนไกล ก็กลับมารับราชการเป็น มหาเสนาบดีแห่งซาโลม และสนิทสนมกับ ซาร์ อิชมาคาอิน อย่างรวดเร็ว ซึ่งองค์รัชทายาท รู้สึกราวกับ ท่านมหาเสนาฯ คือบิดาคนที่สองก็มิปาน
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า จักรพรรดินีซูไลก้า ทรงประปรีชาสามาถในการเมืองการปกครองมาก จนครบ20ปีที่ ซาร์ อิชมาคาอิน ขึ้นครองราชเป็น จักรพรรดิ์ แห่งจักรวรรดิ์ซาโลมอันเกรียงไกร ได้ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์นักรบ เหมือนเสด็จตาและเสด็จปู่ รวบรวมจักรวรรดิ์ซาโลมเป็นปึกแผ่น
ในขณะเดียวกัน ได้กำเนิดอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ นคร ซานตาน่า ที่ได้เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองศูยน์กลาง ทั้งการศาสนาและการค้าขาย ผู้แสวงบุญจำนวนมากจากทุกประเทศ และทุกสารทิศ เดินทางมาเพื่อคารวะสถานที่ ที่นักบุญ อลาน่า ผู้ศักดิ์สิทธิ์ สละชีวิตของตน และขึ้นสู่สวรรค์ ประชาชนทั่วเมร์ริเซีย และรวมทั้งทวีปอื่น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ วิทยาการ และสินค้า นำความเจริญมาสู่่โอเอซิสแห่งนี้ จนกลายเป็นมหานครใหญ่ มีการสร้างหอคอยทองคำและมหาวิหาร บนเนินหิน ครอบแท่นหินที่ปักไม้เท้าของท่านนักบุญ อันกลายเป็นตาน้ำอัศจรรย์ที่มีน้ำไหลออกมาไม่สิ้นสุด
จวบจนการมาถึงของคาราวานครอบครัวผู้แสวงบุญครอบครัวหนึ่ง อันจะเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ แห่งทวีปเมอริเซียนี้ไปตลอดกาล