เช้าวันรุ่งขึ้น เฟบรอนนั่งอยู่ในร้านของตน ยังคงทำงานอย่างขมักเขม่นอย่างเช่นทุกวัน แม้จะทดท้อหมดกำลังใจ แต่ปากท้องก็ยังต้องหาเลี้ยง แน่นอนว่าเฟบรอนเก่งในเรื่องช่างกล ขยัน มีน้ำใจ ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาเสมอไม่ได้ขาด ทว่าด้วยความใจดีของเขา จึงคิดค่าบริการแสนถูกและถึงขั้นทำให้ฟรีถ้าลูกค้ายากจน หน่ำซ้ำร้านยังตั้งอยู่ใกล้กับร้านช่างยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ซึ่งดึงดูดลูกค้าที่ร่ำรวยไปเกือบหมด จึงทำให้เขาลืมตาอ้าปากไม่ได้เสียที ใช่ว่าเขาจะไม่อยากย้ายร้านไปตั้งที่อื่น แต่เพราะเขายากจนจนไม่มีเงินพอจะไปเช่าแผงที่ใหญ่กว่าและไกลจากร้านหรูหรานั้นต่างหาก
ระหว่างที่กำลังง่วนทำงานอยู่นั้น พลันหางตาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง สายตาของเขาแน่นอนว่ามีแต่โรสแมรี่เสมอ แต่ถ้าไม่ใช่โรสแมรี่แล้วละก็ ก็มีแต่เครื่องจักรกลเท่านั้นที่ดึงดูดสายตาของเขาได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นจักรกลที่อยู่อีกฟากของตลาด ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น จักรกลครึ่งตัวที่ใช้เป็นยานพาหนะแบบบังคับมือ นี่มันสุดยอดเทคโนโลยีของอาณาจักรไหนเนี่ย เขาแทบไมได้สนใจผู้ขับหรือสภาพแวดล้อมโดยรอบเลย รีบคว้ากระดาษกับดินสอกางลงบนโต๊ะ จัดแจงกวาดข้าวของเกะกะออกจากโต๊ะจนหมดแล้วลงมือร่างแบบวิธีการสร้างเจ้าจักรกลตรงหน้าทันที
วัสดุควรจะเป็นชนิดไหน ยาวสั้นแค่ไหน ใช้น๊อตกี่ตัว สายพาน...แน่นอนต้องใช่แน่ สายไฟกี่ขด โลหะต้องตัดเป็นรูปร่างแบบไหน เฟบรอนก้มหน้าก้มตาร่างแบบอย่างเอาเป็นเอาตายจนรู้สึกเหมือนมีไฟลุกพรึบพรับเลยทีเดียว
ในตลาดที่จ้อกแจ้กจอแจ จู่ ๆ ก็เงียบเสียงลง ต่างชี้ชวนกันดูกลุ่มคนแปลกหน้าด้วยความสนอกสนใจ ชายสามคนหรือจะเรียกว่าสองคนกับอีกหนึ่งตัวเดินเข้ามาในตลาดด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่ท่าทางสบาย ๆ นั้นก็ทำให้ผุ้คนในตลาดแตกตื่นไม่น้อย อาจเป็นเพราะส่วนผสมที่ดูไม่เข้ากันของทั้งสาม คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าดูคมเข้ม ทว่าสีหน้าและแววตาใจดี ยิ้มแย้มด้วยไมตรี ให้กับทุกคนที่สบตา ในขณะที่อีกคนซึ่งวางตัวเหมือนเป็นองครักษ์กลับมีสีหน้าเรียบเฉย สายตาคมปราบมองไปทั้งซ้ายขวา แม้จะไม่ได้มีทท่าทีคุกคาม แต่การก้าวเดินแต่ละก้าวก็บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นยอดฝีมือและพร้อมจะจู่โจมทันทีที่ใครเผลอทะเล่อทะร่าเข้าไปหาเรื่องด้วยกงเล็บที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม ส่วนอีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นโคบอล์ดขี่หุ่นยนต์บังคับมือครึ่งตัวเดินอยู่อีกข้าง สายตามองนั่นมองนี่ด้วยความสนอกสนใจไปรอบตลาด
Untitled-2 copy.jpg
“พวกเรากำลังมองหาช่างกลฝีมือดี ไม่ทราบว่าท่านพอจะแนะนำคนที่เราต้องการให้ได้ไหม?” ชายผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยถามพ่อค้าเนื้อที่อยู่ใกล้
พ่อค้าเนื้อเงยหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิดกวาดตามองผู้ถามด้วยไม่สบอารมณ์ที่เขามาถามหาคนแทนที่จะมาซื้อเนื้อของเขา ทว่าเมื่อกวาดตาขึ้นลงมองเครื่องแต่งกายของผู้ถามแล้วก็ต้องฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหล๋อของเขาพลางถูมือไปมา “ขอรับ นายท่าน ช่างกลที่มีฝีมือหรือขอรับ เอ...คนไหนน๊า? สมองข้าไม่ค่อยดีด้วยสิ ถ้านายท่านจะ...”
เสียงเสียดสีของโลหะดังขึ้นทางเบื้องหลัง ทำให้พ่อค้าเนื้อต้องชโงกตัวไปมองตามเสียง ก็พลันเห็นเงาคมกริบของกงเล็บเหล็กกำเข้าและแบออก จึงเลื่อนสายตาขึ้นมองผู้เป็นเจ้าของจนได้เห็นรอยยิ้มเย็นเฉียบพร้อมสายตาคมเข้มมีประกายดุดันของอีกฝ่าย ทันใดนั้นแข้งขาก็อ่อนยวบทรุดลงไปนั่งก้นจ่ำเบ้าอยู่กับพื้น
“ไม่เอาน่า ฟาริด” เสียงชายตรงหน้าดังขึ้นปราม ก่อนจะหันไปยิ้มให้พ่อค้าเนื้อ “เขาแค่ชอบแหย่คนเล่นเท่านั้น ไม่ทำอะไรท่านหรอก”
“ขะ..ขะ...ขอรับ นะ...นายท่าน” พ่อค้าเนื้อที่ตอนแรกคิดจะลีลาขอค่าบอก ก็สั่นพั่บ ๆ ความตั้งใจหายวับไปกับตา “ชะ..ช่างกลเก่ง ๆ ก็มีที่ร้านนั้น” พ่อค้าชี้นิ้วสั่น ๆ ไปทางร้านใหญ่ “ร้านนั้นรวมคนเก่ง ๆ ไว้เยอะ คนรวย ๆ ชอบไปใช้บริการที่นั่นกันทั้งนั้น”
ทั้งสามหันไปมองตามทิศทางที่พ่อค้าชี้
“ตะ..แต่ถ้า...” พ่อค้าพูดต่อ “ แต่ถ้าช่างฝีมือดี ราคาถูก ที่คนทั้งตลาดยกนิ้วให้ ก็ต้องคนโน่น ที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรอยู่ในร้านโทรม ๆ ข้างร้านใหญ่นั่นล่ะ”
“นั่นรึ?” ชายหนุ่มหันไปมองอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มหน้าตามอมแมมด้วยน้ำมันเครื่องกำลังตั้งอกตั้งใจเขียนอะไรสักอย่างอยู่
“ฝีมือดีจริงรึ?” ฟาริดเลิ่กคิ้วถาม เพราะเห็นความทรุดโทรมของร้านและช่างที่ดูอายุยังน้อยก็อดกังขาไม่ได้
“จะ..จริงขอรับ เจ้านั่นชื่อเฟบรอน ไม่ว่าอะไรเขาก็ซ่อมได้หมด ค่าซ่อมก็ตามจริงไม่มีโก่งราคา แถมบางทีทำให้ฟรีด้วยถ้าไม่มีตังจ่าย ข้าก็ไปใช้บริการฟรีบ่อย ๆ แหะ แหะ”
คนทั้งสามเลิ่กคิ้วเมื่อได้ฟัง แต่ก็นึกชมชอบหนุ่มช่างกลอยู่ในใจ พ่อค้าที่ไม่เอาเปรียบแถมมีน้ำใจนั้นหาได้ยาก ยิ่งในภาวะสงครามเช่นนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
“ขอบคุณมาก” ชายหนุ่มยิ้มพลางวางเหรียญทองให้พ่อค้าหนึ่งเหรียญก่อนจะเดินจากไป ทำเอาพ่อค้ายิ้มหน้าบานจนแก้มปริ
ทันทีที่กลุ่มคนแปลกหน้าเดินเข้าไปใกล้ พ่อค้าจากร้านช่างกลใหญ่ก็รีบปรี่เข้ามาทันทีด้วยรอยยิ้มที่พร้อมจะค้าขายแบบพ่อค้ามือฉมัง พลางพยายามต้อนชายทั้งสามเข้าไปยังร้านของตน ไม่แปลกใจเลยที่พ่อหนุ่มช่างกลจะดูยากจนเหลือเกิน เพราะดูเหมือนจะโดนแย่งลูกค้าแบบนี้เป็นประจำ กระนั้นเขาก็ยังคงตั้งใจขีดเขียนอะไรอยู่บนโต๊ะโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูเลย พอทั้งกลุ่มทำท่าจะเดินไปทางเฟบรอน พ่อค้าใหญ่ก็รีบก้าวเข้ามาขวางพร้อมรอยยิ้มกว้างเหมือนนักล่าที่ไม่ยอมให้เหยื่อหลุดมือ
“นายท่าน เชิญแวะที่ร้านข้าดีกว่า ร้านข้าสะดวกสบาย ทันสมัย และดีที่สุดในเมือง และ...”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊...พ่อค้าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกันไปหมดสิน่า” ฟาริดพูดพลางยกกงเล็บขึ้นชูนิ้วหนึ่งส่ายไปมาตรงหน้าพ่อค้าช้า ๆ พ่อค้าใหญ่ตกใจหน้าซีดจนตัวสั่นหงัก ๆ รีบถอยหลบไปในทันใด ปล่อยให้ทั้งสามเดินไปยังทิศทางที่ต้องการ
เมื่อทั้งสามเดินทางหยุดอยู่ตรงหน้าเฟบรอนและมองลงไปยังกระดาษที่ชายหนุ่มกำลังตั้งอกตั้งใจเขียนนั้น ทั้งสามก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่เห็น ต่างหันมามองหน้ายิ้มให้กัน นี่แหละคนที่พวกเขากำลังมองหา
“สวัสดีเฟรบรอน” ชายหนุ่มเอ่ยทักทำให้เฟบรอนเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร เฟบรอนก็สะดุ้งเฮือกลุกขึ้นถอยหลังออกจากโต๊ะด้วยความตกใจ
“ผะ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะลอกเลียนแบบหุ่นยนต์ของท่านนะครับ” เฟบรอนตกใจจนเกือบจะลนลานเลยทีเดียว ยิ่งเห็นกงเล็บของชายผิวเข้ม ก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องตกใจ พวกเราไม่ได้มาหาท่านเพราะเรื่องนั้น” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดเสียงนุ่มพร้อมยิ้มปลอบใจ
โคบอล์ดบังคับมือกลให้หยิบแผ่นกระดาษบนโต๊ะมาดูใกล้ ๆ ก่อนจะกวาดตาไปทั่วแผ่น “อืม...อืม... ไม่ถูกต้องซะทีเดียว แต่ก็ อืม...ใกล้เคียง อืม...ตรงนี้สร้างสรรดี หึ หึ อืม ๆ “ โคบอล์ดพยักหน้าหงึก ๆ ระหว่างไล่ดูตามแบบร่างในมือ จนที่สุดก็เงยหน้าขึ้น “ฝีมือไม่เลวนิ นี่ร่างจากแค่มองเมื่อกี้รึ?”
“คะ...ครับ” เฟบรอนตอบ แต่ก็ไม่วายมองสำรวจการทำงานของจักรกลตรงหน้า แม้จะยังตกใจแต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้มีโอกาสเห็นการทำงานของหุ่นยนต์อย่างใกล้ชิด
“เยี่ยม... ข้าชอบ ข้าเลือกเจ้าหนุ่มนี่ ถ้าสามารถร่างแบบได้ขนาดนี้จากแค่การมองแป๊บเดียว แปลว่าฝีมือไม่ธรรมดา แถมอายุก็ยังน้อยน่าจะพัฒนาฝีมือได้อีกไกล ท่านเห็นว่าไง” โคบอล์ดหันมาถามชายตรงหน้า
“เรื่องเครื่องจักรก็ต้องแล้วแต่ท่านอยู่แล้ว” ชายหนุ่มหันไปยิ้มตอบ
“เลือกผม? พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรหรือครับ?” เฟบรอนตามไม่ทันจริง ๆ
“โอ... จริงสิ พวกเรายังไม่ได้แนะนำตัวเลย” ชายตรงหน้าหันมายิ้มกว้างพูดขึ้น “ข้าชื่ออิสฮาน พวกเราคือคณะประกาศก ผู้เดินทางจาริกประกาศข่าวประเสริฐและช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ไปทั่วดินแดน ท่านคงเคยได้ยินเรื่องราวของพวกเราบ้าง นี่คือสมาชิกของข้า อุลเมอร์และฟาริด ”
โคบอลด์อุลเมอร์(Kobold Ulmer, the Prophet’s follower)ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจับมือเขา และเมื่อมองไปยังคนชื่อฟาริด(Farid, the Prophet’s follower)ผู้มีใบหน้าคมเข้มเยี่ยงชาวซาโลม ก็ได้แต่ประหวั่นว่ากงเล็บยาวนั้นจะไม่ทำอันตรายใดๆกับเขาซึ่งดูเหมือนฟาริดจะรู้ได้ว่าชายหนุ่มประหวั่นกับกงเล็บของเขา จึงแค่พยักหน้าเป็นเชิงทักทายกับเขาแทน
“ยินดี ที่ได้พบท่าน สิ่งที่พวกท่านทำไม่มีใครเลยในทวีปเมอร์ริเซียจะไม่รู้ ว่าแต่ที่พวกท่านมาหาผม ต้องการให้ผมช่วยอะไรหรือครับ?”
“พวกเรากำลังมองหาช่างฝีมือดีมาช่วยพวกอุลเมอร์ดัดแปลงเรือเหาะเพื่อใช้เดินทางข้ามช่องแคบที่ค่อนข้างอันตราย และอุลเมอร์เลือกท่าน ท่านจะช่วยพวกเราได้ไหม?” อิสฮานถาม
“ผม...” เฟบรอนรู้สึกลังเล มองอิสฮานด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ท่านเรียกราคามาได้เลย พวกเราไม่เกี่ยงถ้ามันสมเหตุสมผล ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ท่านกังวล”
“ไม่ใช่ครับ ผมอยากจะทำ ผมเต็มใจทำให้ท่านฟรี ๆ ก็ยังได้ เพราะท่านจะไปช่วยผู้คน เพียงแต่ตอนนี้ผม...” เฟบรอนมีสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง
“ท่านมีอะไรทำให้ไม่สบายใจหรือ?” อิสฮานรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มอยากตอบรับ แต่ก็มีความทุกข์บางอย่างที่กรุ่มรุมอยู่ในใจทำให้เขาลังเล ความท้อแท้อับจนหนทางในดวงตาของหนุ่มช่างกลทำให้อิสฮานสงสารและเห็นใจ เขารู้จักอารมณ์เช่นนี้ดี เพราะตัวเขาเองก็อยู่กับความอึดอัดสับสนอับจนหนทางมาทั้งชีวิต “ถ้าไม่รังเกียจจะระบายให้พวกเราฟังก็ได้ พวกเราอาจช่วยอะไรท่านได้บ้าง หรืออย่างน้อยการได้พูดระบายออกมาบ้างก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้นะ”
เฟบรอนนิ่งไปชั่วขณะ เขามองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นประกาศก ชื่อเสียงของประกาศกอิสฮานขจรขจายมาถึงเมืองที่เขาอยู่ เขาไม่คิดว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้จะมานั่งฟังความทุกข์ของเขา เรื่องไร้สาระน่าขำที่ไม่มีค่าใด ๆ สำหรับการเผยแพร่คำสอนของพระเจ้า แต่มีบางอย่างในใจบอกเขาว่า บุรุษตรงหน้าจะเข้าใจความทุกข์เขา จะไม่หัวเราะเยาะความอ่อนแอของเขา พระเจ้าอาจจะส่งผู้รับใช้ของพระองค์มาบรรเทาใจเขา เฟบรอนพยักหน้ารับก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกและเริ่มเล่าสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกไป