
ณ แผงขายดอกไม้ท้ายตลาด ดอกไม้มากมายหลายหลากพันธุ์แข่งกันชูช่ออวดความงามและกลิ่นหอมเชิญชวนให้บรรดาผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้หยุดเหลียวมองหรือแม้แต่ค้วงกระเป๋าเพื่อซื้อพวกมันกลับไปประดับที่บ้าน แต่กระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งกว่าดอกไม้งามเหล่านั้นกลับเป็นแม่ค้าสาวแรกรุ่นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่สวยที่สุดในเมือง ชื่อของเธอคือ โรสแมรี่ (Rosemary, the Florist) ด้วยดวงหน้าเล็กเรียวอ่อนหวาน แก้มชมพูระเรื่อของวัยสาว ผิวขาวผ่องนวลเนียนหมดจด ผมสีน้ำตาลยาวเงาสลวยถักเป็นเปียหลวม ๆ ทำให้เธอดูไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องชั้นดีที่น่าทะนุถนอม ทว่าความงามของเธอไม่ใช่เท่านั้น เธอยังมีกริยาและวาจานุ่มนวลอ่อนหวานไม่ต่างจากรูปโฉมอีกด้วย ผู้คนจึงต่างก็พากันยกย่องว่าความงามของเธอเรียกได้ว่าเป็นเอกบุปผาจากสรวงสวรรค์
ทุก ๆ วันจะมีบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งโสดและไม่โสดต่างแวะเวียนมาเมียงมองส่งสายตาหยาดเยิ้มให้สาวเจ้าอยู่เสมอ ที่ใจกล้าหน่อยก็จะเข้ามาเยี่ยมเยือนเพื่อพูดคุยหรือซื้อดอกไม้ติดไท้ติดมือเพื่อให้หญิงสาวประทับใจ พูดคุยด้วย หรืออย่างน้อยก็จำหน้าพวกเขาได้บ้าง
และในวันนี้ก็เช่นกันที่แผงขายดอกไม้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กลุ่มย่อม ๆ มายืนออกันหน้าร้าน
“โรสแมรี่ วันนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?”
“โรสแมรี่ วันนี้เจ้าดูงดงามจริง ๆ แม้แต่ดอกไม้พวกนี้ยังงดงามสู้เจ้าไม่ได้เลย”
“โรสแมรี่ หลังจากขายดอกไม้เสร็จ เจ้าพอจะมีเวลาไปไปเดินชมตลาดกับข้าสักหน่อยไหม?”
“อ๊ะ...เจ้าคนหน้าด้าน กล้าชวนโรสแมรี่ตัดหน้าข้ารึ?”
เสียงหนุ่ม ๆ ดังเซ็งแซ่จนใคร ๆ ก็พากันส่ายหัว โดยเฉพาะบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในตลาด โรสแมรี่ได้แต่ยิ้มให้อย่างเอียงอายและจนใจ เพราะเธอเองก็ไม่กล้าพอจะไล่คนเหล่านี้ไป เนื่องจากพวกเขาต่างก็เคยซื้อดอกไม้ของเธอมาแล้วทั้งนั้น แม้จะไม่ได้ซื้อเป็นกอบเป็นกำจนเธอร่ำรวยขึ้นมาได้ก็เถอะ
“เอาหลีก ๆ หลีกหน่อย” เสียงชายอีกคนดังมาจากเบื้องหลัง พร้อม ๆ กับเสียงตะกุยตะกายพื้นของเท้าสัตว์ จึงพาลทำให้กลุ่มหนุ่ม ๆ แตกออกเป็นวง เผยให้เห็นบุรุษไปรษณีย์ประจำเมืองนั่งยิ้มแฉ่งบนหลังคูกาโร
“แหม... เจ้าพวกนี้ ยืนออกันหน้าร้านแบบนี้แล้วโรสแมรี่จะขายดอกไม้ได้เหรอ?”
“พวกข้าก็ตั้งใจจะซื้อดอกไม้ของโรสแมรี่กันอยู่แล้ว ไม่ได้ยืนกันเฉย ๆ เสียหน่อย” ชายคนหนึ่งบ่นอุบ
บรรดาหนุ่ม ๆ ที่โดนพูดดักคอต่างก็ทยอยกันซื้อดอกไม้กันคนละดอกสองดอกแล้วค่อย ๆ แยกตัวกันออกไป
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุก ๆ ท่านนะคะ” โรสแมรี่ยิ้มขอบคุณพร้อมส่งดอกไม้ให้พวกเขา
“แล้วเจอกันนะ โรสแมรี่”
“พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่นะ โรสแมรี่”
“คุณติดหนี้บุญคุณผมแล้วนะครับ” บุรุษไปรษณีย์หนุ่มยิ้มแฉ่งพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน “ผมช่วยคุณออกจากสถานการณ์ที่หน้าอึดอัด แถมยังช่วยให้คุณขายดอกไม้ได้ด้วย ดังนั้นเย็นนี้คุณจะตอบแทนผมด้วยการไปเดินเล่นริมชายหาดได้ไหมครับ?”
หญิงสาวหัวเราะ ซึ่งก็ทำให้ใบหน้าของเธอดูงดงามยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า “ขอบคุณที่ช่วยฉัน และก็ขอบคุณที่ชวนนะคะ แต่ว่าฉันต้องกลับไปดูแลแม่ ช่วงนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี” หญิงสาวตอบปฏิเสธอย่างถนอมน้ำใจอีกฝ่าย
ชายหนุ่มจึงได้แต่ถอดถอนใจ เพราะชวนเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่เคยใจอ่อนเสียที
“เอาเถอะ งั้นผมจะลองชวนใหม่คราวหน้านะครับ” ชายหนุ่มทำหน้าทะเล้นก่อนโดดขึ้นคูกาโร(Kugaro)แล้วขยิบตาให้เป็นสัญญาว่า ‘แล้วผมจะมาอีก’
โรสแมรี่ส่ายหน้ากับหนึ่งในหนุ่มที่ตามจีบเธอ นี่มันครบทุกอาชีพแล้วใช่ไหม เธอถามตัวเอง เปล่า เธอไม่ได้ภูมิใจ เธอหมายถึงเธอต้องอ่อนอกอ่อนใจจนกับหนุ่ม ๆ ครบทุกอาชีพแล้วนะสิ
“วันนี้ขายดอกไม้เป็นยังไงบ้าง” เสียงชายที่คุ้นเคยดังขึ้น โรสแมรี่หันไปยิ้มกว้างให้ชายเจ้าของเสียงทันที
“เฟบรอน” รอยยิ้มที่แตะแต้มบนเรียวปากบางทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มตอบให้อย่างอบอุ่น
เฟบรอน(Fabron, the Mechanic)ช่างเครื่องยนต์ ผู้เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเธอ ถ้าจะมีใครในโลกนี้ที่ดีกับเธอเสมอ ก็คงจะเป็นเพื่อนรักของเธอคนนี้ เขาทั้งขยันขันแข็ง มีน้ำใจ และ ช่วยเหลือเธอเวลาลำบากเสมอ ชายหนุ่มซึ่งเวลานี้เสื้อผ้าและเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยน้ำมันเครื่อง กลิ่นน้ำมันเครื่องจากตัวเขาแม้ไม่เข้ากับดอกไม้กลิ่นละมุน แต่เธอก็อยากให้เขาแวะมาทักทายบ่อยๆ ดีกว่าพวกหนุ่มจอมกะล่อนที่ประโคมฉีดน้ำหอมใส่ตัวเป็นตั้งๆ แต่ไม่ยอมอาบน้ำ
“ก็เหมือนทุกวันแหละจ๊ะ เว้นแต่ถ้าท่านลอร์ดจะเก็บภาษีน้อยลงก็คงมีกินมากขึ้น แล้วนั้นเธอแบกอะไรมาน่ะ” เธอถามถึงก้อนเหล็กสีชมพูขาวส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดๆ บนหลังของเขา
“นี่คือหุ่นยนต์นีโอส์การ์เดียน(Neos Guardian)แบบย่อส่วนที่ท่านหัวหน้าพ่อค้าประจำเมืองจ้างให้ซ่อมน่ะ มันเยี่ยมมากเลยนะเอาไว้พูดคุยง่าย ๆ ก็ได้ เฝ้าบ้านก็ดีเพราะมันต่อสู้ได้บ้าง ได้ยินว่าถูกสั่งทำพิเศษ พวกคนรวยก็ยังงี้ล่ะน้า ซ่อมเสร็จคงได้เงินเยอะ จริงสิ...ผมเห็นว่าคุณป้าไม่ค่อยสบาย ผมจะลองแวะไปถามคุณหมอที่หน้าตลาดดู เผื่อว่าพอจะจัดยาอะไรมาให้ได้บ้างดีไหม?”
“ขอบคุณนะจ๊ะ เฟบรอน แต่ค่ายาเดี่ยวฉันออกเองดีกว่า ยาในช่วงศึกสงครามอย่างนี้ราคาแพงมาก ฉันคงรบกวนเธอไม่ได้หรอก”
“บ้าน่า... อย่างคิดมากสิ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ซ่อมเจ้าหุ่นนี่เสร็จฉันคงได้เงินมากพอจะใช้จ่ายได้เป็นอาทิตย์เลย” เฟบรอนยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะซื้อขนมปังมาให้เธอกับคุณป้าด้วย ไปก่อนนะ”
โรสแมรี่โบกมือลามองหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มดั่งแดดยามสายที่เดินห่างไปทุกที ดีใจเหลือเกินที่มีเพื่อนอย่างเขา เธอไม่รู้หรอกว่าเคยมีใครเขียนสำนวนประมาณว่า “เพื่อนที่ดีก็เหมือนแสงแดดอันอบอุ่น” ไว้หรือเปล่า แต่มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก ที่สำคัญคือดอกไม้บนแผงต่างหากเล่า วันนี้ยังขายได้ไม่เท่าไหร่เลย