Chapter 15 ช่วงเวลาแห่งความมืดมิด
เป็นเวลาดึกแล้ว คนส่วนใหญ่ของเมืองท่าแอนดิซองคงกำลังหลับไหลอย่างอบอุ่นบนเตียงนุ่มๆของตน ว่าภายในอารามหลวงที่มืดสลัวมีเพียงแสงจันทร์บางๆ ลอดผ่านกระจกสีเข้ามา มีใครคนนึงยังคงคุกเข่าสวดภาวนาอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน เสียงกระซิบคำอธิษฐานภาวนาเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมองสลับกับเสียงสะอื้นไห้เบาๆ เป็นระยะๆ ความหดหู่ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบหมองหม่น แม้จะมีแสงตะเกียงเล็กๆ ดวงหนึ่งส่องแสงเต้นไปมาเป็นจังหวะการเผาไหม้ของดวงไฟใกล้กับรูปสัญลักษณ์แห่งแสงที่กลางแท่นบูชา ทว่าก็ไม่ได้ช่วยขับไล่ความมืดหม่นออกจากสถานที่แห่งนี้ไปได้
“พระเจ้าข้า โปรดช่วยลูกจากช่วงเวลาแห่งความมืดมิดนี้ด้วย” เสียงกระซิบเบาระคนกับเสียงสะอื้นดังแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน แต่ก็สะท้อนถึงความทุกข์ตรมของเจ้าของเสียงได้อย่างดี
หญิงสาวยังคงอธิษฐานภาวนาอยู่เช่นนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปเท่าใดแล้ว เธอไม่ได้สนใจสิ่งใดๆ รอบข้างเลย จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าห้องทั้งห้องเริ่มสว่างขึ้น เริ่มจากโถงทางเดินฝั่งซ้ายเหมือนดวงไฟค่อยๆลอยไปติดที่คบเพลิงข้างทางเดินทีละดวงๆ แต่เพราะน้ำตาทำให้ดวงตาของเธอพร่าเลือนเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัดเจนแสงค่อยๆสว่างขึ้นๆ จนกระทั่งทั่วทั้งห้องโถงประกอบพิธีสว่างไสว แสงจากดวงไฟสะท้อนอัญมณีที่ประดับอยู่ทั่วท้องห้องโถงจนเปล่งประกายระยิบระยับราวกับอยู่ในความฝัน
เก้าอี้ยาวและที่คุกเข่าทอดเรียงรายไปไกลกว่าร้อยแถว บ่งบอกว่าอารามแห่งนี้เป็นอารามใหญ่สามารถจุประชาชนได้เป็นพันคน เพดานสูงนั่นสูงกว่าสี่ชั้นมีระเบียงมุกเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันมา ที่ปีกซ้ายและขวาของห้องมีโถงเล็กแบ่งเป็นสัดส่วน มีไว้เพื่อทำพิธีย่อยที่มีผู้มาร่วมพิธีจำนวนไม่มาก แต่กระนั้นก็จุคนได้เกือบร้อยคนซึ่งเจ้าหญิงอลาน่าก็ประทับอยู่ที่โถงฝั่งซ้ายนี้เอง
เจ้าหญิงอลาน่าในชุดของซิสเตอร์กวาดสายตาดื่มด่ำไปกับความงามของโถงประกอบพิธี ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่เคยเห็นความงดงามของอารามนี้ เพียงแต่แสงเทียนสีเหลืองนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากอารามที่พระองค์ทรงเห็นอยู่เป็นประจำต่างหาก
เจ้าหญิงทรงรีบเช็คคราบน้ำตาออกจากดวงพักตร์ พระองค์ทรงมองไปรอบๆห้องโถง คงจะมีใครเข้ามาจุดเทียนที่คบเพลิงเหล่านี้ พระองค์ทรงมัวแต่ก้มหน้าจึงไม่ได้ทันสังเกตว่าใครเข้ามา และที่หน้าพระแท่นนั้นเองเจ้าหญิงก็ทรงเห็นเด็กชายผมสีทองในเสื้อยาวสีขาวขลิบด้วยสีฟ้าครามและสีทอง มีเทียนด้ามยาวทำจากทองเหลืองยาวสูงเลยศีระษะอยู่ในมือข้างหนึ่ง เด็กชายเหมือนกำลังจุดเทียนที่บนแท่นบูชา เพราะมีแสงสว่างเกิดขึ้นตรงหน้าของเขา
“เอ่อ...” เจ้าหญิงอลาน่าทรงเอ่ยขึ้นไม่แน่พระทัยเหมือนกันว่าพระองค์จะตรัสอะไรกับเด็กชาย แต่ความรู้สึกลึกๆบางอย่างผลักดันให้พระองค์เอ่ยทักเด็กชาย
เด็กชายดูเหมือนจะสะดุ้งและรีบกลับหลังหัน แสงเทียนซึ่งสว่างเป็นวงรับพอดีกับศีรษะและผมสีทองอร่ามทำให้เหมือนกับเด็กชายมีรัศมีอยู่รอบศีรษะ
“ขอโทษนะจ๊ะที่ฉันทำให้ตกใจ” เจ้าหญิงอลาน่ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนและรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ทำให้เด็กชายตกใจกลัว ก็แน่ละว่าใครจะไม่ตกใจ ก็จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นข้างหลังในเวลาที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ในที่แห่งนี้นี่นา
เด็กชายถอนหายใจดังเฮือกเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นซิสเตอร์ “ที่แท้ก็เป็นซิสเตอร์นี่เอง ผมตกใจหมดเลย ผมนึกว่าเป็น.....” เด็กชายจงใจเว้นคำไว้ให้ผู้ฟังคิดต่อเอาเองพลางเอามือลูบอกตนเองเหมือนจะเพื่อคลายความตื่นตระหนกเมื่อครู่ พลางมองสังเกตชุดที่เจ้าหญิงใส่อยู่
“ซิสเตอร์อยู่คณะของซิสเตอร์โรซาน่าหรือครับ แล้วนี่ซิสเตอร์ยังไม่กลับอารามหรือครับ? หรือมีธุระด่วนอยากจะพบนักบวชรูปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า? ให้ผมไปตามให้ดีไหมครับ?”
“ป่าวหรอกจ๊ะ ฉันเพียงแต่อธิษฐานภาวนาเพลินไปหน่อยจนเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้“ เจ้าหญิงทรงยิ้มเศร้าๆ รู้สึกผิดน้อย ๆ ที่เหมือนตนสร้างความเดือดร้อนให้เด็กชาย
“ โอ้ ผมมารบกวนเวลาภาวนาของซิสเตอร์หรือเปล่าฮะ? “เด็กชายถามด้วยสีหน้าดูกังวลใจไม่น้อย
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกจ๊ะ ฉันเสียอีกที่มารบกวนการทำงานของเธอ”
“ไม่หรอกฮะ ผมจุดเทียนอันสุดท้ายเสร็จพอดี” เด็กชายยิ้มหันไปมองผลงานของตัวเองรอบๆห้อง ซึ่งเจ้าหญิงก็ทรงหันไปมองโดยรอบตามเด็กชาย ห้องที่เคยมืดสลัวเวลานี้ดูสว่างไสวไปด้วยแสงเทียนสีนวลตา ทำให้จิตใจของเจ้าหญิงรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง
“หนูเป็นเด็กช่วยพิธีกรรมที่วิหารแห่งนี้หรือจ๊ะ?“ เจ้าหญิงอลาน่าถามแม้จะเห็นอยู่ว่าเด็กชายสวมชุดเด็กช่วยพิธีกรรมอยู่ คงเป็นเพราะแค่จะให้การสนทนานี้ดำเนินต่อไป เพราะการได้พูดคุยกับเด็กๆ ก็ทำให้เราสามารถลืมเรื่องร้ายๆ ที่รบกวนจิตใจไปได้ชั่วขณะ
“ครับ ผมชื่อ โฮลี่ เป็นเด็กช่วยพิธีกรรมอยู่ที่นี่ (Holy, The Altar boy)”
เจ้าหญิงทรงพยักพระพักตร์รับ วิหารหลวงแห่งนี้เป็นวิหารใหญ่ มีคณะนักบวชหลายคณะแบ่งบทบาทหน้าที่ดูแลวิหารส่วนต่างๆ และมีหลายคณะที่รับอบรมเด็กๆที่ต้องการฝึกตนหรืออยากครองชีวิตนักบวชอยู่ด้วย โดยจะให้พักอาศัยอยู่ในอาคารต่างๆโดยรอบเขตวิหารหลวงแห่งนี้ เด็กชายคนนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น