Chapter 25 อัศวินสวรรค์
ใกล้รุ่งสางแล้วในขณะที่วิหารแห่งฟรานเชสก้าถูกรายล้อมไปด้วยทหารผีนรกครึ่งแสนและเหล่าทหารเรือนแสนของซาโลมจนบริเวณโดยรอบแน่นขนัดไปหมด เนื่องจากเพราะวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้บรรดาผีร้ายแทบจะมอดไหม้ด้วยพลังแห่งสวรรค์ จึงถึงคราวที่ทัพมนุษย์ของซาโลมจะทำหน้าที่กวาดล้างต่อ ทั่วลานหน้าวิหารจึงดาษดื่นไปด้วยศพของบรรดานักบวช ผู้ปกป้องวิหารและอัศวิน เลือดของบรรดาผู้กล้าและผู้ศักดิ์สิทธิ์ไหลอาบชโลมไปทั่วลาน ขณะนี้ในวิหารฟรานเชสก้าแทบไม่เหลือทหารหรือแม้แต่บรรดานักบวชที่จะปกป้องวิหารอีกแล้ว
ภายในวิหารฟรานเชสก้าแสงสว่างจากเปลวเพลิงภายนอกสาดส่องผ่านกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของพระเจ้าและมนุษย์ แสงหลากสีทอประกายสะท้อนเครื่องใช้ทองคำนานาชนิดจนเกิดประกายแวววาวไปทั้งวิหาร โทนสีน้ำตาลทองที่ใช้ตกแต่งภายในวิหารช่วยให้ผู้ที่เข้ามาในวิหารแห่งนี้รู้สึกจิตใจสงบเยือกเย็นขึ้นอย่างประหลาด ความใหญ่โตและแน่นหนาของกำแพงวิหารช่วยสกัดกั้นเสียงรบราฆ่าฟันภายนอกจนเหมือนเสียงดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ
บริเวณโดยรอบพระแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์เด็ก ๆ กว่าร้อยชีวิตกำลังอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัวเพราะเพิ่งประสบชะตากรรมที่น่าสยดสยอง ต่างร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทา บางคนมีผ้าพันแผลตามร่างกายที่ขาบ้าง แขนบ้าง ศีรษะบ้างเพราะบาดเจ็บจากการถูกโจมตี บ้างก็สวดภาวนาด้วยน้ำตานองหน้า บ้างก็เกาะกอดมารดาร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่ง พ่อแม่ของเด็ก ๆ ส่วนมากถูกสังหารในระหว่างสู้รบกับกองทัพปีศาจไปจนหมดสิ้น เด็ก ๆ หลายคนรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิดด้วยความช่วยเหลือจากอัศวินหรือนักบวช แล้วจึงถูกพามารวมกันไว้ที่วิหารแห่งนี้เพื่อรอคอยความช่วยเหลือของกองทัพใหญ่จากเมืองเอรีม แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าพวกเขารอดตายมาเพื่อพบกับความสยดสยองยิ่งกว่า ความหวาดกลัวจนแทบเสียสติกำลังบีบคั้นหัวใจดวงน้อย ๆ เหล่านี้ บิชอปเกรเกอรี่เองก็คุกเข่าอยู่หน้าพระแท่นศักดิ์สิทธิ์และยังคงสวดภาวนาด้วยใจร้อนรนอย่างไม่ย่อท้อ
“ท่านบิชอป” หัวหน้าผู้ปกป้องวิหารเดินเข้ามากระซิบเรียกเสียงเบา “ผู้ปกป้องวิหารและนักบวชที่เราจะส่งออกไปชุดนี้เป็นแปดสิบคนสุดท้ายแล้ว พวกเราจะพยายามต้านไว้ให้นานที่สุด เผื่อว่าทัพหลวงจะมาทันการณ์”
เกรเกอรี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง บิชอปหนุ่มลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยเสียงมาดมั่น “ถ้าเช่นนั้น เราก็จะออกไปกับพวกท่านด้วย”
“ไม่ได้นะท่านบิชอป หากท่านออกไปใครจะปกป้องวิหารอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนี้เล่า แล้วยังเด็ก ๆ เหล่านี้อีก หากท่านไม่อยู่ที่นี่พวกเขาคงไม่รอดแน่”
ในกลุ่มนั้นมีมารดาที่ยังมีลูกเล็ก ๆ อยู่เกือบสิบคน เมื่อพวกนางได้ยินดังนั้นก็ส่งลูกให้เด็กที่โตกว่าอุ้มไว้แม้เด็กน้อยหลายคนจะร้องไห้จ้าเพราะรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังถาโถมเข้ามา พวกนางก้าวออกมาสมทบกับหัวหน้าผู้ปกป้องวิหาร หญิงแต่ละคนมีดาบติดตัวมาด้วย นางหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น แม้ดวงตาจะยังคงชื้นหมาดด้วยน้ำตา
“พวกเราจะร่วมรบกับพวกท่านด้วย”
“พวกเจ้า...”
“หากพวกเราสามารถถ่วงเวลาได้แม้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีพวกเราก็จะทำ ขอแค่มีโอกาสเพียงน้อยนิดเพื่อให้พวกเขาอยู่รอด พวกเราก็เต็มใจสละชีวิตคะ” นางปรายตามองลูกน้อยและเด็ก ๆ นับร้อยที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
หัวหน้าผู้ปกป้องวิหารเม้มปากแน่น พูดอะไรไม่ออก เขาพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วจึงหันไปหาบิชอปเกรเกอรี่ “ท่านบิชอป ระบบกลไกการเปิดปิดประตูของวิหารแห่งนี้ถูกออกแบบมาอย่างดี เมื่อพวกเราออกไปและผลักบานประตูปิดสนิทแล้ว ไม้คานจะหล่นลงมาสับขวางบานประตูพอดี ประตูวิหารของเราแข็งแกร่งมากคงจะพอต้านพวกมันไว้ได้นานทีเดียว แต่เพื่อความไม่ประมาทข้าเห็นว่าท่านควรจะเคลื่อนย้ายเด็ก ๆ ขึ้นไปบนห้องลับใต้ยอดโดมของวิหาร ทางขึ้นอาจจะลึกลับซับซ้อนอยู่บ้างแต่ก็เป็นที่หลบซ่อนตัวได้อย่างดีทีเดียว เผื่อว่าหากพวกซาโลมสามารถบุกเข้ามาได้ พวกมันก็ยังต้องเสียเวลาอีกไม่ใช่น้อยในการตามหาพวกท่าน”
หัวหน้าผู้ปกป้องวิหารกล่าวเสียงเครียด สีหน้าอิดโรยเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการปกป้องวิหารและรู้ดีว่าในครั้งนี้เขาและคนอื่น ๆ จะไม่ได้กลับมาอีก เขากวาดตามองวิหารที่เขากำลังจะใช้ชีวิตปกป้องอย่างภาคภูมิใจ
“ท่านบิชอปวันนี้พวกเราได้ปกป้องวิหาร ท่าน และเด็ก ๆ เหล่านี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง วันนี้เองเราจะได้มองและสวดภาวนาช่วยเหลือพวกท่านในสวรรค์” เขาสูดหายใจลึก กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “นี่ก็ได้เวลาแล้วท่านบิชอปโปรดอวยพรให้พวกเราด้วย”
ทันทีที่พูดจบกองทัพย่อยชุดสุดท้ายก็เดินมาสมทบด้วยจนครบทุกคนพอดี เกรเกอรี่มองใบหน้าของทุกคนราวกับจะพยายามจดจำใบหน้าของเหล่าวีรบุรุษวีรสตรีเหล่านี้ไว้ในใจตลอดไป ดวงตาของเขาปวดร้าวจนแสบร้อน การกล่าวอวยพรให้กับผู้ที่จะออกไปสละชีวิตเพื่อตนเองนั้นช่างเจ็บปวดทรมาน หัวใจรวดร้าวอย่างที่สุดที่ต้องส่งพวกเขาออกไปเพื่อไปตายอย่างทรมานข้างนอกนั่น ทุกข์ระทมที่ไม่สามารถร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนพี่น้องได้ ทั้งเวทนาสงสารเด็ก ๆ ที่ต้องพลัดพรากและกำพร้า หัวใจของเขาหนักอึ้ง ความรู้สึกต่าง ๆ ประดังเข้าจู่โจมเขาจนแทบจะล้มทั้งยืน แต่เขาต้องเข้มแข็งและยืนหยัดเพื่อผู้ที่ยังเหลืออยู่ เกรเกอรี่กล่าวอย่างยากลำบาก
“พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อาจบรรยายความทุกข์โศกเสียใจที่ไม่สามารถร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกท่าน ไม่สามารถบรรยายความซาบซึ้งใจและสำนึกในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพวกท่านให้ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่เรารู้ว่าการกระทำของพวกท่านในวันนี้จะไม่สูญเปล่า ความกล้าหาญและเสียสละของพวกท่านจะตราตรึงอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวฟีเลเซียตลอดไป เราสัญญาว่าจะปกป้องวิหาร และเด็ก ๆ จนสุดความสามารถแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก” คำพูดของบิชอปทำให้เหล่าบรรดาผู้กล้าต้องหลั่งน้ำตา รอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่นฉาบอยู่บนใบหน้าของเขาทุกคน