Chapter 24 เวลาแห่งความสิ้นหวัง
ที่บริเวณทุ่งราบคีรา การรบของอาณาจักรทั้งสองกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างโรมรันฟาดฟันใส่กันจนทั่วทั้งสนามรบแทบจะลุกเป็นไฟ กองทัพเพลิงที่มีทหารผีนรกนับหมื่นตัวเป็นกำลังสำคัญบุกตะลุยไล่ฆ่าฟันกัดกินฉีกทึ้งอัศวินฟีเลเซียอย่างโหดน่ารักม ทั้งกองกำลังนกโมฮา มือเพชฌฆาตแห่งซาโลม นักรบเพลิงมาร นักรบเผ่ามอร์ ผู้ฝึกสัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดนานาชนิดก็เข้าโรมรันพันตูเต็มกำลัง ในขณะที่กองทัพแห่งสายลมเองก็ยืนหยัดต่อกรพร้อมด้วยกำลังพลเต็มอัตราศึก ทั้งม้าศึก รถรบ ทัพนก ทัพมังกร พลธนู ทัพอัศวิน ผู้ฝึกสัตว์ป่าและมังกรหลากสายพันธุ์
พลม้าของฟีเลเซียทะยานรุกไล่ข้าศึก เสียงร้องคำรามของเหล่าทหารปีศาจดังสั่นอื้ออึงสลับกับเสียงศัตราวุธและพลสัตว์พลมังกรสนั่นทุ่ง รถศึกที่ควบตะลุยบุกอริราชศัตรูรวดเร็วปานพายุพัดกระหน่ำไอเปลวเพลิงอันร้อนฉ่า ฝ่ายทัพมือเพชฌฆาตต่างออกไล่ล่าบดขยี้หัวศัตรู นักรบเพลิงมารร่างยักษ์ก็วิ่งไล่เหวี่ยงสะบัดคมดาบใส่ทั้งมนุษย์ กริฟฟิน และ ฝูงวิหคไม่ยั้งจนดูเหมือนว่ายิ่งเห็นศัตรูก็ยิ่งคลั่งอาละวาด
บริเวณใกล้กับที่มั่นของทัพฟีเลเซียมีก้อนหินขนาดใหญ่สูงเกือบเท่าตัวคนตั้งอยู่ บนก้อนหินนั้นจอมทัพแห่งสายลม ชาร์ล คลาแรนซ์ยืนตระหง่านในมือกำกระชับดาบคูนีกุนเดที่อาบเลือดสีแดงฉาน ชุดเกราะของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนแทบชโลมไปทั้งตัว ทว่าหาใช่เลือดของเขาไม่หากแต่เป็นเลือดของเหล่าทหารปีศาจและทหารฝ่ายซาโลมต่างหาก สายตาจอมทัพหนุ่มกวาดไปทั่วทั้งสนามรบดูเหมือนว่าเขากำลังมองหาใครสักคน
“ให้ตายเถอะ ตั้งแต่รบมานี่ก็หลายชั่วยามแล้วข้ายังไม่เห็นกษัตริย์ซาดินนั่นเลย” ชาร์ลขมวดคิ้วแน่นกวาดตาไปยังแนวหลังของทัพข้าศึก
“ท่านแม่ทัพ!” เสียงตะโกนเรียกของทหารฟีเลเซียจากทางปีกขวาทำให้เขารีบหันกลับโดยเร็ว ที่ทางปีกขวานั้นกองทัพผีนรกฝูงหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัวกำลังวิ่งรุกไล่ทัพอัศวินที่กำลังถอยร่นหนีมาทางชาร์ลอย่างคลั่งโหย ทันทีที่ชาร์ลตวัดดาบโจนตัวพุ่งออกจากก้อนหินยักษ์ เหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซียที่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อสักครู่ก็กลับพร้อมใจกันวิ่งกระจายตัวออกจากบริเวณนั้นทั้งทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว แท้ที่จริงแล้วนี่คืออุบายของทัพฟีเลเซียที่จะตัดกำลังทัพปีศาจของซาโลมโดยการหลอกล่อทหารผีนรกให้เข้ามาในเขตทัพฟีเลเซียนั่นเอง
จอมทัพฟีเลเซียพุ่งตัวปานลมกรดตวัดดาบกวาดแถวผีร้ายทั้งซ้ายและขวา ดาบถูกสะบัดฟาดฟันใส่ไม่ยั้ง ลมที่เกิดจากคมดาบพัดพาเอากลิ่นสาบเน่าของซากศพและกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนจนแสบจมูกขจรขจาย แสงสะท้อนแวบวับของดาบคูนีกุนเดยามกวัดแกว่งแลดูเหมือนท้องฟ้ามืดทะมึนที่มีแสงแลบแปลบปลาบเมื่อพายุคะนอง เสียงหักกรอบของกระดูก เสียงเลือดปีศาจที่เดือดพล่านด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ และเสียงร้องคำรามโหยหวนแหบแหลมของผีร้ายดังสนั่นก้อง ร่างของทหารปีศาจถูกตัดขาดสะบั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นดิน ไอควันจากเลือดปีศาจที่เดือดพล่านพวยพุ่งดั่งม่านหมอกกำมะถันที่แสบฉุน ไม่มีทหารฟีเลเซียคนไหนกล้าอยู่ใกล้รัศมีคมดาบคูนีกุนเดแม้สักคน ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพเผาผลาญอำนาจมืดเมื่อยิ่งเสริมด้วยความแข็งแกร่งและว่องไวปานลมกรดของจอมทัพแห่งสายลมแล้วทำให้พลังอำนาจในการทำลายล้างนั้นเข้าขั้นมหากาฬ ครั้นเมื่อการลงดาบครั้งสุดท้ายมาถึงก็ไม่มีร่างของทหารปีศาจหลงเหลืออยู่แม้สักตัว จะมีก็แต่เสียงฉู่ฉ่าของเลือดปีศาจที่เดือดพล่านและเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ปูเป็นพรมเลือดชโลมดิน
ชาร์ลสะบัดเลือดทหารผีออกจากดาบคูนีกุนเดแล้วจึงกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่อีกครั้งรอทัพอัศวินที่ออกไปหลอกล่อทหารปีศาจชุดต่อไป แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอุบายเช่นนี้คงใช้ได้อีกไม่นานแต่การจะกำจัดทหารปีศาจคราวละมาก ๆ เช่นนี้คงมีไม่กี่วิธีนัก สมองของเขายังคงคิดหาอุบายใหม่ ๆ ในขณะที่สายตาก็ยังคงค้นหาจอมกษัตริย์เถื่อน
รองแม่ทัพนายหนึ่งควบม้าเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ทัพ เรายังหาตัวกษัตริย์ฝ่ายโน้นไม่พบเลยครับ หรือว่ามันจะกลัวจนไม่กล้ามาพร้อมกับกองทัพ”
“ข่าวว่ากษัตริย์ฝ่ายโน้นเก่งกล้าสามารถนัก ปราบแว่นแคว้นทั้งน้อยใหญ่ด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่น่าจะตาขาว...สั่งค้นหาต่อไป ดูสิว่ามันจะทนแอบซุ่มไปได้สักกี่น้ำ”
ทันใดนั้นเสียงแตรเงินแห่งกองทัพเปกาซัสก็แผดดังกังวานจากทางตะวันตกพร้อมกับฝูงทัพเปกาซัสที่เส้นขอบฟ้าบินแผ่เรียงรายราวกับปีกพญาอินทรีใหญ่ เสียงแตรก้านยาวนับร้อยก็ดังขานรับการมาของทัพเปกาซัสกระหึ่มทุ่งคีราแทบจะพร้อมกัน เหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซียต่างโห่ร้องก้องด้วยความปิติยินดี ชัยชนะที่เมืองเอรีมนำรอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้า สายลมแห่งความหวังและกำลังใจโหมพัดกระพืออยู่ในใจของทหารหาญทุกคน แม้แต่ชาร์ลเองก็ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นทัพเปกาซัสผงาดอยู่กลางเวหา จอมทัพหนุ่มควงคูนีกุนเดเป็นสัญญาณพร้อมกับการบุกตีทัพเพลิงทมิฬหนักหน่วงยิ่งขึ้น เสียงเฮโลเข้าตะลุยบอนดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง ต่างควบม้าและรถศึกไล่สังหารผู้รุกรานอย่างไม่กริ่งเกรง ทัพเปกาซัสเองก็ขานรับคำบัญชาของชาร์ลเช่นกัน เมื่อต่างพุ่งโฉบไล่ต้อนกองทัพซาโลมดั่งฝูงเหยี่ยวจู่โจมเหยื่อ กองทัพเพลิงดูจะผงะล่าถอยด้วยความตระหนกที่จู่ ๆ กองทัพแห่งลมก็โหมกระหน่ำรุกคืบเข้าต่อตีด้วยพลังใจที่หลั่งไหลท่วมท้น ทหารผีนรกก็ถูกทำลายล้างจนเหลือจำนวนไม่ถึงสองในสามจากเมื่อตอนยกทัพมา และกำลังลดจำนวนลงเรื่อย ๆ
ขณะที่ทัพฟีเลเซียกำลังรุกไล่หนักอย่างเป็นต่อ แต่แล้วในบัดดลนั้นทัพซาโลมที่ดูเหมือนกำลังเพลี่ยงพล้ำระส่ำระสาย ฉับพลันเสียงระรัวกลองรบก็ดังกังวานถี่รัวเร้าใจ เสียงไชโยโห่ร้องจากทัพซาโลมดังสั่นก้องจนพื้นสะเทือน ความฮึกเหิมส่งผลให้เกิดพลังตีโต้กลับด้วยแรงมหาศาล เสียงแผดคำรามทุ้มกังวานของมังกรซาลามันเดอล่าก้องสะท้อนไปทั่วสนามรบ