Chapter 10 กำราบโจรป่า
กลางดึกสงัดคืนหนึ่ง ภายใต้เงามืดของกิ่งไม้พุ่มไม้ที่ขึ้นเรียงรายกันอยู่อย่างหนาแน่น กลุ่มคนไม่อาจระบุจำนวนได้กำลังคืบคลานไปตามพื้นดิน การขยับเขยื้อนแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความระมัดระวัง จนแม้แต่ใบไม้แห้งกรอบที่ร่วงหล่นตามพื้นยังถูกหลบหลีก ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบกระซาบ ทว่าใช้เสียงจากปากเลียนเสียงสัตว์ชนิดต่าง ๆ เพื่อสื่อสารกัน ทุกคนถูกฝึกมาอย่างดีว่าเสียงสัตว์ชนิดไหนหมายความว่าอะไร แม้แต่เสียงนกกระพือปีกบนยอดไม้ หากเพ่งมองดูดี ๆ โดยอาศัยแสงจันทร์ก็จะเห็นว่าเป็นมนุษย์ที่ใช้ขนนกติดตามร่างกายเพื่ออำพรางตัวต่างหาก แต่ทว่าคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด จึงไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ใครจะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้ อีกทั้งแต่ละคนยังใช้ดินโคลนผงถ่านและขี้เถ้าทาพอกจนทั่วร่างกายและเสื้อผ้าอาภรณ์จนยากนักที่จะสามารถมองเห็นได้ในเงามืด แม้แต่กลิ่นกายก็ถูกผงถ่านและขี้เถ้าดูดซับไปจนหมด แม้บรรดาสัตว์ป่าหรือเผ่าพันธุ์ที่มีจมูกไวเหมือนสัตว์ยังอาจจะดมกลิ่นพลาดได้ จะมีก็แต่เพียงจิตสังหารและแววตาแข็งกร้าววาวโรจน์ที่เผยแสดงอยู่ในเงามืดเท่านั้น แต่ใครเล่าจะสัมผัสได้ในยามวิกาลที่ทุกคนต่างหลับใหลอยู่บนเตียงอันอบอุ่นเช่นนี้
กลุ่มคนที่ลึกลับเหล่านี้ยังคงคืบคลานมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ต่างจากเหล่าสัตว์นักล่าในยามราตรี ยิ่งเข้าใกล้ที่หมายเสียงร้องอย่างสัตว์ป่าก็ยิ่งถูกใช้น้อยลงเรื่อย ๆ พวกเขาจะใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
ไกลออกไปหลายร้อยหลา เหนือยอดไม้มีหอสูงที่สร้างจากลำต้นของพืชขึ้นอยู่หนาแน่นในเขตนี้ หลังคาและตัวห้องถูกสานด้วยใบไม้ที่มีลักษณะยาวและเหนียว ผนังห้องสูงแค่ประมาณเอวของผู้ชาย หอสูงนี้มีขนาดไม่กว้างนัก สามารถบรรจุคนตัวโต ๆ ได้เพียงแค่สามคน แต่โดยปกติแล้ว หอนี้จะมีคนยามเพียงคนเดียว ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะใช้วางสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น หรืออาจเป็นสิ่งของส่วนตัวของคนยามเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนยามจะได้สามารถอยู่ยามบนหอสูงได้นานโดยไม่ต้องมีข้ออ้างในการหนีหน้าที่บ่อย ๆ
ที่เสาทั้งสี่ต้นมีคบเพลิงถูดจุดยื่นทแยงมุมออกจากหอสูงเข้าไปในความมืด คบเพลิงนี้ใช้เพื่อให้ความสว่างในยามราตรีและช่วยไล่แมลงที่มาสร้างความรำคาญให้แก่คนยามที่เฝ้าอยู่บนหอสังเกตการณ์ แต่ในยามวิกาลที่อากาศค่อนข้างเย็นเช่นนี้คบเพลิงก็เป็นสมือนที่สร้างความอบอุ่นสบายจนน่านอนให้แก่คนยาม จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมองไม่เห็นร่างใครสักคนยืนอยู่บนหอสูง คงเพราะคนเฝ้ายามเผลองีบหลับอยู่นั่นเอง
กระรอกผีเสื้อบิน (Butter Squirrel) ทะยานขึ้นจากยอดไม้ใกล้ ๆ หางของมันขาดไปครึ่งหนึ่ง ขนร่วงไปบางส่วนหรืออาจเป็นเพราะถูกกร้อนไปก็เป็นได้ สีขนค่อนข้างเข้มจัดกระเดียดไปทางน้ำตาลดำ ผิดจากกระรอกผีเสื้อทั่วไปในเขตฟูดินันที่มีเหลืองลายน้ำตาล มันกระโจนอย่างคล่องแคล่วสลับกับกางปีกบินลัดเลาะยอดไม้สูง มุ่งหน้าสู่หอสูงด้วยความเงียบเชียบ ระหว่างนั้นกลุ่มคนเบื้องล่างก็นิ่งเงียบหมอบตัวราบไปกับพื้นดินอย่างไม่กลัวสกปรกหรือสัตว์พิษที่อาจออกมาหากินบนพื้นดินในยามค่ำคืน เพียงไม่กี่อึดใจเจ้ากระรอกผีเสื้อก็ไปถึงที่หมาย มันเกาะอยู่ที่เสาข้างหนึ่งของหอสูงก่อนที่จะไต่ตามลำต้นปีนขึ้นสู่ห้องบนหอสูง มันปีนขึ้นไปยืนเกาะอยู่บนขอบผนังจด ๆ จ้อง ๆ ภายในห้องอยู่พักหนึ่ง หางของมันโบกไปมาเหมือนจะรอดูปฏิกิริยาหรือการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เมื่อรอดูอยู่พักหนึ่งมันก็หันหลังกระโจนลงมาสู่ความมืดเบื้องล่างก่อนจะกางปีกออกบินกระพือฝ่าความมืดกลับสู่ยอดไม้ที่ ๆ มันจากมา และเพียงสักพักเสียงร้องอย่างซีเบิร์ด (Zeabird) นกคล้ายเหยี่ยวหางยาวลายดำสลับขาว ซึ่งเป็นนกที่หากินเวลากลางคืนก็ดังขึ้นจากยอดไม้นั้น แล้วกลุ่มคนที่หมอบราบกับพื้นก็รุกคืบต่อทันที