โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2025 11:25 pm
ธาตุของเอลฟ์
เอลฟ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบขึ้นจากธาตุทั้งสี่ — ดิน น้ำ ลม และไฟ — เช่นเดียวกับสรรพชีวิตอื่นในโลก แต่ในร่างกายของเอลฟ์แต่ละตนจะมี “ธาตุหลัก” ที่มีพลังเข้มข้นกว่าธาตุอื่น ธาตุนี้คือฐานธาตุที่กำหนดพลัง ความถนัด และบุคลิกลักษณะของเอลฟ์ผู้นั้น
ธาตุหลักของเอลฟ์ไม่ได้เลือกโดยตนเอง หากแต่ถูกกำหนดโดย “พลังแห่งเทพประจำธาตุ” ที่หลั่งไหลเข้ามาขณะเอลฟ์ถือกำเนิด เอลฟ์ที่เกิดในช่วงซึ่งเทพธาตุดินทรงอิทธิพลก็จะมีพลังธาตุดินเป็นหลัก เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับอิทธิพลของเทพน้ำ ลม หรือไฟในเวลานั้น ๆ
ในยุคแรกเริ่ม เมื่อเหล่าเอลฟ์เพิ่งถือกำเนิดจากพระหัตถ์แห่งเทพทั้งสี่ กลุ่มเอลฟ์รุ่นแรกจึงมีจำนวนสัดส่วนของธาตุหลักที่ใกล้เคียงกันทั้งสี่ธาตุ เป็นสมดุลแห่งธรรมชาติที่สะท้อนถึงการร่วมสร้างของเทพทั้งปวง
อาณาเขตของเอลฟ์
เดิมที เอลฟ์อาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวโดยไม่มีการแบ่งแยก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป จำนวนเอลฟ์เพิ่มขึ้น พวกเขาเริ่มกระจายตัวออกไปตามทวีปต่าง ๆ และสร้างชุมชนหรือกลุ่มตระกูลของตนเอง จึงเริ่มเกิด “อาณาเขต” ของแต่ละเผ่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม อาณาเขตของเอลฟ์ไม่ได้มีเส้นแบ่งชัดเจนเหมือนของมนุษย์ เพราะมักทับซ้อนกันตามภูมิประเทศและอิทธิพลของเทพประจำธาตุ ตัวอย่างเช่น บริเวณชายฝั่งทะเลซึ่งอยู่ในอิทธิพลของธาตุดิน ลม และน้ำ มักมีเอลฟ์น้ำและเอลฟ์ลมอาศัยอยู่หนาแน่น แต่หากบริเวณนั้นมีหน้าผาที่ติดปล่องภูเขาไฟ เอลฟ์ไฟและเอลฟ์ดินก็สามารถตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันได้
แม้จะไม่มีพรมแดนแน่นอน แต่เมืองของเอลฟ์แต่ละสายจะมี “หัวเมือง” หรือสิ่งปลูกสร้างที่สะท้อนศิลปะและวิทยาการเฉพาะของตน สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้มีพลังแห่งธาตุสอดคล้องกับผู้ที่อาศัยอยู่ ทำให้เอลฟ์ในพื้นที่นั้นมีพลังเข้มแข็งขึ้น หากมีการสร้างเมืองและตั้งรกรากอย่างมั่นคงตามหลัก “วิทยาการแห่งการเสริมธาตุ” อิทธิพลของเทพประจำธาตุนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และดึงดูดเอลฟ์ธาตุเดียวกันให้เข้ามาอยู่รวมกันมากขึ้น
ปรัชญาและหลักความศรัทธาของเอลฟ์
ในยุคแรกแห่งเผ่าเอลฟ์ ความเชื่อและปรัชญาแห่งชีวิตได้แตกแขนงออกเป็นสองสายสำคัญ ซึ่งกลายเป็นรากฐานทางจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์นี้มาจนถึงปัจจุบัน
สายแห่งแสงกลางวัน — ศรัทธาในเทพโซลูเร็ธ (Solureth)
เอลฟ์ผู้ศรัทธาในเทพแห่งดวงอาทิตย์ โซลูเร็ธ (Solureth) เชื่อมั่นใน “ระเบียบ กฎหมาย และหลักการ” พวกเขามองว่าแสงสว่างคือสัญลักษณ์แห่งความจริงและความยุติธรรมที่หล่อเลี้ยงโลก ความศรัทธานี้ถ่ายทอดผ่าน วจีภาวนา
“Solureth il aurë, min calarion.”
แปลว่า “โซลูเร็ธแห่งอรุณ แสงคือหนทางของเรา”
สายแห่งรัตติกาล — ศรัทธาในเทพลูนาเร็ธ (Lunareth)
อีกสายหนึ่งคือผู้ยึดมั่นในเทพแห่งดวงจันทร์ ลูนาเร็ธ (Lunareth) ซึ่งสอนให้ดำรงตนอย่างยืดหยุ่น เป็นหนึ่งเดียวกับการเปลี่ยนแปลงและกระแสแห่งธรรมชาติ เอลฟ์สายนี้เชื่อว่าความมืดมิใช่ความชั่ว หากแต่เป็นช่วงเวลาของการไตร่ตรองและการกลับคืนสู่สมดุล วจีภาวนาของพวกเขาคือ
“Lunareth il lómë, min silmë.”
แปลว่า “ลูนาเร็ธแห่งรัตติกาล แสงแห่งจันทร์คือคำสาบานของเรา”
Elenarielë Ainavorë
(บทเพลงแห่งแสงและเงา)
Minëa nórëa, úra mistë a lómë,
Lirien Ainavorë iltë anorë calima.
A lirya tári, nérion silmë entulë,
Solureth — min aurë cendë cala,
Lunareth — min lómë tessa sérë.
Nai te cirien mi menel i randa,
Cala ar lómë nórien, enta lúmëa.
ก่อนเอลฟ์แห่งเทอร์ร่าจะถือกำเนิด
โลกยังมีเพียงหมอกและเงาเงียบงัน
จนเมื่อทำนองแรกแห่งไอนาโวเร ขับขึ้นจากสวรรค์
บทเพลงนั้นก่อให้เกิดสองแสงคู่
โซลูเร็ธ — ผู้จุดอรุณแห่งวันแรก
ลูนาเร็ธ — ผู้วาดรัตติกาลให้โลกได้พักพิง
เมื่อทั้งคู่สลับกันถือหางเสือแห่งท้องฟ้า
แสงและเงาจึงเริ่มหมุนเวียน กลายเป็นกาลเวลา