Epi 3 Lost Avalon,
the Fallen of the Elf
โลก Terra นี้กำเนิดมาได้อย่างไร?
และ มีสภาพเป็นเช่นใดบ้างเมื่อเริ่มแรก?
แรกเริ่มเดิมทีพระเจ้าสูงสุดแต่พระองค์เดียวได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า ทำให้สิ่งที่ไม่ดำรงนั้นดำรงขึ้นมา และ สิ่งที่มองไม่เห็น มองเห็นได้ขึ้นมา ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล โลก Terra ก็กำเนิดขึ้นมา
โดยหลังจากการจัดการรูปแบบธาตุและพลังงานทั้งหมดแล้ว โลก Terra ก็มีผืนแผ่นดิน และ สภาพแวดล้อมต่างๆจากพลังของธาตุทั้ง 6 แต่ตอนแรกนั้นยังไม่มีสิ่งมีชีวิตอย่างสัตว์ แมลง รวมถึงมนุษย์อยู่เลย สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาก่อนจากผืนดินนั้นคือ พืช
พืชนั้นเจริญงอกงามเติบโตขึ้น และ ปกคลุมแผ่นดินก่อกำเนิดเป็นทุ่งหญ้า ป่า และ แวดล้อมในระบบธรรมชาติ พืชมากหน้าหลายพันธุ์เหล่านั้นที่ถือกำเนิดมาก่อนมีหน้าที่ในฐานะ ผู้จัดเตรียม คือเหมือนเป็นแหล่งทรัพยากร อู่ข้าว อู่น้ำ สร้างพลังงาน เป็นแหล่งอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่เกิดตามมาทีหลัง โดยพืชแต่ละชนิดก็มีหน้าที่และประโยชน์ใช้สอยต่างๆกันไปทั้งเป็นอาหาร ทำยารักษาโรค แก้อาการต่างๆ หรือนำมาใช้ผลิตในฐานะวัตถุดิบต่างๆ
โดยที่หลังพืชได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็กำเนิดตามมา ทั้งสัตว์น้อยใหญ่บนผืนดิน สัตว์น้ำในท้องทะเล หรือ สัตว์ปีกบนท้องนภา รวมไปถึงบรรดาแมลง จุลชีพต่างๆ รวมถึงมนุษย์ด้วย โดยที่พระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างให้อยู่ในสภาพสมดุลย์เกื้อหนุนซึ่งกัน และ กัน
แต่ละชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาต่างมี หน้าที่ โดยตัวของมันเองที่จะทำประโยชน์ให้ระบบนิเวศ หรือ ธรรมชาติโดยรวมทั้งหมด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในรูปแบบสัมพันธภาพที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัวนี้เป็นดั่งโปรแกรมที่สมบูรณ์แบบที่ถูกวางไว้อย่างดี และ ทั้งหมดก็สามารถดำเนินสมดุลย์นี้ต่อไปได้ตามโปรแกรมที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้
แต่ไม่เพียงชีวิตบนผืนโลก Terra จะมีเพียงแค่นี้ ยังมีลักษณะสภาพที่สูงกว่าอยู่ด้วย นั่นคือ เทพ นั่นเอง เทพนั้นมีมากมายหลายองค์ แต่ละองค์ก็มีหน้าที่ต่างกันออกไป เช่นเทพพิทักษ์ในธรรมชาติต่างๆ อย่าง Undine ที่พิทักษ์สายน้ำ Raina ที่เป็นเทพธิดาแห่งสายฝน เทพ Baraman ที่คอยพิทักษ์ผืนดินผืนป่าแห่งฟูดินัน และเทพองค์อื่นๆ
โดยเทพก็จะเกิดจากพระเจ้าสูงสุดมาอีกทีหนึ่ง และมีสถานภาพที่สูงกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไปบนพื้นโลกอย่าง สัตว์ พืช และ มนุษย์ แต่ต่ำกว่าพระเจ้าที่สร้างขึ้นมา ซึ่งเทพเหล่านี้ก็เป็นเสมือนอีกโปรแกรมหนึ่งของพระเจ้าที่คอยทำหน้าที่พิทักษ์ระบบต่างๆในธรรมชาติ และ คอยพิทักษ์แต่ละสถานที่อีกทีหนึ่ง หากใครมาทำลายสมดุลย์แห่งธรรมชาติ เทพเหล่านั้นย่อมต้องออกมาจัดการปรับสมดุลย์ให้เข้าที่เช่นเดิมนั่นเอง โดยที่เทพต่างก็ทำหน้าที่ของตนตามที่ถูกโปรแกรมไว้โดยไม่ได้มีความรู้เรื่องของพระเจ้าสูงสุดไปเสียเท่าไหร่ นอกจากจะรู้เพียงว่า มีพระเจ้าสูงสุดดำรงอยู่ เท่านั้น
กำเนิด เอลฟ์ ในโลก Terra
เหล่าทวยเทพนั้นเมื่อเกิดจากพลังงานชีวิตที่กลั่นตัวออกมาของพระผู้สร้างสูงสุด ก็ได้รับพลังการสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วย เทพเหล่านี้จึงได้มีการสร้างเทพระดับรอง(เช่น พันนิชชูล่า) และสัตว์บางชนิดขึ้นเพิ่มเติมด้วย หากแต่ว่าวันหนึ่ง เทพเหล่านี้ เกิดคิดอยากสร้างสิ่งที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ขึ้นมา และ คิดจะสร้างให้สูงส่งกว่าสัตว์ทุกชนิดในโลกTerra ที่พระผู้สร้างแรกเริ่มได้สร้างไว้ ที่ล้วนมีข้อบกพร่องใหญ่บ้างเล็กบ้างหลากหลายในแต่ละเผ่าพันธุ์ และมีความทุกข์ จากการแก่ เจ็บ และตาย เหล่าคณะเทพจึงได้รวมพลังกันสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงพวกตนมากที่สุด นั่นคือต้นกำเนิดแห่งเอลฟ์
เทพทั้งหลายใส่ทุกสิ่งที่เรียกว่าดี และที่ตนคิดว่าดี ลงไปในเอลฟ์ทั้งหมด เอลฟ์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบพร้อม มีความงดงาม มีพลังงานที่สูงส่ง เต็มไปด้วยความดีงาม เพียบพร้อมทั้งสติปัญญา และ ความสามารถ และที่สำคัญ ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดคือ การให้พรพวกเอลฟ์ให้เป็นอมตะ
สรรพสัตว์ยามที่เกิดขึ้น ก็ย่อมมีสิ่งอื่นที่ตาย เมื่อจะกินก็จำต้องเบียดเบียนชีวิตอื่น แต่พระผู้สร้างสูงสุดแรกเริ่ม ได้ใส่ความสมดุลแห่งวงจรชีวิต แม้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงอยู่ยอดสุดของห่วงโซ่อาหาร ยังกลับกลายถูกย่อยสลายโดยสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด ทุกอย่างในโลกทำหน้าที่ต่างๆกัน จึงต้องแตกต่างกัน เพื่อประสานเข้ากัน พระองค์ไม่ได้มองว่าการเจ็บ การตาย เป็นทุกข์ แต่เล็งเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อการ ดำรง ที่ทำให้โลกนี้สมดุล แต่เอลฟ์เป็นอมตะจึงมิรู้ตาย สมดุลของโลกจึงเสียไปเมื่อแผ่นดินมีเอลฟ์ที่มิรู้ตายเต็มไปหมด เมื่อโลกอันถูกกำหนดจากพระเจ้า ให้สมดุล บังเกิด การเกิดที่ไร้การตายมากมายฉับพลันเช่นนี้ โลกจึงพยายามปรับตัวให้เกิดสมดุลให้จงได้
ดังนั้นหลังจากพวกเอลฟ์อยู่อย่างมีความสุขในฐานะสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งที่สุดในโลก เพียง7,000ปี ก็เกิดการอาเพทครั้งใหญ่ขึ้นในโลก เริ่มที่เหล่าพืชที่เป็นพวกแรกที่พร้อมใจยอมตายลง เพื่อถ่วงสมดุล และพยายามถอยการดำรง ให้ย้อนกลับ โลกเริ่มหมุนช้าลง จนวงโคจรเริ่มย้อนกลับ ภูมิอากาศทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนแปลง โลก Terra กำลังออกแรงอย่างมหาศาลเพื่อหาสมดุล แต่เหล่าเอลฟ์กลับหาสูญเสียชีวิตไม่ ในทางกลับกันสัตว์ใหญ่น้อยกลับเป็นฝ่ายตายลงแทนและเริ่มสูญพันธุ์ แล้วเอลฟ์ที่เป็นอมตะเหล่านั้นก็หามีความสุขไม่ ชีวิตที่ยาวนานมิรู้จบเหมือนเป็นบ่วงพันธนาการนิรันดร์ที่ไม่มีจุดจบทำให้เอลฟ์แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่สิ่งที่พวกเอลฟ์ไม่มีคือ ความสุข พวกเขาแสวงหาความตายแต่ไม่พบ และต้องดำรงเป็นเผ่าพันธุ์ไร้สุขมิรู้ตายเช่นนี้ราวถูกสาปไปชั่วกัลป์
เมื่อสมดุลโลกเสียลงเพราะการสร้างเอลฟ์ของเหล่าเทพ หลังการเสียสมดุลยาวนานถึง 500 ปี ก็เป็นครั้งแรกที่พระเจ้าสูงสุดได้ยื่นหัตถ์ของพระองค์เพื่อจัดทุกอย่างให้กลับสู่สมดุล ขึ้นมา หากแต่ว่า ไม่มีใครหรือชีวิตใดในโลก Terra อาจจะมองเห็นสัมผัส หรือเข้าใจพระองค์ได้ เพราะทรงเป็นสถานภาพที่สูงสุดกว่าสิ่งสร้างทุกอย่าง เหมือนดังตัวโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่มีวันเข้าใจหรือมองเห็นโปรแกรมเมอร์ของตนได้
ดังนั้น การสร้างโปรแกรมใหม่ลงไปควบคุมจัดระบบทุกอย่าง จึงเป็นสิ่งที่ต้องบังเกิด พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์สิ่งสร้างสูงสุดที่รับใช้พระองค์ เป็นสถานะเดียวที่ติดต่อกับพระเจ้า และสิ่งสร้างอื่นทุกอย่างได้ เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ลงมา แจ้งข่าวเหล่าทวยเทพทั้งหลายในโลก และห้ามการสร้างสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นอีก และให้เหล่าเทวทูต นำพรอันหนึ่งไปยังเหล่าเอลฟ์ นั่นคือ เมื่อใดที่เอลฟ์ หมดความต้องการที่จะดำรงชีวิต เอลฟ์นั้นจะสลายกลับสู่เหล่าเทพผู้สร้างตน ภายใน1วันของเอลฟ์(เท่ากับ7วันของมนุษย์) หากภายใน1วันนั้น เอลฟ์เกิดเปลี่ยนใจก็ยังสามารถกลับแข็งแรงมีชีวิตต่อไปได้
บรรดาเอลฟ์ได้แยกย้ายไปอาศัยในหลายทวีป จากนั้นพระเจ้าผู้สร้างมีพระดำริว่า จะสร้างสิ่งมีชีวิตที่สมดุลกว่าให้กำเนิดขึ้นในโลก Terra เพื่อเป็นตัวอย่างให้เหล่าเทพและเหล่าเอลฟ์ได้เห็น ในการนี้ เหล่าเทพ และเอลฟ์ และแม้แต่ทูตสวรรค์ ได้เริ่มรอคอยอย่างใจจดจ่อ ที่จะได้เห็นสิ่งสร้างที่เรียกจะถูกว่า มนุษย์ นี้
Calandur nérë Nárendur lodrë Súliën vénë Niral thalórë Terrathûs rendur Morveth ulëhto
แสงดับไป ไฟดับมอด ลมพัดแผ่ว น้ำเหือดหาย ดินพังทลาย มืดมิดหมดหวัง

