Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน อังคาร มี.ค. 25, 2025 3:51 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel Stardust

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ พุธ ส.ค. 14, 2024 3:00 pm

มิราบิลิส และ เซนต์ อไควนัส อคาเดมี

หลังมหาสงครามแห่งเมอริเซียจนก่อกำเนิด4อาณาจักร ก็ทิ้งทั้งซากปรักหักพัง และดินแดนรกร้างมากมาย พื้นที่ราบบริเวณชายแดนของฟีเลเซียและฟูดินันคือแคว้นวาเนียน ซึ่งแท้จริงเดิมมีเต่ายักษ์ที่แบกเมืองไว้อยู่บนกระดองของมันหลับไหลอยู่ เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ที่3 ทำให้มันบินขึ้นย้ายไปตั้งเป็นเกาะในทะเล หลังจากสงครามแยก4อาณาจักร ที่นั่นก็เป็นที่ร้างว่างเปล่า หลายปีผ่านไป สายน้ำเริ่มหลั่งไหลลงเป็นแม่น้ำ สายธารก็พัดพาชีวิต และพืชพรรณ จนที่นั่นกลายเป็นที่ตั้งเมืองใหม่ชื่อ มิราบิลิส(Mirabilis) โดยมีเจ้าชายเอลียาห์ บุตรชายคนแรกของฮารีซันกับเรจีน่า เป็นผู้ปกครองคนแรก
เมืองนี้เป็นเมืองบริวารของฟีเลเซียต่อมาจึงแยกตัวเป็นเอกราชในอีก139ปีต่อมา แม้ประเทศจะเล็กและมีทรัยากรไม่มาก แต่โดยพื้นที่นั้น จากแคว้นวาเนียนเดิมตรงกลางระหว่างฟีเลเซียและฟูดินั้น ยังมีพื้นที่ยาวต่อลงไปจนถึงชายฝั่งด้านล่าง ทำให้แม้ประเทศจะเล็กและมีทรัยากรไม่มาก แต่ได้ผันตัวเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีพื้นที่เชื่อมโยง3ประเทศคือ ฟีเลเซีย ฟูดินัน และแอนดิซอง
มิราบิลิส มีบรรดาลูกครึ่งฟีเลเซีย และฟูดินันมากมาย โดยจะมีลักษณะเด่น2แบบ คือ
1. ผมสีน้ำตาล ตาสีเขียว
2. ผมมีสองสีปนกันในศรีษะคือทองและน้ำตาล ตาสีดำ
เมืองนี้มีลักษณะพิเศษคือได้รับความเจริญจากฟีเลเซียและแอนดิซอง และอุปนิสัยสนุกสนานเรียบง่ายแบบฟูดินัน ในทางกลับกัน มีความใจดีมีน้ำใจน้อยกว่าฟูดินัน และมีความมุ่งมั่นจริงจังน้อยกว่าชาวฟีเลเซีย
เมื่อดินแดนนี้ได้รับเอกราชครบ75ปี ได้มีการตั้งโรงเรียนขึ้นโดยนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ เซคาริยาห์ มาวิน ต้องการตั้งโรงเรียนสำหรับทุกคน ทุกชนชั้นและทุกอาชีพ และทุกชนชาติ
เซนต์ อไควนัส อคาเดมี จึงก่อตั้งขึ้นด้วย3คณะหลักในครั้งแรก ประกอบด้วย

1.เวทยาการ
2.ศิลปะการต่อสู้
3.วิทยาศาสตร์

ทุกสาขาวิชาต้องเรียนศาสนา และจริยธรรม ก่อนจะแยกย่อยออกไปโดยมีอีก7สาขาแยกย่อย และอีก15วิชาเอกและอีกหลายร้อยClass จนกล่าวได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สอนอาชีพได้ครอบคลุมที่สุดในโลกภายในเวลา53ปีต่อมา
มาธิอัสไบล์ธ นักมังกรศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงเกิด เมื่อโรงเรียนนี้อายุได้12ปี และต่อมาเมื่อเขาอายุ39ปีได้เป็นอาจารย์สาขามังกรศาสตร์ โดยเป็นหัวหน้าภาควิชาที่ซาโลมอนอาคาเดมี่ และรับเชิญสอนที่ เซนต์อไควนัส อาคาเดมี่ เมื่ออายุ45ปีด้วย
หลังจากมาธิอัสเสียชีวิตได้5ปี ลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายของเขา รีเบคก้า ได้เป็นนักมังกรศาสตร์หญิงที่มีชื่อเสียง จากเซนต์อไควนัสอาคาเดมี่ สามารถเลี้ยงลูกมังกรแสงจนเติบโต(นอกจากในธรรมชาติ และในวิหารเซนต์ลอเรนซ์ ไม่มีใครเลี้ยงลูกมังกรขาวสำเร็จ) และมังกรของเธอเป็นมังกรแสงในตำนานที่มีเพียงตัวเดียวในโลกที่ถูกเลี้ยงดูโดยมนุษย์และเธอได้ เขียนอธิบายทฤษฎีของมาธิอัสให้ละเอียดยิ่งขึ้น จนอไควนัสอาคาเดมี่ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นเป้าหมายของนักมังกรศาสตร์และผู้เลี้ยงมังกรที่จะมุ่งมาศึกษา

ในปีครบรอบ507ปีของสถาบัน ก็ได้เกิดเหตุที่ทำให้ชื่อเสียงของสถาบันนี้ถูกเล่าขาน เมื่อมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้สร้างวีรกรรมเล็กๆ แม้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจเป็นตำนาน แต่สถานการณ์ก็สร้างวีรบุรุษ จากการตามหาละอองดาวตกกลายเป็นการเผชิญหน้าจอมเวทย์มารที่ทุกคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องราวในตำรา

รูปภาพ


ไรน์ เด็กแปลกที่มาประหลาด

เดิมที ไรน์เป็นเด็กที่ดูแสนจะธรรมดา ลูกชายพ่อค้าแห่งเมืองท่ามิราบิลิส ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาเลย จนเมื่ออายุได้8ขวบ เขาพลัดตกจากท้ายเรือสินค้าขณะติดตามพ่อเดินทางทะเลไปแอนดิซอง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเด็กน้อยโดนกระแสน้ำจากท้ายเรือเหวี่ยงจนร่างดิ่งลงก้นมหาสมุทรและไม่มีโอกาสร้องขอความช่วยเหลือ จนเวลาผ่านไปพ่อของเขาพบว่าลูกชายหายไป ออกตามหาลูกทั่วเรือแล้วก็ไม่พบ จึงได้ตื่นตระหนกสิ้นหวังว่าลูกคงตกน้ำตายไปแล้วแน่ๆ แต่ทว่า ไม่กี่ชั่วโมง เสียงเรียกแว่วๆจากมหาสมุทร เด็กชายลอยคออยู่ที่ด้ายซ้ายของเรือ ผู้เป็นพ่อดีใจมากรีบลงเรือเล็กกับลูกเรือออกไปรับลูก แต่สิ่งที่นอกเหนือจากความดีใจคือความประหลาดใจ เพราะเส้นผมส่วนใหญ่ของไรน์กลายเป็นสีฟ้าจากเดิมที่เป็นสีน้ำตาลแต่กำเนิด ไรน์เล่าภายหลังว่า ขณะที่เขากำลังจะขาดใจตาย ในความมืดของห้วงน้ำ เขาเห็นชายคนหนึ่งผู้ที่ขาของเขาไม่มีแต่กลับเป็นหางแบบปลาแทน ว่ายอย่างรวดเร็วมาหาเขา และเอาหน้าผากของตนแตะที่หน้าผากของเขา จากนั้นก็เป่าอากาศมากมายมาครอบหัวของเขาจนได้รับอากาศอีกครั้งก่อนที่จะผลักเขาขึ้นบนน้ำอย่างรวดเร็ว พอโผล่ขึ้นมา ไรน์เห็นว่าเรือสินค้านั้นไกลลิบออกไปจวนลับตา เด็กชายว่ายน้ำด้วยความไม่คิดชีวิต คิดแต่ว่าจะรีบไปที่เรือให้ทันแม้ที่จริงมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ว่ายตามเรือมาทันได้อย่างอัศจรรย์

เมื่อกลับบ้านเรื่องของไรน์เริ่มดังไปทั่ว เหล่าแพทย์ทั้งนักเวทย์นักวิทย์ พากันมาตรวจสอบเขา ความน่าจะเป็นจึงสรุปได้ว่าเครือญาติทางแม่ของเขาที่มีเชื้อสายแอนดิซองอาจมีเชื้อสายเงือกด้วยก็ได้ แต่กระนั้นผมสีฟ้าของเชื้อสายเงือกมักมีตั้งแต่เกิดและเกิดจากครอบครัวที่แต่งงานในเครือญาติที่มีเชื้อสายเงือกด้วยกัน แต่กรณีไรน์ตระกูลของเขาเป็นการข้ามมาแต่งข้ามประเทศจนเชื้อสายน่าจะอ่อนจนไม่เกิดปรากฎการณ์แบบนี้ได้แล้ว และเขายังสีผมเปลี่ยนตอนโตแล้วไปอีก

ไรน์กลายเป็นเด็กที่เด่นขึ้นมาในเมืองและโรงเรียน โชคดีที่ชาวมิรามิลิส เป็นชนชาติที่ผสมผสานหลายเชื้อชาติเป็นปกติตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ แทนที่จะกลายเป็นเหมือนแกะดำที่โดนรังเกียจ เขากลายเป็นเหมือนสัตว์เผือกที่โดดเด่นในฝูง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ไรน์เปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกตัวเองเปลี่ยนไปตั้งแต่แตะหน้าผากกับเงือกหนุ่มผู้นั้น เขารู้สึกรักสายน้ำสายลมแสงแดดและสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากกว่าสิ่งที่มนุษย์สร้าง และรู้สึกฮึกเหิมไม่กลัวอะไรเพราะเคยผ่านความตายมาแล้ว เขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องตามหาชาติกำเนิดของตนให้ได้ และต้องสืบหาให้ได้ว่า เงือกที่มาช่วยชีวิตเขานั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเขา

เบาะแสเดียวที่ไรน์ได้จากการสืบถามเครือญาติฝั่งแม่ที่แอนดิซอง(ที่พากันช๊อคและตกใจที่มีลูกหลานผมสีฟ้า) คือบรรยากาศที่อึมครึม และกระอักกระอ่วน เขาได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์เดียวที่มีเงือกมาเกี่ยวข้องคือเมื่อครั้งต้นตระกูลฝ่ายแม่ของเขา ดำรงยศเป็นขุนนางใหญ่ของแอนดิซองในครั้งที่จับเงือกหนุ่มผู้หนึ่งมาเพื่อถามหา ละอองดาวตกชิ้นหนึ่งที่ตกลงสู่มหาสมุทร ตามตำนานว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยมีฝนดาวตกในแถบแอนดิซองนี้ บางส่วนสลายไปก่อนกลางอากาศ บางส่วนตกบนแผ่นดินและกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกผู้คนตามหาจนแทบหมดจากแผ่นดิน แต่บางเศษเสี้ยวตกลงมหาสมุทรอันเป็นสมบัติที่มนุษย์เอื้อมไม่ถึง และละอองดาวดวงหนึ่งถูกเก็บรักษาในเลอมูเรีย เงือกหนุ่มถูกจับขังและทรมานให้บอกที่ซ่อนอยู่เป็นเดือนจนวันหนึ่งฝนตกหนักเขาก็หายไป เรื่องก็มีแค่นี้ แต่เมื่อไล่ถามสืบค้น ปรากฎว่าภรรยาของท่านขุนนางให้กำเนิดบุตรชายในปลายปีนั้นคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นบรรพบุรุษคนหนึ่งสืบสายมายังแม่ของไรน์ สำหรับเด็กชายนั้นเขาเหมือนประดตูบานใหม่เปิดออก แต่เหล่าญาตินั้นอยากให้เรื่องนี้หายไปกับอดีต เพราะนั่นคือความอับอายของตระกูล ไรน์เข้าใจดีและรู้สึกเสมอว่าคนแอนดิซองมักมองผมสีฟ้าของเขาด้วยสายตาแปลกๆในเชิงไม่ค่อยดี ต่างกับคนที่มิราบิลิส เขาแทบใส่หมวกตลอดเวลาที่นี่และคิดถึงบ้านที่สุด เขาคิดว่าถ้าเขาไม่กลับมาที่นี่อีก บรรดาญาติห่างๆของเขาที่นี่คงสบายใจกว่า

เมื่อ9ขวบย่างเข้า10ขวบ คนแถวบ้านในมิราบิลิสก็ดูจะเลิกเห่อและชินกับผมสีฟ้าของไรน์ เขาพบว่าคนเองมีพรสวรรค์พิเศษในการเข้ากับสิ่งมีชีวิตธาตุน้ำบางชนิดได้ดี เมื่อเขาเข้าฝึกหัดเป็นเทรนเนอร์มังกร ในภาควิชาผู้เลี้ยงมังกรระดับประถมของสถาบันเซนต์อไควนัส เขาก็พบว่าตนเองก้าวหน้าเร็วมาในการฝึกมังกรธาตุน้ำ แล้วรู้สึกเหมือนว่าสามารถสื่อสารจิตใจกันและกันได้ในแบบที่นอกเหนือจากเนื้อหาวิชาที่สอนในโรงเรียน ภายในเวลาแค่ปีเดียวเขาสำเร็จวิชามังกรเทรนเนอร์ขั้นต้นของการเรียน3ปี โดยการมุ่งเน้นเข้าสอบโดยใช้มังกรน้ำเป็นหลัก และถ้าถามว่าใครเป็นไอดอลของเขาในเหล่านักมังกรศาสตร์ กลับไม่ใช่ทั้ง มาธิอัส หรือ รีเบคก้าผู้เป็นปรามาจารย์ และไม่ใช่เซนต์ลอเรนซ์ ผู้กลายเป็นทาลิเวลย่าเทพแห่งดรากูนทั้งหลาย แม้เขาจะชื่นชมทุกท่านเหล่านี้แต่เพียงหนึ่งเดียวที่เด็กประหลาดอย่างไรน์ยกให้เป็นที่สุดสำหรับเขา ผู้ที่เขาถือเป็นผู้สยบมังกรน้ำในตำนานที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในโลกตัวหนึ่งอย่างจอร์มันกาด นั่นคือราชินีวิโอเรียแห่งแอนดิซอง ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะมีทั้งคนชอบคนชังราชินีผู้นี้ แม้เรื่องอื้อฉาวของพระนางจะเป็นเหมือนรอยด่างในประวัติศาสตร์ แต่สำหรับไรน์ ความจริงที่เธอผู้นี้สยบมังกรน้ำที่ยิ่งใหญ่อย่างจอร์มันกาด แถมยังสามารถคิดค้นวิธีสะกดให้มันจำศีลได้ถึงร้อยปี จนเศรษฐกิจแอนดิซองรุ่งเรืองมากในปลายรัชสมัยของพระนางก็คือความจริงที่ไม่มีใครในเมอร์ริเซียปฏิเสธได้เช่นกัน

Stardust ละอองดาวจากฟากฟ้า

จนถึงเวลาที่เขาคิดว่า จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นในภาควิชามังกรศาสตร์ของเซนต์อไควนัส อคาเดมี่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก แต่การศึกษาในภาควิชาระดับสูงของสถาบัน มีข้อกำหนดหนึ่งคือนอกจากคะแนนและผลการเรียนของวิชาต่างๆที่ระบุ ผู้สมัครต้องสำเร็จภารกิจระดับBขึ้นไป ขององค์กร เควสมาสเตอร์แห่งเมอริเซีย ซึ่งไรน์ก็ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะยากเย็นเกินไปสำหรับเขา แต่เพราะว่าเขาดันได้เห็นเควสระดับSภารกิจหนึ่ง ที่ผู้ออกทุนให้ตามหาสมบัติระดับสูง1ชิ้น และมันคือ ละอองดาว ชื่อของสิ่งที่เกี่ยวพันกับชาติกำเนิดของเขานั่นเอง

เด็กชายผู้ไม่กลัวอะไรแม้แต่ความตาย คิดว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะได้ทั้งทำเควสระดับสูงที่ช่วยให้เข้าเรียนสถาบันที่ต้องการได้แน่ๆและยังค้นหาชาติกำเนิดตนเองในเวลาเดียวกัน การตัดสินใจอันแสนบ้าบิ่นจึงเกิดขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ก.ย. 10, 2024 6:36 pm

ราชอาณาจักรลีเซีย

แคว้นลีเซียเดิมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศฟีเลเซีย อยู่ติดกับมิราบิริส และถือเป็นแคว้นกันชนสำคัญที่มียุทธศาสตร์ในฐานะปราการตะวันออก ที่เป็นฐานความมั่นคงสำคัญของฟีเลเซีย ทัพเซนทอร์ฟีเลเซียกว่าครึ่งของทั้งหมด อยู่ในการดูแลของแคว้นนี้ แต่ขณะเดียวกันเป็นแคว้นที่มีความสัมพันธ์อันดีทั้งทางการค้าและการทูตกับมิราบิลิสและฟูดินันอย่างมาก ในเหตุการณ์สงครามใหญ่ที่แบ่งแยกฟีเลเซียออกเป็น4อาณาจักร ลิซันเดอร์ผู้เกิดในตระกูลเชื้อสายราชวงค์เก่าแก่ของฟีเลเซีย เป็นผู้เคยครองแคว้นลีเซีย ในเวลานั้นกษัตริย์ลิซันเดอร์สถาปนาราชอาณาจักรลีเซียขึ้นเป็นประเทศใหม่ และดำรงคงอยู่เป็นเอกราชมายาวนาน

ในช่วงเวลาของเด็กชายไรน์ เขาเติบโตมาโดยที่จำได้ว่าในวัยเด็กเล็กเขาเคยติดตามพ่อไปค้าขายที่ลีเซีย ก่อนจะเกิดการปฎิวัติรัฐประหาร โดยกบฏทัพมังกรฟ้า (Sky Dragon Army) เมื่อ6ปีก่อน ทำให้ความสัมพันธ์การทูตของ2ประเทศชะงักงัน และการค้าขายก็พลอยถูกตัดขาดไปด้วย ไรน์ไม่ได้สนใจหรือรู้เรื่องการเมืองมากไปกว่าเด็กทั่วๆไป เขาก็รู้ข่าวเท่าๆชาวบ้านทุกๆคน แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจเลย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่คนใช้มังกรทำสงครามกลางเมือง และใช้มังกรทำเรื่องไม่ดีในความรู้สึกของเขา

ไรน์ไม่เข้าใจข้ออ้างในการกบฏที่ว่าเป็นความต้องการของประชาชน เพื่อขจัดราชวงศ์ที่กดขี่ และทำเศรษฐกิจประเทศย่ำแย่ เพราะเขาจำได้ว่าพ่อค้าที่ค้าขายกับพ่อของเขาอาจจะบ่นเรื่องเศรษฐกิจฝึดเคืองแต่ไม่เห็นมีใครสนับสนุนการกบฏ เห็นมีแค่หนักใจและกังวลกับข่าวลือเรื่องการเตรียมปฏิวัติในเวลานั้น ว่าจะทำให้เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วกลายเป็นพังพินาศ เพราะคงไม่มีใครอยากค้าขายกับประเทศที่ขาดความมั่นคงทางการเมือง สุดท้ายข่าวลือก็กลายเป็นข่าวจริง เมื่อจอมพลเฮอร์เบริ์ท ผู้ก่อตั้งกองทัพอัศวินมังกรและไวเวริ์นของลีเซีย และมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสาธารณรัฐฟีเลเซียไฮแลนด์ ที่ร่วมฝึกทัพอากาศ ทั้งกริฟฟิน และมังกร แถมยังนำเข้าอัศวินรับจ้างจากที่นั่นจำนวนมาก พ่อของไรน์บอกว่าพวกพ่อค้าและนักธุรกิจซึ่งมีแวดวงใน คุยกันว่า ฟีเลเซียไฮแลนด์มีส่วนหนุนหลังเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติครั้งนี้ด้วย เด็กแบบไรน์ไม่เข้าใจว่า สองประเทศไม่ได้โกรธแค้นกันจะทำไปทำไม แต่พ่อบอกเขาว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ไรน์ก็งงอยู่ดี เพราะหลังจากปฏิวัติ ประเทศล่มจม คนยากลำบากไม่เห็นจะมีใครได้ประโยชน์ เมื่อไรน์ถามพ่อเขาอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป3-4ปี พ่อบอกว่า คนได้ประโยชน์คือพวกคนชั้นสูงและขุนนางไงล่ะ แต่ประชาชนตาดำๆมีแต่ลำบากขึ้นเพราะเกมแย่งชิงการเมืองของคนพวกนี้ ไรน์คิดว่านี่ช่างเลวร้ายมาก และไม่ชอบเลยที่พวกมังกรและไวเวริ์น ถูกเอาไปใช้ทำเรื่องแบบนี้ พ่อบอกว่าไรน์ยังเด็ก โตขึ้นก็จะเข้าใจเองว่าโลกนั้นเป็นสีเทาไม่ได้เป็นขาวหรือดำ ไรน์บอกพ่อว่า เขาไม่สนใจหรอกว่าโลกจะสีอะไร โลกมันจะสีอะไรก็ได้ ขอแค่อย่าเป็นโลกที่คนมากมายเดือดร้อนทุกข์ทรมานเพราะคนไม่กี่คน


รูปภาพ

ถึงตอนนี้ลีเซียดูจะพยายามกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ดูเหมือนว่านโยบายเปิดประเทศ จะมาจากการผลักดันของเจ้าชายฟินเนกัน(Finnegan) แน่นอนว่า เขาไม่ได้เกิดมาเป็นเจ้าชาย เขาคือลูกทหารจนอายุ10ขวบ และเพิ่งเป็นเจ้าชายเมื่อ6ปีที่แล้ว และความจริงก็คือ6ปีที่ผ่านไป นอกจากประเทศจะไม่ได้มีอะไรดีขึ้นจากการปฏิวัติ มันกลับเลวร้ายลงกว่าเดิมจนในลีเซียเองเริ่มวิกฤต และเจ้าชายคิดว่า ต้องเร่งสร้างความนิยมกับประชาชน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่า จะมีข่าวลือว่า กลุ่มผู้จงรักราชวงศ์เดิม เตรียมก่อการปฏิวัติคืนบัลลังค์ให้เจ้าหญิงเนอริสสา(Nerissa)ที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ในวังมา 6ปีแล้ว และเจ้าชายฟินเนกัน ก็ดูเหมือนจะสนใจตำนานเก่าแก่เรื่องละอองดาว เพราะคุณสมบัติของมันคือแหล่งพลังงานอันไม่สิ้นสุด หากเขาได้แหล่งพลังงานแบบนี้ นอกจากมีพลังงานใช้ในประเทศมากมายยังอาจขายให้ประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย เท่านี้บัลลังค์ของพ่อของเขาก็จะมั่นคงขึ้น และคืนความชอบธรรมว่าสามารถกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้จริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ พุธ ก.ย. 11, 2024 4:38 am

ฟีโลมีน่า นักบวชฝึกหัดผู้มีจุดหมายเร้นลับ

เมื่อไรน์เดินทางไปพบผู้มอบหมายภารกิจ เขาต้องประหลาดใจมากที่พบว่าผู้ที่อออกมาพบเขา คือนักบวชหญิงในระดับฝึกหัด จากสถาบันเดียวกัน และนอกจากนี้ เธอยังมียอดฝีมืออีกคนที่ได้ว่าจ้างไว้ ทำให้ภารกิจนี้จะมีผู้ร่วมทางแล้ว3คนจากทั้งหมด4คน ในความคิดไรน์นั้นไม่ติดอะไรออกจะดีใจด้วยที่มีคนร่วมภารกิจมากขึ้น แต่เขาแปลกใจว่าทำไมตัวเขาถึงเข้ามาในฐานะอาสาสมัครทำเควสอยู่คนเดียว เพราะถ้าฟีโลมีน่าจะว่าจ้างคนได้ ทำไมไม่จ้างทั้งหมดแล้วออกไปหาสิ่งที่เธอต้องการ

"มีผู้แนะนำให้ฉันประกาศหาคนพิเศษที่จะร่วมทาง แล้วคนที่มาก็ไม่ธรรมดาจริงๆซะด้วย"

"ก็จริงนะเควสระดับSคนที่จะรับย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่ก็อยู่ระดับคลาสจอมเวทย์ หรือไม่ก็พาลาดิน แต่ผมแค่เด็กเลี้ยงมังกรคนหนึ่ง เธอคงไม่ได้ต้องการคนพิเศษประเภทมีผมสีประหลาดแต่อยู่คลาสเริ่มต้นแบบผมหรอกนะ" ไรน์เท้าเอวถามอย่างสงสัยว่า ลึกๆฟีโลมีน่าอาจผิดหวังที่เห็นเด็กอย่างเขามารับงาน เพราะยอดฝีมืออีกคนอายุมากกว่าเขาและดูเป็นมืออาชีพ เป็นพี่สาวนักธนูที่สัตว์คู่กายของเธอเป็นนกหายากที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

รูปภาพ

"ไรน์ เธอคงไม่ได้สังเกตตอนรับเควสนี้ใช่ไหมว่า รางวัลในเควสมันค่อนข้างน้อย ซึ่งคนระดับคลาสสูงๆ คงไม่สนใจเควสยากแต่ผลตอบแทนไม่ค่อยคุ้มค่าแบบนี้หรอก นั่นแปลว่าเธอสนใจเควสระดับสูงขนาดนี้ไม่ใช่จากรางวัล แต่อยากตามหาละอองดาวจริงๆ และฉันหาคนแบบนั้นอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเธอนะ เด็กคนดังจากภาควิชาฝึกมังกรระดับประถม ขอถามได้ไหมว่าทำไมถึงรับเควสนี้"

ไรน์ตัดสินใจเล่าเรื่องจริงทุกอย่างออกไป ทุกคนฟังอย่างตื่นเต้นกับประวัติชีวิตที่โลดโผนเกินวัยของเด็กชาย ฟีโลมีน่าดวงตาเป็นประกายกระซิบเสียงเบาราวพูดกับตัวเอง "คือเขาจริงๆใช่ไหมคะ" เธอนิ่งสักพักก็ยิ้มกว้างเหมือนได้รับการยืนยันจากอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครมองเห็น แต่ดูเหมือนว่ามังกรน้อยที่เกาะหัวไรน์จะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างมันลู่ปีกหลบไปเกาะที่้หลังเขา คอยแอบมองผ่านไหล่ของไรน์ จนการสนทนาจบลงมันถึงยอมปีนมาเกาะที่บ่าของเขา ไรน์สัมผัสได้ว่าเจ้ามังกรแผ่ความกลัวออกมาอ่อนๆก่อนจะผ่อนคลาย แสดงว่าหากมีภัย ภัยนั้นก็ไม่ได้มีอันตรายอีกต่อไป ไรน์จึงคิดว่า มันคงกลัวนกของพี่สาวนักธนู แต่เมื่อไม่ทำอันตราย มันจึงผ่อนคลายในท้ายที่สุด

"อควาฟีลัส(Aquaphelus)ไม่ต้องกลัว นกนั้นไม่กัดนายหรอก เชื่องน่ารักออกจะตาย"

"โห เจ้ามังกรชื่ออลังการจัง เจ้าของชื่อสั้นๆง่ายๆ แต่ตั้งชื่อมังกรซะหรูเชียวนะ" หญิงสาวนักธนูแซวขึ้น

"ก็ผมชื่อธรรมดาๆไปแล้ว เลยอยากให้อควาฟีลัสมีชื่อเท่ๆ ว่าแต่นกนั่นชื่ออะไรครับ"

"ฮ่าฮ่า ฉันชื่อชาช่า ก็เลยตั้งชื่อนกให้เรียกง่ายๆว่า โช(Sho)"

"สวัสดี โชโช่" ไรน์ยกมือทัก

"คว๊ากกกกกกกกกก" เจ้านกขนสีขาวเขียวกระพือปีกพร้อมร้องเสียงแหลม

"แล้วทีมเรามีกันแค่นี้เหรอ" ไรน์หันไปถามฟีโลมีน่า

"ตอนนี้มีแค่นี้ แต่ถ้ามีคนมาสมัครอีกคนก็จะครบจำนวนต่ำสุดของการเป็นทีมที่จะออกทำเควสได้"

"อีกนานแน่เลย เควสยากรางวัลน้อยที่ฟีโลมีน่าวางแผนไว้ แบบนี้คนทั่วไปคงไม่ค่อยมาสมัคร งั้นผมขอแนะนำผู้สมัครอีกคนให้ได้ไหม รับรองเลยนะว่าเก่งมาก ถ้าได้เจอก็น่าจะชอบ อีกอย่างตอนนี้เราขาดสายป้องกัน และปะทะ ถ้าเป็นคนนี้ มีครบเลยล่ะ ถ้าฟีโลมีน่าโอเค เราจะได้รีบออกเดินทางกันได้เร็ว"

"มาวันแรกก็ใจร้อนอยากทำเควสแล้วเหรอเนี่ย ได้สิ ไรน์ลองแนะนำมาก็ได้ถ้าเก่งพอสำหรับทีมเราและรับมือภารกิจนี้ได้ฉันก็จะจัดทีมออกเดินทางเลย เขาเป็นใครเหรอ"


"เขาเป็นสมิงเสือโคร่งอยู่ฟูดินัน ผมเคยช่วยทำเควสเก็บเปลือกไข่มังกรกับเขาครั้งนึงตอนเทศกาลฤดูหนาว เพราะตอนนั้นเขาเป็นสมิงสายบู๊ มากับชาแมนตำหนักเทพสิงโตแองโกลิออน สายสนับสนุนก็เป็นสมิงเหมือนกัน แล้วลูกทีมอีกคนที่ก็เป็นชาแมนของเทพอันดีนของเขาป่วยขึ้นมา แล้วเควสนี้ต้องใช้คุณสมบัติธาตุน้ำ เพราะมังกรอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ต้องหาทีมฉุกเฉินแบบนั้น พวกเขาเลยหาคนร่วมเควสยากกำลังจะล้มเลิกกลับบ้านกันแล้ว พอดีผมตามพ่อไปเปิดร้านขายไอเท็มที่เทศกาล เห็นยืนหน้าเศร้ากันอยู่ ก็พอดีว่างแล้วชอบอะไรแปลกๆ เจอแบบนี้มันต้องลองร่วมงานกันล่ะใช่ม้า เป็นทีมรวมตัวแปลกไง ฮ่าๆๆๆ แต่ตอนทำเควส ผมถึงเห็นว่า พี่เขาเก่งสุดๆ แบกทีมได้ทั้งโจมตีและตั้งรับเลย

็แล้วตอนก่อนแยกย้ายเราสัญญาลูกผู้ชายกันไว้ เขาสัญญาว่าถ้าผมมีเควสสำคัญขอให้เขาช่วยขอให้บอกเขาจะยินดีช่วย แต่ผ่านไปเกือบปียังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อีกเลย"

"โอ้โห น่าสนใจมากเลย ไรน์จะไปตามเขามาร่วมทีมเราใช่ไหม"

"อื้อ" ไรน์พยักหน้าแรงจนผมสีฟ้ากระดก "ผมขอเวลา3-4วันนะ ไปฟูดินันแล้วจะพาลูกทีมสุดแกร่งกลับมาด้วย"

"ได้เลย พวกเราจะรอนะคะ"

"ว่าแต่จะตามหาละอองดาวไปทำไมเหรอ พอจะบอกผมได้ไหม" ไรน์ถามก่อนจะกลับ

"ที่จริง มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกนะ แต่ในเวลานี้ อาจยังไม่เหมาะที่จะเล่า เอาไว้เราคุ้นเคยกันมากกว่านี้และเธอรู้จักตัวฉันมากขึ้น เธอก็อาจฟังเรื่องที่ฉันจะเล่าได้โดยไม่คิดว่ามันไร้สาระหรือบ้าบอ" ฟีโลมีน่ายิ้มอ่อนๆ

"ไม่หรอก เรื่องชีวิตผมมันพิลึกและบ้าบอจะตาย พวกเธอยังตั้งใจฟังกันอย่างดี แสดงว่าชีวิตคงเจอเรื่องบ้าๆบอๆไม่แพ้เรื่องของผมหรอก"

ฟีโลมีน่าหลุดหัวเราะออกมา "คิกคิก นั่นสิ ไว้มีโอกาสฉันจะเล่าเรื่องพิลึกของฉันให้ไรน์ฟังนะ แต่ระหว่างนี้ที่เตรียมตัวออกเดินทาง ไรน์ขาดเหลืออะไรแจ้งทางฉันได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ"

"อื้อ ได้เลย ผมจะทำเต็มที่ไม่ให้ผิดหวังแน่นอน"

เด็กชายโบกมือลา และวิ่งกลับไปอย่างกระฉับกระเฉง

"เป็นคนมีพลังบวกเหลือล้นเลยนะคะ หนูไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมท่านให้ตามหาเขามาเข้าร่วม" ฟีโลมีน่าพึมพำเบาๆขณะมองดูไรน์วิ่งลับตาไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ มี.ค. 17, 2025 9:13 pm

"นี่ไงพี่เสือที่ผมเล่าให้ฟัง ผมชวนมาสมัครมางานนี้ ก็มาให้เลย" ไรน์บอกฟีโลมีน่า เธอจ้องนักสู้เสือโคร่งสักพัก และสังเกตว่าหนุ่มน้อยสมิงเสือผู้นี้ดูสุภาพและใจดีกว่าที่คิด ไม่มีร่องรอยของบุคลิคที่ดุร้ายใดๆเลยต่างจากรูปกายภายนอก

"พี่ก็ไม่ได้กะจะสมัครหรอก แต่เพราะไรน์ชวนให้มานะ"

"ขแบคุณมากนะคะที่มาช่วยภารกิจของเรา ไรน์เล่าให้ฟังเยอะแยะเลย ท่านชื่อ ทาโกด้า ใช่ไหมคะ"

"ใช่ ทาโกด้า เรียกทักก็ได้ ข้าเป็นศิษย์สำนักอินซูแห่งฟูดินัน ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกแบบ แล้วก็พลองหมัดพยัคฆ์นี่ เป็นอาวุธประจำตระกูล"

"พลองเนี่ยเวลาเขาเหวี่ยงสู้ศัตรูนะ เท่มาก อยากให้ฟีโลมีน่าได้เห็นมากเลย เออ จริงสิ ผมขอลองถือได้ไหม" ทาโกด้ายิ้มยื่นพลองให้

"หูย...หนักอ่ะ" ไรน์รับพลองแล้วไหล่ทรุดทันที

ทาโกด้าลูบหัวไรน์อย่างเอ็นดู เด็กคนนี้ดูพลังล้นๆ เหมือนพวกเด็กสมิง และแม้เขาเป็นมนุษย์ แต่ก็อาจนับว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปเพราะมีเชื้อสายเงือก นี่จะเกี่ยวกันไหมนะ "อือม์ ก็เหมือนเส้นผมมนุษย์เด็กทั่วไปนะ คิดว่าจะมีความชื้น หรือความแข็งกว่า"

"มันเปลี่ยนแต่สีน่ะพี่ทัก นอกนั้นโดยทั่วไปเหมือนเดิมยกเว้นเวลาเปียกน้ำเช็ดให้แห้งยากมากเลย เออ จริงสิ ผมขอลูบขนพี่บ้างได้ไหมเกิดมายังไม่เคยลูบขนเสือเลยเคยแต่ลูบขนแมว" ไรน์พูดเสร็จก็เข้าลูบแขนทาโกด้าโดยไม่รอให้อนุญาต "แข็งกว่าแฮะ"

ทาโกด้าหัวเราะ "ก็นี่เสือนะไม่ใช่แมว มาลองลูบที่ท้องนี่ตรงนี้นุ่มสุดละ"

"จริงด้วยอ่ะ นุ่มจริง แต่กล้ามท้องพี่แข็งแกร่งมากเลย อย่างเท่"

เคร๊ง! เสียงไม้เท้าโลหะหล่นทำให้ทั้งสองตกใจหันไปมองตามเสียง เห็นฟีโลมีน่ายืนหน้าแดงก้มหน้าอยู่

"ไม่ค่อยสบายเหรอ หน้าเธอแดงๆนะ" ไรน์ถาม

"เอ่อ เออ ปะ..เปล่าจ่ะ ลูบกันต่อ เอ๊ย คุยกันต่อ ตามสบายเลยไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันแค่จิน.. เอ๊ย ไม่ใช่ คือฉันคิดเรื่องภารกิจเลยเครียดไปหน่อยน่ะแหะๆ"

"ไม่เห็นต้องเครียดเลย เธอมีฉันทั้งคน และมีพี่ทักสุดเก่งด้วย มันต้องสำเร็จแน่นอน เนอะ" ไรน์หันมาพยักหน้าให้ทาโกด้า ที่ตอบรับด้วยการยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆโผล่ออกมา
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ มี.ค. 17, 2025 9:14 pm

"จะว่าไปละอองดาวมันก็มีหลายดวงกระจัดกระจายหลายแห่งนะแต่ทำไมถึงตกลงจะตามหาอันที่ผมรู้จักล่ะ มันอาจมีดวงอื่นในที่อื่นที่หาง่ายกว่าก็ได้นะ" ไรน์ถามขึ้น ขณะคณะเดินทางพักผ่อนระหว่างเดินทางที่คาเฟ่ริมหาด

ทุกคนหันไปมองที่ฟิโลมีน่าผู้ตัดสินใจ ในฐานะผู้นำภารกิจ "เพราะมันต้องเป็นดวงนี้ และเป็นเพราะไรน์คือผู้ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกอย่างตรงตามที่ฉันได้รับการบอกมา ในวันที่เธอเข้ามารับภารกิจไงล่ะ"

"ใครบอกเหรอ งั่มๆ" ไรน์กัดครัวซองคำใหญ่ และยกแก้วโกโก้ดื่มตามรอคำตอบ

"พูดไปเธอจะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะ เพราะแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่เชื่อตัวเองเลยในตอนแรกๆ" ฟีโลมีน่าหลบตาลงมองแก้วชาของตัวเอง "ไรน์เชื่อเรื่องทูตสวรรค์ที่อารักขาเราไหม ที่เราทุกคนมีทูตสวรรค์พิทักษ์รักษาตั้แต่เกิด"

"อือ เชื่อสิ ตอนที่ผมจมน้ำเกือบตาย แม่บอกว่าแม่อธิษฐานเสมอให้ผมกับพ่อกลับมาปลอดภัย แม่บอกว่าขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครองผม แต่ผมไม่เห็นทูตสวรรค์หรอกนะ แต่เห็นแวบเดียวว่ามีเงือก แต่ก็เห็นหน้าไม่ชัดเหมือนกัน ฟองน้ำมันฟุ้งไปไหลมาเต็มหน้าไปหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากยังกับฝัน ถ้าไม่ใช่เพราะหัวกลายเป็นสีฟ้า ผมเองก็คงคิดว่าตัวเองฝันไปเหมือนกัน"

"สำหรับฉันไม่ใช่ฝัน เพราะเสียงนั้นชัดเจนในเวลาตื่นเพียงแต่ฉันได้ยินอยู่คนเดียว แรกเริ่มเลยฉันคิดว่าหูแว่วหรือเป็นโรคจิตหรือเปล่า แต่เพราะว่าเสียงนั้นบอกสิ่งต่างๆล่วงหน้าไม่เคยผิดเลย และบางครั้งยังให้กำลังใจฉันอย่างอ่อนโยน"

"ห๊ะ แล้วตอนนี้ได้ยินอยู่เปล่า" ไรน์ผุดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น

"ฉันไม่ได้ยินตลอดเวลาหรอกนะ จะได้ยินเฉพาะเวลาสำคัญ..............แต่ตอนนี้......." ฟีโลมีน่ายิ้มอ่อนๆขึ้นมา "ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ"

ไรน์ลุกพรวดไปยืนข้างฟีโลมีน่า "อยู่ตรงไหน แถวนี้ไหม" ฟีโลมีน่าตกใจกับปฏิกริยาตอบสนองที่รวดเร็วของไรน์ "เอ่อ....อือม์ น่าจะแถวไหล่ด้านซ้าย..."

ไรน์รีบวิ่งไปทางซ้ายของฟีโลมีน่าเงยหน้าพูด "สวัสดีครับ ผมชื่อไรน์ ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านชื่ออะไรครับ"

ทาโกด้าขำจนเขี้ยวโผล่ ขณะที่ชาช่าปลอบนกของเธอให้สงบลงจากการตกใจจากการเคลื่อนไหวที่พรวดราดของไรน์ ส่วนมังกรน้อยนั้นเกาะขอบโต๊ะมองไปยังเหตุการณ์อย่างระวัง

"ฟีเดลโล่" ฟีโลมีน่าหันไปบอกไรน์

"สวัสดีครับท่านฟีเดลโล่" ไรน์โค้งคำนับ

"โหรู้จักกันมาตั้งนาน ฉันเพิ่งเคยได้ยินชื่อท่านนะเลยเนี่ย" ชาช่าลูบอกนกของเธอไปพลาง

""ก็ชาช่าไม่เคยถาม...."

"ฉันว่าฉันเคยถามฟีโลมีน่าแล้วนะ..."

ฟีโลมีน่าส่ายหน้าเบาๆ "ฉันหมายถึงชาช่าไม่เคยถามท่าน เคยแต่ถามฉัน แต่ท่านเคยกำชับฉันว่าไม่ให้บอกชื่อท่านกับใคร แต่เมื่อครู่ไรน์ถามท่านนะไม่ได้ถามฉัน แล้วท่านก็ตอบเลย"

"อ้อๆ นี่ล่ะมั้งที่เขาบอกว่าชาวสวรรค์ชอบความใสซื่อของเด็กๆ" ชาช่ายิ้มให้ไรน์

"ว่าแต่ ไรน์เชื่อที่ฟีโลมีน่าเล่าโดยไม่สงสัยเลยเหรอ" ทาโกด้าถามขึ้น "พวกเรายังใช้เวลาพิสูจน์กันตั้งนาน"

"ตอนแรกสงสัยแป๊บนึง แต่ก็คิดว่าไม่สงสัยดีกว่า"

ไรน์พูดต่อเมื่อเห็นทาโกด้าทำหน้างง "ก็ถ้าเรื่องนี้ไม่จริง ก็ต้องล้มเลิกภารกิจแล้วแยกย้ายกลับบ้านกันใช่ม้า ผมว่าแบบนั้นเสียเวลาแย่ เลยคิดว่าไหนๆก็รับภารกิจมาแล้ว ถ้าฟีโลมีน่าเชื่อว่า ละอองดาวแห่งเลอมูเรียที่ผมบอกมีจริง เพราะทูตสววรรค์ของฟีโลมีน่าบอกว่ามีจริง ผมก็จะเชื่อฟีโลมีน่าเหมือนกัน ก็เชื่อมั่นกันและกันให้มันสุดทางไปเลยดีกว่า...เนอะ"

ไรน์คว้ามือฟีโลมีน่ามาเขย่า แล้วพยักหน้ายิ้มกว้าง จนเธอพยักหน้าตามโดยไม่รู้ตัว

"อ้อ ผมอยากถามอะไรท่านฟีเดลโลเยอะแยะเลย ฟีโลมีน่าช่วยสื่อสารได้ไหม"

ฟีโลมีน่านิ่งไปสักพัก "ท่านรู้ว่าไรน์จะถามอะไรบ้าง แต่ทุกสิ่งที่ไรน์จำเป็นต้องรู้ จะได้รู้เองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม" ฟีโลมีน่าแตะบ่าของไรน์น้ำเสียงจริงจังขึ้น

"และฉันอยากบอกไรน์ว่า ฉันไม่ได้สื่อสารได้ตามใจหรอกนะ ท่านจะมาสื่อสารเมื่อท่านอยากจะมา เพียงแต่เชื่อว่าท่านคอยดูแลอยู่ตลอดแม้จะมองไม่เห็นหรือไม่ได้ยินอะไรก็ตาม"

"โอเคได้เลย ผมจะรอ ขอบคุณท่านฟีเดลโล่นะครับที่คุยกับผม" ไรน์โค้งคำนับอีกครั้ง ฟีโลมีน่ายิ้มอ่อนขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Stardust

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ มี.ค. 17, 2025 9:15 pm

แสงอาทิตย์อัสดงส่องแสงสลัวพาดผ่านกระจกสีในห้องอธิษฐานของคฤหาสน์ ฟีโลมีน่ากำลังอธิษฐานภาวนา ที่เงาใต้หน้าต่างนั้นมีดวงตาสีแดงกลางเงามืด เด็กหญิงเพ่งมองจนสายตาชินกับความมืดก็เห็นแมวตัวหนึ่งสีกลมกลืนกับเงานั้นค่อยๆยื่นหน้าออกมา

"เจ้าแมวน้อยมาจากไหนเนี่ย เมี๊ยวๆ มานี่มา"

"มาม้งมาเมี้ยวอะไรของเธอ อย่ามาปฏิบัติกับฉันเหมือนสัตว์เลี้ยงงี่เง่าในโลกนี้นะเว้ย"

ก่อนที่จะกรีดร้องออกมาว่า "แมวพูดได้" เธอก็ได้ยินเสียงที่ปลอบให้เธอสงบลง "อย่ากลัวไปเลย นี่คือสัตว์จากโลกแห่งเงา บางตัวมันก็อาจจะปากเสีย แต่ไม่กัดหรอก"

"ไม่กัดแต่ก็มีข่วนนะขอบอก" เจ้าแมวพูดจบมันก็โผนตัวขึ้นสู่แสงทำให้เห็นรูปร่างอันพิศดารของมันที่มีปีกเหมือนค้างคาว และหางอย่างงู

ดาร์คเดสทินี่ แมวจากโลกแห่งเงาที่คอยตามมนุษย์และแจกจ่ายชะตากรรมจากที่ผู้คนเคยคิดว่ามันเป็นเพียงตำนานโบราณล้านปี แต่ในประวัติของจอมเวทย์ลึกลับนาม แวเลี่ยน แวสเลย์ ผู้จับดาร์คเดสทินี่ของตัวเองได้จนชะตากรรมมาอยู่ในมือตัวเองจนกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่อยู่ในมิติโลกอีกต่อไป ก็ทำให้ผู้คนเชื่อในการมีอยู่ของแมวแห่งโลกเงานี้มากขึ้น

"หรือนี่จะคือ ทารอตโต้ ดาร์คเดสทินี่ในตำนานของแวเลี่ยน แวสเลย์ ผู้นั้น" ฟีโลมีน่าคิดในใจ

แมวน้อยสีม่วงดำบินโฉบมาใกล้เธอ "อย่าได้คิดเลยนะ ฉันไม่ใช่ไอ้กระจอกนั่น อย่าเอาไปเปรียบได้ป่ะ"

"ฉันไม่โง่ให้มนุษย์หน้าไหนมาจับได้แบบนั้นหรอกนะ แล้วที่ฉันมาหาเด็กแบบเธอนี่ก็ไม่ได้อยากจะมาหรอกนะ แต่มันจำเป็น"

"หรือเจ้า เอ่อ คุณ จะเป็น ดาร์คเดสทินี่ ที่นำชะตากรรมของฉันเหรอคะ"

"จะเรียกท่านก็ได้นะเด็กมนุษย์ และฉันไม่ใช่ผู้นำชะตากรรมของเธอหรอก แต่เพราะมีเรื่องที่ต้องให้เธอทำ"

"จะให้คนอื่นช่วยก็พูดตรงๆสิ" เสียงดังจากด้านหลังเด็กหญิง ทำเอาเจ้าแมวร่อนลงนั่งหมอบที่พื้น หลบตาไปมองพื้นด้านข้าง

"จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ถ้าเกิดขึ้นจะเดือดร้อนกันหมดทั้งโลกแห่งเงาและโลกของเธอ ชายนอกรีตคนนั้นที่พวกมนุษย์อย่างเธอน่าจะเคยได้ยินชื่อกัน คนที่เคยรุกล้ำโลกแห่งเงามาแล้วครั้งนึง และนำเรื่องของชาวโลกเงาอย่างพวกเราไปแพร่งพรายในโลกของเธอ ผ่านมาหลายร้อยปีจนตอนนี้มันกำลังคิดการใหญ่จะบุกรุกโลกแห่งเงาอีกครั้ง และถ้ามันทำสำเร็จ ความวุ่นวายมากมายระหว่างมิติจะเกิดขึ้นแน่ ฉันอยากให้เธอหยุดมัน"

"ทำไมเป็นหนูที่จะต้องทำแล้วคนๆนั้นคือใครคะถ้าเขามีพลังอำนาจมากขนาดนั้นเด็กอย่างหนูจะทำอะไรเขาได้" ฟีโลมีน่างุนงง

"เพราะมันคือชะตากรรมไงล่ะ และเพราะเราคือผู้แจกจ่ายชะตากรรม และฉันคือผู้มีหน้าที่แจกจ่ายชะตากรรมของเจ้านั่น เลยรู้หมดว่ามันกำลังจะทำอะไร และเรารู้ว่าชะตากรรมของเธอกำหนดให้เธอมีหน้าที่สำคัญในของโลกของเธอขนาดไหน เพราะชะตากรรมของเธอที่มีจุดสัมพันธ์กับมัน เพราะเธอมีชะตะกรรมจะเป็นเจ้าของในสิ่งของที่มันต้องการได้ จึงเป็นเธอเท่านั้นที่จะหยุด เซอร์เซส เจ้าครึ่งผีครึ่งคนนั่น ที่ทำให้ฉันติดแหงกอยู่แบบนี้"

"เซอร์เซส อหังการ์แห่งเงา เนโครแมนเซอร์ที่ขายวิญญาณแก่ปีศาจในตำนานคนนั้นเหรอคะ หลายร้อยปีแล้วเขายังมีชีวิตอยู่เหรอคะ"

"จะพูดว่ามีชีวิตอยู่ก็อาจจะไม่ถูก เจ้านั่นเรียกว่าเป็นหรือตายก็ไม่รู้ เอาว่ายังอยู่แต่จะนับว่ามีชีวิตได้ไหมล่ะ ในเมื่อวิญญาณมันติดจำนำไม่ใช่ของตัวเอง แต่การที่มันทำแบบนั้นจนชะตากรรมมันบิดเบี้ยว แทนที่มันจะตายไปแล้วฉันจะได้ไปทำหน้าที่นี้กับคนอื่นต่อ เลยมาติดแหงกอยู่ที่มันมาเป็นร้อยปีเนี่ย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเธอจะขัดขวางการเข้าสู่โลกแห่งเงาของมันได้ ถ้าเธอเป็นเจ้าของสิ่งที่มันต้องการได้ก่อน"

"มันคืออะไรคะอยู่ในบ้านนี้ไหม ฉันจะให้คนรับใช้ช่วยค้นหาค่ะ" ฟีโลมีน่าถามอย่างกระตือรือร้น

"ยัยหนูเอ๊ย มันไม่อยู่ที่นี่หรอก มันคือละอองดาวชิ้นหนึ่ง ละอองดาวที่เคยตกมาที่โลกนี้มากมาย และหลายๆชิ้นถูกค้นพบไปแล้ว แต่ยังมีบางชิ้นโดยเฉพาะเศษเสี้ยวที่พิเศษกว่าชิ้นอื่น ละอองดาวที่ยังมีชีวิต ไม่ใช่กลายเป็นสสารวัตถุแร่ธาตุไปแล้ว มันจะยังคงมีแสงสว่างในตัวเอง และนั่นแหละคือสิ่งที่มันต้องการ สิ่งเดียวที่ยังส่องแสงได้แม้อยู่ในโลกแห่งเงา"

"มันอยู่ที่ไหนคะ แล้วฉันจะไปเอามันมาก่อนที่เขาจะหามันเจอได้อย่างไร ในเมื่อฉันแค่นักบวชฝึกหัดสู้เขาไม่ได้หรอกค่ะ"

"เธอเท่านั้นแหละสาวน้อยที่ชะตากรรมกำหนดคู่ต่อสู้ที่แสนจะสูสี ในเมื่อฝ่ายหนึ่งควบคุมผีปีศาจ ทูตสวรรค์ก็ได้รับอนุญาตให้กระทืบมันได้เต็มที่ ถ้าเธอขออนุญาตท่านทำหน้าที่นี้ ยังไงท่านก็ช่วยเธอ"

"ทำไมเจ้ามั่นใจขนาดนั้นว่าเธอจะเชื่อเจ้า หรือมั่นใจขนาดนั้นว่าเราจะช่วยเธอทำสิ่งนี้ให้" เสียงดังขึ้นเหนือการสนทนาของเด็กสาวและแมว

เจ้าแมวเหลือบตามองบนหัวของฟีโลมีน่า ทำให้หน้ามันดูเหมือนยิ้ม(แต่มันไม่ได้ยิ้มหรอกนะ หน้ามันเฉยๆแบบนี้มาตลอด)

"เพราะข้ารู้ว่า ท่านนั่นแหละที่จะช่วยข้าพเจ้า เพราะท่านก็รู้ว่าเธอผู้นั้นก็ติดอยู่เหมือนข้าพเจ้า และเธอผู้นั้นน่าสงสารกว่าข้าพเจ้ามาก"

ทันใดฟีโลมีน่าสัมผัสความเศร้าอย่างมาก จนเธอหลั่งน้ำตาออกมา

"ท่านจะบอกเธอเองหรือให้ข้าพเจ้าเล่า" เจ้าแมวถามขึ้น

ทันใดนั้นฟีโลมีน่ารู้สึกรับรู้เรื่องราวในเสี้ยววินาที เหมือนเรื่องราวยืดยาวนั้นถูกมัดรวมแล้วยัดใส่หัวเธอในเสี้ยววินาที การที่คนๆหนึ่งละเมิดกฎธรรมชาติ กฎของจักรววาลแต่ละครั้ง มันมีราคาที่ต้องจ่ายสูงลิ่ว และผู้คนรอบข้างที่จะพลอยเดือนร้อนไปด้วยมากมาย การที่คนบิดเบือนชะตากรรมของตนจนนับไม่ได้ว่าอยู่ในหมู่คนมีชีวิต หรือพวกคนตาย การอยู่อย่างไม่มีชีวิตมานับร้อยปี นอกจากดาร์คเดสทินี่แห่งชะตากรรมของเขาจะติดแหงกอยู่แบบนี้แล้ว ทูตสวรรค์ที่อารักขาเขาก็ประสบพบเจอสิ่งเดียวกัน เธอผู้งดงามด้วยแสงแห่งสวรรค์ ในวันที่เขาเลือกทางที่จะพินาศไปตลอดกาล เธอได้แต่เวทนาอาดูร แต่ทว่าเธอเลือกได้ที่จะละทิ้งเขา เพื่อดูแลจิตวิญญาณมนุษย์ผู้อื่นที่เกิดใหม่ในโลกต่อไป หรือเธอจะใช้สิทธิ์ในการดูแลเขาต่อไปแม้จะดูเป็นภารกิจที่เหมือนไม่มีวันจบก็ตาม และทูตสวรรค์ผู้ใจดี ก็เลือกซ่อนปีกและลดแสงสว่างของตน เพราะเร้นหลบอยู่ในนรกเพื่อคอยดูแลชายผู้เธอเห็นว่าน่าสมเพชเวทนาด้วยความเมตตาห่วงใย

"ไม่ยุติธรรมเลย ที่ทุกคนต้องมาเจออะไรแบบนี้ ช่างน่าสงสาร"

เด็กสาวน้ำตาไหลพราก พุ่งเข้ากอดและลูบหัวเจ้าแมวสีม่วงตรงหน้าเธอ

"เฮ๊ย จะทำอะไรน่ะ มะ..ไม่ต้องมาสงสารข้าเลยเว้ย ยัยเด็กติงต๊อง ปล่อยนะ" เจ้าแมวสีม่วงดิ้นดอกแดกในอ้อมกอดของเด็กหญิง แต่เมื่อเธอไม่มีทีท่าจะปล่อยแถมกอดแน่นขึ้น ก็ดูเหมือนมันจะดิ้นน้อยลง "ขะ ข้าน่ะ ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ ไม่รู้สึกอะไรหรอกบอกเลย" ฟีโลมีน่าลูบหัวมันเบาๆ "มะ ไม่เหมือนพวกแมวในโลกหรอกนะ ไม่ต้องมาทำเหมือนกันเลย... ชิ" เสียงของมันเบาลงเหมือนหางของมันที่แกว่งเบาๆ ปล่อยให้เด็กหญิงกอดและลูบหัวต่อไป

ฟีโลมีน่าลืมตาขึ้นพบว่าตนเองนอนกอดตุ๊กตาตัวใหญ่บนเตียงของตัวเอง เสียงกระซิบเบาๆบอกเธอว่า ในโลกความฝันคือทางที่ง่ายที่สุดที่จะเชื่อมโลกวิญญาณและโลกแห่งเงา และแม้จะพบเจอกันในฝัน แต่การพบเจอนั้นก็เกิดขึ้นจริงในจักรวาลนี้ และทุกสิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้มาคือความจริง

เด็กสาวมุ่งมั่นว่าเธอจะต้องเป็นเจ้าของละอองดาวเศษเสี้ยวนั้นให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยจิตวิญญาณที่ทนทุกข์มากมายทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1407
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron