Chapter 24 หวานชื่นขื่นขม
ภายในห้องประชุมใหญ่อันหรูหราของเมืองท่าแอนดิซอง บรรดาขุนนางระดับสูงกำลังนั่งรอการประชุมด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ต่างชะเง้อมองไปทางประตูเป็นระยะๆ บ้างก็เอียงคอกระซิบกระซาบกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดระคนไม่พอใจมองไปทางเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ต่างก็ไม่อยากเชื่อว่าแม่ทัพน้ำแข็งบัดนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาเริ่มขาดประชุมบ่อยขึ้นโดยไม่แจ้งล่วงหน้า บางครั้งก็มาประชุมด้วยสภาพหนวดเคราขึ้นเขียวครึมและมีกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง หลายครั้งที่เข้าประชุมก็แค่นั่งเฉยๆอย่างเหม่อลอยเหมือนแค่มาร่วมตามหน้าที่ให้มันจบๆไปเท่านั้น ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ทัพใหญ่ แต่เพราะความเย็นชาและแข็งกร้าวที่ผ่านมาของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าพอที่จะตักเตือนพฤติกรรมของเขา
องค์รัชทายาทวิโอเรียที่นั่งเป็นประธานการประชุมเหลือบมองบรรยากาศโดยรอบก่อนจะชำเลืองมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ใช้ปลายนิ้วลากวนช้าๆไปตามรอยแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงบนโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิด ใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวผลที่หว่านแล้ว เธอหลุบตาลงแสร้งยกพัดลายลูกไม้ประดับเพชรขึ้นปิดบังรอยยิ้มของตนอย่างพึงพอใจ
“เราเริ่มประชุมกันเลยก็แล้วกัน” เจ้าหญิงปัดรวบพัดประดับเพชรลงพูดด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง
“แต่ฝ่าบาท...” ขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้น “หัวข้อประชุมในวันนี้จำเป็นต้องมีท่านแม่ทัพเข้าร่วมด้วย”
“เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง แล้วข้าจะแจ้งอองเดรในภายหลัง กิจการบ้านเมืองเราจะรอช้าไม่ได้” เจ้าหญิงวิโอเรียพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
บรรดาขุนนางต่างพยักหน้าเห็นด้วยและมองเจ้าหญิงด้วยสายตาชื่นชม เธอช่างมีความกระตือรือร้นในการดูแลปกครองเมืองท่า ก่อนนั้นที่เธอเป็นเพียงแค่แม่มดน้ำแข็งผู้สะกดมังกรจอร์มันกกาน์ด เธอพยายามมีตัวตนในสภาสูงมาตลอด แต่เวลานั้นไม่มีใครให้ความสนใจเธอมากนักเพราะสถานะของเธอนั้นเป็นแค่ราชนิกูลชั้นกลางเท่านั้น ทว่าเวลานี้เธออยู่ในจุดที่เป็นรองแค่กษัตริย์เอ็ททิเอ็นและราชินีคอรัลลี่เท่านั้น แม้เธอจะทำตัวแหวกขนบธรรมเนียมไปบ้างอีกทั้งยังปกครองด้วยความเฉียบขาดและรุนแรงในบางครั้งแต่ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะการไม่ประนีประนอมกับคนยากจนและผู้อพยพ เพราะเธอจะปกป้องผลประโยชน์ของแอนดิซองอย่างเต็มที่โดยเฉพาะเพื่อบรรดาชนชั้นสูง ทำให้บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงเริ่มเข้าหาเธอกันมากขึ้น
เป็นเวลาพลบค่ำแล้วเมื่อเสียงของนางกำนัลแจ้งเจ้าหญิงวิโอเรียว่านายทหารต้นห้องของอองเดรมาพบ วิโอเรียยืนดูภาพสะท้อนของตนเองที่หน้ากระจกตรวจความเรียบร้อยของชุดก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะเบาๆในลำคออย่างพอใจ เธอเดินตรงไปที่ขวดแก้วที่บรรจุไวน์แดงไว้เต็มขวดพลางหยิบขวดเล็กๆที่ภายในบรรจุผงเกล็ดสีแดงแวววาวคล้ายอัญมณีบดค่อยๆเทลงไปในไวน์นั้นแล้วแกว่งขวดไวน์ช้าๆให้ผงเกล็ดนั้นละลาย ทันใดนั้นสีของไวน์แดงก็ดูสว่างขึ้นคล้ายกับเรืองแสงขึ้นเล็กน้อย เธอหันไปเปิดเตาจุดกำยานก่อนจะโรยผงเกล็ดสีแดงลงไป พลันจากควันสีขาวเทาก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆพวยพุ่งขึ้น วิโอเรียร่ายคาถาโบกมือเหนือควันสีชมพูนั้นแล้วจึงวาดมือเหนือศีรษะของเธอ ควันนั้นก็ลอยตามมือหมุนวนที่รอบตัวของเธอก่อนจะจางหายไป เจ้าหญิงวิโอเรียยิ้มอย่างพอใจพลางสั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณให้เข้าพบ
นางกำนัลต้นห้องเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเบิ่งตาผงะถอย “จะ...จะ...เจ้าหญิงอลาน่า!”
“ใช่ที่ไหนเล่า เจ้าหญิงวิโอเรีย!” นางกำนัลอีกคนรีบถองข้อศอกใส่เพื่อน กระซิบบอก “ทรงสวมชุดของเจ้าหญิงอลาน่า”
“หึ เหมือนขนาดนั้นเชียวรึ” เจ้าหญิงวิโอเรียเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ เธอรู้ว่าเธอทั้งสองใบหน้าคล้ายกัน แต่เพียงแค่ลบเครื่องสำอาง เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนชุด ก็ไม่คิดว่าจะคล้ายกันขนาดนี้ ช่างเป็นตลกร้ายเสียจริง ทั้งที่เหมือนกันขนาดนี้แต่แค่เกิดผิดที่ผิดเวลา สถานะก็ต่างกันถึงเพียงนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเย้ายวน วันนี้เธอจะคว้าทุกอย่างด้วยสองมือนี้เอง เจ้าหญิงวิโอเรียหยิบผ้าคลุมสีดำขึ้นสวมพร้อมกับดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะก่อนจะพยักหน้าไปทางขวดไวน์และเตาจุดกำยาน ซึ่งนางกำนัลทั้งสองก็รีบยกตามไปอย่างรู้งาน