จากกระทู้ที่หลายคนอาจจะผ่านตามาบ้าง ถ้าใครจำไม่ได้ลองตาม Link ไปนะครับ
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เริ่มกันเลยดีกว่้าครับ
ต้องการติดตามผลงานชิ้นอื่นเชิญกดที่รูปภาพที่ลายเซ็นหรือ Link นี้ครับ >> viewtopic.php?f=12&t=9114
[Deck Construction เตรียมกองการ์ดให้พร้อม]
[1st Step] เลือก Theme Deck ของเรา



►ผู้เล่นส่วนมากจะเริ่มเลือกจาก Meta Deck หรือ Deck ที่นิยมกันมาก
ส่วนมากเป็น N[] ใหม่ๆที่ทรงพลังมากในยุคของ N[] นั้นๆ



►เรายังสามารถเลือก Theme ด้วยการ Focus ไปยังการ์ดที่เราตั้งใจให้เป็น Key Card ได้เช่นกันครับ
ยกตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นมากมายในอดีต แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ Deck Spring Field Fairy
ซึ่ง Spring Field Fairy เป็น Key Card ในการทำเกมเพื่อชนะใน Subturn แรกในทันที
การใช้ Skill และ Ability กับ Mystic Set Hi5 ก็เป็น Theme ที่น่าสนใจเช่นกัน
[2nd Step] เลือก Key Card ของเรา



►คำว่า Key Card คือจุดศูนย์กลางของรูปแบบการเล่นหลัก และนำไปสู่ชัยชนะของเรา
ซึ่ง Key Card ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ Seal Card แต่ยังรวมไปถึง Mystic Card อีกด้วย
[3rd Step] เลือก Support Card ของเรา



►หลังจากเลือก Key Card แล้ว ก็ถึงคราวค้นหา Support Card ซึ่งช่วยเหลือในการเล่น
ทั้งการ Search Key Card ออกมาอย่างรวดเร็ว และเสริมความสามารถให้แก่ Key Card ของเรา



►อย่าลืมใส่ตัวป่วนทั้งหลายเพื่อ Anti-Meta ไปด้วยครับ สำหรับยุคนี้ Deck Binder จะเหมาะที่สุดครับ
รองลงมาก็พวก Anti-Seal และ Anti-Mystic ซึ่งปรับได้ตามความเหมาะสมในแต่ละ Deck
[How to Choose จัดสรรหน้าที่ให้การ์ดทุกใบ]
การ์ดทุกใบล้วนมีจุดเด่นในตนเอง บางใบเกิดมาเพื่อเป็นตัวบุกของแท้ บางใบก็เกิดมาเพื่อ Support อย่างเดียว
บางครั้งการโจมตีที่ดีที่สุด ก็เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ในทางกลับกับการป้องกันที่ดีที่สุด ก็เป็นการโจมตีที่ดีที่สุดได้เช่นกัน
ฉะนั้นความสมดุลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความเก่ง และโชคนั้น ยากที่จะมาหาเราในเวลาเดียวกัน
แล้วเรา"ควรจะ"มีอะไรใน Deck บ้าง
[Beatstick]
หน่วยนี้คือ Seal ที่มีค่าพลังสูงพอตัวเพื่อยืนตั้งเกม
ส่วนมากสามารถเป็นได้ทั้ง Key Card และ Support
การแยกหน่วย Beatstick แบ่งได้มากมาย ตามนี้ครับ



►Attacker
มีหน้าที่หลักคือโจมตีทำลายรูปเกมฝ่ายตรงข้ามอย่างอย่างรวดเร็ว
อาจจะด้วยด้วยค่าพลังที่สูง และ Text ที่สร้างความต่างระหว่างด้านค่าพลัง
หรือแม้กระทั่งใช้การโจมตีที่พลิงแพลง แบบการโจมตีข้าม Line และเทียบค่า Df



►Massive Destructer
มีหน้าที่หลักคือยืนรอใบรองรวมร่างที่ถูกต้อง
โจมตีกวาดล้างสนามฝ่ายตรงข้ามเมื่อเวลาเหมาะสม
และบาง Deck อาจจะสามารถทำให้ All ได้อย่างรวดเร็ว
บางครั้งอาจจะสั่งโจมตี All ได้ใน Subturn ที่ 3 หลังจากร่ายเข้าสู่สนาม



►Carrier
มีหน้าที่หลักคือยืนเพื่อเดินเกมและสร้างค่าพลังอย่างต่อเนื่อง
โดยใช้เงื่อนไขบางอย่างซึ่งก่อให้เกิดเป็น Theme ของ Deck ได้เด่นชัดที่สุด
กลุ่ม Seal นี้ปรากฏอยู่มากมาย และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด Deck มากมาย



►Supporter
มีหน้าที่หลักคือยืนเพื่อเดินเกม คล้ายคลึงกับกลุ่ม Carrier
แต่ Seal กลุ่มนี้จะแตกต่างจากกับ Carrier เพราะ Text จะส่งผลต่อ Seal ใบอื่น
และก็เป็นอีกกลุ่ม Seal ที่ปรากฏอยู่มากมาย
[Staple] และ [Semi-Staple]
สำหรับ Staple คือการ์ดที่จำเป็นที่สุด และต้องใส่ใน Deck นั้นๆ
ง่ายๆก็คือ ถ้าไม่ใส่ก็เล่นไม่ได้ จะบากหน้าเล่นไปทำไม
ส่วน Semi-Staple คือการ์ดที่สมควรใส่ จำพวกการ์ดในกลุ่ม Anti-Meta ที่เหมาะสมกับ Deck
รวมไปถึง Supporter ที่อาจจะใส่หรือไม่ก็ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปแบบการเล่นของเราโดยตรง
ซึ่งการ์ดเหล่านี้ ขอยกตัวอย่างเป็นบางกรณีครับ



►กรณี [Knight] ธาตุ [Fire]
ตัว Zadin เองหากรวมร่างกับ [Dragon] จะทำให้ไม่ต้องโม่ Seal ใบการโจมตี
และหากรวมร่าง N[Salamandera] จะได้ค่าพลังเพิ่มขึ้นและสามารถโจมตีข้าม Line ได้
อีกทั้ง Salamander เองก็มี Shade of N[Salamandera] และยังทำให้รวมร่างกับ [Knight] ได้รวดเร็ว
และยังเพิ่มค่าพลัง พร้อมกับลด Mp ค่าโจมตีให้กับ [Knight] ธาตุ [Fire]
นอกจากนั้นยังปกป้อง [PS] ประเภท [Relic] ทุกใบในสนามฝ่ายเราที่ติดบน N[Zadin]
ถ้าไม่ใส่ก็คงแปลกๆใช่ไหมครับ
ฉะนั้น Salamander จึงเป็น Staple ของ Deck Zadin และเป็น Semi-Staple ของ [Knight] ธาตุ [Fire]



►กรณี N[Alana]
หากใครเล่น N[Alana] แล้วไม่ใส่ Holy, The Guardian Angel of Alana แม้แต่ใบเดียวคงเล่นยากพอตัวนะครับ
เพราะช่วยให้รวมร่างรวดเร็ว ยกเลิก Skill ไม่พึงประสงค์ และกันการโจมตี All
ส่วน St. Alana’s Veil เองก็เป็น Power Booster หลัักของ N[Alana] ได้ทั้งสนาม
โดยไม่จำเป็นว่า Seal ที่ติดต้องเป็น N[Alana] และช่วยตั้งเกมได้มากพอตัว
ถ้าไม่ใส่ก็คงแปลกๆใช่ไหมครับ
ฉะนั้น Holy, The Guardian Angel of Alana และ St. Alana’s Veil จึงเป็น Staple ของ N[Alana]



►Semi-Staple ทั่วไป
เป็น Seal ที่อยู่ใน Deck ทั่วไปได้หากตรง Concept หรือมีคู่ Combo ประจำตัว
กรณี Medea ของแค่มี Fodder ในการ Sacrifice ก็สามารถใส่ได้ทันที
ส่วน Solita นั้นเป็น Seal ที่ทรงพลังมากใน [Earth] ประมาณว่าถ้านึกอะไรไม่ออก
หรือตั้งไม่หนาพอก็ใส่เข้าไปคู่ดับ Panna Forest Oracle
และสุดท้าย Holy Blue Sea Angel ที่เร่งจั่วให้ [Water] และ [Divine]
และสามารถยิง Curse ตัดเกมได้ด้วย
สำหรับ Seal เหล่านี้สำหรับพื้นที่ว่างใน Deck หรือปิดจุดอ่อนที่อาจจะใส่หรือไม่ก็ได้
หรือเรียกรวมๆว่าเป็น Semi-Staple ซึ่งสามารถใส่ได้ใน Deck ทั่วไป และอาจเป็น Staple ได้บางกรณี
[Controller]
หน่วยนี้คือ Seal ที่มีความสามารถในการก่อกวนอย่างหนักหน่วง หรือสามารถโจมตีอย่างรวดเร็ว
เพื่อควบคุมรูปเกมให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ โดยไม่ต้องนำ Beatstick เข้าไปเสี่ยงมาก
อาจจะด้วยการ Text ของตนเองหรือการ Support จากการ์ดอื่น
หน่วยนี้จึงแยกได้หลายประเภทเลยครับ



►Rusher
มีหน้าที่หลักคือโจมตีทำลายรูปเกมฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกับ Beatstick Attacker
แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะไม่ใช่หน่วยยืนหลัก ยังสามารถได้รับการ Support จากการ์ดต่่างๆ
ทำให้โจมตีได้มีประสิทธิภาพสูง และอาจจะมีความสามารถมากกว่า Beatstick ในหลายๆกรณี
และบางครั้งอาจจะไม่เน้นการโจมตีเพื่อทำลาย Seal แต่เพื่อ Trigger Text เพื่อต่อยอดต่อไป



►Curse Dealer
มีหน้าที่หลักคือแจก Curse ชนิดต่างๆออกไปเพื่อก่อกวนฝ่ายตรงข้าม
ด้วย Text ชนิดพิเศษ ซึ่งอาจจะส่งผลชะลอรูปเกมฝ่ายตรงข้าม
หรืออาจจะเพื่อทำลาย Seal โดยตรง และยังสามารถต่อยอด Curse ได้มากมาย
ปัจจุบัน Seal กลุ่มนี้มีปรากฏอยู่ประปรายในทุกเผ่าแล้วครับ






►Miscellaneous
มีหน้าที่หลักคือส่งเสริมรูปแบบการเล่นให้ดีขึ้น และเสริมความสามารถของการ์ดอื่น
ตั้งแต่การ์ดที่เป็น Condition - Draw Engine - Search Engine - Field Advantage
- Mp Manipulator - Combo Linker - Fodder - Recycler และการ์ดที่เป็น Optional
ล้วนเป็น Supporter ทั้งสิ้น ซึ่งส่งผลให้รูปแบบการเล่นมีจุดเด่นเฉพาะตัว แต่หลายหลากเส้นทางดำเนินเกม
[Last Step]เรียบร้อยแล้วไงต่อ?
►เขียน Decklist คร่าวๆ แล้วไปลองเล่นดูเลยครับ แล้วดูว่า Deck เรายังขาดอะไรไป
โดยดูจากการเล่นทุกๆรอบเป็นตัวประเมิน บางทีเราอาจจะพบ Combo พิเศษที่ใครยังไม่มีการค้นพบก็เป็นได้
และอย่างที่เคยบอกไปว่า "ไม่มีกฏตายตัวในทุกๆสิ่ง" ฉะนั้นอย่ายึดติดมากเกินไป
ลองคิดนอกกรอบบ้าง เราอาจจะได้ Deck ประจำของเราขึ้นมาก็เป็นได้
ยกความดีความชอบให้แก่
พี่มรดก ผู้ริเริ่มหาแนวทางการชนะโดยไม่จำเป็นต้องโจมตีที่ประสบความสำเร็จคนแรกของ SMN
พี่ศรี ตำนานผู้ประดิษฐ์ Deck Loop ที่ประสบความสำเร็จคนแรกคนแรกของ SMN
คุณเคน ตำนานผู้ประดิษฐ์ Deck First Subturn Finish ที่ประสบความสำเร็จคนแรกของ SMN
และขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก พี่ตวง และพี่ภูเขา ที่อาจจะให้ข้อมูลโดยไม่รู้ตัวไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ~
